คำสวดบท ภารสุตตคาถา.
(๘. ภารสุตตคาถา)
[(นำ) หันทะ มะยัง ภาระสุตตะคาถาโย ภะณามะ เส.]
ขอเชิญ เราทั้งหลาย จงสวดคาถาพระสูตรว่าด้วยขันธ์ ๕ เป็นของหนักเถิด.
ภารา หะเว ปัญจักขันธา,
ขันธ์ทั้งห้า เป็นของหนักเน้อ ;
ภาระหาโร จะ ปุคคะโล,
บุคคลแหละ เป็นผู้แบกของหนักพาไป ;
ภาราทานัง ทุกขัง โลเก,
การแบกถือของหนัก เป็นความทุกข์ ในโลก ;
ภาระนิกเขปะนัง สุขัง,
การสลัดของหนัก ทิ้งลงเสีย เป็นความสุข ;
นิกขิปิต๎วา คะรุง ภารัง,
พระอริยเจ้า สลัดทิ้งของหนัก ลงเสียแล้ว ;
อัญญัง ภารัง อะนาทิยะ,
ทั้งไม่หยิบฉวยเอาของหนักอันอื่น ขึ้นมาอีก ;
สะมูลัง ตัณ๎หัง อัพพุย๎หะ,
ก็เป็นผู้ถอนตัณหาขึ้นได้ กระทั่งราก ;
นิจฉาโต ปะรินิพพุโต.
เป็นผู้หมดสิ่งปรารถนา ดับสนิทไม่มีส่วนเหลือ.
.
ฟัง youtube และ สวดตาม
.
* การวางของหนักคือการดับทุกข์ ตอน ๑
https://soundcloud.app.goo.gl/yLdFv
* การวางของหนักคือการดับทุกข์ ตอน ๒
https://soundcloud.app.goo.gl/goRQy
.
กัณฑ์ที่ ๓ การไม่ยึดมั่นในขันธ์ทั้ง ๕ ก็ไม่เป็นทุกข์ 2524 05 18
https://on.soundcloud.com/JHMZxPXJaSHoAKTC6
--
ขันธ์ ๕ เกิด-ดับ อยู่ตลอดเวลา
จะยึดมั่นถือมั่นว่า เป็นตัวเราของเรา ไม่ได้
.
.... “ขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ. นี้เข้าใจว่าคงจะเคยได้ยินได้ฟังกันมาแล้ว แต่คงไม่รู้จักมันนัก ไปศึกษาให้รู้จักขันธ์ ๕ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ที่มีอยู่กับเนื้อกับตัว เกิด-ดับอยู่ตลอดเวลา. ไปยึดถือส่วนใดส่วนหนึ่งหรือทั้ง ๕ ส่วน ว่าเป็น “ตัวเรา ของเรา” แล้ว นี้จะเป็นความทุกข์.
.... เหมือนกับว่า เราหิ้วก้อนหินหนักๆอยู่ตลอดเวลา เราเอาก้อนหินหนักๆ มาหิ้วไว้ตลอดเวลา มันก็ทุกข์ตลอดเวลา ไม่เป็นระยะหรอก เพราะมันหนักอยู่ตลอดเวลา นี้คือความที่เรายึดมั่นถือมั่นขันธ์ ๕ หรือขันธ์ใดขันธ์หนึ่งหรือทั้งหมดว่าเป็น “ตัวเรา” ว่าเป็น “ของเรา” เราก็มีชีวิตที่หนักอึ้งอยู่ตลอดเวลา นี้เรียกว่า ความทุกข์สรุปยอด ทุกข์อยู่ตลอดเวลา. แต่ก็ดับได้นะ เป็นสิ่งที่ดับได้ เมื่อมีความรู้ความเข้าใจเพียงพอ มันก็ดับไปได้ คือ ไม่ยึดถือ ไม่ยึดถือขันธ์ ๕ ขันธ์ใดขันธ์หนึ่ง ว่าเป็นตัวเราของเรา มันก็ไม่หนัก; เหมือนกับเราทิ้งก้อนหินที่เราหิ้วอยู่นั้นเสีย มันก็ไม่หนัก, ถ้าเราหิ้วอยู่มันก็หนักอยู่ตลอดเวลา ชีวิตเป็นของหนักอยู่ ตลอดเวลา ถ้าเรายึดถือว่าชีวิตของเรา
.... ทีนี้ จิตของเราอย่าไปยึดถือซิ, มีสติปัญญา ไม่ต้องยึดถือ ทำอะไรก็ทำไปโดยไม่ต้องยึดถือ ไม่มีความทุกข์ก็ควรจะพอใจแล้ว ถ้าเต็มไปด้วยความทุกข์ จะเอาไปทำไม รู้จักทำใจให้ว่างจากความยึดถือ แล้วก็เบา สบายอยู่ตลอดเวลา.”
.
พุทธทาสภิกขุ
ที่มา : ธรรมบรรยายประจำวันเสาร์ แห่งภาคอาสาฬหบูชา ปี ๒๕๒๔ ครั้งที่ ๑๑ ( ชุดสัมมัตตานุภาพ ) หัวข้อเรื่อง “ความถูกต้องของอริยสัจจตถา” เมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๒๔ จากหนังสือชุดธรรมโฆษณ์ เล่มชื่อว่า “สัมมัตตานุภาพ” หน้า ๓๔๖
Podcast
#ความถูกต้องของอริยสัจจตถา
https://on.soundcloud.com/XHe6VaKzjwoXYkgo6
---------------------------
.
เรื่องเกี่ยวกับ “ขันธ์ ๕”
ที่คนส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิดกันอยู่
.
…. “เดี๋ยวนี้เราไม่รู้สึกถึงการที่เรา(คือจิต)ไปยึดขันธ์ ๕ แล้วเป็นทุกข์ ไม่รู้สึก ชินชาเหมือนหนอนที่เกิดในพริก อย่างเดียวกันอีก ก็ไม่รู้สึกการที่จิตยึดถือขันธ์ ๕ หรือขันธ์ทั้ง ๕ ถูกจิตยึดถือแล้วก็กลายเป็นของหนักแก่จิต เรื่องนี้มันกระจ่างแจ้งเป็นสันทิฏฐิโกแล้วหรือยัง เราไม่รู้จักแม้แต่ตัวสิ่งที่เรียกว่า “ขันธ์ ๕” ได้แต่ท่อง ยึดเมื่อไร ยึดอย่างไร ก็ไม่มองเห็น ขันธ์ ๕ เกิดเมื่อไรก็ยังไม่เข้าใจ อย่าว่าแต่จะมองเห็นเลย
ขันธ์ ๕ เกิดเมื่อ กาย ใจ อายตนะภายใน ทำหน้าที่….
“รูปขันธ์” คือร่างกายนั้น เมื่อมันทำหน้าที่อย่างรูป อย่างกายนั้น จึงจะเรียกว่า “รูปขันธ์เกิด” ถ้ามันไม่ได้ทำหน้าที่ทางกาย ยังไม่เรียกว่า“กายเกิด” หรือ“รูปขันธ์เกิด” เมื่อใดกายหรือรูปนั้นทำหน้าที่ทางกาย ก็เรียกว่ากายเกิด รูปขันธ์เกิด เช่น ดวงตาทำหน้าที่สำหรับการเห็นทางตาขึ้นมา ก็เรียกว่าตาเกิด หู อวัยวะหู ประสาทหู ทำหน้าที่สำหรับจะได้ยินเสียงขึ้นมา ก็เรียกว่า“หูเกิด” จมูก ประสาทในจมูก ทำหน้าที่ได้รู้กลิ่นขึ้นมา ก็เรียกว่า“จมูกเกิด” กายฝ่ายที่เป็นจมูกเกิด เมื่อลิ้นสัมผัสรส รู้รสโดยทางลิ้น ก็เรียกว่าลิ้นนั้นเกิด ร่างกายที่เป็นส่วนลิ้นมันเกิด ก็เรียกว่ารูปขันธ์เกิดได้เหมือนกัน เมื่อผิวหนังสัมผัสอะไร รู้สึกทางผิวหนังขึ้นมา เรียกว่าผิวหนังเกิด เมื่อผิวหนังไม่สัมผัสอะไร มันก็หลับอยู่ มันก็ตายอยู่ เรียกว่ายังไม่เกิด พอผิวหนัง เนื้อหนังร่างกายสัมผัสอะไรข้างนอก ทำความรู้สึกขึ้นมา เรียกว่ากายเกิด จิตเมื่อไม่ได้คิดนึกอะไร ไม่ได้รู้สึกในอะไร ก็เหมือนกับหลับอยู่ ตายอยู่ พอมีอะไรให้จิตสัมผัส จิตก็ทำหน้าที่ ก็เรียกว่า“จิตเกิด”
…. ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มันก็เกิดกันเป็นคราวๆ ไม่อาจจะเกิดพร้อมกันได้ เพราะว่าเรื่องมันคนละเรื่อง บางเวลาตาเห็นรูป บางเวลาหูฟังเสียง บางเวลาจมูกดมกลิ่น เหล่านี้ ไม่มีทางจะพร้อมกันได้ แต่ขอให้รู้เถิดว่า มันเกิดเมื่อไรใน ๖ อย่างนี้ เรียกว่าใน ๖ อย่างนี้ก็ได้ เป็นเรื่องของทางกายเสีย ๕ อย่าง เมื่อกายทำหน้าที่ กายเกิด, เมื่อจิตทำหน้าที่ จิตเกิด, นี่ รูปขันธ์เกิด โดยสิ่งทั้ง ๕ นั้นทำหน้าที่
…. ทีนี้ พอเกิดแล้วก็สัมผัสอารมณ์ที่คู่กับมัน คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ มีผัสสะแล้วก็เกิดเวทนา รู้สึกเป็นสุข ทุกข์ หรือไม่ทุกข์ไม่สุข นี่เวทนาเกิด ที่จริงเกิดอยู่ตลอดวันก็ว่าได้ แต่มันเล็กๆน้อยๆ เช่นว่า เวลานี้เรารู้สึกร้อนรำคาญ เพราะอากาศร้อน ผิวหนังมันสัมผัสความร้อน ก็เกิดกายส่วนรูปขันธ์นี้ แล้วก็เกิดเวทนา ที่เป็นทุกข์ไม่ชอบใจที่กายนี้ คือมันร้อนอย่างนี้ เป็นต้น ยังมีอย่างอื่นอีกที่เกิดอยู่ตลอดเวลา เป็นเวทนาพอใจบ้าง ไม่พอใจบ้าง เฉยๆบ้าง.
…. ทีนี้ “สัญญา” สำคัญมั่นหมายไปตามความจำ อะไรมาถึงเข้าก็จำได้ว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ความจำนั้นจับกลุ่มกัน เกาะรูปกันเป็นตัวสำคัญมั่นหมายอีกชั้นหนึ่งๆ ไม่เพียงแต่จำได้เฉยๆ ความจำนั้นกลายเป็นสำคัญมั่นหมาย ว่านั่น ว่านี่ ว่าสุข ว่าทุกข์ ว่าตัว ว่าตน ว่าเป็น ว่าตาย ว่าอยู่ ว่าได้ ว่าเสีย ว่ากำไร ว่าขาดทุน นี่เป็นไปตามสัญญา มันก็เกิดอยู่เสมอแล้วแต่จะสำคัญลงไปอย่างไร
…. ทีนี้ “สังขาร” ก็คิด ฉันชอบอันนั้น ฉันเกลียดอันนี้ ฉันต้องการอันนั้น ฉันจะต้องเอาให้ได้ จะต้องเอาอย่างนี้ จะมีแผนการอย่างนี้ ถ้าไม่ได้โดยสุจริตก็จะคดโกงอย่างนั้นอย่างนี้ นี่เรียกว่า “สังขาร” นี่บางเวลามันก็ได้เกิดขึ้นจริง.
…. ส่วน “วิญญาณ” นั้นเกิดได้บ่อยๆ ตาเห็นรูป หูฟังเสียง จมูกได้กลิ่น ฯลฯ นี้มีอยู่บ่อยๆ เมื่อจิตทำหน้าที่ ที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ก็คือวิญญาณอย่างหนึ่งได้เกิดขึ้นแล้ว สัมผัสลงไปที่รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะบ้าง สัมผัสในความรู้สึกภายในที่เรียกว่า “ธัมมารมณ์” บ้าง บางทีก็สัมผัสซ้ำลงไปบนความสุขของเวทนาบ้าง ความทุกข์ของเวทนาบ้าง มีทางที่จะเกิดได้หลายชั้น หลายๆชั้น ซับซ้อนเป็นหลายๆคู่ ไม่เพียงคู่ต่อคู่ เหมือนกับตา หู จมูก ลิ้น กาย.”
.
พุทธทาสภิกขุ
ที่มา : ธรรมบรรยาย หัวข้อเรื่อง “สันทิฏฐิกธรรมของจตุราริยสัจจ์” เมื่อ ๑๑ เมษายน ๒๕๒๔ จากหนังสือชุดธรรมโฆษณ์ เล่ม “สันทิฏฐิกธรรม” หน้า ๔๕-๔๗
Podcast
#สันทิฏฐิกธรรมของจตุราริยสัจจ์
https://on.soundcloud.com/41SV5eXUg6SzsSjQ8
-----------------------------
.
ขันธ์ ๕ สิ่งที่จำเป็นต้องรู้
และเข้าใจให้ถูกเสียก่อน
ขันธ์ทั้ง ๕ เป็นเพียงธรรมชาติ ปรุงแต่งกันตามธรรมชาติ แล้วจะไปยึดถือว่า “ตัวตน” ได้อย่างไรกัน?
.
…. “ถ้าเรารู้ว่า ขันธ์ นี้( ขันธ์ ๕ มี รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ )เป็นธรรมชาติแท้ๆ เกิดมาจากการปรุงแต่งทางอายตนะ ( ตา+รูป, หู+เสียง, จมูก+กลิ่น, ลิ้น+รส, กาย+สัมผัส, ใจ+ธรรมารมณ์ ) เช่น ตากับรูป อาศัยกันเกิดจักษุวิญญาณ สามประการถึงกันเรียกว่า “ผัสสะ” ผัสสะให้เกิดเวทนา เวทนาให้เกิดตัณหา เกิดอุปาทาน เกิดภพ. ทุกอันมันเป็นธรรมชาติ ปรุงแต่งอย่างธรรมชาติ โดยวิธีธรรมชาติ เกิดขึ้นอย่างนี้ แล้วจะไปยึดถือว่า “ตัวตน” ได้อย่างไรกัน มันควรจะเห็นว่าเป็นเพียงธรรมชาติ ปรุงแต่งกันตามธรรมชาติ เกิดใหม่ขึ้นมาตามอำนาจของธรรมชาติ ไม่ยึดถือว่า “ตัวตน”
…. นี่เพราะความรู้เรื่องอายตนะถูกต้อง จึงมองเห็นว่าขันธ์ทั้งหลายเป็นเพียงสิ่งปรุงแต่งขึ้นตามธรรมชาติ เราไม่ไปยึดถือมันว่า “ตัวตน” มันก็ไม่เกิดอุปาทานขันธ์ มันก็ไม่เป็นทุกข์.”
.
พุทธทาสภิกขุ
ที่มา : ธรรมบรรยายเรื่อง “ความลับของอายตนะเป็นสิ่งที่ต้องเปิดเผย” เมื่อ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๒๒
Podcast
#ความลับของอายตนะเป็นสิ่งที่ต้องเปิดเผย
https://on.soundcloud.com/nU9KdjihB8pTjZtK8
----------------------------
ความหมายของ "คำต่างๆในปฏิจจสมุปบาท"
103.ขันธ์ ในภาษาคน กับ ภาษาธรรม คืออะไร
https://on.soundcloud.com/eHsydvvTnowr8uph6
104.รูปขันธ์ ในภาษาคน กับ ภาษาธรรม คืออะไร
https://on.soundcloud.com/oUskCJHcTagqjrEh7
105.เวทนาขันธ์ ในภาษาคน กับ ภาษาธรรม คืออะไร
https://on.soundcloud.com/9gZRVD7P2u4oVSqw7
106.สัญญาขันธ์,สังขารขันธ์ ในภาษาคน กับ ภาษาธรรม คืออะไร
https://on.soundcloud.com/VXHiWSHaB8jk9Kis7
107.วิญญาณขันธ์ ในภาษาคน กับ ภาษาธรรม คืออะไร
https://on.soundcloud.com/w5AD6h7HZYWFxoYG6
* สิ่งที่เรียกว่า โลก ในภาษาธรรม คือ อะไร
https://www.facebook.com/227389201503419/posts/869701533938846
* การเกิด / ชาติ ในภาษาคน กับ ภาษาธรรม คืออะไร
https://soundcloud.app.goo.gl/Z3c79
* สิ่งที่เรียกว่า การเกิด
https://soundcloud.app.goo.gl/dAU9H
* สภาวธรรมที่เรียกว่าขันธ์ห้า
https://soundcloud.app.goo.gl/SAvae
* เวทนา ในภาษาคน กับ ภาษาธรรม คืออะไร
https://soundcloud.app.goo.gl/s5LPT
* สัญญาขันธ์,สังขารขันธ์ ในภาษาคน กับ ภาษาธรรม คืออะไร
https://soundcloud.app.goo.gl/ZHQa6
* สัญญา ในภาษาคน กับ ภาษาธรรม คืออะไร
https://soundcloud.app.goo.gl/mBi6D
* สังขาร ในภาษาคน กับ ภาษาธรรม คืออะไร
https://soundcloud.app.goo.gl/WU9Zv
* การปรุง(สังขาร)เป็นทุกข์อย่างยิ่ง
https://soundcloud.app.goo.gl/Lzea8
* วิญญาณ ในภาษาคน กับ ภาษาธรรม คืออะไร
https://soundcloud.app.goo.gl/qEW9j
* วิญญาณ คือ อะไร
https://soundcloud.app.goo.gl/FBqHG
* * อานิสงส์ของอานาปานสติ ทำให้เวทนา อุปาทาน ขันธ์ห้า ดับลงอย่างไร ..(สังขิตเตนะ ปัญจุปาทานักขัธา) https://soundcloud.app.goo.gl/ymrjQ
** การเกิดขึ้นของอุปาทานคือการเกิดขึ้นแห่งความทุกข์
https://soundcloud.app.goo.gl/euPNH
** อาการที่เกิดได้และเกิดไม่ได้แห่งปัญจุปาทานักขันธ์
https://soundcloud.app.goo.gl/A3Vos
5.เบญจขันธ์ 09 05 2499
https://on.soundcloud.com/FnknFEg81zgyFnk36
3.ชีวิตคือขันธ์ทั้งห้า มิใช่ตัวตน
https://on.soundcloud.com/oUCzZcKK5L4dU4B98
** สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ
สิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
https://soundcloud.app.goo.gl/CEa4b
** ทุกขอริยสัจจ์
https://soundcloud.app.goo.gl/F2kkG
เลือกสวดมนต์แปลบทอื่นๆ
https://docs.google.com/spreadsheets/d/1hlMz5sFHVdXuWNE8DEPR1BsRszG9M_S7Hxpb2eDDXEU/edit?usp=sharing
.
Youtube สวดมนต์แปลสวนโมกข์
https://www.youtube.com/playlist?list=PLmie17BZKID7OsIMuTdcQ5IcY6-VAZ7Au
.
หมายเหตุ.มรดกธรรมข้อที่ ๒๐
“บทสวดมนต์แปลแบบสวนโมกข์ คือ สวดมนต์แปล ที่ได้พยายามกระทำให้สวดกันได้ลื่นสละสลวย ได้เลือกมาเฉพาะเนื้อความที่เป็นหลักธรรมเข้มข้นและรัดกุม ใช้เป็นอารมณ์แห่งสมาธิและวิปัสสนา ไปได้ในตัว. ขอฝากไว้ให้ใช้สวดกันตลอดกาลนาน”
(สวดมนต์แปลสวนโมกข์ ท่านพุทธทาสเริ่มทำปี พ.ศ. 2497,ผู้รวบรวม)
(ผู้นำไปปฏิบัติจะได้รับประโยชน์ตามส่วนของการปฏิบัติ " ธรรม " นั้น จนในที่สุดก็พบความสงบเย็นในใจตนเอง)
จาก มรดกที่ขอฝากไว้
https://drive.google.com/open?id=1j37Jp8Ptu71dc63Fyll6uZg_5O3xBZDX&usp=drive_fs