คำสวดบท พุทธาภิถุติ
(๑.พุทธาภิถุติ)
[(นำ) หันทะ มะยัง พุทธาภิถุติง กะโรมะ เส.]
ขอเชิญ เราทั้งหลาย จงสวดสรรเสริญพระพุทธเจ้าเถิด.
-----------------------------------
โยโส ตะถาคะโต,
พระตถาคตเจ้านั้น พระองค์ใด ;
อะระหัง,
เป็นผู้ไกลจากกิเลส ;
สัมมาสัมพุทโธ,
เป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง ;
วิชชาจะระณะสัมปันโน,
เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชา (ความรู้แจ้ง) และจรณะ (ความประพฤติ) ;
สุคะโต,
เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี ;
โลกะวิทู,
เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง ;
อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ,
เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้ อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า ;
สัตถา เทวะมะนุสสานัง,
เป็นครูผู้สอน ของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ;
พุทโธ,
เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม ;
ภะคะวา,
เป็นผู้มีความจำเริญ จำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์ ;
โย อิมัง โลกัง สะเทวะกัง สะมาระกัง สะพ๎รห๎มะกัง, สัสสะมะณะพ๎ราห๎มะณิง ปะชัง สะเทวะมะนุสสัง สะยัง อะภิญญา สัจฉิกัต๎วา ปะเวเทสิ,
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใด, ได้ทรงทำความดับทุกข์ให้แจ้งด้วยพระปัญญาอันยิ่งเองแล้ว, ทรงสอนโลกนี้พร้อมทั้งเทวดา มาร พรหม, และหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์, พร้อมทั้งเทวดาและมนุษย์ให้รู้ตาม ;
โย ธัมมัง เทเสสิ,
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใด, ทรงแสดงธรรมแล้ว ;
อาทิกัล๎ยาณัง,
ไพเราะในเบื้องต้น,
มัชเฌกัล๎ยาณัง,
ไพเราะในท่ามกลาง,
ปะริโยสานะกัล๎ยาณัง,
ไพเราะในที่สุด,
สาตถัง สะพ๎ยัญชะนัง เกวะละปะริปุณณัง ปะริสุทธัง พ๎รห๎มะจะริยัง ปะกาเสสิ,
ทรงประกาศพรหมจรรย์ คือแบบแห่งการปฏิบัติอันประเสริฐ บริสุทธิ์ บริบูรณ์ สิ้นเชิง,
พร้อมทั้งอรรถะ (คำอธิบาย) พร้อมทั้งพยัญชนะ (หัวข้อ) ;
ตะมะหัง ภะคะวันตัง อะภิปูชะยามิ,
ข้าพเจ้าบูชาอย่างยิ่ง เฉพาะพระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้น ;
ตะมะหัง ภะคะวันตัง สิระสา นะมามิ.
ข้าพเจ้านอบน้อมพระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้น ด้วยเศียรเกล้า.
(กราบระลึกพระพุทธคุณ)
* รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง-https://www.facebook.com/976227579192504/posts/2144125059069411/
.
เลือกสวดมนต์แปลบทอื่นๆ
https://docs.google.com/spreadsheets/d/1hlMz5sFHVdXuWNE8DEPR1BsRszG9M_S7Hxpb2eDDXEU/edit?usp=sharing
.
หมายเหตุ.มรดกธรรมข้อที่ ๒๐
“บทสวดมนต์แปลแบบสวนโมกข์ คือ สวดมนต์แปล ที่ได้พยายามกระทำให้สวดกันได้ลื่นสละสลวย ได้เลือกมาเฉพาะเนื้อความที่เป็นหลักธรรมเข้มข้นและรัดกุม ใช้เป็นอารมณ์แห่งสมาธิและวิปัสสนา ไปได้ในตัว. ขอฝากไว้ให้ใช้สวดกันตลอดกาลนาน”
(สวดมนต์แปลสวนโมกข์ ท่านพุทธทาสเริ่มทำปี พ.ศ. 2497,ผู้รวบรวม)
(ผู้นำไปปฏิบัติจะได้รับประโยชน์ตามส่วนของการปฏิบัติ " ธรรม " นั้น จนในที่สุดก็พบความสงบเย็นในใจตนเอง)
จาก มรดกที่ขอฝากไว้
https://drive.google.com/open?id=1j37Jp8Ptu71dc63Fyll6uZg_5O3xBZDX&usp=drive_fs
โลกทั้งหมดอยู่ที่ “อายตนะ”
.
…. “ ระบบโลกทั้งหมดในพระพุทธศาสนา เรียกว่าโลกทั้งหมด อยู่ที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ที่คุณเรียนกันในโรงเรียนนั้น โลกคือแผ่นดิน โลกอย่างที่เรารู้จักกันในฐานะเป็นโลกแผ่นดิน แบ่งเป็นทวีป แบ่งเป็นประเทศ แบ่งเป็นส่วนๆ นั้นมันโลกแผ่นดิน มันก้อนโลกที่เป็นตัวแผ่นดิน, ถ้ารู้จักใช้คําว่า The globe ก็รู้เสียด้วยว่ามันต่างกันกับคําว่า The world. The globe หมายถึงตัวโลกแผ่นดิน, The world มันหมายถึงแผ่นดินด้วยและหมู่สัตว์ทั้งหลายที่มีชีวิต มีจิต มีความรู้สึก รวมอยู่ด้วย เพราะฉะนั้น โลกในภาษาพระธรรม ภาษาพระศาสนานี้ ระบุไปยังตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ที่สัมผัสกันอยู่กับคู่สัมผัสของมัน คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธัมมารมณ์
…. ทีนี้ ไกลไปกว่านั้น พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า นรกก็อยู่ที่อายตนะ เรียกว่า “อายตนิกนรก” คือเมื่อร้อนทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็มีนรกอยู่ที่นั่น, เมื่อสบายดีเป็นที่พอใจที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็มีสวรรค์อยู่ที่นั่น. ดู นรก สวรรค์ ของพระพุทธเจ้าซิ. ท่านไม่กล่าวเหมือนกับที่เขากล่าวไว้แต่ก่อนๆนั้น; ก่อนพระพุทธเจ้าเขากล่าวว่า สวรรค์อยู่บนฟ้า นรกอยู่ใต้ดิน ตายแล้วจึงไปถึง, แล้วมีเรื่องราวอย่างนั้นๆ ก็กล่าวไปซิ ท่านไม่ได้คัดค้านอะไร, แต่ท่านกล่าวที่มันแปลกกว่า น่าสนใจกว่า ว่านรกหรือสวรรค์นี้มันอยู่ที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ,
…. ฉะนั้น ขอให้ทุกคนสนใจดีๆ ว่าที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มันมีโลกทุกโลกอยู่ที่นั่น, มีนรก มีสวรรค์ อยู่ที่นั่น ; แม้จะมีพระนิพพานก็จะต้องปรากฏเกี่ยวกับการทําที่ถูกต้อง ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มันจึงจะดับเย็นเป็นนิพพาน
…. เราเรียนเรื่องตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เรื่องเดียวเท่านั้น มันพอไปหมดทุกเรื่อง ฉะนั้น ขอให้สนใจ; ถ้าไม่เคยฟังอย่างนี้มาก่อนก็ฟังเสียเดี๋ยวนี้, แล้วก็ให้สนใจ ให้เข้าใจ เพื่อจะเข้าใจต่อๆ ต่อกันไปทุกเรื่อง….
…. ฉะนั้น “อายตนะ” นี่แหละคือเรื่องทั้งหมด : จะสุขหรือจะทุกข์ จะไม่สุขหรือไม่ทุกข์ มันก็อยู่ที่การกระทําทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ : ทําให้ถูกต้องก็ไม่เป็นทุกข์ ทําผิดพลาดเป็นทุกข์ทันที
…. ต้องศึกษาจิตอย่างวิทยาศาสตร์
…. แต่เดี๋ยวนี้ในทุกเรื่องนั้น ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ทุกเรื่องนั้นมันสําคัญอยู่ที่คําว่า “ใจ” หรือ “จิต” นั่น, จิตนี่มันมีหน้าที่คิดนึกได้ จึงเรียกว่า จิต คือมันสร้างเรื่องราวขึ้นมาได้ ; ถ้าคนเราคิดนึกอะไรไม่ได้ มันก็ไม่ได้สร้างอะไรขึ้นมา ไม่มีเรื่องที่จะเกิดขึ้น, ที่นี้ จิตมันคิดนึกได้ เพราะฉะนั้น มันจึงสร้างขึ้นมาได้ทุกเรื่อง.
…. เมื่อทําหน้าที่คิดก็เรียกว่า “จิต” เมื่อทําหน้าที่รู้ เป็นความรู้หรือความรู้สึก ก็เรียกว่า “มโน” ก็ได้, เมื่อทําหน้าที่รู้แจ้ง ทางอายตนะ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จะเรียกว่า “วิญญาณ” ก็ได้ เรื่องจิต เรื่องมโน เรื่องวิญญาณ นี้ ถามกันมาก ถามกันอย่างไม่รู้จะถามอย่างไร เอากันแต่ใจความก็คือว่า เมื่อมันทําหน้าที่คิดก็เรียกว่าจิต, เมื่อมันทําหน้าที่รู้สึกก็เรียกว่ามโน, เมื่อมันทําหน้าที่รู้แจ้งที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็เรียกว่า วิญญาณ ; แล้วยังมีชื่อเรียกแปลกไปจากนี้อีกมาก อย่าเอาเลยมากนัก เอาแต่ว่าเมื่อทําหน้าที่อย่างไรเรียกว่าจิต, ทําหน้าที่อย่างไรเรียกว่ามโนหรือใจ, ทําหน้าที่อย่างไร เรียกว่าวิญญาณ, แล้วก็อย่าให้มันหายอยู่ในกระดาษในหนังสือ. รู้จักตัวจิต ตัวมโน ตัววิญญาณ จริงๆ ตรงๆ ลงไป ในสิ่งที่มันรู้สึกอยู่ในใจของเรา
…. คนโง่เรียนธรรมะในกระดาษที่จดไว้, คนฉลาดเขาเรียนธรรมะที่ตัวจริง ที่มันมีอยู่ข้างใน. ถ้าคุณจดไว้ว่าจิต มโน วิญญาณ มันก็อยู่ในกระดาษ, แล้วก็ท่องจําไปซิ. แต่ถ้าว่าคนมันฉลาดเขาก็ โอ้, เมื่อไรเป็นจิต เมื่อไรเป็นมโน เมื่อไรเป็นวิญญาณ ฉะนั้น เราจึงถือว่า เรียนธรรมะนั้นต้องเรียนจากของจริง; เหมือนกับเรียนวิทยาศาสตร์ ถ้าเราเรียน Philosophy เรียนปรัชญา เรียนตรรกะ เป็นต้น ไม่ได้เรียนจากของจริง มันเรียนจากสมมติฐาน...”
.
พุทธทาสภิกขุ
ที่มา : ธรรมบรรยายประจำวันเสาร์ แห่งภาคมาฆบูชา ครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๒๖ หัวข้อเรื่อง “จิตตภาวนา คือชีวิตพัฒนา”*
จากหนังสือชุดธรรมโฆษณ์ เล่ม
ชื่อว่า “ธรรมะเล่มน้อย” * หน้า ๔๑-๔๓
จาก
https://www.facebook.com/227389201503419/posts/869701533938846
*-*-*
ฟัง
จิตตภาวนา คือชีวิตพัฒนา , 8มค2526
https://soundcloud.app.goo.gl/a2t2Y
ธรรมะเล่มน้อย , 1มค2526
https://soundcloud.app.goo.gl/e1hoL