เล่าถึงที่มาของ นามว่า "พุทธทาส" โดย ท่านปัญญานันทภิกขุ วัดชลประทานรังสฤษดิ์
...ก่อนที่ท่านเจ้าคุณจะเรียกชื่อท่านเองว่าพุทธทาสนั้น ท่านได้เริ่มสร้างงานที่เรียกว่า คณะกรรมการไชยา ขึ้นแล้วท่านเองก็เรียกว่าเป็นหัวหน้าของคณะนี้ มีน้องชายคือนายธรรมทาสเป็นหัวแรงฝ่ายบ้าน และญาติโยมอุบาสกหลายคนร่วมกัน ท่านเหล่านั้นลาโลกไปหมดแล้ว แต่หัวหน้ายังอยู่ ท่านก็เปลี่ยนชื่อว่าพุทธทาส
ที่เรียกว่า พุทธทาส ก็หมายความว่า จากคำสวดมนต์ตอนเย็นว่า พุทธัสสาหัสมิ ทาโส วะ พุทโธ เม สามิกิสสะโร อิติ พุทธทาโส ข้าพเจ้าขอมอบกายถวายชีวิตแด่พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเป็นนาย มีอิสระเหนือข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเป็นทาสของพระพุทธเจ้า จึงชื่อว่าพุทธทาส ตัวท่าน ทั้งกาย ทั้งใจ ทั้งรูป ทั้งนาม เป็นทาสพระพุทธเจ้า จึงได้ชื่อว่าพุทธทาส
ความเป็นพุทธทาสอยู่ที่น้ำใจ ที่จงรักภักดีต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อยู่ที่น้ำใจที่เห็นประโยชน์ของธรรมะอย่างแท้จริง อยู่ที่น้ำใจที่มีเมตตาปราณีต่อชาวบ้านชาวเมืองทั้งหลาย อยากจะให้เขาได้ลุกขึ้น ลืมตา ศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้า แล้วนำธรรมะนั้นไปใช้ในชีวิตประจำวัน ท่านจึงได้เริ่มทำงานในนามท่านพุทธทาส ร่างกาย ชีวิต จิตใจของท่าน เป็นของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เอาคืนไม่ได้ ยกถวายแล้วเอาคืนไม่ได้ เหมือนเราถวายของแล้วเอาคืนไม่ได้ แต่ว่าบางทีก็ขอคืนได้ ของน่าจะขอคืนได้ แต่การถวายชีวิต มอบกายถวายชีวิตแด่พระพุทธเจ้านี่ ขอคืนไม่ได้ ท่านบอกว่า ท่านไม่มีสิทธิในร่างกายจิตใจของท่านที่จะนำไปใช้เรื่องอื่น ใช้เรื่องเดียวคือการทำงานให้แก่พระพุทธเจ้า ให้แก่พระธรรม พระอริยสงฆ์ ทำงานเพื่อธรรมะ ทำงานเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขแก่ชาวโลกเท่านั้นเอง นามว่าพุทธทาสจึงเกิดขึ้นปรากฎในแผ่นดินไทย แล้วตั้งแต่นั้นมาท่านก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างจริงจัง มอบชีวิตจิตใจให้กับงานนี้โดยแท้ ไม่รับนิมนต์ไปไหนในเรื่องอื่น
ท่านอยู่ที่สวนโมกข์นี่ ท่านไม่ได้รับนิมนต์ไปไหนเลย ใครจะนิมนต์ว่า ขอนิมนต์ไปเหยียบบ้านผมให้เป็นมงคลหน่อย หรือนิมนต์ไปในงานแต่งงาน นิมนต์ไปในงานเผาศพคุณแม่คุณพ่อ หรืองานอะไรๆ นี่ท่านบอกว่า ขอทีเถอะ อย่ารบกวนฉันเลย พระที่ทำงานนี้ได้มีเยอะแยะ ไปนิมนต์ไปเถอะ เหมือนกัน...
อ่านต่อจาก
https://pagoda.or.th/lp-panya/2019-05-24-13-36-53.html
ฟัง Youtube. https://youtu.be/pNRI03Wih6k
หรือ https://youtu.be/4CzG27VUHw4?si=C55RzYzdZja4ACWx
แชรได้ ขอบคุณครับ