5พค
ในหลวงครองราชพุทธทาสครองธรรม
ในหลวงครองราชพุทธทาสครองธรรม
วันนี้ในอดีต , 5 พฤษภาคม
ในหลวงครองราชย์...พุทธทาสครองธรรม
"อ.สัญญา ธรรมศักดิ์" เผยถึงความผูกพันอันลึกซึ้งของ "สองมหาบุรุษแห่งยุคสมัย" ที่กลายเป็นบุคคลของโลก!!
เดือนพฤษภาคมของปีนี้มีวันสำคัญอยู่สองวันที่เราคนไทยควรจะได้จดจำไว้ นั่นคือ วันที่ ๕ พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันรำลึกถึงวันฉัตรมงคลในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ ในฐานะที่ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๓ และวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันครบรอบชาตกาล ๑๑๑ ปี ของท่านพุทธทาสภิกขุ
และต่อไปนี้ก็คือเรื่องราวความผูกพันอันลึกซึ้งของ "สองมหาบุรุษ" ที่ถูกเปิดเผยโดยศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ อดีตประธานองคมนตรีผู้เคยทำงานใกล้เบื้องพระยุคลบาทอย่างใกล้ชิด ...
โดยปกติแล้ว คนทั่วไปมักจะระลึกถึงท่าน “พุทธทาสภิกขุ” ในฐานะของพระอริยเจ้าผู้มีปัญญาบารมีอันสูงส่ง บางคนอาจจะคิดว่า ท่านเป็นพระนักเทศน์ พระนักเขียน แท้จริงแล้ว ท่านเป็นพระนักปฏิบัติที่มีปฏิปทาธรรมอันแน่วแน่ แต่ท่านก็ไม่เคยเปิดเผยความแน่วแน่ด้านการปฏิบัติสมาธิเลย สิ่งที่ท่านพร่ำสอนล้วนเป็นธรรมะที่เน้นไปในทางปัญญาทั้งสิ้น มีเพียงลูกศิษย์คนสนิทไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าท่านเป็นนักปฏิบัติ
ใครที่เคยเห็นกระดาษโน้ตสั้นๆ ที่ท่านพุทธทาสเขียนโครงหัวข้อและเนื้อหาสำหรับใช้ในการแสดงปาฐกถาธรรม จะพบว่าท่านเขียนเอาไว้อย่างเป็นระบบระเบียบ มีหัวข้อใหญ่กับหัวข้อย่อยซ้อนกันถึง ๓-๔ ชั้น แสดงให้เห็นถึงปัญญาอันแยบคายของท่าน ธรรมะที่ท่านสอนจึงมีเนื้อหาลึกซึ้งจับใจ ธรรมะข้อใดที่สั้น แต่ยาก ท่านก็ขยายความให้ยาวและเข้าใจง่าย ธรรมะข้อใดที่ยาวและยาก ท่านก็ย่อให้สั้นและเข้าใจง่าย นี่คือ “อริยปัญญา” ของพระอรหันต์แห่งยุคกึ่งพุทธกาลอย่างแท้จริง
เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๕๐๘ ท่านพุทธทาสได้บัญญัติคำศัพท์ภาษาธรรมขึ้นมาใหม่คำหนึ่ง คือคำว่า “จิตว่าง” * ด้วยเหตุแห่งคำว่า “จิตว่าง” นี้เองที่กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในสังคมยุคนั้น และเป็นที่มาของวิวาทะ * (ทางปัญญา) เรื่อง “จิตว่าง” ระหว่าง “ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช” กับ “ท่านพุทธทาส” เพราะคำว่า “จิตว่าง” นี้ ในความหมายของท่านพุทธทาสถือว่ามีความหมายลึกซึ้งกว่าที่คนทั่วไปเข้าใจกัน คนทั่วไปจึงมักจะไม่เข้าใจความหมายของคำว่า “จิตว่าง” ในภาษาธรรม*ของท่านพุทธทาส
และคำว่า “จิตว่าง” นี้เองที่เป็นสิ่งยืนยันว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงติดตามศึกษาธรรมะของท่านพุทธทาสมาตลอด ผู้ที่เปิดเผยเรื่องนี้ก็คือ ท่านประธานองคมนตรี นายสัญญา ธรรมศักดิ์ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดกับท่านพุทธทาส ทั้งยังเป็นข้าราชบริพารที่ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทมากที่สุดคนหนึ่ง
ท่านสัญญา ธรรมศักดิ์ ได้เคยเล่าไว้ในปาฐกถาธรรมเรื่อง “ชีวิตกับการงาน” ว่า ในหลวงทรงมีพระราชกระแสรับสั่งเรื่อง “จิตว่าง” กับท่านหลายครั้งหลายหน เมื่อครั้งที่มีพระราชกรณียกิจที่ยุ่งยากพระทัย พระองค์ท่านจะตรัสว่า “กลุ้มใจเหลือเกิน คิดอะไรไม่ออก” แต่เมื่อถึงเวลาที่พร้อมจะทรงงาน พระองค์จะตรัสว่า “ตอนนี้จิตว่างเสียที”
ท่านสัญญา ธรรมศักดิ์ เล่าต่อไปว่า คำว่า “จิตว่าง” ที่ในหลวงตรัสนี้ เป็นศัพท์ใหม่ที่ท่านพุทธทาสบัญญัติขึ้นตามที่ได้กล่าวมาแล้ว และมีนัยตรงกับความหมายของคำว่า “จิตว่าง” ในภาษาธรรมของท่านพุทธทาสทุกประการ
นอกจากนี้ ท่านพุทธทาสยังเคยมีโอกาสได้ถวายพระธรรมเทศนาเรื่อง “ธัมมวิจักขณกถา : ธรรมที่ควรพึงเห็นโดยประจักษ์” ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในโอกาสทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในวันวิสาขบูชา ณ วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร วันอังคารที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๐ โดยมีเนื้อหาบางส่วนดังนี้
---------------------------------------------------------------------------
คำว่า “ธรรม” คำนี้ เป็นคำพูดที่ประหลาดที่สุดในโลก เป็นคำพูดที่แปลเป็นภาษาอื่นไม่ได้ ได้มีผู้พยายามแปลคำคำนี้เป็นภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาอังกฤษ เป็นต้น ออกไปถึง ๒๐-๓๐ คำ ก็ยังไม่ได้ความหมายครบถ้วนหรือตรงตามความหมายของภาษาบาลีหรือภาษาของพุทธศาสนา ...
คำว่า “ธรรม” เป็นคำสั้นๆ เพียงพยางค์เดียว แต่มีความหมายลึกซึ้ง น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง ... คำว่า “ธรรม” ใช้หมายถึงสิ่งทุกสิ่ง ไม่ยกเว้นสิ่งใดเลย ไม่ว่าจะเป็นสิ่งดี สิ่งชั่ว หรือสิ่งไม่ดีไม่ชั่ว ก็รวมอยู่ในคำว่า “ธรรม” ทั้งหมด ดังพระบาลีว่า กุสลา ธัมมา, อกุสลา ธัมมา, อัพยากตา ธัมมา ...
“ธรรม” เพียงพยางค์เดียว หมายความได้ถึง ๔ อย่าง คือ
๑. ธรรมชาติทุกอย่างทุกชนิด หรือธรรมในฐานะที่เป็นตัวธรรมชาติ
๒. กฎของธรรมชาติซึ่งมีประจำอยู่ในธรรมชาติเหล่านั้น นี้คือธรรมในฐานะที่เป็นกฎของธรรมชาติ และมีความหมายเท่ากันกับสิ่งที่เรียกว่า “พระเป็นเจ้า” ในฐานะศาสนาที่ถือว่ามีพระเป็นเจ้าอยู่
๓. หน้าที่ต่างๆ ที่มนุษย์จะต้องประพฤติหรือกระทำในทางโลกหรือทางธรรมก็ตาม มนุษย์จะต้องประพฤติให้ถูกให้ตรงตามกฎของธรรมชาติจึงจะไม่เกิดความทุกข์ขึ้นมา มนุษย์ส่วนมากสมัยนี้หลงใหลในทางวัตถุมากเกินไป ไม่สนใจสิ่งที่เป็นสุขทางนามธรรม ข้อนี้เป็นการกระทำที่ผิดกฎของธรรมชาติ จึงเกิดความยุ่งยากนานาประการที่เรียกว่า “วิกฤตการณ์” ขึ้นในโลก จนแก้กันไม่หวาดไม่ไหว
๔. ผลของการทำหน้าที่หรือการปฏิบัติที่เกิดขึ้นตามกฎของธรรมชาติ เช่น ความทุกข์ ความสุข หรือการบรรลุมรรคผลนิพพาน
สรุปแล้ว “ธรรม” เพียงพยางค์เดียว หมายความได้ถึง ๔ อย่าง คือ หมายถึงตัวธรรมชาติก็ได้ หมายถึงกฎของธรรมชาติก็ได้ หมายถึงหน้าที่ที่มนุษย์ต้องทำให้ถูกตามกฎของธรรมชาติก็ได้ และหมายถึงผลต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติหน้าที่นั้นๆ ก็ได้ ...
เมื่อสิ่งที่เรียกว่า “ธรรม” มีมากมายมหาศาลอย่างนี้ ปัญหาจะเกิดขึ้นมาว่า คนเราจะรู้ธรรมหรือเห็นธรรมได้ทั้งหมดได้อย่างไรกัน
พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้แล้วว่า เราอาจจะรู้ได้ทั้งหมดและปฏิบัติได้ทั้งหมดในส่วนที่จำเป็นแก่มนุษย์ หรือเท่าที่มนุษย์จะต้องเกี่ยวข้องด้วย ส่วนที่เหลือนอกนั้นไม่ต้องสนใจเลยก็ได้ ...
ธรรมที่ทรงนำมาสั่งสอนนั้นก็ยังสรุปลงได้ในคำพูดเพียงประโยคเดียวว่า “สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ” * ซึ่งแปลว่า “ธรรมทั้งหลายทั้งปวงอันใครๆ ไม่ควรสำคัญมั่นหมายว่าตัวตนหรือของตน” ...
ข้อที่ควรทราบต่อไป สิ่งที่เรียกว่า “ธรรม” ยังเป็นของประหลาดในข้อที่ว่า เป็นสิ่งที่มีอยู่ก่อนสิ่งทั้งปวง เช่นเดียวกับสิ่งที่เรียกว่า “พระเป็นเจ้า” ...
อีกประการหนึ่ง สิ่งที่เรียกว่า “ธรรม” นี้ยังเป็นสิ่งที่มีอยู่ตลอดกาล ยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ดวงจันทร์เสียอีก
กฎทางวิทยาศาสตร์ที่ว่า “สิ่งใดเหมาะสมที่จะอยู่ สิ่งนั้นจะคงอยู่หรือเหลืออยู่ สิ่งใดไม่เหมาะสมที่จะอยู่ คือเข้ากันไม่ได้กับสิ่งแวดล้อมเป็นต้นแล้ว สิ่งนั้นจะสูญไป” นั้นก็คือ กฎของธรรมโดยตรง และธรรมนั่นแหละเป็นสิ่งเดียวที่จะยังคงอยู่ตลอดกาล
ดังนั้น สิ่งที่เรียกว่า “ธรรม” จึงตั้งอยู่ในฐานะสิ่งสูงสุดเหนือสิ่งอื่นใด จนกระทั่งแม้พระพุทธเจ้าทั้งหลายทุกพระองค์ก็ล้วนแต่ทรงเคารพธรรม
เนื้อตัวของเราทั้งหมดก็คือ “ธรรม” กฎธรรมชาติที่ควบคุมเราอยู่ก็คือ “ธรรม” หน้าที่ที่เราจะต้องกระทำให้ถูกต้องตามกฎธรรมชาตินั้นๆ ก็คือ “ธรรม” และในที่สุด ผลต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเรา ตลอดจนถึงการบรรลุมรรคผลในขั้นสุดท้ายของเรา ก็คือ “ธรรม” อีกนั่นเอง
ดังนั้น พระพุทธองค์จึงทรงตรัสว่า “ธัมมทีปา ธัมมสรณา” ซึ่งแปลว่า “ท่านทั้งหลายจงมีธรรมเป็นดวงประทีป จงมีธรรมเป็นที่พึ่งอาศัยเถิด” และพร้อมกันนั้นก็ได้ตรัสว่า “ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต ผู้ใดไม่เห็นธรรม ผู้นั้นไม่เห็นเราตถาคต” ...
ที่มา : หนังสือ "มหาบพิตร : ในหลวงทรงถาม พระอรหันต์ตอบ" โดย วีระวัฒน์ ชลสวัสดิ์
จาก
https://www.tnews.co.th/variety/317313
.
รวมเทศน์ จิตว่าง
https://u.pcloud.link/publink/show?code=kZqljb5ZGBqVhVL3j5SJgrkiFg1Bu4Qikx77
.
*_*_*
ภาษาคน ภาษาธรรม คลิปยาว, 4เมษา2530 +ภาคพิเศษ
https://soundcloud.app.goo.gl/fvkTb
ภาษาคน-ภาษาธรรม คลิปสั้น, 4เมษา2530
https://soundcloud.app.goo.gl/87gwd
จิตว่างหรือ สุญญตาวิหาร จำเป็นสำหรับมนุษย์ ตอน 1
https://soundcloud.app.goo.gl/xttq6
จิตว่างหรือ สุญญตาวิหาร จำเป็นสำหรับมนุษย์ ตอน 2
https://soundcloud.app.goo.gl/dWHxa
การเป็นอยู่ด้วยจิตว่าง
https://soundcloud.app.goo.gl/L6snT
ธรรมคืออะไร?ธรรมะทำไม?
https://soundcloud.app.goo.gl/r4iPi
สัพเพ ธมมานาล อภินิเวสาย คืออะไร
https://soundcloud.app.goo.gl/w9hvy
วิวาทะ พุทธทาส-มรว.คึกฤทธิ์
- ปุจฉา-วิสัชนาที่คุรุสภา 2506-07-08
https://soundcloud.app.goo.gl/PSREn