หนังสือ ตัวกู ของกู ฉบับสมบูรณ์ ฉบับสมบูรณ์มี 37 ตอน
5สค2504
ลำดับ s16/2
Podcast
pcloud
https://u.pcloud.link/publink/show?code=kZfi8b5Z8CSX5xOL3qHX2xJbgPkrxkU2Tgmy
อ่าน
https://u.pcloud.link/publink/show?code=XZsr8b5Z038wCmKSTimXVOnSuGVQd7hS3CmX
แชร์ได้ ขอบคุณครับ
หมายเหตุ
1.หนังสือฉบับสมบูรณ์มี 37 ตอน หาไฟล์เสียงพบ 26 ตอน คือ 1 ถึง 24 กับ 26 - 27
ยังหาไม่พบคือตอนที่ 25 กับ ตั้งแต่ 28 ถึง 37. หากท่านใดพบส่วนที่ยังขาด ช่วยบอกผมด้วย
2.เฉพาะลำดับที่ 26 - 27 เป็นตอน ลักษณะของพระอรหันต์ ผมหาไฟล์สมัยนั้นไม่พบ แต่หัวข้อเดียวกันนี้พบว่าท่านบรรยายอีกในปีหลังๆก็มี จึงนำมาใส่ไว้ครับ
แชรได้ ขอบคุณครับ
ถ้าจะอยู่ ในโลกนี้ อย่างมีสุข
อย่าประยุกต์ สิ่งทั้งผอง เป็นของฉัน
มันจะสุม เผากระบาล ท่านทั้งวัน
ต้องปล่อยมัน เป็นของมัน อย่าผันมา
เป็นของกู ในอำนาจ แห่งตัวกู
มันจะดู วุ่นวาย คล้ายคนบ้า
อย่างน้อยก็ เป็นนกเขา เข้าตำรา
มันคึกว่า “กู-ของ-กู” อยู่ร่ำไป
จะหามา มีไว้ ใช้หรือกิน
ตามระบิล อย่างอิ่มหนำ ก็ทำได้
โดยไม่ต้อง มั่นหมาย ให้อะไรๆ
ผูกยึดไว้ ว่า “ตัวกู” หรือ “ของกู” ฯ
.
ตัวเรา-ของเรา, ตัวกู-ของกู
.
…. “ สิ่งที่เรียกว่า “ตัวเรา-ของเรา” นี้ มันเป็นเหตุของความทุกข์ทุกอย่าง สิ่งที่เรียกว่า “ตัวเรา” และ “ของเรา” นี้ ก็มีชื่อโดยภาษาบาลีว่า “อหังการ” และ “มมังการ” ถ้าเป็นคำทางจิตวิทยาจะเรียกว่า “อัตตา” และ “อัตตนียา” ก็ได้ ทั้งหมดนี้ ก็หมายถึง จิตที่กำลังกลัดกลุ้มอยู่ด้วยความรู้สึกที่เห็นแก่ตัวจัด กำลังดิ้นรนทุกอย่างเพื่อจะทำตามใจตน โดยไม่คำนึงถึงศีลธรรม หรือ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีใดๆ
…. “อุปาทาน” คือ การยึดมั่นถือมั่นทางจิตใจ เช่น ยึดมั่นในเบญจขันธ์(ขันธ์ ๕) คือ ร่างกายและจิตใจ รวมกันว่า เป็น“ตัวตน” และยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่ถูกใจอันมาเกี่ยวข้องด้วยว่าเป็น“ของตน” หรือที่ละเอียดลงไปกว่านั้นก็ยึดถือจิตส่วนหนึ่งว่าเป็น “ตัวเรา” แล้วยึดถือเอารูปร่างกาย ความรู้สึก ความจำ และความนึกคิด สี่อย่างนี้ว่าเป็น “ของเรา”
…. พุทธภาษิตมีอยู่ว่า “เมื่อกล่าวโดยสรุปแล้ว เบญจขันธ์(ขันธ์ ๕)ที่ประกอบอยู่ด้วย “อุปาทาน” นั่นแหละ เป็นตัวทุกข์” ฉะนั้น คนที่มีอุปาทานยึดมั่นว่า “ตัวเรา” ว่า “ของเรา” จึงมีเบญจขันธ์ที่เป็นทุกข์ คือแสดงอาการที่ทนได้ยากแก่บุคคลนั้น และแสดงอาการที่น่าเกลียด น่าเอือมระอา แก่บุคคลที่ได้พบเห็นทั่วไป ส่วนเบญจขันธ์ที่ไม่มีอุปาทานครอบงำนั้น หาเป็นทุกข์ไม่
…. ฉะนั้น คำว่า บริสุทธิ์ หรือ หลุดพ้น จึงหมายถึง การหลุดพ้นจากอุปาทานว่า“ตัวเรา” ว่า“ของเรา” นี้โดยตรง ดังมีพระพุทธภาษิตว่า “คนทั้งหลายย่อมหลุดพ้น เพราะไม่ยึดมั่นถือมั่นด้วยอุปาทาน” ถ้ายังมีอุปาทานก็ยังไม่พ้นจากความทุกข์ สิ่งที่เรียกว่า “ตัวเรา-ของเรา” นั่นแหละ เป็นบ่วงทุกข์ ที่คล้องหรือร้อยรัดผูกพันเราทั้งหลายอยู่ ถ้าเราตัดบ่วงนี้ให้ขาดไม่ได้อยู่เพียงใด เราก็จะต้องเป็นทุกข์อยู่เรื่อยไป
.
พุทธทาสภิกขุ
ที่มา : ธรรมบรรยาย หัวข้อเรื่อง “ตัวกู ของกู”
------------------------------------
.
กิเลสที่ยึดถือว่า “ตัวกู-ของกู” นี้
ละยากที่สุด เป็นกิเลสที่น่ากลัวที่สุด
.
…. “การละความรู้สึกที่เป็นกิเลสอย่างอื่นนั้น ละได้ก่อนความรู้สึกที่เป็นกิเลสที่เป็นเหตุให้ถือตัว, หรืออาจจะกล่าวได้ว่า กิเลสประเภท “อัสมิมานะ” คือ ความรู้สึกที่เป็น “ตัวกู-ของกู” ที่ทําให้ยกหูซูหางนี้ เป็นกิเลสที่ละได้ยากกว่าสิ่งใดหมด. เราอาจจะละกามราคะได้ แต่ไม่อาจจะละกิเลสส่วนนี้, เราอาจจะละโทสะได้ แต่ไม่อาจจะละกิเลสส่วนนี้
…. ข้อนี้รู้ได้ตรงที่ พระโสดาบัน ละสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพัตตปรามาส ได้ ; แต่ไม่อาจละการยกหูชูหาง ซึ่งเป็นมานะ. พระสกิทาคามีก็ละกิเลสได้มากกว่านั้นอีก ก็ยังไม่อาจจะละมานะที่เป็นการยกหูชูหาง, พระอนาคามีละกามราคะ ละปฏิฆะ คือความโกรธได้เพิ่มขึ้นมาอีก ยังไม่อาจจะละมานะคือการยกหูชูหาง จะไปละมานะหรืออวิชชาได้ก็ต่อเมื่อถึงขั้นพระอรหันต์ เพราะฉะนั้น ควรจะรู้ให้ประจักษ์ว่า มานะ คือ ตัวกู หรือ ของกู นั้น เป็นกิเลสรั้งท้ายที่สุด ; อย่าทําเล่นกะมัน ละได้แสนยาก, จะบ้าจะดีก็เพราะกิเลสตัวนี้ จะต้องระวังกิเลสตัวนี้ให้มาก
…. พระพุทธเจ้าตรัสว่า ละอัสมิมานะได้เป็นสุขอย่างยิ่งโว้ย “ อสฺมิมานสฺส วินโย เอตํ เว ปรมํ สุขํ,” ทําไมพระพุทธเจ้าไม่ตรัสว่า ละกามราคะ โทสะ ได้เป็นความสุขอย่างยิ่งโว้ย ? เพราะว่ามันไม่มีความสุขอย่างยิ่งเกิดขึ้นได้ ในเมื่อยังไม่ละอัสมิมานะ, คือมานะที่เป็นเหตุให้รู้สึกยึดมั่นถือมั่น เป็นตัวเรา - ของเรา แล้วไปเปรียบเทียบกัน จนเกิดความรู้สึกที่เป็นกิเลส อิจฉาริษยา เบียดเบียนกัน
…. ถ้าเราจะเชื่อตามพระพุทธเจ้า ก็จะต้องสนใจในการละกิเลสข้อนี้เป็นเบื้องหน้า ; เพราะว่ามันทําให้เกิดความบ้าหรืออะไรขึ้นมาได้ ก็เพราะข้อนี้ จะทำให้ไม่มีความสุขเลยก็เพราะข้อนี้. เศรษฐีที่มีเงิน หรือมีเกียรติ หรือมีอะไรทุกๆอย่าง: แต่ก็หาความสุขไม่ได้ ก็เพราะกิเลสตัวนี้ : มีความรู้สึกไปในทางที่จะเปรียบเทียบ, มีความรู้สึกไปในทางที่จะเหนือผู้อื่นอยู่เรื่อยไป และในที่สุดจะสร้างศัตรูขึ้นมาก็เพราะกิเลสตัวนี้ ใครๆจะรู้สึกเจ็บใจมากที่สุด ก็เพราะถูกเหยียดหยามในกิเลสตัวนี้ ตีเขาสักทีหนึ่ง หรือขโมยของเขาเสียสักจำนวนหนึ่ง เขาก็ไม่รู้สึกโกรธมาก เหมือนกับเหยียดหยามด้วยกิเลสตัวนี้ จึงถือว่า กิเลสที่เป็นเหตุให้ยึดถือว่า “ตัวกู” ว่า “ของกู” นี้ เป็นกิเลสที่น่ากลัวที่สุด จงตั้งหน้าตั้งตาที่จะตัดทอนมัน กําจัดมัน,
…. หรือถ้าฉลาดกว่านั้น ก็เปลี่ยนกําลังงานของมัน เอามาใช้ในทางที่จะให้เกิดประโยชน์เสีย เพราะมันมีกำลังมากเหมือนช้างสารทีเดียว ถ้าเปลี่ยนกำลังงานของมันมาเสียได้ มันก็จะมาเป็นโพธิที่ดี คือมีความบากบั่น ก้าวหน้า ลึกไปในทางที่จะบรรลุมรรค ผล นิพพาน ได้อย่างมากมาย เป็นการลัดสั้นที่สุด เร็วที่สุด
…. เพราะฉะนั้น ถ้าผู้ใดรักตัวเอง ก็จงสนใจกับกิเลสตัวนี้ให้มาก สังเกตดูอย่างละเอียดลออ ว่ามันเหลืออยู่ที่ไหน, มันซ่อนอยู่ที่ไหน, มันเกิดอยู่ที่ไหน, มันจะเกิดเมื่อไร, มันเหลือซากอยู่ที่ไหน”
.
พุทธทาสภิกขุ
ที่มา : ธรรมเทศนาชุด “ชุมนุมล้ออายุ” บนเขาพุทธทอง กัณฑ์บ่าย เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๐๙ หัวข้อเรื่อง “อุณหิสสวิชโยวิจยกถา (ต่อ)”
.
ธรรมโฆษณ์คือ ?
หนังสือชุดธรรมโฆษณ์ เกิดจากการปรารภของท่านพุทธทาสว่า
"ธรรมะที่เราพูดไปมากต่อมากแล้ว มันจะสูญหายเสียหมด ที่พิมพ์กันเป็นเล่มเล็ก ๆ หรือที่อื่นเอาไปพิมพ์ มันก็กระจัดกระจาย ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน จึงพยายามทำขึ้น ให้เป็นชุด ๆ เป็นชุดสมบูรณ์...เมื่อคิดว่าจะพิมพ์เป็นหนังสือเล่มใหญ่ขึ้นมา ก็คิดว่าใช้ชื่อ ธรรมโฆษณ์ มันง่ายดี ความหมายก็ดี"
โครงการหนังสือชุดธรรมโฆษณ์ นับเป็นหนังสือหลักที่ประมวลคำบรรยายธรรมทั้งหมดเข้าชุด เป็นหมวดหมู่ ให้สะดวกต่อการสืบค้น อ้างอิง คัดลอกไม่ให้ผิดเพี้ยนพลาดเสียหาย เริ่มดำเนินการเมื่อปี ๒๕๑๕ โดยท่านพุทธทาสเป็นประธานในการชำระร่วมกับธรรทานมูลนิธิ สวนอุศมมูลนิธิ และมูลนิธิเผยแพร่ชีวิตประเสริฐ โดยจัดแบ่งเป็น ๕ หมวด คือ
๑. จากพระไตรปิฎกโดยตรง คือ หมวดจากพระโอษฐ์ รวมพระพุทธภาษิต เอามาทำเป็นรูปเรื่องตามต้องการ
๒. หมวดปกรณ์พิเศษ จากการบรรยายเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ อธิบายปริยัติและปฏิบัติจนจบเรื่อง
๓. หมวดชุมนุมธรรมเทศนา รวบรวมเทศนา ทุกชนิด ทุกแห่ง ทุกสมัย มารวมพิมพ์เป็นเล่ม
๔. หมวดชุมนุมธรรมบรรยาย รวมรวมคำบรรยายทุกประเภท ทุกแห่ง ทุกสมัย มารวมพิมพ์เป็นเล่ม
๕. หมวดเรื่องปกิณกะ รวมงานเบ็ดเตล็ดต่าง ๆ ทุกประเภท นอกจากที่กล่าวข้างต้น
แต่ละหมวด แต่ละหมายเลขอาจมีได้หลายเล่ม เนื้อหาแต่ละเล่มถอดจากเทปธรรมบรรยายทุกคำพูด ไม่ต่อเติมหรือตัดคำใด ๆ ออก มีโครงการทั้งสิ้น ๑๐๐ เล่ม ขณะนี้มีความคืบหน้าถึงลำดับที่ ๗๖
(ที่มา หนังสือ พุทธทาสจักอยู่ไปไม่มีตาย หนังสืออนุสรณ์ เนื่องในงานเฉลิมฉลอง 100 ปี ชาติกาล พุทธทาสภิกขุ 27 พฤษภาคม 2549)
.
หมายเหตุ
เสียงธรรมนี้นำมาจากยูทูป https://tinyurl.com/y3b79wku
เสียงธรรมนี้นำมาจากยูทูป https://tinyurl.com/ycfvd6b8
เสียงธรรมนี้นำมาจากยูทูป https://tinyurl.com/ybacxb2z
เสียงธรรมนี้นำมาจากยูทูป https://tinyurl.com/y2bl2wtf
เสียงธรรมนี้นำมาจากยูทูป https://tinyurl.com/y9wj7hft
เสียงธรรมนี้นำมาจากยูทูป https://tinyurl.com/y73pqbg8
เสียงธรรมนี้นำมาจากยูทูป https://tinyurl.com/y7f6dsqh
เสียงธรรมนี้นำมาจากยูทูป https://tinyurl.com/y3uf6agw
เสียงธรรมนี้นำมาจากยูทูป https://tinyurl.com/y4s659tv
และ DVD ธรรมบรรยายพุทธทาส-สวนโมกข์กรุงเทพ https://www.bia.or.th/
ภาพประกอบจาก ธรรมสภา https://www.thaibookfair.com/
ภาพประกอบจาก TRILAKBOOKS http://www.trilakbooks.com/
ขอขอบคุณเพื่อนกัลยาณมิตรทุกท่าน มา ณ โอกาสนี้ครับ