ไส้อั่ว (Sai Ua)
Northern Thai Spicy Sausage
เรื่องราวของไส้อั่ว
ในสมัยโบราณในงานบุญเทศกาลโดยทั่วไป เริ่มต้นจากการล้มหมูและใช้เนื้อหมูจำนวนมาก เวลาบางครั้งอาจจะมีเนื้อหมูมากเกินไปที่จะนำมาประกอบอาหารในทันที ดังนั้นมีการถนอมอาหารเพื่อป้องกันการเน่าเสีย วิธีแรกที่นิยมคือการนำเนื้อหมูมาแล่แล้วย่างหรือตากแดดให้แห้งเพื่อเก็บไว้กินในภายหลัง
ต่อมาไปยังการพัฒนาเรื่อย ๆ และเป็นที่นิยมในการประกอบอาหารที่สามารถเก็บไว้ได้นาน ตัวอย่างที่เรารู้จักกันก็คือ การทำแหนม และการทำไส้อั่ว ทั้งสองนี้เป็นอาหารที่สามารถเก็บไว้ได้นาน ๆ 1-3 วัน โดยการทำไส้อั่วมีความนิยมมากในคนล้านนา เพราะสามารถใช้ไส้หมูได้ด้วย เป็นการนำเสนอวิธีการใช้ประโยชน์จากหมูทั้งตัวอย่างที่คุ้มค่าทางอาหารได้ดีเช่นกัน.
“ไส้” หมายถึงลำไส้ และไส้ที่ใช้ นิยมใช้ลำไส้ของหมู เครื่องในหมูส่วนที่นำมาอาหาร ต้ม ย่าง ทอด จะใช้ลำไส้ใหญ่ สำหรับส่วนที่จะเอามาทำไส้อั่ว จะใช้ลำไส้เล็ก
“อั่ว” เป็นการประกอบอาหารอย่างหนึ่ง ในที่นี้หมายถึง การแทรก ยัด หรือกรอกเครื่องปรุงใส่เข้าไปในในลำไส้
การทำไส้อั่วจึงหมายถึง ไส้ที่เอาเนื้อหมูไปยัดไว้
ไส้อั่ว เป็นอาหารที่พบได้ในภาคเหนือของไทยและบางพื้นที่ในประเทศลาวตอนเหนือ และรัฐฉานของพม่า
การทำไส้อั่วต้องใช้เวลานานในการเตรียม ถือว่าเป็นอาหารที่หรูหรา และเป็นอาหารสำหรับชนชั้นสูงในสมัยก่อน หากเปรียบเทียบกับอาหารในปัจจุบัน อาทิ ซูชิ โอมากาเสะ ของญี่ปุ่น ที่มีราคาสูง ความหรูหรา และพิเศษ เป็นที่นิยมของชนชั้นสูง ซึ่งอาจมีราคาสูงอยู่ในระดับหลักพันบาท
ดังนั้น ไส้อั่วเป็นอาหารที่แสดงถึงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของพื้นที่ และชนชั้นสังคมในสมัยก่อน
คุณค่าทางโภชนาการ
ไส้อั่วเป็นแหล่งโปรตีน และไขมันที่ให้พลังงานสูง อุดมด้วยแคลเซียม ฟอสฟอรัส และธาตุเหล็กจากส่วนผสมเนื้อหมู และในส่วนของพริกแกงที่เป็นพืชสมุนไพร ล้วนอุดมด้วยวิตามินเอ บี1 บี2 วิตามินซี ไนอาซิน และเบตาแคโรทีน
สูตรสำหรับ ไส้อั่ว
ส่วนประกอบ (สำหรับ 6 ที่)
เครื่องปรุง
หมูเนื้อแดง 500 กรัม
หมูสามชั้น 250 กรัม
ไส้หมู (ไส้ขม) 1/2 กิโลกรัม
ใบมะกรูดหั่นฝอย 2 ช้อนโต๊ะ (10-15 กรัม)
ตะไคร้หั่นฝอยสับหยาบ 1/4 ถ้วย (40 กรัม)
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ (15 กรัม)
ซีอิ๊วดำ 2 ช้อนชา (10 กรัม)
ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา (10 กรัม)
น้ำสะอาด 1 ถ้วย
น้ำมันสำหรับทอด 1 กิโลกรัม
เครื่องแกง
พริกแห้งเม็ดใหญ่แช่น้ำพอนุ่มหั่นละเอียด 5 เม็ด (15 กรัม)
ตะไคร้ซอย 2 ช้อนโต๊ะ (30 กรัม)
กระเทียมซอย 3 ช้อนโต๊ะ (25 กรัม)
หอมแดงซอย 1/4 ถ้วย (40 กรัม)
ผิวมะกรูดหั่นละเอียด 2 ช้อนชา (5 กรัม)
เกลือ 1/2 ช้อนชา (2 กรัม)
กะปิ 1 ช้อนชา (5 กรัม)
วิธีทำ
โขลกเครื่องแกงเข้าด้วยกันให้ละเอียด ได้ประมาณ 130 กรัม
ล้างทำความสะอาดไส้ โดยดึงเอาเยื่อไขมันที่หุ้มไส้ออก กลับไส้ด้านในออก ใช้ช้อนขูดเมือกออกให้หมด ล้างให้สะอาด เคล้าเกลือ 1 ซ้อนโต๊ะให้ทั่วล้างอีกครั้งให้สะอาด กลับเอาไส้ด้านในเข้าเหมือนเดิม
ล้างเนื้อหมู หมูสามชั้น หั่นชิ้นเล็ก สับเข้าด้วยกันพอหยาบ ๆ
ผสมเนื้อหมู หมูสามชั้นกับน้ำ ซีอิ๊วดำ ซีอิ๊วขาว น้ำปลา น้ำพริกแกงเคล้าเข้าด้วยกัน ใส่ใบมะกรูด ตะไคร้ เคล้าให้ทั่ว (ห่อด้วยใบตองปิ้งไฟชิมดู ถ้าอ่อนเค็มเติมน้ำปลา)
มัดปลายไส้ด้านหนึ่ง ด้วยเชือกค่อย ๆ กรอกส่วนผสมหมูลงในไส้ บีบไล่ส่วนผสมให้ลงถึงปลายไส้ กะให้ยาวพอประมาณ มัดด้วยเชือก และกรอกต่อจนหมดส่วนผสม
ตั้งกระทะขดไส้อั่วลงให้เต็มกระทะเทน้ำมันลงไปให้ท่วมตั้งไฟกลาง จิ้มด้วยไม้แหลมเพื่อไมให้ไส้แตก ทอดพอสุกเหลือง ตักขึ้นวางบนตะแกรงสะเด็ดน้ำมัน หรือขดเป็นวงกลมวางตะแกรงย่างเตาย่าง (วางบนใบตองแล้วใช้ใบตองอีกแผ่นปิด หรืออบหลังจากทอดเพื่อต้องการให้แห้ง)
ข้อควรรู้
การทำไส้อั่ว ให้มีรสชาติกลมกล่อมไม่เผ็ด ไม่แข็ง ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดี เมื่อนำไปหั่นแล้วไม่ยุ่ย ไม่มัน ไม่แห้งจนเกินไป สามารถเก็บได้หลายวันไม่เสียง่าย เริ่มมาจากการเตรียมส่วนผสมอย่างดี การกรอกไส้อั่วไม่ให้แน่นจนเกินไป และในขณะนำไปย่างไฟ ให้ใช้ไม้จิ้มระบายอากาศ จะทำให้ไส้ไม่แตก และควรย่างด้วยกาบมะพร้าว หรือมะพร้าวที่คั้นกะทิออกแล้ว
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม. (2558). อัตลักษณ์อาหารไทย 4 ภาค (พิมพ์ครั้งที่ 2). โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
มติชนสุดสัปดาห์. (2566). ประวัติศาสตร์ที่มา และวิธีทำดั้งเดิมของ “ไส้อั่ว”. ค้นจาก http://www.matichonweekly.com/column/article_323933
วาณี เอี่ยมศรีทอง และประหยัด สายวิเชียร. (2538). อาหารล้านนา. กลางเวียงการพิมพ์.