หลวงพ่อสุวรรณเภตรา

หลวงพ่อสุวรรณเภตรา

คำบูชาหลวงพ่อสุวรรณเภตรา

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (๓ จบ)

“อิมัง สุวัณณะเภตะระพุทธปะฏิมัง สิระสา นะมามิหัง

อิมิสสานุภาเวนะ สัพพะโสตถี ภะวันตุ เมฯ”

คำแปล

“ข้าพเจ้า ขอนอบน้อมกราบไหว้บูชาองค์พระพุทธสุวรรณเภตราด้วยเศียรเกล้า

ด้วยบุญญานุภาพแห่งพระพุทธสุวรรณเภตรา ขอความร่มเย็นเป็นสุข และความสำเร็จดังปรารถนา

จงบังเกิดมีแก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญฯ”

-

"หลวงพ่อสุวรรณเภตรา" เป็น พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ หล่อด้วยโลหะปางมารวิชัย มีพุทธลักษณะสมัยสุโขทัย ประดิษฐานอยู่ใจกลางอุโบสถวัดคุ้งตะเภา ได้หล่อขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๙ โดย พระครูธรรมกิจจาภิบาล (หลวงพ่อกลม) ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดดอยท่าเสาอยู่ ในขณะนั้น (ท่านเป็นคนคุ้งตะเภาโดยกำเนิด) ได้ปรารภให้จัดสร้างพระพุทธรูปขึ้น เพื่อนำไปประดิษฐานเป็นพระประธานในอุโบสถวัดคุ้งตะเภาที่ได้สร้างขึ้นใหม่ จึงได้ทำพิธีเททองหล่อขึ้น ณ วัดดอยท่าเสา โดยมีพระเกจิอาจารย์ที่เป็นที่นับถือเลื่อมใสในขณะนั้นนั่งปรกอธิษฐาน ในการหล่อครั้งนั้นมีประชาชนผู้เลื่อมใสศรัทธานำโลหะมีค่าต่าง ๆ เช่นทองคำ เงิน ฯลฯ มาร่วมถวายหล่อเป็นพุทธบูชาเป็นจำนวนมาก และเมื่อหล่อเสร็จ ก็ปรากฏว่าทองคำได้แล่นลงที่เศียรพระมากอย่างน่าอัศจรรย์ จึงปรากฏองค์พระพุทธรูปซึ่งกรอปไปด้วยพุทธสิริศุภลักษณะมีพระพักตร์อิ่ม เอิบสุกปลั่งประดุจดั่งทองคำ (ซึ่งเมื่อผู้ใดมองไปที่พระพักตร์ขององค์ท่านก็จะทราบด้วยตนเองว่า พระพุทธรูปองค์นี้ "ยิ้มได้" อย่างน่าอัศจรรย์) มีเรื่องเล่าที่ผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านเล่ากันสืบมาด้วยความศรัทธาว่า ในวันที่ทำพิธีอัญเชิญหลวงพ่อมาทางน้ำเพื่อมาประดิษฐานที่อุโบสถวัดคุ้ง ตะเภา ปรากฏว่าวันนั้นมีพายุฝนรุนแรงมาก แต่เมื่ออัญเชิญองค์หลวงพ่อขึ้นฝั่งก็ปรากฏว่าฝนที่กำลังตกหนักอย่างไม่มี ทีท่าว่าจะหยุดตกกลับพลันหยุดตกทันที และเมฆฝนที่ปกคลุมอาณาบริเวณมณฑลพิธีกลับพลันสลาย และแดดกลับออกจ้าอย่างน่าอัศจรรย์ใจแก่ผู้ร่วมพิธีในวันนั้นเป็นอย่างยิ่ง

หลวงพ่อสุวรรณเภตรา หรือที่แปลว่า หลวงพ่อสำเภาทอง เป็น พระนามที่ชาวบ้านคุ้งตะเภาได้ขนานถึงด้วยความเลื่อมใสศรัทธานับถือมา ช้านาน ประวัติความเป็นมาอภินิหารความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธรูปองค์นี้และวัตถุ มงคลที่สร้างขึ้นเนื่องด้วยองค์ท่าน เป็นที่นับถือเลื่องลือมาช้านาน เห็นได้จากการกล่าวขานเลื่องลือถึงฤทธานุภาพความศักดิ์สิทธิ์แคล้วคลาดด้วย บารมีแห่งผู้ที่เคารพบูชาวัตถุมงคล เนื่องด้วยองค์ท่านอยู่เนือง ๆ และการที่มีผู้มาบนบานและแก้บนองค์หลวงพ่ออยู่เป็นประจำมิว่างเว้น

วัตถุมงคลหลวงพ่อสุวรรณเภตรา

วัดคุ้งตะเภาได้จัดสร้างวัตถุมงคลเหรียญหลวงพ่อสุวรรณเภตรา เพื่อมอบเป็นที่ระลึกแก่ผู้ร่วมสมทบทุนบูรณะอุโบสถเป็นรุ่นแรกใน ปี พ.ศ. ๒๕๓๘ และจัดสร้างเหรียญหลวงพ่อสุวรรณเภตราเพื่อมอบแก่ผู้มีจิตศรัทธาและพุทธ ศาสนิกชนผู้เลื่อมใสในโอกาสที่ทางวัดได้จัดให้มีงานทำบุญฉลองซุ้มประตูใหญ่ ใน ปี พ.ศ. ๒๕๔๕ เป็นรุ่นที่สอง

สำหรับ เหรียญวัตถุมงคล รุ่นบูรณะโบสถ์ นั้นจัดสร้างเมื่อ ปี พ.ศ. ๒๕๓๘ ด้วยเนื้อโลหะสุวรรณชาดรมดำ ผสมโลหะศักดิ์สิทธิ์ มี ๒ แบบคือ เหรียญรูปไข่ และเหรียญทรงอาร์ม มีห่วงคล้อง สำหรับเหรียญวัตถุมงคล รุ่นสร้างซุ้มประตู นั้นจัดสร้างเมื่อ ปี พ.ศ. ๒๕๔๕ ด้วยเนื้อโลหะสุวรรณชาดรมดำ มีทรงเดียวคือ เหรียญทรงอาร์ม มีห่วงคล้อง ใส่ตลับพลาสติกั้มลายทอง

วัตถุมงคลที่วัดคุ้งตะเภาได้จัดสร้างขึ้นทั้งหมดนั้น ได้รับการปลุกจิตอธิษฐานและผ่านพิธีพุทธาภิเษกจาก พระเดชพระคุณ พระนิมมานโกวิท (หลวงปู่ทองดำ) ทุกรุ่น และทุกรุ่นมิได้จัดสร้างขึ้นเพื่อมุ่งหารายได้ ดังนั้นจึงนับได้ว่า เหรียญและล็อกเก็ตหลวงพ่อสุวรรณเภตรานี้ เป็นวัตถุมงคลที่สร้างขึ้นด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์อย่างแท้จริง ควรค่าแก่การเคารพบูชาและนำติดตัวเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ เป็นเครื่องเตือนสติให้พุทธศาสนิกชนผู้บูชาได้รำลึกถึงคุณของ พระรัตนตรัย และเป็นเครื่องหมายแห่งความยึดมั่นในองค์คุณแห่งผู้มีสัมมาทิฐิและเลื่อมใส ศรัทธาในพระบวรพุทธศาสนาสืบไป

ประวััติพระครูธรรมกิจจาภิบาล (กลม สุวณฺโณ)

พระผู้สร้างหลวงพ่อสุวรรณเภตรา

พระครูธรรมกิจจาภิบาล (กลม สุวณฺโณ) (นามเดิม: กลม นิยมเดช) อดีตเจ้าอาวาสวัดดอยท่าเสา อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ (มรณภาพ พ.ศ. ๒๔๙๒) เป็นพระเกจิอาจารย์รูปสำคัญที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักยิ่งรูปหนึ่งใน จังหวัดอุตรดิตถ์ ร่วมสมัยกับพระเกจิอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์รุ่นเก่า (เกจิอาจารย์ยุคก่อน พ.ศ. ๒๕๐๐) ก่อนหน้าหลวงปู่พระนิมมานโกวิท (ทองดำ) ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์แห่งเมืองอุตรดิตถ์ในยุคหลัง

ประวัติของพระครูธรรมกิจจาภิบาล (กลม) หรือหลวงพ่อกลมในช่วงก่อนเป็นเจ้าอาวาสวัดดอยท่าเสาไม่แน่ชัด แต่เป็นที่ชัดเจนว่าท่านเป็นคนบ้านคุ้งตะเภา ตำบลท่าเสา แขวงบางโพ เมืองพิชัย (บ้านคุ้งตะเภา ตำบลคุ้งตะเภา อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ในปัจจุบัน) ท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดดอยท่าเสาในช่วงปี พ.ศ. ๒๔๖๓ - พ.ศ. ๒๔๙๒ และท่านได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดฯ พระราชทานตั้งสมณศักดิ์เป็นที่ "พระครูธรรมกิจจาภิบาล" เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๔

ท่านมักเป็นที่กล่าวถึงในคุณาภินิหารและความศักดิ์สิทธิ์ของพระเครื่องรูป หล่อที่ท่านได้จัดสร้าง รวมถึงวัตถุมงคลที่ท่านได้ปรกจิตภาวนาด้วย เช่น เหรียญวัตถุมงคลหลวงพ่อเพชร วัดท่าถนน รุ่นแรก ไปจนถึงพระพุทธรูปหล่อองค์ใหญ่ซึ่งท่านได้ตั้งใจสร้างฝากถวายวัดบ้านเกิดของ ท่านเป็นครั้งสุดท้าย คือ หลวงพ่อสุวรรณเภตรา วัดคุ้งตะเภา (สร้างปี พ.ศ. ๒๔๙๑) อันเป็นพระพุทธรูปหล่อ ซึ่งมีพระพุทธลักษณะงดงามมาก และเป็นที่เลื่องลือในหมู่ผู้ศรัทธาว่า อภินิหารของพระพุทธรูปองค์นี้มีความศักดิ์สิทธิ์เปรียบประดุจสรรพวิชาอาคม ของหลวงพ่อกลมได้ถ่ายทอดมาลงอยู่ในองค์พระจนสิ้น

หลวงพ่อกลมมรณภาพในปี พ.ศ. ๒๔๙๒ หลังจากสร้างหลวงพ่อสุวรรณเภตราได้ปีเดียว

ปัจจุบัน แม้กาลเวลาจะล่วงเลยผ่านมานาน แต่ก็ยังมีผู้เคารพศรัทธาชาวอุตรดิตถ์กล่าวขวัญถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวง พ่อกลมอยู่เสมอมา ทำให้มีผู้นับถือแสวงหาเหรียญรูปหล่อบูชาของท่านเพื่อรักษาไว้เป็นสิริมงคล ตลอดมาจนปัจจุบัน

วิหารประดิษฐานรูปเหมือนพระครูธรรมกิจจาภิบาล (กลม) ภายในวัดดอยท่าเสา อำเภอเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์

รูปเหมือนพระครูธรรมกิจจาภิบาล (กลม) ประดิษฐานภายในวิหาร "หลวงพ่อกลม" วัดดอยท่าเสาอำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์

เหรียญรูปหล่อพระครูธรรมกิจจาภิบาล (กลม) วัตถุมงคลที่พระครูธรรมกิจจาภิบาลจัดสร้างขึ้นเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่

พระพุทธสุวรรณเภตรา เป็นพระพุทธรูปที่พระครูธรรมกิจจาภิบาล (กลม) สร้างถวายวัดบ้านเกิดของท่าน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่ท่านจัดสร้างขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ท่านจะมรณภาพ เป็นที่นับถือโดยทั่วไปว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง