โครงการธรรมยาตราวัดคุ้งตะเภาฯ เฉลิมพระเกียรติ ๖๐ พรรษา สมเด็จพระเทพฯ

วันที่โพสต์: Apr 21, 2015 5:57:39 PM

- จดหมายข่าววัดคุ้งตะเภา วันที่ ๒๑ เม.ย. ๕๘

โดยในเพลวันที่ ๒๑ เม.ย. ๕๘ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการเดินจาริก พระสมุห์สมชาย จีรปุญฺโญ เจ้าอาวาสวัดคุ้งตะเภา ได้นำคณะพระภิกษุและสามเณรไป ถวายภัตตาหารเพลที่เขื่อนดิน (ท้ายเขื่อนสิริกิติ์) อีกด้วย โดยได้รับความเมตตาจากพระเดชพระคุณ พระอาจารย์สาธิต ธีรปญฺโญ ผู้อำนวยการธรรมสถานสถาบันธรรมาภิวัฒน์ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง และ พระอาจารย์ยงยุทธ ทีปโก เจ้าอาวาสวัดปางงุ้น จ.แพร่ ซึ่งเป็นพระนักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ผู้ได้รับรางวัลลูกโลกสีเขียว เดินทางมาให้กำลังใจน้องสามเณร และร่วมเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารแก่พระภิกษุและสามเณรที่พึ่งออกจากป่าด้วย โดยพระภิกษุและสามเณรที่ร่วมเดินจาริกนั้น ได้อดคลื่นโทรศัพท์ และฉันเพียงมาม่าติดต่อกันมาหลายวัน วันนี้จึงได้ฉันภัตตาหารฉลองศรัทธาอย่างเต็มที่ ขออนุโมทนาสาธุ ๆ

โดยการเดินจาริกธรรมยาตราในเส้นทางนี้ เป็นเส้นทางเปลี่ยวที่ไม่ค่อยมีผู้คนสัญจร และเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ที่สร้างขึ้นในสมัยสงครามอินโดจีน กลางพื้นที่อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน เชื่อมต่อ จ.แพร่-อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ ตลอดทางมีอากาศเย็นสบาย เต็มไปด้วยความร่มเย็นของพรรณไม้ในพื้นที่สูงเกือบ ๑,๐๐๐ เมตร จากระดับน้ำทะเล

วันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๘ หลวงพ่อพระสมุห์สมชาย จีรปุญฺโญ เจ้าอาวาสวัดคุ้งตะเภา นำคณะพระภิกษุบวชใหม่และสามเณรภาคฤดูร้อนรวม ๔๐ รูป เข้าร่วมกิจกรรม "โครงการธรรมยาตราจาริกพระภิกษุสามเณรภาคฤดูร้อนวัดคุ้งตะเภา รุ่นปีที่ ๑๘" เฉลิมพระเกียรติ ถวายเป็นพระราชกุศล สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ระหว่างวันที่ ๑๘-๑๙-๒๐-๒๑ เมษายน ๒๕๕๘ เพื่อเป็นการเพิ่มประสบการณ์ เสริมสร้างจิตสำนึกอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ฝึกความอดทน ความเข้มแข็งทางจิตใจ และความมีน้ำใจในการอยู่ร่วมกัน ให้แก่เยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการ ซึ่งโครงการธรรมยาตราฯ ดังกล่าว เป็นกิจกรรมที่วัดคุ้งตะเภา นำโดยหลวงพ่อพระสมุห์สมชายฯ ได้จัดติดต่อกันมาทุก ๆ ปี เป็นปีที่ ๑๘ แล้ว

โดยวันที่ ๑๘ เม.ย. นำคณะพระภิกษุและสามเณรผู้เข้าร่วมโครงการ ทัศนศึกษาจังหวัดแพร่ ณ วัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรีสามัคคีธรรม อ.เด่นชัย นมัสการปูชนียวัตถุสถานและพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น จากนั้นเดินทางไปยัง อ.ร้องกวาง เพื่อทัศนศึกษาวนอุทยานถ้ำผานางคอย ซึ่งเป็นถ้ำภูเขาหินปูนธรรมชาติขนาดใหญ่ที่มีความสวยงามยิ่ง จากนั้นเดินทางไปยัง อ.เมือง จ.แพร่ เพื่อนมัสการพระธาตุช่อแฮ วัดศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองจังหวัดแพร่ และเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีขาล เพื่อนำคณะพระภิกษุสามเณรนมัสการขอพร ก่อนออกเดินทางด้วยเท้า ในเส้นทางลอยฟ้าสู่ธรรมชาติขุนเขา สายธาร แพร่ - เขื่อนสิริกิติ์ หรือ “หลังคาเมืองแพร่” พื้นที่ป่าเขา ระยะทางกว่า ๖๐ กิโลเมตร

โดยวันที่ ๑๘ เม.ย. เริ่มเดินทางออกจากวัดพระธาตุช่อแฮ พักปักกรดทำวัตรเจริญภาวนา ที่ ริมน้ำตกเชิงทอง ต.ช่อแฮ จ.แพร่ ๑ คืน ต่อมาในเช้าวันที่ ๑๙ เม.ย. ออกเดินทางด้วยเท้าเพื่อขึ้นสู่เส้นทางลอยฟ้าฯ และพักปักกรดที่ น้ำตกนางฟ้า ๑ คืน จากนั้น เช้าวันที่ ๒๐ เม.ย. ออกเดินทางในเส้นทางลอยฟ้า ไปยัง ริมลำธาร สะพาน ๘ ซึ่งเป็นสะพานที่เคยมีรถประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตและมีเสียงเล่าลือว่ามีผีดุ เพื่อปักกรดทำวัตรเจริญจิตภาวนา ๑ คืน และในเช้าวันที่ ๒๑ เม.ย. เวลาเช้า ออกเดินทางในเส้นทางชมธรรมชาติ เพื่อศึกษาเฟิร์นโบราณมหาสะดำ ศาลภูพญาพ่อ และ จุดชมวิวภูพญาพ่อ ข้ามสันปันน้ำเขตแบ่งจังหวัดแพร่-อุตรดิตถ์ ที่สามารถมองเห็นเขื่อนสิริกิต์ได้ และเดินลงไปยัง บ้านน้ำพร้า อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ ก่อนเดินทางต่อไปยังเขื่อนสิริกิติ์ (บ้านท่าเรือ)