สักการะพระบรมธาตุ ๓ ประเทศ ณ วัดคุ้งตะเภา
พระบรมสารีริกธาตุจาก ๓ ประเทศ
สาธารณรัฐอินเดีย-ราชอาณาจักรไทย-สหภาพพม่า
(ส่วนแห่งพระพุทธสรีระอันคงเหลือจากการถวายพระเพลิงพระบรมศพพระสัมมาสัมพุทธเจ้า)
อานิสงส์การบูชาพระบรมสารีริกธาตุโย จ ปูเชยฺย สมฺพุทฺธํ ติฏฺนฺตํ โลกนายกํ ธาตุ สาสปมตฺตมฺปิ นิพฺพุตสฺสาปิ ปูชเย ฯ สเม จิตฺตปฺปสาทมฺหิ สมํ ปุญฺ มหคฺคตํ ตสฺมา ถูปํ กริตฺวาน ปูเชหิ ชินธาตุโย ฯ"ผู้ใดพึงบูชาพระสัมพุทธเจ้าผู้เป็นนายกของโลก ยังดำรงพระชนม์อยู่ก็ดี พึงบูชาพระธาตุแม้ประมาณเท่าเมล็ดผักกาดของพระพุทธเจ้าแม้นิพพานแล้วก็ดี เมื่อจิตอันเลื่อมใสของผู้นั้นเสมอกัน บุญก็มีผลมากเสมอกัน"
ประวัติพระบรมสารีริกธาตุวัดคุ้งตะเภา
พระบรมสารีริกธาตุ (กระดูกของพระพุทธเจ้า) ที่ประดิษฐานในวัดคุ้งตะเภา เป็นพระบรมสารีริกธาตุที่ได้จากการถวายพระเพลิงพระบรมศพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ มกุฏพันธนเจดีย์ กรุงกุสินารา แคว้นมัลละ ชมพูทวีป เมื่อ ๑ ปี ก่อนพุทธศักราช
โดยเป็นพระบรมธาตุส่วนที่โทณพราหมณ์เป็นผู้จัดสรรให้แก่บรรดาเจ้าผู้ครองนครรัฐโบราณสมัยพุทธกาล ๘ พระนครทั่วชมพูทวีป ตามคำบัญชาของมัลลกษัตริย์ ซึ่งได้พระราชทานไปประดิษฐานยังพระนครทั้ง ๘ คือ เมืองราชคฤห์ เมืองเวสาลี เมืองกบิลพัสดุ์ เมืองอัลลกัปปะ เมืองรามคาม เมืองเวฏฐทีปะ เมืองปาวา และเมืองกุสินารา ดังที่ปรากฎใน ธาตุภาชนียกถา
และเป็นพระบรมสารีริกธาตุดั้งเดิมส่วนที่พระเจ้าอโศกมหาราช แห่งราชวงศ์เมารยะ ทรงบัญชาให้ขุดจากสถูปเจ้าผู้ครองนครโบราณทั้ง ๗ สมัยพุทธกาลดังกล่าว (ยกเว้นรามคามสถูปที่ไม่ถูกขุด) เพื่ออัญเชิญแจกจ่ายไปประดิษฐานในพระสถูปที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นใหม่ทั่วชมพูทวีป และพระองค์ยังได้ถวายพระบรมสารีริกธาตุแก่พระอรหันต์สม
ณฑูตที่นำพระพุทธศาสนาไปประกาศในแคว้นต่าง ๆ ถึง ๙ สาย เพื่อจะได้ให้พระพุทธศาสนาถาวรแผ่ไพศาลไปทั่ว เพื่อเป็นการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ในปี พ.ศ. ๒๓๖ โดยพระบรมสารีริกธาตุของวัดคุ้งตะเภา ในส่วนที่ได้รับมาจากพระสังฆนายกพม่า เป็นพระบรมสารีริกธาตุส่วนวิปปกิณณาธาตุ ซึ่ง เป็นของเดิมที่ได้มาแต่ครั้งพระเจ้าอโศกมหาราชส่งพระอรหันต์สมณฑูตมาเจริญพระศาสนายังเมืองสุธรรมวดี เมื่อกว่า ๒๓๐๐ ปี ก่อน และได้ อัญเชิญมายังเมืองพุกามในปี พ.ศ. ๑๖๐๐ พระบรมสารีริกธาตุในส่วนที่ได้รับมาจากสาธารณรัฐอินเดีย สันนิษฐานว่า เป็นส่วนดั้งเดิมที่พระมหากัสสปะเถระและพระเจ้าอชาตศัตรูได้อัญเชิญมากระทำธาตุนิธานปาฏิหาริย์ไว้ ณ เมืองราชคฤห์ ตามนัยในอรรถกถามหาปรินิพพานสูตร และพระบรมสารีริกธาตุในส่วนที่ได้รับมาจากพระสังฆราชไทยเป็นพระบรมสารีริกธาตุหลวงส่วนพระองค์ของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ซึ่งเป็นพระบรมสารีริกธาตุที่รักษาสืบมาตั้งแต่ครั้งพระพุทธศาสนามาตั้งมั่นในสยามประเทศ และ เป็นพระบรมธาตุส่วนเดียวกับที่ได้แบ่งอัญเชิญไปประดิษฐานยังพระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ บนยอดดอยอินทนนท์
ลักษณะพระบรมธาตุวัดคุ้งตะเภานี้ มีปรากฏในพระคัมภีร์ มีคำอธิบายว่า "สพฺพขุทฺทกา ธาตุ สาสปวีชมตฺตา, มหาธาตุ มชฺเฌ ภินฺนตณฺฑุลมตฺตา, อติมหตี มชฺเฌ ภินฺนมุคฺคามตฺตา" ตรงตามอรรถาธิบายในคัมภีร์พระไตรปิฎกและคัมภีร์ปฐมสมันตาปาสาทิกา ทางวัดคุ้งตะเภาเคยนำพระบรมธาตุออกสรงน้ำ ปรากฏว่าองค์พระบรมธาตุไม่จมน้ำ แต่กลับลอยน้ำ โดยน้ำเป็นแอ่งบุ๋มลงไปรองรับพระบรมสารีริกธาตุไว้ และปรากฏรัศมีของน้ำรอบๆ พระบรมสารีริกธาตุเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ตรงตามคำโบราณาจารย์ที่บอกสืบกันมาทุกประการฯ