ประวัติวัดคุ้งตะเภา : Wat Khung Taphao History

บริบทวัดในสมัยกรุงธนบุรีเป็นราชธานีมีศาลาการเปรียญอยู่ริมแม่น้ำหลังหนึ่ง ชาวบ้านได้อาศัยวัดเป็นที่ทำการศึกษาเล่าเรียนโดยมีพระเป็นอาจารย์สอนหนังสือ ต่อมาได้มีครูเป็นฆราวาสทำการสอนแทน วัดแห่งนี้เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในเขตปกครองคณะสงฆ์ตำบลคุ้งตะเภาและมีความเจริญมาโดยลำดับในสมัยรัตนโกสินทร์ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ เจ้าอาวาสวัดคุ้งตะเภา ได้รับพระราชทานตาลปัตรพุดตาลทองแผ่ลวด ตั้งสมณศักดิ์ในราชทินนามที่ พระครูสวางคมุนี ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่เมืองฝาง

จนต่อมาภายหลังแม่น้ำน่านได้มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น ในฤดูน้ำหลาก จึงทำให้น้ำ กัดเซาะตลิ่งวัดจนถึงตัวศาลาการเปรียญ ชาวบ้านจึงได้ปรึกษากัน ทำการย้ายศาลาการเปรียญหลังเก่ามาสร้างขึ้นใหม่เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๒

ภายหลังแม่น้ำน่านเปลี่ยนทิศทางเดินออกไปไกลจากวัดมากเกือบ ๙๐๐ เมตร จึงเกิดแผ่นดินงอกขึ้นมาหน้าวัดซึ่งเป็นท้องน้ำเดิม ขณะเดียวกัน ก็มีเกาะเกิดขึ้นหน้าวัดด้วยตรงบริเวณหน้าค่ายพระยาพิชัยดาบหักปัจจุบัน

อย่างไรก็ตามจากหลักฐานตำนานของชื่อหมู่บ้านคุ้งตะเภา ทำให้ทราบว่าวัดคุ้งตะเภามีอายุมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาลงไป หากแต่เป็นวัดที่พักสงฆ์ในชุมชนขนาดเล็ก ไม่มีศาสนสถานปลูกสร้างใหญ่โตก่ออิฐถือปูนเช่นวัดสำคัญในชุมชนใหญ่ จึงอาจทำให้ตกสำรวจการขึ้นทะเบียนของกรมการเมืองในสมัยอยุธยา หรืออาจเป็นไปได้ว่าหลักฐานในครั้งนั้นได้สูญหายไปเมื่อคราวสงครามเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สองแล้ว ทำให้นามวัดพึ่งมาปรากฏขึ้นในทะเบียนหลักฐานในปี พ.ศ. ๒๓๑๓ อันเป็นปีที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช แห่งกรุงธนบุรีเสด็จขึ้นมาปราบปรามชุมนุมเจ้าพระฝางที่เมืองสวางคบุรี พร้อมกับมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้เกลี่ยกล่อมรวบรวมราษฎรที่อพยพหลบหนีภัยสงครามตามป่าเขา และจัดการการปกครองหัวเมืองฝ่ายเหนือใหม่ พร้อมทั้งสถาปนาวัดคุ้งตะเภา และสร้างศาลาบอกมูลฯ ขึ้นในคราวเดียวกันนั้น เพื่อให้เป็นศูนย์รวมชุมชนและเป็นที่พำนักสั่งสอนของพระสงฆ์ผู้ทรงภูมิธรรมที่ทรงอาราธนานิมนต์มาจากกรุงธนบุรี เนื่องจากความสำคัญยิ่งที่วัดคุ้งตะเภาเป็นวัดในชุมชนคนไทยดั้งเดิม ที่มีที่ตั้งอยู่เหนือสุด ท้ายพระราชอาณาเขตกรุงธนบุรีในสมัยนั้น ตามสภาพที่ตั้งทางภูมิศาสตร์มาแต่โบราณ

พระสรรเพชร์เสด็จทั้ง พลพล

ปราบทุกข์เมทนียดล มากพร้อม

ประกาศสถิตย์ชน กลับตั้ง

วัดคุ้งตะเภาน้อม ปลุกให้คงเขษม

วัดคุ้งตะเภา เป็นวัดโบราณในเขตการปกครองของคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่ที่ ตำบลคุ้งตะเภา อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ สถาปนาขึ้นในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เมื่อปีขาล โทศก จุลศักราช ๑๑๓๒ อันเป็นปีที่พระองค์เสด็จขึ้นมาปราบปรามชุมนุมเจ้าพระฝางเมืองสวางคบุรี และประทับชำระคณะสงฆ์หัวเมืองฝ่ายเหนือตลอดฤดูน้ำหลาก ดังปรากฏหลักฐานในพระราชพงษาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา ระหว่างจลาจล จุลศักราช ๑๑๒๙-๑๑๓๐

สันนิษฐานว่าพระองค์ได้โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาวัดโบราณที่มีชื่อตามนามหมู่บ้านดั้งเดิม อันเป็นวัดที่มีพระภิกษุสงฆ์จำพรรษามาตั้งแต่สมัยอยุธยา ให้เป็น "วัดคุ้งตะเภา" พร้อมทั้งทรงให้สร้างศาลาบอกมูลฯ ขึ้นในคราวเดียวกันนั้น เพื่อให้เป็นที่พำนักสั่งสอนของพระสงฆ์ผู้ทรงภูมิธรรมที่ทรงอาราธนานิมนต์มาจากกรุงธนบุรี โดยปรากฎในหลักฐานประวัติวัดของกรมการศาสนาว่า ในปี พ.ศ. ๒๓๑๓ วัดคุ้งตะเภามีศาลาการเปรียญตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่านหลังหนึ่ง ใช้สำหรับให้พระสงฆ์ผู้เป็นพระอาจารย์ใช้เป็นที่สอนหนังสือ ทั้งจินดามณีและมูลบทบรรพกิจรวมไปถึงเลขคณิตต่าง ๆ มาตลอดสมัยกรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ หลักฐานดังกล่าวทำให้ทราบว่าอย่างน้อยวัดแห่งนี้มีพระสงฆ์อยู่จำพรรษารักษาสืบเนื่องมาไม่ขาดสาย เป็นเวลามากกว่าสองร้อยห้าสิบปีเศษ

...เกร็ดเล่าขานในวัดคุ้งตะเภา

วัด คุ้งตะเภา เลขที่ ๒๘๕ หมู่ ๔ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๑ หมู่บ้านคุ้งตะเภา ตำบลคุ้งตะเภา อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ๕๓๐๐๐

โทร. ๐-๕๕๔๔-๘๐๖๓, ๐-๕๕๔๑-๖๙๓๖, แฟกซ์. ๐-๕๕๔๒-๙๑๕๙

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Wat Khung Taphao 285/4 Khung Taphao Subdistrict, Mueang Uttaradit, Uttaradit Province, Thailand.53000 Tel. +(66) 0-5544-8063 , Fax. +(66) 0-5542-9159

All rights reserved released under Creative Commons Attribution-Noncommercial 3.0 Unported.