งานบุญประเพณีมหากฐินสามัคคีวัดคุ้งตะเภา ประจำปี ๒๕๕๘

พิธีเริ่มในเย็นวันที่ ๒๐ พ.ย. ๕๘ พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ฉลององค์มหากฐินสามัคคี จากนั้นในเช้าวันที่ ๒๑ พ.ย. ๕๘ ช่วงเช้า มีการถวายภัตตาหารเช้าแด่พระภิกษุสงฆ์ จากนั้นเวลา ๐๘.๓๙ น. ตั้งขบวนแห่กลองยาวมังคละเภรี เคลื่อนขบวนองค์มหากฐินจากลานโพธิ์ริมแม่น้ำน่านโบราณ รอบอุโบสถวัดคุ้งตะเภา และถวายองค์กฐินแด่พระภิกษุสงฆ์ โดยในวันนี้ หลวงพ่อพระสมุห์สมชาย จีรปุญฺโญ เจ้าอาวาสวัดคุ้งตะเภา ได้เมตตามอบ ใบมหาโพธิ์ ซึ่งท่านเนสัชชิกเก็บมาจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ ที่พุทธคยา และนอกจากนี้ ยังมี ผ้าโสฬสมงคลที่ระลึก รุ่น ๑ ปรกปลุกเสกโดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระครูไพโรจน์ธรรมสาร (อ็อด สคารโว) วัดนครไทยวราราม อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก อดีตเจ้าอาวาสวัดคุ้งตะเภา (พระอาจารย์สายกรรมฐาน) และสิ่งของที่ระลึกอีกมาก เช่น ธรรมบรรณาการ หนังสือสวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา-สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิเจ้าพระฝาง (ความหนากว่าร้อยห้าสิบหน้า) ฯลฯ สร้างความอิ่มบุญ อิ่มใจ แก่พุทธศาสนิชนชาวบ้านคุ้งตะเภาอย่างมาก ในการนี้ คณะกรรมการวัดคุ้งตะเภา ได้สรุปยอดรายรับรายจ่ายงานกฐินสามัคคีวัดคุ้งตะเภา ประจำปี ๒๕๕๘ มี รายรับทั้งสิ้น ๑,๑๑๔,๓๕๕ บาท (หนึ่งล้านหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นสี่พันสามร้อยห้าสิบห้าบาท) รวมจ่ายทั้งสิ้น ๒๓๔,๐๐๐ บาท (สองแสนสามหมื่นสี่พันบาท) หักค่าใช้จ่ายแล้วแล้ว คงเหลือ ๘๘๐,๓๕๕ บาท (แปดแสนสามร้อยห้าสิบห้าบาท) โดยคณะกรรมการจะนำปัจจัยจำนวน ๓๗๙,๗๔๐ (สามแสนเจ็ดหมื่นเก้าพันเจ็ดร้อยสี่สิบบาท) ไปดำเนินการบูรณะศาลาการเปรียญชั้นล่างต่อไป โดยจะเริ่มจัดสร้างห้องประชุม-ที่พักสงฆ์ชั้น ๑ ทั้งหมด ตามแผนที่วางเอาไว้ ซึ่งจะแล้วเสร็จใช้งานได้ในช่วงเมษายนปีหน้า โดยส่วนยอดกฐินจำนวน ๗๒๐,๖๑๕ (เจ็ดแสนสองหมื่นหกพันสิบห้าบาท) ซึ่งเป็นสายกฐินจากจังหวัดระยอง นำโดยนายภีมเดช อมรสุคนธ์ ทางวัดได้นำไปเข้าบัญชีของโครงการฯ (ซึ่งเปิดใหม่ในนามวัดคุ้งตะเภา และถอนได้โดยต้องมีมติคณะกรรมการเท่านั้น) เพื่อเป็นทุนประเดิมในการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก ณ หัวทุ่งสมรภูมิสวางคบุรี (วัดคุ้งตะเภา) ตามเจตนารมณ์ของผู้ศรัทธาต่อไป ซึ่งขณะนี้นายช่างวิทยาลัยช่างศิลป์ กรมศิลปากร ได้ดำเนินการปั้นพระบรมรูปฯ โดยใช้ทุนตั้งต้นของนายภีมเดช อมรสุคนธ์ ไปแล้วกว่าครึ่งล้านบาท ประเพณีทอดกฐิน หรือการกรานกฐิน จัดเป็นสังฆกรรมประเภทหนึ่งตามพระวินัยบัญญัติที่มีกำหนดเวลา พระสงฆ์สามารถรับผ้ากฐินจากผู้ศรัทธาถวาย เพื่อนำมากระทำสังฆกรรมนี้ได้นับแต่วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ไปจนถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ เท่านั้น กฐินจึงจัดว่าเป็นกาลทาน แม้ผู้ศรัทธาจะมีเงินมากมาย ก็ไม่สามารถทอดกฐินในเวลาอื่นได้ เพราะมีกำหนดเวลาจำกัด พระสงฆ์ เมื่อรับและอนุโมทนากฐินแล้ว ก็จะได้อานิสงส์ตามพระวินัยต่อไปอีก ๓ เดือน เป็นอานิสงส์ทั้งผู้ถวาย และผู้รับถวาย ชาวโทยแต่โบราณนับถือกันว่างานทอดกฐินเป็นงานบุญใหญ่ ผู้เป็นเจ้าภาพจะได้อานิสงส์มากมาย งานบุญกฐิน จึงเป็นงานบุญที่สำคัญที่สุดงานหนึ่งในรอบชีวิตของพุทธศาสนิกชนชาวไทย- จดหมายข่าววัดคุ้งตะเภา วันที่ ๒๑ พ.ย. ๕๘