ไม้ยืนต้นดอกสวย

ไม้ยืนต้นดอกสวย

1ตะแบก

มีชื่อพื้นเมืองว่า กะแบก ตะแบกไข่ ตะแบกแดง เป็นไม้ต้นขนาดใหญ่ สูง 15 -30 เมตร ไม่ผลัดใบ ผลแห้งแตก

ทรงรี ผลแห้งแตกเป็น 6 เสี่ยง เมล็ดเล็กๆมีปีก ตะแบกเป็นไม้ต้นที่นิยมใช้ในการจัดสวนมาก ปลูกเพื่อให้ร่มเงา

ต้นตะแบกเป็นไม้มงคลนาม คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นตะแบกไว้ประจำบ้าน จะทำให้มีฐานะสูงขึ้น

และมั่นคงแข็งแรง เพราะ แบก คือ การแบกไว้ไม่ให้ตกต่ำ

ตะแบก มี “เปลือกลำต้นสีเทา เรียบ ลื่น เป็นมัน” มักมีรอยแผลเป็นหลุมตื้น คล้ายเปลือกต้นฝรั่ง

ใบอ่อนมีขนปกคลุม ใบแก่เกลี้ยง “ช่อดอกออกตามปลายกิ่งโค้งชูเหนือเรือนยอด” มีดอกจำนวนมาก

ดอกขนาดเล็ก บานเต็มที่กว้าง ๔-๕ เซนติเมตร ดอกในช่อเรียงกันห่าง ๆ ทำให้ช่อดอกโปร่ง ดอกสีม่วงอมชมพู

และสีจะจางซีดลงเกือบเป็นสีขาวเมื่อดอกโรย ผลผิวเรียบเป็นมันสีน้ำตาลเข้ม มีขนปกคลุมบางๆ ที่ส่วนปลาย

“ออกดอกในช่วงฤดูฝน” (มิถุนายน-กันยายน)

2 อินทนิลน้ำ เป็นไม้ต้นขนาดกลาง ค่อนข้างใหญ่ สูง 15-25 เมตร พบขึ้นตามที่ราบลุ่มทั่วไป

และบริเวณริมฝั่งแม่น้ำลำธาร ในป่าเบญจพรรณชื้นและป่าดงดิบทุกภาค แต่พบมากในป่าดงดิบชื้นในภาคใต้

ที่มีระดับความสูงไม่เกิน 600 ม. ลำต้นเมื่อเล็กมักคดงอแต่เมื่อต้นใหญ่จะเปลาตรง เปลือกสีเทาหรือสีน้ำตาลอ่อน

ใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามหรือเยื้องกันเล็กน้อย รูปใบขอบขนาน หรือแกนรูปหอก ใบอ่อนสีน้ำตาลอ่อนเกลี้ยง

ใบแก่ก่อนร่วงสีเหลือง-ส้ม-แดง ผลรูปทรงกลมรี เป็นผลแบบแห้งแข็งแล้วแตก ผลแก่จะแตกออก 6 ซีก

อินทนิลน้ำ มี “เปลือกลำต้นสีเทาหรือน้ำตาลอ่อน ค่อนข้างเรียบ” อาจจะตกสะเก็ดเป็นแผ่นบาง ๆ บ้างเล็กน้อย

ใบเกลี้ยงปลายใบเรียวแหลม ผลิใบอ่อนเต็มต้นพร้อมช่อดอก สังเกตได้ง่ายที่ “ตำแหน่งช่อดอกเป็นพุ่มทรงเจดีย์

ชูตั้งขึ้นเหนือเรือนยอดโดยรอบ” ขนาดของดอกบานกว้าง 5-8 เซนติเมตร ออกชิดกันเป็นกลุ่ม สีม่วงสด

ม่วงอมชมพูจนถึงชมพู และสีจะซีดจางลงเล็กน้อยเมื่อดอกโรย ผลมีผิวขรุขระ สีคล้ายเนื้อไม้

ออกดอกช่วงฤดูร้อน (มีนาคม-พฤษภาคม)

3 อินทนิลบก เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ สูงได้ถึง 10-15 เมตร “ลำต้นตรง เปลือกสีดำ ค่อนข้างขรุขระ

แตกลึกเป็นร่องยาวๆ” ใบ เป็นใบเดี่ยว รูปรีหรือรูปไข่แกมขอบขนาน ปลายใบมน เนื้อใบสีเขียวเข้มจัด

หนาเป็นมัน ผลรูปไข่เกลี้ยง ฝักแก่แข็ง ไม่ร่วงหล่น แต่จะติดตรึงอยู่บนต้นข้ามปี ออกดอกสะพรั่ง

และต่อเนื่องยาวนาน 3 – 4 เดือน ในช่วงเดือน มีนาคม ถึงมิถุนายน ขยายพันธุ์ โดยการเพาะเมล็ด

มีถิ่นกำเนิด ในที่ราบลุ่มริมน้ำ ป่าเบญจพรรณชื้นและป่าดิบทั่วไป

อินทนิลบกลักษณะคล้ายอินทนิลน้ำมาก แต่ “ใบ ดอก และผลมีขนาดใหญ่กว่า ใบป้อมและกว้างกว่าใบอินทนิลน้ำ”

ปลายใบมนกว้างหรือแหลมเป็นติ่งสั้นๆ “ดอกออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ช่อดอกไม่ชูตั้งขึ้นเหนือเรือนยอด”

ขนาดของดอกบานกว้าง ๑๐-๑๓ เซนติเมตร แต่ละดอกจะชิดกันเป็นกลุ่ม ดอกสีม่วงอมชมพู

และสีจะจางซีดลงเป็นสีขาวอมชมพู ออกดอกช่วงฤดูร้อน มีชื่ออื่น ๆ ว่า กาเสลา, จ้อล่อ, จะล่อ , จะล่อหูกวาง

ทางอีสานเรียก กากะเลา

4 เสลา เป็นพรรณไม้ขนาดกลาง โตช้า สูงได้ถึง 20 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดทรงกลม หรือทรงกระบอก

หนาทึบ ใบเดี่ยวรูปไข่ แกนขอบขนาน มีผลกลมรี เปลือกแข็ง ผิวเรียบเป็นมันสีน้ำตาลไหม้ นิยมปลูกให้ร่มเงา

ในบ้านหรือในสวน เพราะเป็นไม้พุ่มใบห้อยย้อยลงสวยงาม การปลูกขยายพันธุ์ ขึ้นได้ดีในดินร่วนซุย

ไม่ชอบน้ำท่วมขัง ชอบแดดจัด เหมาะจะปลูกลงดินกลางแจ้ง ถ้าปลูกในพื้นที่ริมรั้วหรือข้างบ้าน

ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 2 - 5 เมตร หากปลูกเป็นแถวริมถนนไม่ควรน้อยกว่า 8 เมตร

หลุมปลูกควรลึกและกว้างไม่น้อยกว่า 80-100 ซม. ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด

เสลา มี “เปลือกลำต้นสีน้ำตาลดำหรือสีคล้ำ แตกเป็นร่องตื้นๆ ตามยาว” ปลายกิ่งย้อยลู่ลงสู่พื้น

ใบมีขนปกคลุมประปราย ช่อดอกออกตามกิ่ง ตามง่ามใบและปลายกิ่ง แต่ “ช่อไม่ชูตั้งขึ้น”

เมื่อดอกในช่อบานจะชิดกัน ดอกสีชมพูอมม่วง ออกดอกช่วงฤดูร้อน ผลผิวเรียบเป็นมันสีน้ำตาลไหม้

มีชื่ออื่น ๆ ว่า เสลาใบใหญ่, อินทรชิต ชื่อพื้นเมืองเรียก เกรียบ ตะเกรียบ ตะแบกขน

5. กัลปพฤกษ์

กัลปพฤกษ์เป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลาง ความสูงประมาณ 10-15 เมตร เปลือกนอกสีเทาลำต้นมีรอยเป็นเส้น

เล็กน้อยแตกกิ่งก้านพุ่งสู่ด้านบนไม่ค่อยเป็นระเบียบ ใบเป็นแผงมีใบย่อยประมาณ 5-6 คู่ออกเรียงตรงกันตาม

ก้านใบเป็นคู่ๆใบบางเรียบปลายใบแหลม ขนาดของใบกว้างประมาณ 2-4 เซนติเมตร ใบยาว

ประมาณ 4-7 เซนติเมตร

ดอกออกเป็นช่อตามกิ่งก้านมีกลิ่นหอมมีสีชมพูแกมขาวดอกบานจะมีความกว้างประมาณ23เซนติเมตรมี

กลีบดอก5กลีบตรงกลางดอกจะมีเกสรตัวผู้สีเหลืองผลเป็นฝักกลม ยาว มีสีดำ เมื่อแก่เนื้อในฝักมีสีขาวกั้น

เป็นชั้นๆ แต่ละชั้นจะมีเมล็ดเรียงอยู่ภายใน ฝักหนึ่งยาวประมาณ 15-30 เซนติเมตร มีลักษณะใบ เป็นพุ่มใบ

แบนกว้าง

6. นางพญาเสือโคร่ง

นางพญาเสือโคร่งเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ ขนาดเล็ก มีความสูงประมาณ 10-15 เมตร ใบ เป็นชนิดใบเดี่ยว

ลักษณะรูปรีแบบไข่ หรือไข่กลับ ออกสลับกัน ใบมีความกว้าง 3-5 เซนติเมตร ยาว 5 -12 เซนติเมตร

ปลายใบเรียวแหลม โคนใบกลมหรือสอบแคบ ขอบจักปลายก้านใบมีต่อม 2-4 ต่อม หูใบแตกแขนงคล้ายเขากวาง

ใบร่วงง่าย ดอก สีขาว ชมพู หรือดง ออกเป็นช่อกระจุกใกล้ปลายกิ่ง ก้านดอกยาว 0.7-2 เซนติเมตร

ขอบริ้วประดับจักไม่เป็นระเบียบ กลีบเลี้ยงติดกันเป็นรูปกรวย กลีบดอกมี 5 กลีบ เมื่อบานขนาดโตเส้นผ่าศูนย์กลาง

1-2 เซนติเมตร ผล รูปไข่หรือกลม ยาว 1-1.5 เซนติเมตร เมื่อสุกสีแดง ระยะเวลาออกดอกระหว่างเดือนธันวาคม

จนถึงกุมภาพันธ์ โดยจะทิ้งใบก่อนออกดอก

การปลูกเลี้ยง ได้มีการปลูกนางพญาเสือโคร่งบนพื้นที่ต้นน้ำลำธารมาเป็นเวลา 10 ปี แล้วปรากฏว่าได้ผลดี

เป็นไม้ที่มีความเหมาะสมในการที่จะขึ้นอยู่ในพื้นที่ผ่านการทำไร่เลื่อนลอย บนพื้นที่สูงแต่ไม่ควรปลูกบนพื้นที่

ซึ่งมีลมพัดจะทำให้กิ่งก้านหักได้ง่าย ขยายพันธุ์โดยเมล็ด

7. ชมพูพันธุ์ทิพย์

เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลาง สูงราว ๘-๑๒ เมตร ใบเป็นแบบผสม มีใบย่อย ๕ ใบบนต้นเดียวกัน

แผ่ออกคล้ายใบปาล์ม ผิวไม่เรียบ ปลายใบแหลม ยาวประมาณ ๑๒ เซนติเมตร กิ่งก้านสาขาแผ่ออกเป็นพุ่ม

ค่อนข้างแน่น ชมพูพันธุ์ทิพย์ ใบแก่และทิ้งใบในฤดูหนาว ช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม หลังจากนั้นจะ

ออกดอกช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ดอกออกเป็นช่อตามกิ่งก้าน ช่อละ ๕-๘ ดอก ดอกย่อยลักษณะคล้าย

ดอกผักบุ้งหรือปากแตร คือโคนดอกเป็นหลอดยาวปลายดอกบานออกเป็น ๕ กลีบ กลีบดอกบาง ย่นเป็นจีบๆ

และร่วงหล่นง่าย จะเห็นดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ร่วงหล่นกระจายอยู่รอบๆ ต้น งดงามพอๆ กับที่บานอยู่บนต้น

ดอกย่อยแต่ละดอกกว้างราว ๘ เซนติเมตร ยาวราว ๑๕ เซนติเมตร สีของกลีบดอกปกติเป็นสีชมพูสดใส

แต่มีความเข้มและจางแตกต่างกันไป โดยเฉพาะต้นที่เกิดจากเมล็ดจะมีความผันแปรมากมาย

ตั้งแต่สีชมพูจางเกือบขาวไปจนถึงสีเข้มเกือบเป็นสีม่วงแดง เมื่อดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ร่วงหล่นแล้ว

จะติดฝักรูปร่างคล้ายมวนบุหรี่ ยาวราว ๑๕ เซนติเมตร

ต้นกำเนิดของชมพูพันธุ์ทิพย์ อยู่ในเขตร้อนของทวีปอเมริกาใต้ ต่อมาได้ถูกนำไปปลูกในเขตร้อนทวีปต่างๆ

อย่างแพร่หลายรวมทั้งประเทศไทย สำหรับประเทศไทยมีบันทึกเป็นหลักฐานว่า เป็นผู้นำเข้ามาในประเทศ

ครั้งแรกคือ กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิ์พินิต และ ม.ร.ว.พันธุ์ทิพย์ บริพัตร จึงตั้งชื่อตามสีดอก

และเป็นเกียรติแก่ผู้นำเข้าว่า ชมพูพันธุ์ทิพย์ ชื่อเดิมคือ ตาเบบูย่า มีชื่ออื่นๆ คือ แตรชมพู ธรรมบูชา

ชื่อในภาษาอังกฤษคือ Pink Trumpet Tree ตามลักษณ์ของดอกนั่นเอง

8. หางนกยูง

เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางต้นโตเต็มที่สูงราว 12- 18 เมตร เรือนยอดแผ่กว้างทรงกลมคล้ายร่ม

แผ่กิ่งก้านออกคล้ายจามจุรี แต่มีขนาดเล็กกว่า ลำต้นเกลี้ยง เปลือกสีน้ำตาลอ่อนอมขาวถึงสีน้ำตาลเข้ม

ผิวใบเกลี้ยง เป็นพืชผลัดใบ ในประเทศไทยมักผลัดใบในฤดูร้อนช่วงเดือนมีนาคม ถึงมิถุนายน

ออกดอกดกและทิ้งใบทั้งต้นเหลือแต่ดอกบานสะพรั่งดูงดงามเป็นพิเศษ ช่อดอกออกตามปลายกิ่งและ

ตามง่ามใบใกล้ปลายกิ่ง ประกอบด้วยกลีบดอก 5 กลีบและเกสรตัวผู้ยาวงอนออกมาเหนือกลีบดอก

กลีบดอกหางนกยูงความจริงประกอบด้วยสี 2 สี คือสีแดงและ สีเหลือง แต่ส่วนใหญ่จะมี 2 สีนี้อยู่ด้วยกัน

จึงเห็นเป็นสีแสด ดอกใดที่สีเหลืองมากกว่าก็เป็นสีแสดออกเหลืองดอกใดสีแดงมากกว่าก็เป็นสีแสดออกแดง

แต่ก็มีหางนกยูงบางต้นออกดอกสีแดงแท้ๆและบางต้นออกดอกสีเหลืองบริสุทธิ์ซึ่งหาได้ยาก

โดยทั่วไปจึงพบแต่หางนกยูงฝรั่งสีแสดทั้งนี้ผลของหางนกยูงฝรั่งเป็นฝักแบนโค้งรูปดาบ และเมล็ดเรียงตามขวาง

9. ทองกวาว

ต้นทองกวาว จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง มีความสูงประมาณ 12-18 เมตร กิ่งอ่อนมีขนละเอียดสีน้ำตาลหนา

ลักษณะของการแตกกิ่งก้านจะเป็นไปในทิศทางที่ไม่เป็นระเบียบ ส่วนเปลือกต้นจะเป็นปุ่มปม

ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด หรือการใช้กิ่งปักชำ

ใบทองกวาว ลักษณะเป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อย 3 ใบเรียงสลับ ใบย่อยที่ปลายรูปไข่

กลีบแกมสีเหลี่ยมขนมเปียกปูน ส่วนใบย่อยด้านข้างจะเป็นรูปไม่เบี้ยว มีความกว้างประมาณ 8-15 เซนติเมตร

และมีความยาวประมาณ 17 เซนติเมตร และขอบใบเรียบ ดอกทองกวาว ออกดอกเป็นช่อคล้ายกับดอกทองหลาง

ดอกมีสีแดงส้มหรือแสด มีความยาวประมาณ 6-15 เซนติเมตร มีดอกย่อยเกาะกันเป็นกลุ่ม เมื่อดอกบานจะมีกลีบ

5 กลีบ และจะออกดอกมากในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี

10. ทองพลุ

เป็นไม้ดอกยืนต้นจากเกาะมาดากัสการ์ มีทรงต้นที่สวยงาม ใบสวย ดอกเด่นอลังการเป็นช่อยาวสีส้มแดง

เป็นไม้ดอกที่สวยมากๆอีกต้นหนึ่ง เหมาะกับการจัดสวน ทองพลุ มีชื่อสามัญว่า Colville’s Glory, Colvillea

หรือ Whip Tree ต้นที่โตเต็มที่แล้วสูงใหญ่มาก บางต้นก็สูงกว่า 15 เมตรเลยทีเดียว สวยเด่นมาแต่ไกลจริง ๆ

จะว่าไปก็มีส่วนคล้ายหางนกยูงฝรั่ง (Delonix regia) ที่ปลูกกันแบบเกลื่อนกลาดในบ้านเรา เพียงแต่ Colvillea

มี ทรงพุ่มตรง ๆ ขึ้นไป ไม่แบะออกในแนวนอนเหมือนกับหางนกยูงฝรั่ง

ทองพลุ(Colvillea) เลี้ยงง่ายมาก จะแทงยอดขึ้นไปตรงๆ แตกใบใหม่ ท้องใบสีม่วงเข้ม หลังใบสีเขียวปนม่วง

จะให้ดอกเมื่ออายุได้ประมาณ 4 ปีขึ้นไป ใครอยากเห็นก็จงรีบปลูกเสียตั้งแต่วันนี้ ช่วงแล้งจะทิ้งใบหมดต้น

ชอบบริเวณที่รับแดดตลอดวัน ไม่ชอบที่น้ำขัง เมืองไทยมีบางสวนสั่งเมล็ดเข้ามาเพาะขายกันแล้ว..ครับ