Post inflammatory hyperpigmentation(PIH)
บทนำ
หลังการอักเสบของผิวหนังจากสาเหตุต่างๆเช่น รอยถลอกจากการบาดเจ็บ, ผื่นแพ้ต่างๆ(เช่น ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง), การรักษาโรคที่ผิวหนัง (เช่นการทำเลเซอร์), การอักเสบจากการแพ้ยา, สิว, การได้รับแสงแดดโดยตรงต่อเนื่อง, การตั้งครรภ์, และบางครั้งอาจหาสาเหตุไม่พบ มักพบมีการเกิดรอยดำหลังผิวหนังอักเสบ/รอยดำหลังการอักเสบ (Post inflammatory hyperpigmen tation บางคนเรียกย่อว่า พีไอเอช/PIH) เกิดขึ้นตามมา โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวสีเข้มเช่น ชาวเอเชีย หรือชาวแอฟริกันอเมริกัน
รอยดำหลังผิวหนังอักเสบนี้พบได้บ่อย พบได้ทั้งชายและหญิงและในทุกช่วงอายุ
รอยดำหลังผิวหนังอักเสบเกิดได้อย่างไร?
เมื่อเกิดการอักเสบ เซลล์ผิวหนังจะมีการสร้างสารเคมีเกี่ยวกับปฏิกิริยาการอักเสบขึ้น ซึ่งสารเหล่านี้จะกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดสีเมลานิน (Melanin) ทำให้มีการสร้างเม็ดสีเพิ่ม จึงเกิดเป็นรอยดำหลังการอักเสบ/รอยดำหลังผิวหนังอักเสบขึ้น
รอยดำหลังผิวหนังอักเสบติดต่ออย่างไร?
รอยดำหลังผิวหนังอักเสบไม่ใช่โรค ดังนั้นจึงไม่มีการติดต่อไม่ว่าจะด้วยวิธีใดเช่น การสัม ผัสหรือการใช้ของใช้ร่วมกัน
รอยดำหลังผิวหนังอักเสบมีอาการอย่างไร?
อาการที่พบได้จากภาวะรอยดำหลังผิวหนังอักเสบคือ ผิวหนังตำแหน่งที่เกิดอักเสบเมื่อการอักเสบหายไป จะเกิดเป็นรอยดำสีน้ำตาลเข็มหรือสีดำตามมา ตัวอย่างเช่น หลังการเกิดสิวอักเสบ จะมีรอยดำตรงตำแหน่งที่เป็นสิวตามมา รอยดำนี้ไม่ก่ออาการเจ็บ/ปวด ไม่ตกสะเก็ด ไม่ลุกลาม ไม่ทำให้เกิดพังผืดหรือแผลเป็น และไม่เปลี่ยนเป็นมะเร็ง แต่จะดำคล้ำขึ้นเมื่อได้รับแสงแดดโดย ตรงต่อเนื่อง
แพทย์วินิจฉัยรอยดำหลังผิวหนังอักเสบได้อย่างไร?
โดยส่วนมากแพทย์สามารถวินิจฉัยได้ว่าเป็นภาวะรอยดำหลังผิวหนังอักเสบจากการสอบ ถามประวัติของผิวหนังอักเสบ การตรวจรอยโรคด้วยการดูและการคลำ และการตรวจร่างกาย ทั้งนี้ถ้าประวัติและผลจากการตรวจรอยโรค การตรวจร่างกายชัดเจน ก็สามารถวินิจฉัยได้เลย ไม่จำ เป็นต้องมีการตรวจสืบค้นอื่นเพิ่มเติม
แต่สำหรับกรณีที่ไม่สามารถบอกสาเหตุเกิดได้ชัดเจน แพทย์ต้องวินิจฉัยแยกโรคจากโรคผิวหนังอื่นๆ แพทย์อาจต้องทำการตัดชิ้นเนื้อที่รอยโรคเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา
ควรพบแพทย์เมื่อไหร่?
หากเกิดรอยดำหลังผิวหนังอักเสบ สามารถพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลเพื่อรับคำแนะนำและการรักษาได้ถ้ากังวลใจในด้านภาพลักษณ์ หรือเมื่อมีความผิดปกติอื่นๆของรอยดำ/รอยโรคร่วมด้วยเช่น คันมาก และ/หรือรอยดำขยายใหญ่ขึ้น และ/หรือมีเลือดออกเรื้อรังที่รอยดำ และ/หรือมีต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียงกับรอยดำโตและคลำได้
รักษารอยดำหลังผิวหนังอักเสบอย่างไร?
โดยทั่วไปรอยดำจะค่อยๆจางหายไปเองโดยไม่จำเป็นต้องมีการรักษา เพราะไม่ใช่โรค และไม่ใช่ภาวะผิดปกติ แต่เป็นภาวะปกติที่ร่างกายตอบสนองต่อการมีผิวหนังอักเสบ อย่างไรก็ตาม ถ้ากังวลหรือเพื่อผลในด้านภาพลักษณ์ การรักษารอยดำหลังผิวหนังอักเสบคือ การรักษาด้วยยาทาและ/หรือวิธีการรักษาทางผิวหนังอื่นๆร่วมกับการดูแลตนเองเช่น
ทาครีมกันแดด: การทาครีมกันแดดบริเวณที่มีรอยดำหลังการอักเสบ จะช่วยป้องกันไม่ให้รอยนี้ดำมากขึ้นและช่วยให้รอยดำจางลงไวขึ้น
มีการใช้ยาทาหลายชนิดเพื่อลดการเกิดรอยดำหลังการอักเสบเช่น Hydroquinone, Azelaic acid, Lactic acid, Tretinoine
การลอกหน้าด้วยกรดชนิดอ่อนเช่น Glycolic acid peeling
การรักษาด้วยการทำเลเซอร์เช่น Fractional carbondioxide laser, Q - switch laser
*อนึ่ง:
แพทย์จะเลือกรักษาด้วยยาตัวใดหรือด้วยวิธีใดขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์ที่ประเมินจากหลายปัจจัยเช่น ความรุนแรงของรอยโรค ตำแหน่งที่เกิดรอยโรค สาเหตุ ลักษณะของผิวดั่งเดิม และอายุของผู้ป่วย
การใช้ยา: ไม่ควรซื้อยาใช้เองยกเว้นครีมกันแดด ควรเป็นยาจากคำแนะนำของแพทย์ หรือจากเภสัชกร เพราะตัวยาต่างๆล้วนมีผลข้างเคียงต่อผิวหนัง จนอาจทำให้อาการเลวลงกว่าเดิม
รอยดำหลังผิวหนังอักเสบมีผลข้างเคียงอย่างไร?
ดังได้กล่าวแล้วในหัวข้อ อาการ และหัวข้อ การรักษาว่า รอยดำเป็นภาวะตามธรรมชาติ ดัง นั้นจึงไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงยกเว้นที่ส่งผลด้านภาพลักษณ์ความสวยงาม
รอยดำหลังผิวหนังอักเสบมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
ดังได้กล่าวแล้วในหัวข้อ อาการ และหัวข้อ การรักษา ว่า รอยดำหลังผิวหนังอักเสบนี้เป็นภาวะตามธรรมชาติจึงสามารถจางหายได้เอง โดยทั่วไปจะจางหายไปในเวลาประมาณ 6 - 12 เดือนโดยไม่ก่อให้เกิด พังผืด แผลเป็น หรือเปลี่ยนเป็นมะเร็งผิวหนัง ซึ่งการรักษาและดูแลตนเอง จะช่วยให้สีจางลงและหายไปได้ไวขึ้น
ดูแลตนเองอย่างไร?
การดูแลตนเองเมื่อเกิดรอยดำหลังผิวหนังอักเสบได้แก่
หลีกเลี่ยงไม่ให้รอยดำถูกแสงแดดโดยตรงต่อเนื่อง
ทาครีมกันแดดเมื่อต้องออกแดด
ทายาที่แพทย์หรือเภสัชกรแนะนำให้ถูกต้อง
พบแพทย์/ไปโรงพยาบาลเมื่อกังวลในอาการหรือเมื่อมีอาการผิดปกติที่รอยดำ/รอยโรค เช่น รอยโรคขยายใหญ่ขึ้น และ/หรือมีเลือดออกเรื้อรัง และ/หรือคลำพบต่อมน้ำเหลืองโตใกล้กับรอยโรค
ป้องกันรอยดำหลังผิวหนังอักเสบอย่างไร?
ป้องกันรอยดำหลังผิวหนังอักเสบได้โดย
ป้องกันการอักเสบมากขึ้นของผิวหนังโดยไม่แกะเกาสิว, ไม่แกะเกาผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง, เพราะจะทำให้เกิดอักเสบมากขึ้น ทิ้งเป็นรอยดำหลังการอักเสบได้มากขึ้น
เมื่อมีโรคผิวหนังต่างๆควรต้องดูแลผิวหนังตามคำแนะนำของแพทย์และพยาบาลอย่างถูกต้อง
ใช้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผิวที่อ่อนโยนต่อผิวเพื่อรักษาสุขภาพผิว ไม่ให้ผิวมันหรือผิวแห้งเกิน ไปเช่น การใช้สบู่อาบน้ำด้วยสบู่เด็กอ่อน การไม่อาบน้ำด้วยน้ำที่อุ่นจัด
หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดโดยตรงอย่างต่อเนื่องโดยใช้เครื่องป้องกันเช่น ร่ม หมวก เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว และรู้จักใช้ครีมกันแดดชนิดมีประสิทธิภาพอย่างสม่ำเสมอเมื่อต้องออกแดด
ไม่ใช้ยาพร่ำเพรื่อ ใช้เฉพาะที่จำเป็น และจำให้ได้ว่าเคยแพ้ยาอะไร เพื่อหลีกเลี่ยงการแพ้ยาและเพื่อไม่ใช้ยานั้นซ้ำอีก
บรรณานุกรม
1. ปรียากุลละวณิชย์,ประวิตร พิศาลยบุตร .Dermatology 2020: พิมพ์ครั้งที่1.กรุงเทพฯ:โฮลิสติก,2555
2. Lowell A. Goldsmith,Stephen I. Katz,Barbara A. Gilchrest,Amy S. Paller,David J.Leffell,Klaus Wolff.Fitzpatrick’s dermatology in general medicine :chapter.eight edition.McGraw-Hill.2012
3. Robert A Schwartz, MD, MPH; Chief Editor: Dirk M Elston, MD. (2014). Postinflammatory hyperpigmentation http://emedicine.medscape.com/article/1069191-overview#showall [2015,Jan10]