เรื่องที่ 1.8

จิตตคหบดี

เรื่องที่ 1.8 จิตตคหบดี

จิตตคหบดีเป็นชาวเมืองมัจฉิกาสัณฑะแคว้นมคธ วันที่ท่าน เกิด มีปรากฎการณ์ประหลาด คือมีดอกไม้หลากสีตกลงทั้งเมือง ซึ่ง เป็นนิมิตหมายแห่งความวิจิตรสวยงาม ท่านจึงได้นามว่า จิตตกุมาร แปลว่า กุมารผู้น่าพิศวง หรือกุมารผู้ก่อให้เกิดความวิจิตรสวยงาม

บิดาของท่านเป็นเศรษฐี ท่านจึงได้เป็น เศรษฐีสืบต่อมาจาก บิดา ในวงการพระพุทธศาสนาเรียกท่านว่า จิตตคหบดี ก่อนที่จะมานับ ถือพระพุทธศาสนาท่านมีโอกาสพบพระมหานามะ (หนึ่งในปัญจวัคคีย์) เห็นท่านสงบสํารวมน่าเลื่อมใสมาก จึงมีความศรัทธานิมนต์ท่านไปฉันภัตตาหาร ที่คฤหาสน์ของตนและได้สร้างที่พํานักแก่ท่านในสวนชื่ออัมพาฏการามนิมนต์ให้ท่านอยู่เป็นประจําพระมหานามะได้แสดงธรรมให้จิตตคหบดีฟังอยู่เสมอ

วันหนึ่งได้แสดงเรื่อง อายตนะ 6 สื่อสําหรับติดต่อโลกภายนอก 6 ประการ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) หลังจบธรรมเทศนา จิตตคหบดี ได้บรรลุอนาคามิผล จิตตคหบดีเอาใจใส่ พิจารณาธรรมอยู่เนือง ๆ จนแตกฉาน มีความสามารถในการอธิบายธรรมได้ดี ความสามารถของท่านในด้าน นี้เป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางในเวลาต่อมา ท่านเคยโต้วาทะกับบุคคลสําคัญของศาสนาอื่น ๆ มาแล้ว หลายท่าน เช่น นิครนถ์นาฏบุตร (ศาสดาของศาสนาเชน) และอเจลกนามกัสสปะ (นักบวชชีเปลือย)

ที่มา : https://warakan097.wordpress.com/category/จิตตคหบดี/

ท่านเป็นผู้มีใจบุญได้ถวายทานอย่างประณีตมโหฬารติดต่อกันครึ่งเดือนก็เคยมี เคยพาบริวารสองพัน คนบรรทุกน้ำตาล น้ำผึ้ง น้ำอ้อย เป็นต้น จํานวนมากถึง 500 เล่มเกวียน ไปถวายพระพุทธเจ้าและภิกษุสงฆ์

ครั้งหนึ่งท่านป่วยหนัก เทวดามาปรากฏให้เห็นกล่าวกับท่านว่าคนมีบุญอย่างท่านนี้ แม้ ปรารถนาราชสมบัติหลังตายแล้วก็ย่อมได้ ท่านตอบเทวดาว่าถึงราชสมบัติก็ไม่จีรัง เราไม่ต้องการ บรรดา ลูกหลานที่นั่งเฝ้าไข้อยู่ นึกว่าท่านเพ้อจึงกล่าวเตือนสติ ท่านบอกบุตรหลานว่ามิได้เพ้อ เทวดามาบอกให้ ปรารถนาราชสมบัติ แต่ท่านปฏิเสธยังมีสิ่งอื่นที่ดีกว่า น่าปรารถนากว่า เมื่อถูกถามว่าคืออะไร ท่านกล่าวว่า คือ ศรัทธาอันแน่วแน่มั่นคงในพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์

อัมพาฎการามนั้นเป็นวัดที่ท่านสร้างถวายพระมหานามะนิมนต์ให้ท่านอยู่ประจํา แต่พระเถระ พักอยู่ชั่วเวลาหนึ่งก็จาริกไปยังที่อื่น พระเถระอื่น ๆ ก็แวะมาพักอยู่เสมอๆ ต่อมามีพระรูปหนึ่งนามว่า สุ ธรรมเถระ ยังเป็นปุถุชนมาพํานักอยู่เป็นประจําเป็นเวลานาน จนกระทั่งนึกว่าตัวท่านเป็นสมภารวัด พระสุ ธรรมเป็นปุถุชน จิตตคหบดีเป็นอริยบุคคลระดับอนาคามี ถือเพศฆราวาสก็ยังแสดงความเคารพกราบไหว้ พระภิกษุปุถุชน เพราะถือเพศบรรพชิตเป็น “ธงชัยแห่งพระอรหันต์” อุปถัมภ์บํารุงพระเถระเป็นอย่างดี

วันหนึ่งพระอัครสาวกทั้งสอง คือ พระสารีบุตรกับพระโมคคัลลานะเดินทางผ่านมา ท่านจิตต คหบดีนิมนต์ให้พระอัครสาวกทั้งสองพํานักอยู่ที่อัมพาฏการาม พร้อมนิมนต์เพื่อฉันอาหารที่บ้านท่านใน วันรุ่งขึ้น แล้วก็ไปนิมนต์พระสุธรรมไปฉันด้วย พระสุธรรมถือตัวว่าเป็นเจ้าอาวาส เห็นจิตตคหบดีให้ ความสําคัญแก่พระอัครสาวกมากกว่าตนถึงกับนิมนต์ไปฉันภายหลัง จึงไม่ยอมรับนิมนต์ แม้ท่านจะอ้อนวอน อย่างไรก็ไม่ยอมรับตกเย็น ท่านจิตตคหบดีกําลังสั่งให้เตรียมภัตตาหาร พระสุธรรมก็เดินไปในคฤหาสถ์อย่าง คนคุ้นเคย คู่นั้นดูนี่แล้วก็เปรยว่า “อาหารที่ท่านเตรียมถวายพระพรุ่งนี้ดีทุกอย่าง แต่ขาดอยู่อย่างเดียวที่ไม่ได้ เตรียมถวาย” จิตตคหบดีถามว่าขาดอะไร พระสุธรรมตอบว่าขาด “ขนมแดกงา” คําว่าขนมแดกงาเป็นคําที่มี นัยสําคัญเกี่ยวกับตระกูลของท่านคหบดี ท่านคหบดีก็โกรธและว่าเอาแรง ๆ เพื่อให้สํานึก พระสุธรรมไม่ สํานึกแต่โกรธตอบ หนีจากวัดไปเฝ้าพระพุทธเจ้า เมื่อพระพุทธเจ้าทรงทราบเรื่องจึงตําหนิแรงๆ และมีพุทธ บัญชาให้กลับไปขอโทษจิตตคหบดี แต่คหบดีไม่ยอมยกโทษให้จึงกลับมาเฝ้าพระพุทธองค์อีก พระพุทธ องค์ทรงแสดงธรรมให้ฟัง พระสุธรรมบรรลุพระอรหันต์ พระองค์จึงให้ภิกษุรูปหนึ่งเป็นอนุทูตพาพระสุธรรม ไปขอขมาจิตตคหบดีใหม่ คราวนี้ท่านคหบดียกโทษให้

จิตตคหบดีมีปฏิภาณเฉียบแหลมและมีความสามารถในการแสดงธรรมมาก จึงได้รับการยกย่อง ในเอตทัคคะว่าเป็นเลิศกว่าผู้อื่นในทางเป็นธรรมกถูก

เมื่อศึกษาประวัติของจิตตคหบดีแล้วให้ความคิดได้ว่า พระพุทธศาสนาเป็นของชาวบ้านทุกคน คฤหัสถ์ก็ควรศึกษาพระพุทธพจน์ให้เข้าใจแจ่มแจ้ง จนสามารถสื่อสารแสดงให้คนอื่นเข้าใจได้ สามารถ ปกป้องพระพุทธศาสนาได้


ที่มา : https://www.facebook.com/446281542200581/photos/a.447109872117748/1150000718495323/?type=3&theater

คุณธรรมที่ควรยึดถือเป็นแบบอย่าง

1. เป็นคฤหัสถ์ในอุดมคติ เป็นชาวพุทธผู้ครองเรือนที่เป็นแบบอย่างที่ดี มีคุณสมบัติ 3 ประการ

1.1 ศึกษาธรรมะจนแตกฉาน และปฏิบัติตามคําสอนจนสําเร็จเป็นพระอนาคามี

1.2 ชอบสนทนาธรรม แลกเปลี่ยนความรู้ความคิดกับผู้ใหญ่อยู่เสมอ มีความสามารถถ่ายทอด ธรรมะเป็นอย่างดีจนได้รับยกย่องเป็นธรรมกถูก (นักเทศน์ นักแสดงธรรม)

1.3 เป็นคนใจบุญสุนทาน ทําบุญทําทานคราวละมาก ๆ อุปถัมภ์ พระศาสนา ปกป้อง พระพุทธศาสนาเมื่อมีภัย เช่น ออกไปโต้วาทะกับเจ้าลัทธิอื่นที่ยีพระพุทธศาสนา

2. เคารพพระสงฆ์มาก แม้ท่านจะบรรลุธรรมะขั้นสูง (อนาคามี) ท่านก็ยังเคารพพระสงฆ์ที่เป็น ปุถุชนอยู่ โดยถือว่าพระสงฆ์คือตัวแทนของพระอริยสงฆ์ แม้ท่านจะได้รับการดูหมิ่นจากพระสุธรรมท่านก็ไม่ถือสา

3. เป็นคนเก่งและคนดี ท่านได้แสดงให้เห็นว่าชาวพุทธเป็นคฤหัสถ์ไม่ใช่แค่ทําบุญทําทานอย่าง เดียว ต้องศึกษาพระธรรมคําสอนให้แจ่มแจ้ง เพราะการเป็นคนดีอย่างเดียวไม่พอ ต้องเป็นคนเก่ง ฉลาดหลัก แหลมด้วย สามารถโต้เถียงหักล้างความคิดผิด ๆ ได้