เรื่องที่ 1.12

สุมนมาลาการ

ที่มา : https://2.bp.blogspot.com/-GUmbhPrXl7o/WXB1TdZdC6I/AAAAAAAABLg/1137huSkY6k0Q_ZfF9JQUEyP1oyLsUylQCLcBGAs/s640/5_9.png

เรื่องที่ 1.12 สุมนมาลาการ

นายสุมนมาลาการ เป็นชาวเมืองราชคฤห์ เขามีหน้าที่นําดอกมะลิ วันละ 8 ทะนานไปถวายพระเจ้าพิมพิสารเแต่เช้าตรู่ทุกวัน ได้ทรัพย์วันละ 8 กหาปณะ

ต่อมาเช้าวันหนึ่ง ขณะที่เขากําลังถือดอกไม้จะเข้าประตูเมือง พระพุทธเจ้าเสด็จออกบิณฑบาตพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ ทรงเปล่งพระรัศมีด้วยพุทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ เขาเห็นอัตภาพของพระพุทธเจ้าแล้ว เกิดความเลื่อมใสคิดว่า “เราจักบูชาพระพุทธเจ้าด้วยอะไรดีหนอ” เมื่อไม่เห็นสิ่งใดจึงตัดสินใจจะถวายดอกไม้ที่จะนําไปถวายพระราชา ด้วยการตกลงใจว่า เอาเถอะเมื่อพระราชาไม่ได้รับดอกไม้ จะทรงฆ่าเรา หรือขับไล่ออกจากเมืองก็ตาม พระราชาทรงประทานทรัพย์เพียงพอแก่ การเลี้ยงชีพเท่านั้น ส่วนการบูชาพระพุทธเจ้า เพื่อประโยชน์เกื้อกูล และความสุขแก่เรา” นายสุมนมาลาการได้นําดอกไม้บูชาพระพุทธเจ้าไปทั้ง 8 ทะนาน ดอกไม้เหล่านั้นได้ เป็นซุ้มติดตามเสด็จพระพุทธองค์ไปทุกหนทุกแห่ง ชาวเมืองต่างแตกตื่นกันออกมาดูและถวายทานกันทุกถ้วนหน้า พากันโห่ร้องให้เสียงสาธุการทุกที่ พระพุทธองค์คิดจะทรงทําให้คุณความดีของนายสุมนมาลาการเป็นที่ปรากฏ ไปทั่วเมือง ราชคฤห์ ก็ได้เสด็จไปทั่วทุกมุมเมือง ส่วนนายสุมนมาลาการมีความปลาบปลื้มปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง ตามเสด็จไปหน่อยหนึ่งแล้วก็ถือกระเช้าเปล่าเดินกลับบ้านไปด้วยสีหน้าอิ่มเอิบ

ที่มา : https://www.bloggang.com/data/t/travelaround/picture/1284306088.jpg

เมื่อถึงบ้าน นายสุมนามลาการ ได้เล่าเรื่องที่ตนได้นําดอกไม้บูชาพระพุทธเจ้าให้ภรรยาฟัง ภรรยาของเขาเป็นหญิงไม่ดีไม่มีศรัทธา กลับด่าว่าเขาจะนําความพินาศมาให้ตระกูล รีบนําความเข้ากราบทูลพระราชา และทูลความที่ตนไม่เห็นดีเห็นงามด้วย

พระเจ้าพิมพิสารเป็นอริยบุคคลชั้นโสดาบันแล้ว พระองค์เต็มเปี่ยมด้วยศรัทธาในพระพุทธศาสนา เมื่อได้สดับดังนั้นแล้วทรงทราบว่าหญิงนี้เป็นหญิงไม่ดีไม่มีศรัทธา จึงทรงทําทีเป็นกริ้ว ตรัสว่า “ดีแล้วละที่เธอทิ้งเขามา เดี๋ยวเราจักจัดการกับนายสุมนมาลาการ” แล้วรีบเสด็จไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ถวายบังคมแล้วตามเสด็จไป พระพุทธองค์เพื่อประกาศเกียรติคุณของนายสุมนมาลาการให้ประชาชนทราบ จึงประทับที่พระลานหลวงไม่เสด็จเข้าไปในพระราชวัง พระราชาได้ถวายภัตตาหารแก่พระพุทธองค์และภิกษุสงฆ์ ตามส่งพระพุทธเจ้าเสด็จกลับวัดเวฬุวันแล้ว จึงมีรับสั่งให้นายสุมนมาลาการเข้าเฝ้า

เมื่อนายสุมนมาลาการมาเข้าเฝ้าแล้ว พระเจ้าพิมพิสารตรัสยกย่องสรรเสริญนายสุมนมาลาการ ว่าเป็นมหาบุรุษแล้วพระราชทานสิ่งของ 8 ชนิด คือช้าง ม้า ทาส ทาสี เครื่องประดับ นารี อย่างละแปด ทรัพย์อีก 8 พันกหาปณะและบ้านส่วยอีก 8 ตําบล

เมื่อกลับถึงวัด พระอานนท์ได้ทูลถามถึงผลบุญที่นายสุมนมาลาการจะพึงได้รับ พระพุทธองค์ตรัสว่านายสุมนมาลาการ ได้สละชีวิตบูชาพระองค์ในครั้งนี้จักไม่ได้ไปเกิดในนรกตลอดแสนกัลป์ เมื่อพระพุทธองค์เสด็จเข้าพระคันธกุฎีดอกไม้เหล่านั้นจึงตกลงที่ประตูกุฎีนั้น

ตกเย็นวันนั้นพวกภิกษุสนทนากันในโรงธรรม เรื่องการบูชาพระพุทธเจ้าของนายสุมนมาลาการ แล้ว ได้รับของพระราชทาน 8 อย่างจากพระเจ้าพิมพิสาร พระพุทธองค์เสด็จมาตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย บุคคลทํากรรมใดแล้วไม่เดือดร้อนในภายหลัง เป็นผู้เอิบอิ่ม มีความสุขใจ นั่นแหละเรียกว่า กรรมดี”

นายสุมนมาลาการเป็นอุบาสกที่ควรเป็นแบบอย่างที่ดีแก่พุทธศาสนิกชนได้ ท่านได้เสียสละชีวิตเพื่อบูชาพระพุทธเจ้า นั่นคือ สละชีวิตเพื่อทําความดี รักษาความดีเอาไว้แม้ชีวิตจะหาไม่ก็ตาม จึงเป็นบุคคลที่ควรยกย่องและเป็นแบบอย่างได้

สรุปสาระสําคัญ

ในอดีตชาติของพระพุทธเจ้าได้บําเพ็ญบารมีอันยิ่งใหญ่ เมื่อเสวยพระชาติเป็นพระสัมมา สัมพุทธเจ้าพระองค์จึงทรงเป็นพระบรมครู มีความสามารถในการสั่งสอนคนให้บรรลุมรรคผลนิพพาน เพราะทรงสมบูรณ์ด้วยวิชชา (ความรู้ และจรณะ (ความประพฤติ) หลังทรงตรัสรู้ไม่นานจึงมีผู้ออกบวชเป็น สาวกจํานวนมาก ซึ่งเป็นกําลังสําคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา มีทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์พระพุทธศาสนา จึงดํารงมั่นอยู่ได้กว่าสองพันห้าร้อยปี