เรื่องที่ 1.1

พระอัสสชิ

เรื่องที่ 1.1 พระอัสสชิ

พระอัสสชิเถระเป็นบุตรของพราหมณ์ผู้หนึ่งในกรุง กบิลพัสดุ์ บิดาของท่านเป็นหนึ่งในจํานวนพราหมณ์ 8 คน ที่ได้รับ เชิญไปทํานายพระลักษณะและขนานพระนามเจ้าชายสิทธัตถะ ครั้งเมื่อเจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกผนวช โกณฑัญญพราหมณ์ ซึ่งเป็นผู้หนึ่งในจํานวนพราหมณ์ 8 คนนั้นเชื่อว่าเจ้าชายสิทธัตถะจะ ได้ตรัสรู้แน่นอน จึงได้ชักชวนท่านอัสสชิพร้อมสหาย ไปเฝ้าปรนนิบัติ ขณะที่เจ้าชายสิทธัตถะทรงบําเพ็ญทุกรกิริยาอยู่ ณ อุรุเวลาเสนานิคมและเมื่อเจ้าชายสิทธัตถะทรงเลิกบําเพ็ญทุกรกิริยา ท่านอัสสชิพร้อมด้วยสหายได้พากันหนีไปอยู่ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี ครั้นเจ้าชายสิทธัตถะ ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว พระองค์ได้เสด็จไปโปรด โดยแสดงพระธรรมเทศนาชื่อว่าธัมมจักกัปปวัตนสูตร เมื่อจบพระธรรมเทศนาแล้วท่านอัสสชิได้ดวงตาเห็นธรรมและได้บวชเป็นสาวกของพระพุทธองค์เช่นเดียวกับสหายทั้ง 4

ที่มา : https://www.blockdit.com/posts/5e3b837e96ea780ca798079f

ที่มา : https://sites.google.com/site/samnaokeawda1/hnwy-thi-4-phuthth-prawati-phuthth-sawk-sasni-kchn-taw-xyang-laea-chkhkhkh/phuthth-sawk-phuthth-sawika/phra-xas-s-chi-thera

หลังจากบรรลุพระอรหันต์แล้ว พระอัสสชิเถระได้เป็นหนึ่งในจํานวนพระสาวก 60 รูปที่พระพุทธเจ้าทรงส่งไปประกาศพระศาสนารุ่นแรก ในเช้าวันหนึ่ง ท่านได้ออกบิณฑบาตในเมืองราชคฤห์ อิริยาบถอันสงบสํารวมขณะเดินบิณฑบาตของท่านได้ก่อให้เกิดความประทับใจแก่มาณพหนุ่มนามว่า อุปติสสะ ผู้พบเห็นท่านโดยบังเอิญ อุปติสสะจึงติดตามท่านไปห่างๆ ครั้นพอได้โอกาสขณะพระอัสสชิเถระ นั่งฉันภัตตาหารอยู่ จึงเข้าไปนมัสการและเรียนธรรมะจากท่าน พระอัสสชิเถระออกตัวว่า ท่านบวชไม่นาน ไม่สามารถแสดงธรรมโดยพิสดารได้ อุปติสสะจึงกราบเรียนให้ท่านแสดงธรรมแต่โดยย่อ ท่านจึงแสดงธรรม โดยย่อว่า “ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตตรัสเหตุแห่งธรรมเหล่านั้นและการดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะมีวาทะอย่างนี้” อุปติสสะครั้นได้ฟังธรรมแล้วก็ได้ “ดวงตาเห็นธรรม” จึงรีบไปบอกแก่ โกลิตะผู้เป็นสหาย และครั้นโกลิตะฟังธรรมนั้นแล้ว ก็ได้ดวงตาเห็นธรรมเช่นเดียวกัน จึงได้พากันออกบวช เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า

พระอัสสชิเถระไม่ปรากฏว่าท่านมีความเชี่ยวชาญด้านใดเป็นพิเศษ ท่านมีความเป็นอยู่อย่าง เรียบง่าย สมถะ ชอบอยู่สงบเพียงลําพัง มีบุคลิกน่าเลื่อมใส สํารวมอินทรีย์ การคู้ การเหยียดซึ่งมือและเท้า การเหลียวดูเป็นไปอย่างสงบสํารวมน่าเลื่อมใสยิ่งและไม่ปรากฏว่าพระอัสสชิเถระมีอายุพรรษาเท่าใดท่านนิพพาน ไปเงียบๆ โดยไม่มีกล่าวถึงไว้ในคัมภีร์ไหนเลย

คุณธรรมที่ควรยึดถือเป็นแบบอย่าง

1. พระอัสสชิเถระมีบุคลิกภาพที่น่าเลื่อมใส สมถะ สํารวมระวังกิริยามารยาท ดังที่อุปติสสะได้ พบเห็นท่านแล้วเกิดความรู้สึกประทับใจ น่าเลื่อมใส ซึ่งบุคลิกภาพเช่นนี้เป็นสื่อที่ชักจูงให้ผู้แสวงหาทางพ้น ทุกข์ เข้ามาหาและมาสัมผัสรสพระธรรมเป็นอย่างดี บุคคลผู้สํารวมระวังรักษากิริยามารยาทย่อมเป็นที่รักที่ชอบ ใจ และน่าเลื่อมใสของผู้อื่น

2. พระอัสสชิเถระเป็นนักสอนศาสนาที่เชี่ยวชาญมิใช่น้อย การประกาศธรรม มิได้หมายความ ว่าจะต้องพูดเก่ง พูดได้ยืดยาว หากรู้จักพูด รู้จักสอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งรู้อุปนิสัยของผู้ฟังด้วยแล้ว แม้แสดง เพียงสังเขปก็สัมฤทธิ์ผล ดังท่านได้แสดงแก่อุปติสสมาณพนั้น

3. พระอัสสชิเถระเป็นผู้มีคุณูปการอันยิ่งใหญ่ที่ท่านทําไว้แก่พระพุทธศาสนา โดยได้เป็นผู้ ชักชวนให้อุปติสสมาณพ และโกลิตะมาณพเข้ามาบวช ต่อมาท่านทั้งสองก็ได้เป็นพระอัครสาวกของ พระพุทธเจ้า ผู้เป็นกําลังสําคัญของพระพุทธศาสนา