เรื่องที่ 1.2 

การสังคายนาและเผยแผ่พระไตรปิฎก 

การรวบรวมคําสอนของพระพุทธศาสนาเริ่มมีขึ้นเมื่อครั้งที่นิครนถนาฏบุตร ศาสดาของศาสนาเชน สิ้นชีวิตลง และสาวกของท่าน ไม่ได้เก็บรวบรวมคําสอนไว้ ทําให้เหล่าผู้นับถือศาสนาเชนเกิดการแตกแยก และถูกเถียงกันว่าแท้จริงแล้วศาสดาของตนสอนไว้เช่นไร พระจุนทเถระทราบเรื่องจึงนําความขึ้นกราบทูล พระพุทธเจ้า พระองค์จึงได้ตรัสแนะนําให้พระสงฆ์ทั้งปวงร่วมกันทําสังคายนา เพื่อรักษาคําสอนที่แท้จริง ของพระพุทธศาสนาให้คงอยู่สืบไป

เมื่อพระสารีบุตรทราบถึงเรื่องราวปัญหาของศาสนาเชน ก็ได้แสดงวิธีสังคายนาไว้เป็นตัวอย่างต่อหน้า ที่ประชุมคณะสงฆ์ โดยรวบรวมข้อธรรมต่าง ๆ ให้อยู่ตามลําดับหมวด ตั้งแต่หมวดหนึ่งไปจนถึงหมวดสิบ เมื่อพระสารีบุตรแสดงธรรมจบแล้ว พระพุทธเจ้าก็ทรงประทานสาธุการแก่หลักธรรมที่พระสารีบุตรแสดงไว้

ทั้งนี้ ในสมัยพุทธกาลยังไม่มีการรวบรวมคําสอนของพระพุทธเจ้าเป็นพระไตรปิฎก แต่ก็มีคําเรียก พระธรรมคําสอนของพระพุทธเจ้าว่า พฺรหฺมจริย หรือพรหมจรรย์ และ ธมฺมวินย หรือธรรมวินัย

https://www.mfsb2018.org/index.php/navigations/floor-1-plan/itemlist/tag

ปฐมสังคายนา

การทําสังคายนาครั้งแรก เกิดขึ้นภายหลังจากที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน 3 เดือนที่ถ้ำสัตตบรรณคูหาข้างเวภารบรรพต ใกล้กรุงราชคฤห์ ประเทศอินเดีย ในพระราชูปถัมภ์ของพระเจ้าอชาตศัตรู โดยมีพระมหากัสสปเถระทําหน้าที่เป็นประธาน และเป็นผู้คอยซักถาม มีพระอุบาลีเป็นผู้นําในการวิสัชนา ข้อวินัย และมีพระอานนท์เป็นผู้นําในการวิสัชนาข้อธรรม การทําสังคายนาครั้งนี้มีพระอรหันต์มาประชุมร่วมกันทั้งหมด 500 รูป ดําเนินอยู่เป็นเวลา 7 เดือน จึงเสร็จสิ้น

มูลเหตุในการทําสังคายนาครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อพระมหากัสสปเถระทราบข่าวการปรินิพพานของพระพุทธเจ้า หลังจากพระองค์ปรินิพพานแล้วได้ 7 วัน บรรดาลูกศิษย์พระมหากัสสปเถระ เมื่อได้ทราบข่าว ต่างพากันร้องไห้คร่ำครวญ แต่มีภิกษุอยู่รูปหนึ่งชื่อสุภัททะ ซึ่งเป็นภิกษุแก่ กล่าวว่า ท่านทั้งหลายจะร้องไห้กันไปทําไม เมื่อสมัยที่พระพุทธเจ้ายังอยู่ พระองค์ทรงเข้มงวดกวดขัน คอยชี้ว่านี่ถูก นี่ผิด นี่ควร นี่ไม่ควร ทําให้พวกเราลําบาก บัดนี้พระองค์ปรินิพพานไปแล้ว พวกเราจะได้ทําอะไรตามใจชอบเสียที เมื่อพระมหากัสสปเถระ ได้ฟังดังนี้ก็รู้สึกสลดใจ ดําริว่าแม้พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปใหม่ ๆ ยังปรากฏผู้มีใจวิปริตจากธรรมวินัยถึงเพียงนี้ ถ้าปล่อยไว้นานเข้า คําสอนทางพระพุทธศาสนาอาจถูกบิดเบือนไปได้ จึงริเริ่มวางแผนการทําสังคายนา

การสังคายนาครั้งที่สอง

การทําสังคายนาครั้งที่สองเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 100 ที่วาลิการาม เมืองเวสาลี แคว้นวัชชี ประเทศอินเดีย โดยมีพระยสะ กากัณฑกบุตร เป็นผู้ชักชวน พระเถระผู้ใหญ่ที่เข้าร่วมทําสังคายนาครั้งนี้ ได้แก่ พระสัพพกามี พระสาฬหะ พระขุชชโสภิตะ พระวาสภคามิกะ (ทั้งสี่รูปนี้เป็นชาวปาจีนกะ) พระเรวตะ พระสัมภูตะ สาณวาสี พระยสะ กากัณฑกบุตร และพระสุมนะ (ทั้งสี่รูปนี้เป็นชาวปาฐา) ในการนี้พระเรวตะทําหน้าที่เป็นประธาน ผู้คอยซักถาม และพระสัพพกามีเป็นผู้นําในการวิสัชนาข้อวินัย การทําสังคายนาครั้งนี้มีพระสงฆ์มาประชุม ร่วมกัน 700 รูป ดําเนินการอยู่เป็นเวลา 8 เดือน จึงเสร็จสิ้น

ข้อปรารภในการทําสังคายนาครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อ พระยสะ กากัณฑกบุตร พบเห็นข้อปฏิบัติย่อหย่อน 10 ประการทางพระวินัยของภิกษุวัชชีบุตร เช่น การเก็บเกลือไว้ในเขาสัตว์เพื่อนํามาผสมอาหารรับประทาน ได้หลาย ๆ วัน การฉันอาหารในยามวิกาล การรับเงินทองได้ เป็นต้น พระยสะ กากัณฑกบุตรจึงชวนพระเถระ ต่าง ๆ ให้ช่วยกันวินิจฉัย แก้ความถือผิดครั้งนี้

โดยรายละเอียดของปฐมสังคายนาและการสังคายนาครั้งที่สอง มีกล่าวถึงในพระวินัยปิฎก จุลลวรรค แม้ในวินัยปิฎกจะไม่กล่าวถึงคําว่าพระไตรปิฎกในการปฐมสังคายนา และการสังคายนาครั้งที่สองเลย แต่ในสมันตัปปาสาทิกา ซึ่งเป็นอรรถกถาอธิบายวินัยปิฎกนั้น บอกว่าการจัดหมวดหมู่คําสอนของพระพุทธศาสนา ให้เป็นรูปเป็นร่างอย่างพระไตรปิฎกนั้น มีมาตั้งแต่ครั้งปฐมสังคายนาแล้ว


https://siwanon13980.wordpress.com/category

การสังคายนาครั้งที่สาม

การทําสังคายนาครั้งที่สามเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ.235 ที่อโศการาม กรุงปาฏลีบุตร ประเทศอินเดีย โดยมี พระโมคคลีบุตร ติสสเถระ เป็นประธาน การทําสังคายนาครั้งนี้มีพระสงฆ์มาประชุมร่วมกัน 1,000 รูป ดําเนินการอยู่เป็นเวลา 9 เดือน จึงเสร็จสิ้น

ข้อปรารภในการทําสังคายนาครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อมีพวกเดียรถีย์ หรือนักบวชศาสนาอื่นมาปลอมบวช แล้วแสดงลัทธิศาสนาและความเห็นของตนว่าเป็นพระพุทธศาสนา พระโมคคลีบุตร ติสสเถระ จึงได้ขอความอุปถัมภ์จากพระเจ้าอโศกมหาราช สังคายนาพระธรรมวินัยเพื่อกําจัดความเห็นของพวกเดียรถีย์ออกไป

ในการทําสังคายนาครั้งนี้ พระโมคคลีบุตร ติสสเถระ ได้แต่งคัมภีร์กถาวัตถุ ซึ่งเป็นคัมภีร์หนึ่งใน พระอภิธรรมไว้ด้วย และเมื่อทําสังคายนาเสร็จแล้ว ก็มีการส่งคณะทูตไปประกาศพระพุทธศาสนาใน ประเทศต่าง ๆ ในที่นี้มีพระมหินทเถระผู้เป็นโอรสของพระเจ้าอโศกมหาราช ที่นําพระพุทธศานาไปประดิษฐานในลังกา รวมทั้งพระโสณะเถระและพระอุตตระเถระ ที่นําพระพุทธศาสนามาเผยแผ่ยังดินแดนสุวรรณภูมิด้วย


https://siambass4.blogspot.com/2015/12/3_30.html

https://siwanon13980.wordpress.com/category

การสังคายนาครั้งที่สี่

การทําสังคายนาครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ.238 ที่ถูปาราม เมืองอนุราธบุรี ประเทศศรีลังกา โดยพระเจ้าเทวนัมปิยติสสะเป็นองค์อุปถัมภ์ มีพระมหินทเถระเป็นประธาน พระอริฏฐะเป็นผู้สวดวินัย และ พระสงฆ์มาประชุมกัน 68,000 รูป สาเหตุการสังคายนาเพราะต้องการวางรากฐานพระพุทธศาสนาในประเทศศรีลังกา


การสังคายนาครั้งที่ห้า

การทําสังคายนาครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 460 ที่อาโลกเลณสถาน มดเลชนบท ประเทศศรีลังกา โดยมีพระรักขิตมหาเถระเป็นประธาน การทําสังคายนาครั้งนี้เพื่อต้องการจารึกพระพุทธวจนะเป็นลายลักษณ์อักษร หลังจากที่มีการพัฒนาด้านภาษาเขียน จากตัวอักษร อนักษระ (ภาษารูปภาพ) มาเป็นอักษระ (ภาษาเขียนเลียนแบบเสียงพูด) ซึ่งภาษาอนักษระ พระอรหันต์ในอดีตเห็นถึงความไม่เหมาะสมในการบันทึกไว้เพราะจะ ทําให้พระพุทธวจนะคลาดเคลื่อนเสื่อมสูญได้ ถึงจัดหมวดหมู่แบ่งกันรับผิดชอบท่องจํา เมื่อภายหลังมีภาษา เขียนแบบอักษระจึงเห็นควรให้จารึกเป็นลายลักษณ์อักษร

 


http://bboommeezz.blogspot.com/2018/05/1.html