ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับสารเสพติด
สารเสพติด ยาหรือสารเคมี หรือวัตถุชนิดใดๆ ก็ตาม เมื่อเสพเข้าสู่ร่างกายแล้ว ไม่ว่าจะโดยวิธีการรับประทาน สูบ ฉีด ดม หรือวิธีอื่นๆ แล้วก่อให้เกิดผลต่อร่างกายและจิตใจของผู้เสพสารเสพติด
ผลร้ายของสารเสพติดที่มีต่อผู้เสพที่สำคัญ
•มีความต้องการเสพสารนั้นอย่างรุนแรงทั้งทางร่างกาย จิตใจ และตลอดเวลา
•ต้องเพิ่มขนาดหรือปริมาณการเสพมากขึ้น
•มีอาการอยากยาหรือหิวยาเมื่อถึงเวลาที่ต้องการเสพแล้วไม่ได้เสพ โดยจะแสดงอาการออกมาในลักษณะต่างๆ เช่น หาว อาเจียนน้ำตาน้ำมูกไหล คลุ้มคลั่ง ขาดสติ เป็นต้น
•ทำให้สุขภาพร่างกายและจิตใจของผู้เสพเสื่อมโทรมลงอย่างรวดเร็ว
สารเสพติดที่แบ่งตามแหล่งที่เกิด
แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
สารเสพติดธรรมชาติ
เป็นสารหรือยาเสพติดที่ได้มาจากพืช หรือพันธุ์ไม้บางชนิดที่ขึ้นอยู่ตามธรรมชาติ ได้แก่ ฝิ่น กัญชา กระท่อม รวมไปถึงมอร์ฟีน (Morphine) และเฮโรอีน (Heroine) ซึ่งแปรสภาพทางเคมีมาจากฝิ่น
สารเสพติดสังเคราะห์
เป็นสารหรือยาที่ผลิตหรือสังเคราะห์ขึ้นด้วยวิธีทางเคมีและนำมาใช้แทนสารเสพติดธรรมชาติ ได้แก่ ยาบ้า ยาอีกาวซีเมนต์ (Fast Setting Latex) ทินเนอร์ (Thinner)
สารเสพติดที่แบ่งตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 (แบ่งออกเป็น 5 ประเภท)
สารเสพติดที่แบ่งตามการออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท
การเปลี่ยนแปลงทางด้านพฤติกรรม
1.มีนิสัยเกียจคร้านและขาดความรับผิดชอบ
2.ซึมเศร้า อารมณ์หงุดหงิด ฉุนเฉียว และโมโหง่าย เอาแต่ใจตนเอง เบื่อหน่ายต่อการเรียนหรือการทำงานทุกอย่าง
3.ขาดสติสัมปชัญญะ
4.มีนิสัยโกหก โดยเริ่มจากโกหกเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไปจนกระทั่งโกหกเรื่องที่มีความสำคัญมากขึ้น
5.ใช้เงินเปลืองผิดปกติ โดยจะใช้เงินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ภายในไม่เกิน 1 ปี มีหนี้สินจนทำให้บางครั้งมีนิสัยที่ลักเล็กขโมยน้อย
6.ขาดความเป็นระเบียบเรียบร้อย และสกปรก
7.ชอบเก็บตัว ไม่สุงสิงกับใคร
8.มีการติดต่อกับคนแปลกหน้ามากขึ้น โดยมักเป็นพวกที่มีการเสพยาเหมือนกัน
9.ใช้ห้องน้ำนานผิดปกติ
10.พกพาอุปกรณ์เกี่ยวกับการเสพสารเสพติด
ความสัมพันธ์ของการใช้สารเสพติดกับการเกิดโรคและอุบัติเหตุ
ประเภทของสารเสพติดกับการเกิดโรค
เป็นสารเสพติดที่ให้โทษทั้งต่อตนเองและผู้อื่น เพราะในควันบุหรี่มีสารเคมีอยู่มากมาย ซึ่งเป็นพิษภัยต่อสุขภาพของ ผู้เสพและผู้ที่ได้รับควันบุหรี่เข้าสู่ร่างกาย โดยสารที่อยู่ในบุหรี่นั้นจะไม่มีผลที่ทำให้ผู้สูบติดได้ แต่จะเป็นการติดทางใจ ที่เรียกว่า “สิ่งเสพติดนิสัย” สูบเพราะความเคยชิน ถ้าไม่สูบจะไม่ทำให้เกิดอาการ “ลงแดง” เหมือนสารเสพติดอื่นๆ
สารพิษที่ส่งผลต่อสุขภาพอย่างเห็นได้ชัด
•นิโคติน (Nicotine)
•ทาร์ (Tar) หรือนํ้ามันดิน
•แก๊สต่างๆ
•สารก่อมะเร็ง (Carcinogen) ต่างๆ
•สารระคายเคืองต่างๆ
โรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่
โรคมะเร็งปอด
เกิดจากสารก่อมะเร็งชนิดต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารทาร์ที่ได้รับจากควันบุหรี่
โรคถุงลมโป่งพอง
เป็นโรคที่เนื้อปอดและถุงลมปอดถูกทำลาย ส่งผลให้การแลกเปลี่ยนออกซิเจนลดลง ทำให้รู้สึกหายใจไม่เพียงพอหอบเหนื่อย หายใจลำบากและถี่ขึ้น ซึ่งสาเหตุเกิดจากการสูบบุหรี่ โดยการสูดเอาควันบุหรี่เข้าไปในร่างกาย และผ่านเข้าไปในปอด
โรคหัวใจ
สารพิษที่อยู่ในควันบุหรี่ ได้แก่ แก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ และนิโคติน เหล่านี้จะมีผลต่อการทำงานของหัวใจ ทำให้หลอดเลือดตีบตัน เกิดอาการหัวใจวาย
สุรา มีผลต่อการทำงานของระบบต่างๆ ภายในร่างกาย โดยเอทิลแอลกอฮอล์ (Ethyl Alcohol) ที่มีอยู่ในสุรานี้ เมื่อดื่ม เข้าไปจะดูดซึมและกระจายไปในทุกส่วนของร่างกายภายในเวลา 5 นาที มีผลทำให้เกิดพิษต่อระบบต่างๆ ที่สำคัญ
•พิษต่อระบบประสาทส่วนกลาง
เมื่อดื่มเข้าไปในปริมาณที่มากจะออกฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง ทำให้ขาดความยับยั้งชั่งใจ ขาดสติ ขาดประสิทธิภาพในการกระทำสิ่งต่างๆ
•พิษต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด
ทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันเลือดสูง หลอดเลือดขยายตัว การไหลเวียนของเลือดเพิ่มมากขึ้นกว่าร้อยละ 1 จากสภาพปกติ ทำให้ผู้ดื่มมีใบหน้าแดง หูแดง มีเลือดไปเลี้ยงสมองมาก ทำให้สมองบวม มีอาการปวดศีรษะ
•พิษต่อการทำงานของตับ
ทำให้ตับทำงานหนัก เกิดภาวะตับแข็ง และกลายเป็นโรคมะเร็งตับในที่สุด
•ระบบเผาผลาญและต่อมไร้ท่อ
เช่น ระดับฮอร์โมนเพศลดลง สมรรถภาพทางเพศลดลง เป็นต้น
•พิษต่อระบบต้านเชื้อโรค
ทำให้ร่างกายอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันตํ่า ติดเชื้อและเป็นโรคได้ง่าย
•พิษต่อทารกในครรภ์
อาจมีผลทำให้ทารกในครรภ์พิการหรือแท้งได้
โรคที่เกิดจากการดื่มสุรา
โรคพิษสุราเรื้อรัง
ผู้ป่วยจะมีอาการอยากหรือกระหาย ต้องการดื่มสุราจนไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ถ้าหากไม่ได้ดื่ม จะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เหงื่อออก มือสั่น กระวนกระวาย
โรคมะเร็งตับ
ผู้ป่วยจะมีอาการนํ้าหนักลด อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร จุกเสียดแน่นท้อง ท้องผูก ปวดท้องตลอดเวลา ปวดหรือเสียดบริเวณชายโครงทางด้านขวาอาจคลำก้อนได้ที่บริเวณตับ ท้องบวมขึ้น หายใจลำบาก ตัวเหลือง ตาเหลือง และบวมบริเวณขาทั้ง 2 ข้าง โดยจะเสียชีวิตภายใน 3-6 เดือน
ยาบ้า เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าแอมเฟตามีน (Methamphetamine) มีลักษณะเป็นเม็ดกลมแบนขนาดเล็ก มีพิษต่อระบบประสาท เมื่อเสพเข้าสู่ร่างกาย จะทำให้ประสาทตึงเครียด อาจเกิดภาพหลอน เพ้อคลั่ง บางรายมีอาการถึงขั้นทำร้ายตนเองและผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต แต่เมื่อหมดฤทธิ์ยา จะรู้สึกอ่อนเพลียมากกว่าปกติ ประสาทล้า ทำให้การตัดสินใจช้าและผิดพลาด
โรคประสาทที่เกิดจากการเสพยาบ้า แบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด
•โรคประสาทชนิดวิตกกังวล
จะมีอาการวิตกกังวลเกือบตลอดเวลา ไม่สบายใจ มีอาการตึงของกล้ามเนื้อ ใจสั่น อาจมีอาการตัวร้อน รู้สึกชาเป็นแถบๆ หายใจไม่เต็มปอด เบื่ออาหาร มีเหงื่อออกตามมือและเท้า ก่อนนอนจะมีอาการสะดุ้งคล้ายกับตกจากที่สูง
•โรคประสาทชนิดหวาดกลัว
มีความกลัวอย่างรุนแรงโดยไม่มีสาเหตุ โดยจะมีอาการหวาดกลัวแสดงออกในรูปของการเป็นลม อ่อนเพลีย ใจสั่น เหงื่อออก คลื่นไส้แต่อาการเหล่านี้จะหายไปเมื่อพ้นจากสภาพการณ์ ซึ่งสิ่งที่ผู้ที่เป็นโรคประสาทชนิดนี้จะหวาดกลัว ได้แก่ กลัวการอยู่ตามลำพัง กลัวสถานการณ์บางอย่าง กลัววัตถุ กลัวกิจกรรม กลัวการลอบทำร้าย และการถูกตามฆ่า
ยาบ้า
การเสพยาบ้ามีโอกาสก่อให้เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งส่วนใหญ่มักอยู่ในกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมเสพยาบ่อยครั้ง ได้แก่ ผู้ขับรถบรรทุก พนักงานขับรถโดยสารประจำทาง หรือผู้ขับรถกระบะบรรทุกสินค้าบางราย เป็นต้น โดยบุคคลเหล่านี้จะมีความเชื่อว่า การเสพยาบ้าจะทำให้สามารถขับรถได้นานกว่าปกติ
แท้จริงแล้วเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง เพราะยาบ้าจะทำให้เกิดโทษร้ายแรงและทำให้กำลังเสื่อมถอยเร็วกว่าวัยอันควร โดยยาบ้าจะออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทโดยจะไปกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ เกี่ยวกับการเคลื่อนไหว การทรงตัว และการถ่ายทอดความรู้สึก มีผลทำให้ผู้ที่เสพมีประสาทตื่นตัว ร่างกายจะถูกกระตุ้นให้ต้องทำงานหนักมากเกินกำลังอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
แต่เมื่อหมดฤทธิ์ยาร่างกายจะเกิดการอ่อนเพลีย มีอาการซึมเศร้า ง่วงเหงาหาวนอนและหลับในง่าย บางรายอาจมีอาการประสาทหลอน มองเห็นภาพหลอน คิดว่าตนเองถูกทำร้ายจึงเป็นเหตุให้นำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้
ยาเลิฟ ยาอี และยาไอซ์
ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท และหลอนประสาทเมื่อเสพเข้าไปจะทำให้มีอาการเคลิบเคลิ้ม ได้ยินเสียงและมองเห็นแสงสีต่างๆ ผิดไปจากความเป็นจริง ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้ มีความสนุกสนานได้ทุกสถานการณ์ มีความต้องการทางเพศสูง ซึ่งบางรายอาจมีผลทำให้เกิดพฤติกรรมการสำส่อนทางเพศ จึงเป็นเหตุให้มีโอกาสเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ง่าย
สารระเหย
มีลักษณะเป็นไอ ระเหยเร็ว มักพบอยู่ในรูปของผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ทินเนอร์ กาวยาง แล็กเกอร์ สีสเปรย์ น้ำยาล้างเล็บ น้ำมันเบนซิน สีน้ำมัน เป็นต้น มีฤทธิ์หลอนประสาท ทำให้ประสาทรับความรู้สึกผิดไปจากปกติ เมื่อสารระเหย ถูกสูดผ่านทางเดินหายใจจะเข้าสู่โลหิต และแพร่กระจายเข้าสู่อวัยวะภายในอย่างรวดเร็ว จึงทำให้เป็นอันตรายทั้งต่อ ระบบและอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย
กัญชา
มีฤทธิ์หลอนประสาท ทำให้ผู้เสพเห็นภาพหลอนผิดไปจากความเป็นจริง มักได้ยินเสียงแว่ว ประสาทมึนงง อารมณ์ และความความคิดสับสนหวาดกลัวโดยไม่มีเหตุผล หากเสพไปนานๆ อาจมีผลต่อสุขภาพทำให้เป็นโรคจิตได้
เฮโรอีน
มีลักษณะเป็นผงสีขาว มักเรียกกันว่า “ผงขาว” ไม่มีกลิ่น รสขมจัด มีฤทธิ์รุนแรงกว่ามอร์ฟีน 4-8 เท่า แม้เสพเพียงครั้งเดียวหรือสองครั้งก็สามารถทำให้ติดได้ทันที โดยจะออกฤทธิ์กดประสาทำให้มึนงง เซื่องซึม ง่วง เคลิ้ม สามารถหลับได้นานโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
สารเสพติดกับการเกิดอุบัติเหตุ
สุรา
มีผลกระทบต่อสมองส่วนที่ควบคุมการประสานงานของแขน ขาและสายตา ทำให้เกิดการทำงานที่ไม่สมดุลกันประสิทธิภาพในการขับขี่ลดลงมาก บางราย มีอาการคึกคะนอง ไม่สามารถจะควบคุมยานพาหนะได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จึงมีความเสี่ยงภัยต่อการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งนอกจากจะทำให้ตนเองและครอบครัวเดือดร้อนแล้ว ยังส่งผลทำให้ผู้อื่นได้รับอันตราย บาดเจ็บ พิการ หรือเสียชีวิตได้