ความหมายและลักษณะของพฤติกรรมการล่วงละเมิดทางเพศ
ความหมายของพฤติกรรมการล่วงละเมิดทางเพศ
พฤติกรรมของบุคคลที่ละเมิดสิทธิของบุคคลอื่นในเรื่องเพศลักษณะต่างๆ เช่น ด้วยคำพูด ด้วยสายตา การใช้ท่าทีที่ส่อเจตนาล่วงเกินทางเพศ การกระทำอนาจาร ตลอดจนการบังคับให้มีเพศสัมพันธ์ การข่มขืน และการกระทำที่ทำให้ผู้อื่นได้รับความอับอาย โดยที่ผู้ถูกกระทำไม่ยินยอมพร้อมใจ อันจะส่งผลกระทบต่อร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม รวมถึงสวัสดิภาพและการดำรงชีวิตอย่างปกติสุข
ลักษณะของพฤติกรรมการล่วงละเมิดทางเพศ
ล่วงละเมิดทางเพศด้วยวาจา
การกระทำอนาจารต่อบุคคลอื่นด้วยคำพูดเพื่อตอบสนองความพึงพอใจของตนเองในเรื่องเพศ ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่รุนแรง เช่น
•การวิพากษ์ วิจารณ์ เกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของผู้อื่นที่ส่อไปในทางลามกอนาจาร
•การตามจีบ ตามตื๊อ พูดจาเกี้ยวพาราสี ทั้งๆ ที่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ชอบ
•การเล่าเรื่องตลกลามก เรื่องสองแง่สองง่ามในเรื่องเพศ
•การใช้คำพูดแทะโลมหยาบคายเรื่องเพศ
•การใช้คำพูดเพื่อกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ
•การใช้โทรศัพท์พูดคุยเรื่องเพศ ลวนลาม เพื่อกระตุ้นอารมณ์ทางเพศของตน
ล่วงละเมิดทางเพศด้วยการกระทำที่ไม่ได้ถูกเนื้อต้องตัว
การกระทำอนาจารต่อบุคคลอื่นด้วยการกระทำต่างๆ อาจจะด้วยสายตา การอวดอวัยวะเพศตลอดจนการใช้สื่อต่างๆ เพื่อการตอบสนองความพึงพอใจของตนเองในเรื่องเพศ
•การจ้องมองของสงวน เช่น หน้าอก อวัยวะเพศของผู้อื่น เป็นต้น
•การแอบดูหรือที่เรียกว่า “ถ้ำมอง” การแอบติดตั้งกล้องวงจรปิด และการแอบถ่ายภาพนิ่งหรือแอบถ่ายคลิป (clip) ตามห้องน้ำ ห้องลองเสื้อผ้า ห้องนอน ห้องแต่งตัว บันไดเลื่อน หรือสถานที่ส่วนตัวอื่นๆ
•การอวดอวัยวะเพศ
•การอวดแสดงภาพโป๊ หรือภาพที่ส่อไปในทางเพศ
•การเผยแพร่สื่อลามก หรือคลิปวิดีโอโป๊
•การแพร่ภาพถ่ายคลิปวิดีโอลามกอนาจารทางอินเทอร์เน็ต
ล่วงละเมิดทางเพศที่เป็นการกระทำอย่างชัดแจ้ง
การกระทำอนาจารด้วยการกระทำอย่างชัดเจนโดยการถูกเนื้อต้องตัวร่างกายบุคคลอื่นที่ไม่ยินยอมพร้อมใจเพื่อตอบสนองความพึงพอใจของตนเองในเรื่องเพศซึ่งถือเป็นการกระทำที่รุนแรง
•การแตะเนื้อต้องตัวโดยที่บุคคลอื่นไม่พึงประสงค์ เช่น การนั่ง การยืน การเดินที่ใกล้ชิดเกินไป การเสียดสีร่างกาย การแตะเนื้อต้องตัว จับต้องเสื้อผ้า ร่างกาย เป็นต้น
•การกระทำอนาจาร เช่น กอด จูบ ลูบ คลำ เป็นต้น ซึ่งเป็นการแสดงความใคร่ทางเพศ
•การขอมีเพศสัมพันธ์ การถูกบังคับให้มีเพศสัมพันธ์ การข่มขืน
สาเหตุของการถูกล่วงละเมิดทางเพศ
1.สถานภาพและความสัมพันธ์ของบุคคล
เป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งของการถูกล่วงละเมิดทางเพศ แบ่งออกเป็น ๒ กรณี คือ
•คนคุ้นเคย คือ บุคคลที่มีความสัมพันธ์รู้จักใกล้ชิดกัน สนิทสนมคุ้นเคยไว้วางใจกันเป็นอย่างดี ซึ่งความใกล้ชิดนี้อาจเป็นบ่อเกิดที่ทำให้เกิดการอยากถูกเนื้อต้องตัวหรือมักใช้คำพูดท่าทีที่ไม่เหมาะสมได้
•คนแปลกหน้า คือ บุคคลที่ไม่คุ้นเคยหรือรู้จักกันมาก่อน อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการแสดงพฤติกรรมที่เป็นการล่วงละเมิดทางเพศออกมาในช่วงเวลาที่มีโอกาสได้
2.สถานที่อยู่อาศัยไม่เหมาะสม
บ้านหรือที่อยู่อาศัยมีสภาพไม่เหมาะสม เช่น เป็นแหล่งเสื่อมโทรม ชุมชนแออัด หรือระยะทางระหว่างบ้านกับชุมชน โรงเรียน สถานที่ทำงานตั้งอยู่ในที่เปลี่ยว ห่างไกล ปลอดจากสายตาผู้คน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการถูกล่วงละเมิดทางเพศได้
3.สภาพการทำงาน
•การทำงานในที่ทำงาน โรงงาน หรือรับใช้ในบ้าน อาจถูกกระทำโดยนายจ้างสมาชิกครอบครัวนายจ้าง หรือผู้ร่วมงาน ซึ่งไม่สามารถป้องกันตนเองหรือกล้าโต้แย้ง ขัดขืนได้เพราะเกรงว่าจะถูกไล่ออกจากงาน จึงต้องจำยอมตกเป็นเหยื่อของการถูกล่วงละเมิดทางเพศ
•การถูกหลอกลวงมาจากต่างจังหวัดให้มาทำงาน เมื่อเกิดปัญหาต่างๆ ขึ้น จึงไม่กล้าหนีจำเป็นต้องทนต่อการถูกกระทำ ที่เป็นการล่วงละเมิดทางเพศ หรือการทำร้ายทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจหลากหลายรูปแบบ
4.การถูกกระตุ้นจากสื่อต่างๆ
ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ลามก เว็บไซต์ที่เน้นเรื่องเพศต่างๆ คลิปวิดีโอโป๊ เกมลามก ซีดี วีซีดีลามกอนาจาร ซึ่งมีอิทธิพลต่อ ทั้งผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ โดยเมื่อถูกกระตุ้นจากสื่อต่างๆ เหล่านี้อาจทำให้เกิดพฤติกรรมการเลียนแบบ อันเป็นสาเหตุและส่งผลให้เกิดการล่วงละเมิดทางเพศขึ้นได้
5.การไม่รักนวลสงวนตัว
โดยการแต่งกายที่ล่อแหลม ไม่มิดชิด การแสดงท่าที กิริยา บุคลิกที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ระมัดระวังที่ทำให้ส่อถึงการยั่วยุ รวมถึงการชอบเที่ยวเตร่ตามสถานเริงรมย์แหล่งอบายมุข
6.ผู้ที่มีความบกพร่องทางร่างกายและสติปัญญาหรือผู้เยาว์
โดยบุคคลที่ถูกกระทำในประเภทนี้มักจะมีสติปัญญาด้อยกว่าบุคคลปกติ หรือมีร่างกายไม่สมประกอบไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ หรืออาจเป็นผู้เยาว์ที่มีอายุยังน้อย ไม่รู้เท่าทันโลก ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้ถูกล่อลวงด้วยวิธีการต่างๆ และเกิดการล่วงละเมิดทางเพศได้ง่าย
7.สถานการณ์คับขันหรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
เป็นสถานการณ์หรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับบุคคลโดยที่ไม่คาดคิดและไม่รู้ตัว เช่น การถูกล่วงละเมิดทางเพศบนรถโดยสารโดยการถูกถูไถ ลูบคลำ การพบเห็นการอวดอวัยวะเพศตามสถานที่ต่างๆ เป็นต้น
ผลกระทบจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ
ผลกระทบด้านร่างกาย
•เกิดอาการบาดเจ็บ
•โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
•ตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์
ผลกระทบด้านอารมณ์และจิตใจ
•เกิดความกลัว ความวิตกกังวลใจ
•รู้สึกอับอาย จนเกิดภาวะเครียดและซึมเศร้า ในบางครั้งรุนแรงถึงขั้นที่จะคิดฆ่าตัวตายได้
•เกิดความรู้สึกผิด และรู้สึกว่าตนเองไร้ค่า และเกิดความสับสนต่อเรื่องเพศ
ผลกระทบด้านพฤติกรรมและบุคลิกภาพ
•การเรียนที่แย่ลง
•หนีออกจากโรงเรียน
•หนีออกจากบ้าน
•ประชดชีวิตด้วยการหันมาใช้สารเสพติด
•ขายบริการทางเพศ
ถ้าหากถูกล่วงละเมิดทางเพศหรือการทารุณทางเพศเป็นประจำ หรือเป็นระยะเวลานานในวัยเด็กทั้งนี้จากการศึกษาพบว่าเมื่อโตขึ้นพฤติกรรมทางเพศอาจผิดปกติไปด้วย อาจมีแนวโน้มจะเป็นอาชญากร แลอาชญากรรมทางเพศได้บางคนอาจกลายเป็นคนมีลักษณะชอบยั่วยวนมีพฤติกรรมที่สำส่อนทางเพศ หรืออาจกลายเป็นคนเก็บกดได้ ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาต่อตนเอง ครอบครัว และสังคม
ผลกระทบต่อครอบครัวและชีวิตประจำวัน
- การที่บุคคลต้องเผชิญปัญหาหรือเหตุการณ์จากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อครอบครัวและชีวิตประจำวัน ได้แก่
- ถูกส่งไปอยู่ที่อื่น ถ้าพิจารณาว่าบิดามารดาไม่สามารถดูแลปกป้องบุตรหลานได้หรือถ้าบิดา คนในครอบครัวเป็นผู้กระทำการล่วงละเมิดทางเพศเสียเอง จำเป็นต้องแยกผู้ถูกกระทำให้พ้นจากครอบครัว
- อาจถูกกล่าวโทษว่าเป็นต้นเหตุของเหตุการณ์ โดยอ้างว่าเป็นผู้ยั่วยุ หรือยินยอมให้เกิดการล่วงละเมิดทางเพศ ทำให้ผู้ถูกกระทำเกิดความเครียด ความอับอาย รู้สึกเป็นปมด้อยจนต้องย้ายโรงเรียน ลาออกจากงาน ย้ายที่อยู่ บางครั้งอาจ ทำให้เสียโอกาสในชีวิต
- ในกรณีที่เกิดการตั้งครรภ์ระหว่างอยู่ในวัยเรียน ซึ่งเป็นช่วงที่ไม่พร้อมที่จะมีบุตร จะส่งผลกระทบกับเด็กในครรภ์ โดยเมื่อเด็กคลอดออกมาแล้วครอบครัวต้องแบกรับภาระเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในด้านการเงิน ซึ่งอาจเป็นต้นเหตุของความขัดแย้ง ในครอบครัวอันจะนำไปสู่การเกิดปัญหาสังคมต่างๆ ตามมา
การป้องกันและหลีกเลี่ยงสถานการณ์เสี่ยงต่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศ
การเตรียมความพร้อมในการเดินทาง
การเดินทาง ด้วยรถโดยสารหรือรถประจำทาง •ควรเตรียมพร้อมเพื่อป้องกันการถูกล่วงละเมิดทางเพศ ดังนี้
1.ไม่ควรพูดคุยกับบุคคลแปลกหน้า หรือบอกว่ากำลังจะเดินทางไปไหน
2.เตรียมพร้อมที่จะเปลี่ยนแผนเส้นทางได้เสมอเมื่อตกอยู่ในภาวะคับขัน
3.ไม่ควรนั่งท้ายรถโดยสารเพียงลำพัง ควรนั่งบริเวณที่มีคนส่วนใหญ่นั่ง
4.ถ้าสังเกตพบว่ามีคนติดตาม หลังลงจากรถ ให้รีบเดินตรงไปยังสถานที่ที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมาก
การเดินทาง ด้วยรถรับจ้าง รถแท็กซี่ •ควรปฏิบัติ ดังนี้
1.ไม่ควรหลับในรถ และไม่ควรโดยสารไปคนเดียวในยามวิกาล
2.สังเกตบุคลิกท่าทางของคนขับ ถ้าไม่น่าไว้วางใจควรลงจากรถในที่ชุมชน
3.ก่อนขึ้นรถควรสังเกตชนิดลักษณะ และหมายเลขทะเบียนรถ รวมทั้งจดจำชื่อ นามสกุลคนขับที่ติดป้ายไว้ในรถ
4.ตรวจสอบว่าที่ล็อกประตูอยู่ตรงไหนและสามารถเปิดล็อกประตูได้อย่างไร
5.ถ้าผิดสังเกต หรือรู้สึกว่ากำลังจะมีเหตุการณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้น ให้โทรศัพท์ถึงบุคคลใกล้ชิดว่าขณะนี้อยู่ที่ใด หรือโทรสอบถามกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
6.กรณีที่เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน รู้สึกว่าตนเองเริ่มมีอาการผิดปกติ ซึ่งอาจจะมีอาการวิงเวียนศีรษะให้รีบเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศ แล้วรีบหาทางลงจากรถ
การเดินทาง ด้วยรถส่วนตัว •ควรเตรียมความพร้อมในการป้องกันตนเองให้ปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา โดยปฏิบัติ ดังนี้
1.ควรจอดรถในที่ที่มีแสงสว่าง มีรถวิ่งผ่านหรือใกล้ทางขึ้นลง
2.สังเกตว่ามีคนแปลกหน้าตามมาหรือไม่ พร้อมทั้งตรวจสอบภายในรถและรอบบริเวณก่อนเปิดประตูรถเข้าไป
3.ปิดประตู ล็อกประตูทุกด้าน พร้อมคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งก่อนสตาร์ตรถ
4.ไม่รับคนแปลกหน้าขึ้นรถ และไม่ควรทิ้งสิ่งของมีค่าไว้ในรถ
5.หลีกเลี่ยงการจอดรถข้างรถบรรทุก เพราะยากต่อการมองเห็น
6.ในกรณีที่เกิดภาวะฉุกเฉินและคับขัน หากถูกจี้ขณะขับรถควรตั้งสติ และคิดหาวิธีแก้สถานการณ์อย่างรอบคอบ เช่น การขับรถไปเฉี่ยวชนรถคันอื่น เป็นต้น
เมื่ออยู่ บนท้องถนน หรือ อยู่ในที่สาธารณะ•ต้องระมัดระวัง ดังนี้
1.สังเกตว่ามีคนติดตามมาหรือไม่ ถ้ามีพิรุธไม่ควรเข้าบ้านตนเอง หรือเดินไปในที่สาธารณะที่มีคนอยู่มาก หรืออาจขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
2.ไม่ควรเดินบนถนน ตรอก ซอกซอยที่มืดและเปลี่ยว บริเวณที่ดินหรือตึกรกร้าง โดยเฉพาะเวลากลางคืน และควรหลีกเลี่ยงการรอรถประจำทางที่ป้ายเพียงลำพัง
3.ไม่ควรสวมหูฟังวิทยุ ขณะเดิน หรือขณะที่รอรถประจำทาง หรือยืนข้างถนน และถ้าหากมีคนมาถามทางโดยมีท่าทางพิรุธ ควรระมัดระวังตนเองโดยการเดินหนีห่างออกไป
4.หลีกเลี่ยงการใช้ลิฟต์ตามลำพัง หรือใช้ลิฟต์ร่วมกับคนแปลกหน้าที่มีพิรุธและไม่น่าไว้วางใจ
5.ควรวางแผนการเดินทางไว้อย่างชัดเจน พร้อมทั้งสามารถปรับเปลี่ยนได้ถ้าต้องเผชิญกับปัญหาสถานการณ์เสี่ยงต่างๆ
6.ควรหาเครื่องมือป้องกันตนเองติดตัวไปขณะเดินทาง เช่น สเปรย์พริกไทย นกหวีด เป็นต้น
การเตรียมพร้อมเมื่ออยู่ที่บ้าน
1.ควรตรวจสอบประตู หน้าต่าง โดยล็อกให้เรียบร้อยก่อนเข้านอน
2.ควรเปิดไฟบริเวณบ้านในช่วงเวลาค่ำ
3.ไม่เปิดประตูรับคนแปลกหน้าเข้ามาในบ้านไม่ว่าจะด้วยกรณีใดก็ตาม
4.ควรเปิดวิทยุหรือโทรทัศน์ในบ้าน เพื่อทำให้คนภายนอกเข้าใจว่ามีคนอยู่หลายคน
5.การติดเครื่องตอบรับโทรศัพท์อัตโนมัติอาจก่อให้เกิดอันตราย ทำให้คนร้ายทราบได้ว่าไม่มีคนอยู่ในบ้าน
6.ควรระมัดระวังตนเองในการอยู่บ้านเพียงลำพังกับบุคคลที่มีพฤติกรรม ไม่น่าไว้วางใจ แม้จะเป็นบุคคลที่เป็นเครือญาติกันก็ตาม
7.ควรบันทึกหมายเลขโทรศัพท์ของสถานีตำรวจ และบุคคลที่วางใจไว้ในโทรศัพท์เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการขอความช่วยเหลือ
8.ควรเลี้ยงสุนัข หรือห่าน เพราะจะสามารถช่วยส่งสัญญาณเตือนให้ทราบ ได้ว่ามีบุคคลแปลกหน้าเข้ามา
การเตรียมตัวของตนเอง
1.ควรแต่งกายให้เรียบร้อย รัดกุม เหมาะสมกับวัย และรู้จักกาลเทศะ
2.หลีกเลี่ยงการไปพบหรือการรับสิ่งของจากคนแปลกหน้า หรือคนที่เพิ่งรู้จักกัน
3.หลีกเลี่ยงการกลับบ้านในเวลาดึกดื่นค่ำมืดเพียงลำพัง
4.ควรบอกเล่าเหตุการณ์ที่ผิดปกติ เช่น มีคนตามหรือมีท่าทีลวนลาม พูดจาเกี้ยวพาราสีขณะกลับบ้าน ให้แก่พ่อแม่ผู้ปกครองหรือผู้ใหญ่ที่เราไว้ใจให้ทราบ
5.หลีกเลี่ยงสถานบันเทิงหรือสถานการณ์ต่างๆ ที่เสี่ยงต่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศ
6.สำหรับสุภาพสตรีควรจะปฏิบัติตนต่อเพศตรงข้ามอย่างเหมาะสม ควรรู้จักรักนวลสงวนตัว
7.ฝึกทักษะในการป้องกันตนเองจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ เพราะอาจนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์และปัญหาอื่นๆ ตามมาได้
8.เมื่ออยู่ในสถานการณ์ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ต้องสามารถควบคุมอารมณ์ฝึกฝนตนเองให้มีสติ สามารถเผชิญต่อปัญหา และหาทางแก้ปัญหาอย่างรอบคอบ
เทคนิคการใช้อวัยวะและสิ่งของใกล้ตัวเป็นอาวุธ
เทคนิคการใช้อวัยวะ
อวัยวะในร่างกายของคนเราสามารถใช้เป็นอาวุธในการป้องกันตนเองจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศได้หลายอย่าง ได้แก่
•มือ สันมือ ฝ่ามือ หลังมือ และปลายนิ้ว
•เท้า ส้นเท้า ปลายเท้า ฝ่าเท้า และหลังเท้า
•เข่า
•ศอก
•ศีรษะ หน้าผาก กะโหลกศีรษะด้านหลัง
อวัยวะทั้ง 5 นี้ จะใช้มากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน นอกจากนี้ หากถึงคราวคับขัน การใช้ปาก ฟัน และเสียงตะโกนร้องขอความช่วยเหลือก็สามารถช่วยได้เช่นกัน
ตัวอย่าง การใช้อวัยวะเป็นอาวุธ สามารถแก้ไขได้ตามสถานการณ์ ดังนี้
เมื่อคนร้ายจะเข้ามาลวนลามหรือทำร้ายร่างกาย
•ระวังอย่าให้คนร้ายเข้ามาประชิดตัวเกินกว่า 2 ก้าว จงตั้งสติ และหาโอกาสป้องกันตัว โดยการใช้เท้าถีบไปที่ขาคนร้ายตรงบริเวณกระดูกขาท่อนบน หัวเข่า หรือหน้าแข้ง เพื่อหยุดคนร้าย
•ถ้าคนร้ายผลีผลามจะเข้ามาประชิดตัวให้เราป้องกันตัวโดยการใช้สันมือฟันไปที่ซอกคอหรือริมฝีปาก ดั้งจมูก คอ ไหปลาร้า กกหู หรือใช้สันมือกระแทกยันคางให้คนร้ายหงายหลัง แล้วฉวยโอกาสหลบหนี จากนั้นเรียกให้คนช่วย
เมื่อถูกคนร้ายจับมือขณะนั่ง เดิน หรือยืน
•ใช้มือข้างที่เป็นอิสระจับนิ้วก้อยของคนร้ายข้างที่จับเราอยู่ แล้วหักกลับขึ้นอย่างแรงและเร็ว เพื่อให้คนร้ายตกใจ และเกิดความเจ็บปวดจนต้องรีบปล่อยมือออก
เมื่อถูกคนร้ายจับมือทั้งสองข้างทางด้านหน้า
•ดึงมือกลับ โดยบิดข้อมือให้ฝ่ามือหันเข้าหากัน แล้วดึงมือเข้าหาลำตัว
•เมื่อมือหลุดเป็นอิสระแล้ว ให้ตวัดมือข้างที่ถนัดขึ้นสูง แล้วใช้สันมือฟาดลงบนดั้งจมูกคนร้ายอย่างเต็มแรง
•ให้แตะหน้าแข้งคนร้ายแรงๆ แล้ววิ่งหนีให้เร็วที่สุด
•อีกวิธีหนึ่ง คือ เบี่ยงตัวออกโดยหันหน้าเท้าที่ถนัดเข้าหาคนร้าย แล้วเตะหรือถีบไปที่หน้าแข้งคนร้าย หรือใช้ส้นเท้ากระแทกลงบนหัวเข่าของคนร้าย
เมื่อถูกคนร้ายจับมือทั้งสองข้างทางด้านหลัง
•ให้เกร็งข้อมือแล้วดึงตัวออกไปข้างหน้าขณะเดียวกันให้เหลียวดูหัวเข่าของคนร้ายและถีบที่หัวเข่าอย่างแรง แล้ววิ่งหนีอย่างเร็ว
เมื่อถูกคนร้ายบีบคอทางด้านหน้า
•ให้เกร็งลำคอไว้จากนั้นประสานมือยกขึ้น กระแทกมือคนร้ายให้ออกจากกันพร้อมกระแทกส้นเท้าที่หน้าแข้งคนร้ายแรงๆ หลายๆ ครั้ง
•เมื่อคนร้ายปล่อยมือ ให้กระแทกส้นเท้าลงไปที่หัวเข่าคนร้ายอย่างแรงอีกครั้งเพื่อไม่ให้คนร้ายตั้งตัวได้ทัน แล้ววิ่งหนีอย่างเร็ว ซึ่งคนร้ายอาจมีอาการเจ็บจนไม่สามารถตามเราได้ทัน
เมื่อถูกคนร้ายกอดทางด้านหน้า
•ให้สอดแขนข้างที่ถนัดขึ้นมา แล้วใช้สันมือกระแทกใต้คางคนร้ายอย่างแรง
•ใช้เข่ากระแทกไปที่ท้องน้อย หรือเป้ากางเกงของคนร้าย หรืออีกวิธีหนึ่ง คืออาจใช้นิ้วมือจิ้มตาคนร้าย แล้ววิ่งหนี
เมื่อถูกคนร้ายกอดทางด้านหลัง
•ให้ใช้ฝ่ามือยันปลายคางของคนร้ายให้เงยขึ้น แล้วใช้นิ้ว สันมือ หรือกำปั้นกระแทกไปที่ลูกกระเดือกโดยเร็ว หรือใช้กำปั้นทุบไปที่บริเวณดั้งจมูกคนร้าย
•อีกวิธีหนึ่ง ให้กระทุ้งศอกไปด้านหลังบริเวณลิ้นปี่หรือท้องน้อยคนร้าย เบี่ยงตัวออกไปด้านข้างเล็กน้อย แล้วยกศอกกระแทกไปที่คาง หรือคอของคนร้าย
เทคนิคการใช้สิ่งของใกล้ตัวเป็นอาวุธ
•การใช้หวี
โดยใช้ด้ามหวีแทงบริเวณใต้คาง หรือใช้หวีข่วนใบหน้าคนร้าย
•การใช้กุญแจ
โดยใช้กุญแจแทงบริเวณใต้ลูกกระเดือกหรือแทงเข้าที่ลูกตา
•การใช้ร่ม
โดยการถือร่มในท่าระมัดระวัง แล้วใช้ตัวร่มในท่าขวางกระแทกไปที่ลำคอคนร้าย หรืออาจ ใช้ปลายร่มแหลมๆ แทงไปที่ลิ้นปี่ของคนร้าย
•การใช้ปากกาหรือดินสอ
โดยใช้ปากกาหรือดินสอทิ่มไปที่หลังมือของคนร้าย
•การใช้ร่ม
โดยการถือร่มในท่าระมัดระวัง แล้วใช้ตัวร่มในท่าขวางกระแทกไปที่ลำคอคนร้าย หรืออาจใช้ปลายร่มแหลมๆ แทงไปที่ลิ้นปี่ของคนร้าย
•การใช้รองเท้า
โดยการกะระยะและเล็งไปที่จุดอ่อนของคนร้าย เช่น เป้ากางเกง ชายโครง ใบหน้า เป็นต้นแล้วยกเท้าขึ้นถีบอย่างแรงหรืออาจใช้วิธีถอดรองเท้า เพื่อใช้เป็นอาวุธในการตบ ตี โดยการใช้ส้นรองเท้ากระแทกไปที่จุดอ่อนต่างๆ
•การใช้ไม้กวาด
โดยใช้ด้ามไม้กวาดเป็นอาวุธเพื่อใช้สำหรับทิ่มแทงไปที่จุดอ่อน หรือโดยการจับไม้กวาดกระแทกแขนทั้งสองข้างของคนร้าย พร้อมกับเตะ ถีบที่หัวเข่า แล้วเปลี่ยนเป็นยกไม้กวาดขึ้นกระแทกที่คอหอย
ทักษะปฏิเสธเพื่อป้องกันการถูกล่วงละเมิดทางเพศ
การปฏิเสธ เป็นความสามารถในการใช้คำพูด หรือท่าทาง โดยทุกคนมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธในสิ่งที่ตนเองไม่อยากทำหรือเสี่ยงต่อความปลอดภัยได้
1.ตั้งสติ และตั้งใจที่จะปฏิเสธอย่างจริงจังทั้งท่าทาง คำพูด และน้ำเสียง เพื่อแสดงความตั้งใจอย่างชัดเจนที่จะขอปฏิเสธกับอีกฝ่ายหนึ่งโดยไม่ให้ความหวัง
2.ไม่เปิดโอกาสให้ฝ่ายชายมีข้ออ้าง จนทำให้ฝ่ายหญิงจนมุมและใจอ่อนได้
3.ขอความคิดเห็น ความเห็นชอบ แสดงกิริยาท่าทาง คำพูดที่เป็นมิตรการแสดงความขอบคุณ เมื่ออีกฝ่ายยอมรับในการปฏิเสธ
4.เมื่อถูกเซ้าซี้หรือสบประมาท ไม่ควรตำหนิ โกรธเคือง เพราะทำให้ขาดสติไม่มีสมาธิในการแก้ไขสถานการณ์
•ปฏิเสธซ้ำ โดยไม่ต้องใช้ข้ออ้างอีก พร้อมทั้งบอกลา และหาทางหลีกเลี่ยงจากสถานการณ์ดังกล่าว
•ต่อรอง โดยอาจหากิจกรรมอื่นๆ ที่ไม่มีความเสี่ยง เช่น ชวนไปห้องสมุดไปทำบุญที่วัด ไปออกกำลังกาย เป็นต้น มาทดแทน
•ผัดผ่อน โดยการยืดระยะเวลาออกไป เพื่อให้อีกฝ่ายเปลี่ยนใจ
กรณีตัวอย่างการใช้ทักษะปฏิเสธ
สถานการณ์และตัวอย่างที่ควรปฏิเสธ
- เพื่อนชายชวนไปดูหนังตอนเย็นหลังเลิกเรียน
“ไปไม่ได้นะ รายงานเรายังไม่เสร็จเลย”
- เพื่อนชายแสดงท่าทางโกรธ น้อยใจ พูดทำนองว่าถ้าไม่ไปแสดงว่าไม่รักจริง
“ถ้าเธอชอบเรา เธอต้องไม่คิดอย่างนั้น เราเองก็ชอบเธอนะ แต่เราไปไม่ได้จริงๆ”
- เพื่อนชายชวนไปงานเลี้ยงที่บ้านในวันหยุด
“ขอโทษด้วยนะ วันนี้เรานัดกินข้าวนอกบ้านกับคุณพ่อ คุณแม่ไว้แล้ว”
- เพื่อนชายเล่าเรื่องลามกให้ฟังพร้อมเอาคลิปวิดีโอโป๊ให้ดู
“เราว่าเปลี่ยนเรื่องคุยกันเถอะนะ เพราะถ้าพ่อแม่รู้เราทั้งคู่อาจจะโดนตำหนิได้”
- เพื่อนชายทำทีว่าจะโอบกอดขณะกำลังคุยเรื่องงานกันอยู่ 2 คน
“เราทั้งคู่ยังเด็กเกินไป อย่าเพิ่งทำอะไรเกินเลยมากไปกว่านี้เลยนะ”