ความขัดแย้งระหว่างนักเรียนในชุมชน
ความขัดแย้ง หมายถึง ปฏิสัมพันธ์ที่มีลักษณะของความไม่เป็นมิตรหรือตรงกันข้าม หรือไม่ลงรอยกัน หรือความไม่สอดคล้องกัน ซึ่งมีลักษณะ ดังนี้
• จะมีบุคคลอย่างน้อยที่สุด ๒ บุคคลที่เข้ามาเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน และมีปฏิสัมพันธ์บางอย่างต่อกัน
• แต่ละบุคคล จะมีความเชื่อและค่านิยมเฉพาะ ซึ่งแต่ละบุคคลตระหนักและมองเห็นในความเชื่อและค่านิยมนั้น
• ปฏิสัมพันธ์ระหว่างแต่ละบุคคล ซึ่งจะแสดงออกมาเป็นพฤติกรรมที่แสดงถึงการข่มขู่ การลดพลัง การกดดันฝ่ายตรงข้าม เพื่อให้ได้มาซึ่ง ชัย ชนะ
• แต่ละบุคคล เผชิญหน้ากันหรือแสดงปฏิกิริยาในลักษณะตรงข้ามกันหรือเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน แต่ละบุคคลจะแสดงปฏิกิริยาที่ก่อให้เกิด ความเหนือกว่าทางด้านอำนาจต่ออีกฝ่ายหนึ่ง
สาเหตุความขัดแย้งระหว่างนักเรียนในชุมชน
• ความไม่เข้าใจกัน
• ความสัมพันธ์ที่เพิกเฉยและไม่เกื้อกูลกัน
• ความล้มเหลวของการสื่อความหมายอย่างเปิดเผยและซื่อตรง
• บรรยากาศของการไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน ความกดดัน และการล้อเลียน การกลั่นแกล้ง
• การมีสัญชาตญาณของความรุนแรง ก้าวร้าว
ครอบครัวแตกแยก คบเพื่อนที่เป็นอันธพาล ชอบใช้กำลังในการตัดสินปัญหา
ผลกระทบที่เกิดจากความขัดแย้งระหว่างนักเรียนในชุมชน
ผลกระทบที่เกิดจากความรุนแรงของวัยรุ่นนั้น มีตั้งแต่เรื่องเล็กน้อยไปจนถึงเกิดความสูญเสียถึงชีวิต ดังนี้
• ถูกจับได้เมื่อขโมยสิ่งของ เงินทอง ทรัพย์สินของมีค่าของเพื่อน ครู พ่อแม่หรือผู้ปกครองเป็น
ประจำ
• สังคมและชุมชนที่อยู่อาศัยมีความไม่สงบสุข จากการที่วัยรุ่นมีพฤติกรรมต่อต้านสังคม
• ผู้ถูกข่มขู่เกิดความวิตกกังวล มีความหวาดกลัวหรือได้รับบาดเจ็บจากการถูกทำร้าย
• เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีในสังคม
แนวทางในการแก้ปัญหาหรือลดความขัดแย้ง
การมีสุขภาพจิตใจที่ดี มีความสุข จะเป็นพลังส่วนหนึ่งช่วยทำให้บุคคลเผชิญกับปัญหา หรือหาแนวทาง
แก้ไขได้อย่างเหมาะสม ซึ่งปัญหา ด้านความขัดแย้งของวัยรุ่น มีแนวทางแก้ไขปัญหาดังนี้
• ปรึกษาพ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือครูอาจารย์
• มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา
• วัยรุ่นที่มีอารมณ์ร้าย สามารถใช้หลักธรรมเพื่อช่วยระงับอารมณ์ได้ เช่น การฝึกวิปัสสนา
เจริญสติปัฏฐาน หรือฝึกอานาปานสติ เป็นต้น
• มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ทางโรงเรียนจัดให้ เช่น โครงการเสริมสร้างสันติวัฒนธรรม
•ในโรงเรียน และพัฒนาศักยภาพบุคลากรในสถานศึกษา
• มีวิธีการหรือกระบวนการคลี่คลายความขัดแย้งโดยใช้หลักการประนีประนอม
• มีทักษะในการสื่อสารที่ดีเพื่อลดและแก้ปัญหาความขัดแย้ง
• รู้จักปรับตัวเองให้เข้ากับบุคลในสังคมให้ได้
สร้างและรักษาสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น
• ในชีวิตประจำวันเราต้องพบปะติดต่อกับบุคคลอื่น การสร้างสัมพันธภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็นเมื่อมีสัมพันธภาพที่ดีต่อกันแล้วก็ควรจะรักษา
สัมพันธภาพนั้นให้ยาวนานตลอดไป ซึ่งในการสร้างและรักษาสัมพันธภาพนั้นจะต้องเหมาะสมกับบุคคลที่เราเกี่ยวข้องด้วย ดังนี้
บิดา มารดา ญาติผู้ใหญ่และครูอาจารย์
• มีความเคารพเชื่อฟัง
• แสดงกิริยาอ่อนน้อมตามมารยาทของสังคมไทย
• ช่วยเหลือ รับใช้ตามสมควรแก่โอกาส
• เป็นมิตรที่ดีต่อทุกๆ คน มีความจริงใจต่อกัน
• ให้ความช่วยเหลือหรือแบ่งปันสิ่งของ และเงินทองตามกำลังความสามารถ
ญาติพี่น้อง และเพื่อน คู่รัก
• พูดจาต่อกันอย่างสุภาพ
• ให้เกียรติซึ่งกันและกัน
• ฝ่ายชายต้องทำตัวให้เป็นสุภาพบุรุษ
• ฝ่ายหญิงต้องรักนวลสงวนตัว และเป็นกุลสตรี