1.ความสำคัญของอาหาร
อาหารเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย นอกจากอาหารจะให้พลังงานและสร้างความเจริญเติบโตให้แก่ ร่างกาย ช่วยควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย โดยอาหารนั้นมีความสำคัญที่สามารถสรถปได้ ดังนี้
ช่วยให้ร่างกายเจริญ เติบโตและซ่อมแซมส่วนที่ สึกหรอนับตั้งแต่อยู่ในครรภ์ มารดาจนกระทั้งคลอดออก มาและมีการเจริญเติบโตขึ้น เรื่อยๆ หากได้รับอาหารที่ เหมาะสมกับความต้องการ ของร่างกายไปจนกระทั่งถึง วัยผู้ใหญ่
ให้พลังงานและความอบอุ่นแก่ร่างกาย เมื่อรับประทานอาหารเข้าไปจะเกิดการเผาผลาญทำให้มีพลังงานความร้อนเกิดขึ้น โดยพลังงานความร้อนจะทำหน้าที่ให้ ความอบอุ่นแก่ร่างกาย
ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคให้แก่ร่างกาย ซึ่งคนที่รับ
ประทานอาหารอย่างเหมาะสมและถูกหลักโภชนา ร่างกายจะ
สามารถต้านทานโรคได้ดีเพราะมีภูมิต้านทานโรคที่ได้รับจาก
อาหาร และถ้ามีอาการเจ็บป่วย เล็กน้อยไม่รุนแรงนัก ร่างกายก็จะสามรถรักษาตัวเองได้
ช่วยให้อวัยวะต่างๆในร่างกายสามารถทำงานได้ตามปกติจากแหล่งพลังงานของร่างกายมาจากอาหาร หากได้รับอาหารที่เหมาะสม ก็จะทำให้อวัยวะต่างๆ สามารถทำงานได้ตามปกติ
2.หลักการเลือกบริโภคอาหาร
การจะมีสุขภาพที่ดีได้ การรับประทานอาหารนับเป็นปัจจัยสำคัญ จำเป็นต้องมีความรู้ เพื่อจะได้เลือกบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ ให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย
- การเลือกบริโภคอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ
- การเลือกบริโภคอาหารตามธรรมชาติ
- สร้างพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ถูกต้อง
การเลือกบริโภคอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ
เพื่อการสร้างเสริมสุขภาพที่ดีนั้นทางกองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้กำหนดแนวคิดและสื่อเพื่อนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ให้เกิดความเข้าใจของประชาชนต่อ การเลือกบริโภคอาหารเพื่อมีสุขภาพที่ดี
การเลือกบริโภคอาหารตามธรรมชาติ
• บริโภคธัญพืชเต็มรูป โดยไม่ผ่านการขัดสี เช่น เลือกบริโภคข้าวกล้อง หรือข้าวซ้อมมือแทนข้าวขัดสี เพราะมีใยอาหาร
ที่ช่วยให้การขับถ่ายดี ยังสามารถช่วยให้ร่างกายมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดี ทำให้ไม่เป็นโรคภูมิแพ้ได้ง่าย
• หลีกเลี่ยงอาหารสำเร็จรูปที่ผ่านกระบวนการต่างๆ เพื่อให้อาหารนั้นเก็บไว้เป็นเวลานานโดยไม่เน่าเสีย เช่นอาหารกระป๋อง
อาหารบางชนิดใส่สารกันบูดเพื่อให้เก็บไว้ได้นาน สารเจือปนหรือสารเคมีอื่นๆ รวมทั้งอาจมีสารพิษที่เข้าสุ่ร่างกายได้
•เลือกบริโภคอาหารอินทรีย์ หรืออาหารชีวจิตที่ไม่ได้ใช้สารเคมี เป็นอาหารที่คงสภาพตามธรรมชาติเดิมไว้มากที่สุด ไม่ผ่าน
การปรุงแต่งมากมาย และยังคงรสชาติเดิมๆของอาหารไว้
สร้างพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ถูกต้อง
บริโภคอาหารอย่างมีสติ
•สามารถทดลองอาหารแปลกๆ ใหม่ๆ ได้เสมอ
•บริโภคอาหารให้ครบหมวดหมู่อย่างพอดี
•รู้จักควบคุมอาหาร
•ระลึกและมีสติกับสิ่งที่กำลัง บริโภค
•ควรบริโภคอาหารตามมื้อให้ เป็นเวลา
บริโภคอาหารครบ ๓ มื้อ
โดยเฉพาะอาหารมื้อเช้าจัดว่า เป็นอาหารมื้อสำคัญที่สุด นอกจากนี้ยัพบว่าผู้ที่ไม่ได้รับประทานอาหาร ในมื้อเช้าจะมีผลทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองได้ไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายขาดความพร้อมในกาทำงาน การเรียนรู้สึกเฉื่อยชา
บริโภคอาหารอย่างฉลาด
•บริโภคพออิ่มและพอดี เช่น ข้าวสวย ๑-๒ ทัพพี ผัก ๔-๖ ช้อน และ น้ำสะอาด ๑-๒ แก้ว
•เลือกบริโภคอาหารที่ดีมีคุณค่าและมี
ประโชยน์
•บริโภคผักผลไม้ไทยแทนของหวาน
•ลดการบริโภคอาหารแบบกินจุบจิบ
•บริโภคน้ำสะอาดแทนน้ำอัดลม
•เมื่อบริโภคอาหารควรเคี้ยวอาหาร อย่างช้าๆ อย่ารีบร้อน
การกำหนดรายการอาหารที่เหมาะสมกับวัย
อาหารเป็นสิ่งสำคัญต่อการเจริญเติบโตและการทำงานของอวัยวะต่างๆภายในร่างกาย การได้รับ สารอาหารตามความต้องการของร่างกายในแต่ละช่วงวัยนั่นจะส่งผลให้ร่างกายเจริญเติบโต และพัฒนา การตามวัยที่เหมาะสม การกำหนดรายการอาหารที่เหมาะสมกับวัย ดังนี้
อาหารสำหรับวัยทารก (แรกเกิด - 2 ปี)
อาหารสำหรับวัยก่อนเรียน (3 - 6ปี)
อาหารสำหรับวัยเรียน (7 - 12 ปี)
อาหารสำหรับวัยรุ่น(13 – 19 ปี)
อาหารสำหรับวัยผู้ใหญ่(20 – 59 ปี)
อาหารสำหรับวัยสูงอายุ(60 ปี ขึ้นไป)
อาหารสำหรับวัยทารก (แรกเกิด - 2 ปี)
วัยทารกเป็นวัยที่เจริญเติบโตทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญาอย่างรวดเร็วและเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ มีพัฒนาการที่ สมวัยได้ ในช่วง ๖ เดือนแรก ทารกควรได้รับนมแม่ที่เพียงพออย่างเดียวเป็นอาหารที่ดีที่สุดของทารก น้ำนมแม่ถือว่าเป็นอาหารที่สะอาดและมี
สารอาหารครบถ้วน ทั้งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ
น้ำนมเป็นสารอาหารที่สำคัญที่ช่วยให้สร้างภูมิคุ้มกัน ทั้งมีฮอร์โมน และสารกระตุ้นการเจริญเติบโตของสมอง ที่มีผลพัฒนาระดับสติปัญญา ของทารก
การกำหนดรายการอาหารที่เหมาะสมสำหรับ วัยทารก (แรกเกิด - ๒ ปี)
อายุ
0 - 6เดือน
7 เดือน
8-9 เดือน
รายการอาหาร
นมแม่เพียงอย่างเดียว
ข้าว 4 ช้อน
ไข่ต้ม 1 ฟอง
ฟักทอง 1 ช้อน
มะละกอสุก2 ชิ้น
นมแม่เพียงอย่างเดียว
เช้า
ข้าว 5 ช้อน
ถั่วเขียว 4 ช้อน
กล้วยน้ำว้า 1 ผล
นมแม่เพียงอย่างเดียว
10 เดือน - 1 ปี
กลางวัน
ข้าว 5 ช้อน
ปลา 2 ช้อน
ผักสุกบด 2 ช้อน
มะละกอสุก 3 ชิ้น
เช้า
ข้าว 5 ช้อน
ไข่ต้ม 1 ฟอง
น้ำส้มคัน 1 ผล
กลางวัน
ข้าว 3/4 ช้อน
ไก่ 1-2 ช้อน
ฝรั่ง 4 ชิ้น
นมแม่เพียงอย่างเดียว
เย็น
ข้าว 3/4 ช้อน
ฟักทอง 2 ช้อน
มะละกอสุก 4 ชิ้น
1 ปี - 2 ปี
เช้า
ข้าว 1/2 ช้อน
ต้มจืด เต้าหู้
น้ำส้มคัน 2 ผล
กลางวัน
ข้าว 1/2 ช้อน
หมูทอด 2 ช้อน
กล้วยสุก 1 ผล
เย็น
ข้าว 1/2 ช้อน
ผักสุกบด 2 ช้อน
มะละกอสุก 4 ชิ้น
อาหารสำหรับวัยก่อนเรียน (3 - 6 ปี)
ช่วงวัยก่อนเรียนเป็นช่วงที่เด็กกำลังเจริญเติบโต มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายที่ค่อนข้างช้า เมื่อเปรียบเทียบกับทารก อาหารสำหรับเด็กวัยก่อนเรียนควรได้รับสามารถแบ่งออกได้ 2 ช่วงอายุ
เด็กวัยก่อนเรียนระยะแรก
อายุ 3 ปี
เด็กวัยก่อนเรียนระยะที่สอง
อายุระหว่าง 4 – 6 ปี
•เด็กในช่วงนี้ควรให้เด็กดื่มนมผง นมสด และนมถั่วเหลือง ทำให้เด็กดื่มจนเป็นนิสัยพร้อมกับเสริมอาหารที่เน้นโปรตีน และให้เด็รับประทานอาหารให้ครบ 3 มื้อในปริมาณที่เพียงพอ
•เด็กในช่วงนี้จะสามารถรับประทานอาหารได้ใน ปริมาณที่มากขึ้น ควรให้เด็กรับประทานอาหารที่ให้พลังงานอย่างเพียงพอและเพิ่มอาหารว่างวันละ1-2 มื้อ นมสด หรือนมถั่วเหลืองวันละ 1-2 แก้ว ไม่ควรให้เด็กดื่มน้ำหวาน น้ำอัดลม ช็อกโกแลต เพราะจะทำให้เกิดฟันพุได้
อาหารสำหรับวัยเรียน (7 – 12 ปี)
•อาหารนับเป็นปัจจัยสำคัญมากสำหรับเด็กวัยเรียน เป็นวัยที่มีพัฒนาการของการเจริญ เติบโตในทุกระบบ เป็นวัยที่มีการเรียนรู้และสั่งสมประสบการณ์การมีโภชนาการที่ดีเพียงพอ กับความต้องการของร่างกายในวัยนี้ จะช่วยให้ให้ร่างกายเจริญเติบโตอย่างเต็มศักยภาพ และสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง
•โดยกำหนดค่าพลังงานที่เด็กวัยเรียน ควรได้รับแต่ละวัยประมาณ 1,600 กิโลแคลอรี่ และรับประทานอาหารครบ 3 มื้อ และหลากหลาย ในแต่ละหมวด ดื่มนมทุกวันจนติดเป็นนิสัยพร้อมทั้ง เสริมอาหารว่างระหว่างมื้อ
•อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับเด็ก วัยเรียนมี น้ำอัดลม ลูกอม ขนมหวาน ขนมขบเคี้ยว อาหารขยะและอาหารรสจัด ทุกชนิด
อาหารสำหรับวัยรุ่น (13 – 19 ปี)
วัยรุ่นมีการเจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมสติปัญญา ร่างกายจำเป็นต้องทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในปริมาณที่เพียงพอต่อ ความต้องการ วัยรุ่นสามารถเลือกรับประทานอาหารให้เหมาะสมกับวัยตนเองได้ ก็จะทำให้มีสุขภาพแข็งแรง และสุขภาพจิตดีด้วย
อาหารสำหรับวัยผู้ใหญ่ (20 – 59 ปี)
วัยผู้ใหญ่เป็นวัยที่ร่างกายหยุดการเจริญเติบโต แต่ยังมีการรักษาสมรรถภาพ การทำงานให้เป็นปกติอยู่ ร่างกายจึงต้องการสารอาหารอย่างครบถ้วน เพื่อบำรุง อวัยวะและเนื้อเยื่อต่างๆ หากทีภาวะโภชนาการไม่ดีอาจส่งผลกระทบต่อร่างกาย ได้ ผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพปกติรับประทานอาหารต่างๆ ให้ครบ ทั้ง 5 หมู่ และให้ได้ สัดส่วนที่เหมาะสม
สารอาหารสำหรับวัยผู้ใหญ่
เสริมสร้างซ่อมแซม
ให้พลังงาน
ควบคุมการทำงาน
•เนื้อสัตว์ต่างๆ ควรได้วันละ 100 กรัม
•นม ควรได้รับวันละ 1 แก้ว
•ไข่ ควรได้รับวันละ 1 ฟอง
•อาหารทะเล สัปดาห์ละ 1 – 2 ครั้ง
•ถั่วเมล็ดแห้งต้มสุก 1/2 ถ้วย •ตับหรือเครื่องในสัตว์ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง
•ข้าวสวย บะหมี่ ก๋วยเตี่ยว หรือขนมจีน 3 จาน
•น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
•น้ำมันหมู น้ำมันพืช หรือกะทิ 1 -3 ช้อนโต๊ะ
•เผือก หรือมัน 1 หัวเล็ก
•ผักอื่นๆ ชนิดฝัก หัว ดอก หรือผล 1/2 ถ้วย
•ผลไม้อื่นๆ อีก 1 ผล (ผลเล็ก) 1 ชนิด (ผลใหญ่)
•ผลไม้จำพวกส้ม 1 ผล (เล็ก) หรือน้ำผลไม้ 1/2 –1 แก้ว •ผักใบเขียวสุก 1/3 ถ้วย
อาหารสำหรับวัยสูงอายุ (๖๐ปี ขึ้นไป)
วัยผู้สูงอายุมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่สภาพความเสื่อมของร่างกายควรรับประทานอาหารให้ถูกโภชนาการ จึงเป็นสิ่งจำเป็นช่วยให้สุขภาพแข็งแรงมีความต้านทานโรคสูง และช่วยให้เซลล์ต่างๆ เสื่อมสลายช้าลงได้ ผู้สูงอายุควรรับประทานปลาเป็นประจำ เพราะมีไขมันต่ำและย่อยง่าย