hasanah page เว็บไซต์สำหรับมุสลิมะห์
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “มารร้ายจะนั่งอยู่บนศีรษะของพวกท่านเมื่อพวกเขาหลับและผูกเขาไว้ด้วยปมสามปม โดยกล่าวในแต่ละปมว่า ท่านมีกลางคืนที่ยาวนานนัก จงนอนพักสักงีบหนึ่งเถิด ถ้าหากเขาตื่นขึ้นมาและกล่าวระลึกถึงอัลลอฮฺ (ซ.บ.) ปมที่หนึ่งจะหลุดออก เมื่อเขาอาบน้ำละหมาดปมที่สองก็จะคลายออก เมื่อเขาละหมาดปมที่สามก็จะหลุดออกจนหมด เขาก็จะรู้สึกมีพลังกระฉับกระเฉงขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจ ถ้าเขาไม่ทำเช่นนั้นเขาก็จะรู้สึกจิตใจอ่อนล้าและเกียจคร้านตลอดวัน” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 1142)
– ท่านหญิงอาอิชะฮฺ เล่าว่า : อัสมาได้ ถามท่านนบีเกี่ยวกับการอาบน้ำหลังจากหมดประจำเดือน ท่านนบีกล่าวว่า “พวกเธอทุกคน ต้องใช้น้ำและ (ใบของ) ต้นพุทราทำความสะอาดตัวเองให้ดี หลังจากนั้นค่อยเทน้ำลงไปบนหัวและถูมันแรงจนกระทั่งมันไปถึงรากผม หลังจากนั้น ให้เอาน้ำรดทั่วตัว ต่อจากนั้น ให้เอาสำลีจุ่มน้ำหอม ทำความสะอาดตัวเอง” อัสมากล่าวว่า “ฉันจะทำความสะอาดตัวเองด้วยสิ่งนั้นได้อย่างไร?” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ท่านรอซูลุลลอฮฺจึงกล่าวว่า “ซุบฮานัลลอฮฺ ใช้มันทำความสะอาดตัวเธอเอง” ท่านหญิงอาอิชะฮฺพูด (ด้วยเสียงต่ำๆว่า) “ทำความสะอาดร่องรอยของเลือด” (ส่วนหนึ่งจากหะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดย บุคอรี เลขที่ 314 และมุสลิม เลขที่ 332)
– จากท่านหญิงอาอิชะฮฺ : ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “การปฏิบัติสิบประการนี้มาจากฟิฏเราะฮฺ นั่นคือ การขลิบหนวด การไว้เครา การใช้ไม้แปรงฟัน การสูดน้ำเข้าไปในจมูก การตัดเล็บ การล้างข้อนิ้ว การถอนขนรักแร้ การโกนขนอวัยวะเพศ และการทำความสะอาดอวัยวะส่วนที่พึงปกปิดด้วยน้ำ” ผู้รายงานกล่าวว่า : ฉันลืมประการที่สิบไป มันอาจเป็นการบ้วนปากก็ได้ (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 261)
– อนัส บินมาลิก เล่าว่า : เราได้ถูกกำหนดเวลาสำหรับการขลิบหนวด การตัดเล็บ การถอนขนรักแร้ และการโกนขนอวัยวะเพศ ไว้ว่า ต้องไม่ปล่อยให้เกินสี่สิบวัน (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 258)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “พวกท่านอย่าได้ทำการถอนหงอก เพราะมันคือรัศมีของคนมุสลิม และไม่มีมุสลิมคนใดที่มีหงอกเส้นหนึ่งในศาสนาอิสลาม เว้นแต่อัลลอฮฺจะบันทึกคุณความดีหนึ่ง ยกระดับฐานันดรให้กับเขา และทำให้บาปของเขาร่วงโรยด้วย(สาเหตุของ)หงอกเส้นนั้น” (หะดีษหะสัน บันทึกโดย อาบูดาวูด)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “พวกท่านอย่าได้ถอนหงอก เพราะมันคือ รัศมีของคนมุสลิมในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ” (หะดีษหะสัน บันทึกโดย อาบูดาวูดและติรมีซีย์)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “พวกท่านจงรับประทานมะกอกและทาด้วยน้ำมันมะกอก เพราะน้ำมันมะกอกนั้นมาจากต้นไม้ที่จำเริญ” (หะดีษ บันทึกโดย อัตติรมิซีย์และอิบนุมาญะฮฺ)
– ญะบะละฮฺ บินซุฮัยม์ รายงานว่า : ในสมัยของซุเมรุ เราประสบความอดอยากขาดแคลน และเขาได้นำเอาอินทผลัมมาให้เราเป็นอาหาร ขณะที่เรากำลังกินกันอยู่ อิบนุอุมัรเดิน ผ่านมาและกล่าวว่า “อย่ากินอินทผลัมสองผลในคราวเดียว เพราะท่านรอซูลุลลอฮฺห้ามการทำ เช่นนั้น เว้นเสียแต่ว่าจะได้รับอนุญาตจากสาวกของท่านก่อน" ชุอฺบ๊ะฮฺ กล่าวว่า : “การอนุญาต” เป็นคำที่อิบนุอุมัร เพิ่มเข้าไป” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 5446)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “น้ำที่ดีที่สุดในหน้าแผ่นดินนี้ นั่นคือ น้ำซัมซัม มันมีคุณลักษณะเป็นอาหารและเป็นการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ” (หะดีษเศาะฮีหฺ อัล-ญะอฺมี เลขที่ 3302)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺเคยหายใจ 3 ครั้ง ในขณะกำลังดื่ม และกล่าวว่า “มันทำให้มีความสุข อิ่มใจ และอร่อยขึ้น” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 5631)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ไม้ซิวากนั้น ทำความสะอาดช่องปาก และเป็นที่พึงพอใจสำหรับผู้อภิบาล” (หะดีษเศาะฮีหฺ รายงานโดย อิหม่ามนาซาอีย์ เชค อัลบานีย์)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “เมื่อสุนัขเลียภาชนะ จงล้างมัน 7 ครั้ง และถูมันด้วยดินเป็นครั้งที่ 8” (ส่วนหนึ่งจากหะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 280)
– มีรายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮา ว่า : “ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม นั้น ทุกๆ คืนเมื่อท่านเข้าไปยังที่นอนของท่าน ท่านจะรวบสองฝ่ามือของท่านเข้าด้วยกัน จากนั้นท่านจะเป่าลมลงในฝ่ามือทั้งสอง แล้วก็อ่าน ซูเราะฮฺ กุลฮุวัลลอฮุอะหัด (ซูเราะฮฺอัลอิคลาศ) ซูเราะฮฺ กุลอะอูซุบิร็อบบิลฟะลัก (ซูเราะฮฺอัลฟะลัก) และซูเราะฮฺ กุลอะอูซุบิร็อบบินนาส (ซูเราะฮฺอันนาส) เสร็จแล้วท่านก็จะเอามือทั้งสองลูบตามตัวทั่วเท่าที่จะสามารถทำได้ โดยท่านจะใช้มือทั้งสองเริ่มลูบจากศีรษะ ใบหน้า และด้านหน้าของลำตัวก่อน ซึ่งท่านจะทำอย่างนั้นเป็นจำนวนสามครั้งด้วยกัน” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี)
– เล่าจากอะบีฮุรอยเราะ เราะฎิยัลลอฮุอัน ว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวว่า “เมื่อท่านได้ไปยังที่นอน ก็จงอ่านอายะฮฺอัลกุรซีย์ แน่นอนว่ามีมะลาอิกะฮฺท่านหนึ่ง(ที่ถูกส่งมา)จากอัลลอฮฺ จะยังคงอยู่พร้อมกับท่านและชัยฏอนไม่เข้าใกล้ท่านจนกระทั่งเช้า” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ผู้ใดไปเยี่ยมผู้ป่วยที่คาดว่าชะตาของเขายังไม่ถึงคาด แล้วกล่าวใกล้ตัวเขาเจ็ดครั้งว่า
أَسْأَلُ اللَّهَ الْعَظِيمَ، رَبَّ الْعَرْشِ الْعَظِيمِ، أَنْ يَشْفِيَكَ
(แปลว่า ฉันขอจากอัลลอฮฺผู้ยิ่งใหญ่ ผู้เป็นเจ้าบัลลังอันยิ่งใหญ่โปรดให้ท่านฟื้นจากไข้)
อัลลอฮฺก็จะให้เขาหายจากโรคนั้น” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยอบูดาวูดตามสำนวนนี้ เลขที่ 3106 และอัตติรมิซีย์ เลขที่ 2083)
– จากอิบนุอับบาสเล่าว่า : ท่านนบีนั้น เมื่อท่านเข้าเยี่ยมผู้ป่วย ท่านจะกล่าวว่า
لاَ بَأْسَ طَهُورٌ إِنْ شَاءَ اللَّهُ
แปลว่า “ไม่เป็นไรแล้ว (ไม่มีบาปแล้ว) หายแล้ว (มันได้ชำระล้างบาปแล้ว) อินชาอัลลอฮฺ” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 3616)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ไม่มีมุสลิมคนใดที่ได้รับความทุกข์ร้อนจากการเป็นไข้ แม้มันจะเท่ากับหนามตำ นอกไปจากอัลลอฮฺทรงไถ่โทษเขาด้วยสิ่งนั้น เหมือนกับต้นไม้ผลัดใบของมัน” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 5648)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “เมื่อบ่าวคนหนึ่งได้เจ็บป่วยหรือเดินทาง จะมีการบันทึกผลบุญให้เเก่เขา เหมือนกับที่เขาเคยปฏิบัติการงานนั้นในตอนที่เขาไม่ได้เดินทางและมีสุขภาพดีอยู่” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “จงรักษาเถิด แท้จริง พระองค์อัลลอฮฺจะไม่ทรงนำโรคมา เว้นแต่พระองค์จะนำยาเพื่อการบำบัดมาด้วย ยกเว้นโรคเดียวที่ไม่มียารักษาคือ โรคชรา” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดย อัตติรมีซีย์ เลขที่ 2038)
– ท่านอับดุลลอฮฺ บินมัสอูด เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้เล่าว่า ความว่า: “ท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้เข้าไปหาอุมมุสสาอิบ หรือ อุมมุลมุสัยยิบ แล้วท่านก็กล่าวว่า “เธอเป็นอะไรหรือ อุมมุสสาอิบ หรืออุมมุลมุสาอิบ ตัวเธอดูสั่นเทา?” นางกล่าวตอบว่า “เป็นไข้ ขออัลลอฮฺอย่าให้ความจำเริญกับมันเลย” แล้วท่านก็กล่าวว่า “เธอจงอย่าด่าการเป็นไข้เลย เพราะมันช่วยขจัดบาปต่างๆของลูกหลานอาดัม เหมือนกับที่การตีเหล็กทำให้คราบสกปรกของเหล็กหมดไป” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ทุกโรคมียารักษา ดังนั้น ถ้าหากยาถูกใช้ เขาก็จะได้รับการเยียวยา รักษาโดยอำนาจของอัลลอฮฺ” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 2204)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺเล่าเรื่องราวของชาวคู กล่าวว่า “เด็กคนนั้นเริ่มรักษาคนตาบอดและคนที่ได้รับความทุกข์ทรมานจากโรคเรื้อนและรักษา คนที่เป็นโรคอื่น ๆ ด้วย วันหนึ่ง คนของกษัตริย์ได้ยินเรื่องของเด็กคนนั้นและเขาเป็นคนตาบอด เขาจึงรวบรวมของขวัญหลายชิ้นไปหาเด็กผู้นั้น และกล่าวว่า “ถ้าเจ้ารักษาฉันหาย ทั้งหมดนี้คือของเจ้า” เด็กคนนั้นกล่าวว่า “ฉันไม่ได้ทำให้คนหายป่วย แต่อัลลอฮฺต่างหากที่ทำให้หายป่วย และถ้าท่านเชื่อในอัลลอฮฺ ฉันจะวิงวอนต่อพระองค์ ผู้ทรงรักษาท่าน” เมื่อชายคนนั้นเชื่อ เด็กคนนั้นจึงวิงวอนต่ออัลลอฮฺให้เขาและเขาก็หายจากตาบอด โดยอัลลอฮฺ” (ส่วนหนึ่งของหะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 3005)
– อบูสะละมะฮฺ บินอับดุรฺเราะฮฺมาน บินเอาฟฺ เล่าว่า ท่านรอซูลุลลอฮฺ กล่าวว่า “ไม่มีการแพร่โรคติดต่อ (เว้นเสียแต่อัลลอฮฺทรงประสงค์)” เขาได้กล่าวต่ออีกว่า ท่านรอซูลุลลอฮฺได้กล่าวว่า “คนป่วยต้องไม่อยู่ปะปนกับคนมีสุขภาพดี” (ส่วนหนึ่งจากหะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 5770)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “จงปิดภาชนะ และผูกถุงหนัง เพราะในช่วงระหว่างปี จะมีคืนหนึ่งที่โรคภัยจะลงมา ภาชนะที่ไม่ถูกปิดหรือถุงหนังใส่น้ำที่ไม่ถูกผูกปากถุงไป เชื้อโรคจะเข้าไปอยู่ในนั้น” (ส่วนหนึ่งจากหะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 2014)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “พึงทราบเถิดว่าในร่างกายเรานั้นมีก้อนเนื้ออยู่ก้อนหนึ่ง ถ้าส่วนดังกล่าวดี ร่างกายทุกส่วนก็จะดีตามไปด้วย แต่ถ้าส่วนดังกล่าว ไม่ดี ร่างกายส่วนอื่นๆก็จะไม่ดี ก้อนเนื้อที่ว่านั้นก็คือ หัวใจ” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดย บุคอรีและมุสลิม)
– “แท้จริงมนุษย์นั้นถูกบังเกิดมาเป็นคนหวั่นไหว เมื่อความทุกข์ยากประสบแก่เขา ก็ตีโพยตีพายกลัดกลุ้ม และเมื่อคุณความดีประสบแก่เขา ก็หวงแหน นอกจากบรรดาผู้กระทำละหมาด บรรดาผู้ที่ดำรงมั่นอยู่ในการทำละหมาดของพวกเขาเป็นประจำ” (ตัฟซีร: คุณลักษณะของมนุษย์ที่จะกล่าวต่อไปนี้ สามารถที่จะขจัดโรคร้ายดังกล่าวได้ คือ การดำรงมั่นอยู่ในการละหมาด ทั้งนี้จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขด้วยการศรัทธาและหวังในการตอบแทนจากอัลลอฮฺ – โรคร้าย คือ มนุษย์มีสัญชาตญาณเป็นผู้หวั่นไหวง่าย, ไม่อดทนต่อการทดสอบ, ไม่ขอบคุณต่อความโปรดปรานที่ได้รับ) (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลมะอาริจญ์ 19-23 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ ประเทศไทย)
– “เพื่อพระองค์จะทรงทำให้สิ่งที่ชัยฏอนยุแหย่นั้น เป็นการทดสอบสำหรับบรรดาผู้ที่ในจิตใจของพวกเขามีโรค และจิตใจของพวกเขาแข็งกระด้าง และแท้จริงบรรดาผู้อธรรมนั้นอยู่ในการแตกแยกที่ห่างไกล” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลฮัจญฺ 53)
– “และผู้ใดผินหลังจากการรำลึกถึงพระผู้ทรงกรุณาปราณี เราจะให้ชัยฏอนตัวหนึ่งแก่เขา แล้วมันก็จะเป็นสหายของเขา และแท้จริง พวกมันจะขัดขวางพวกเขาออกจากทางที่ถูกต้อง แต่พวกเขาคิดว่า พวกเขานั้นอยู่ในแนวทางที่ถูกต้องแล้ว” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัซซุครุฟ 36-37)
– “ดังนั้น เมื่อเจ้าอ่านอัลกรุอาน ก็จงขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺให้พ้นจากชัยฏอนที่ถูกสาปแช่ง แท้จริงมันไม่มีอำนาจใด ๆ เหนือบรรดาผู้ศรัทธา โดยที่พวกเขาได้มอบหมาย(การงาน) ต่อพระเจ้าของพวกเขา แท้จริงอำนาจของมันจะมีเหนือบรรดาผู้เป็นมิตรกับมัน และบรรดาผู้ที่พวกเขาเป็นผู้ตั้งภาคีกับพระองค์” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอันนะหฺลฺ 98-100)
– “ผู้ใดที่อัลลอฮฺทรงต้องการจะแนะนำเขาก็จะทรงให้หัวอกของเขาเบิกบาน เพื่ออิสลาม และผู้ใดที่พระองค์ทรงต้องการจะปล่อยให้เขาหลงทาง ก็จะทรงให้ทรวงอกของพวกเขาแคบ อึดอัด ประหนึ่งว่าเขากำลังขึ้นไปยังฟากฟ้า” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-อันอาม 125)
โรคอัลอัยน์ (โรคที่เกิดจากสายตาริษยา)
– จากอิบนุอับบาส : ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า “ดวงตาชั่วร้ายเป็นเรื่องจริง และถ้าอะไรบางอย่างเร็วกว่าสิ่งที่ได้ถูกกำหนดไว้ มันก็คือผลของดวงตาที่ชั่วร้าย และถ้าท่านถูกขอให้ชำระล้างร่างกาย(เพื่อรักษา) การถูกดวงตาที่ชั่วร้ายจ้องมอง จงทำ” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 2188)
– จากท่านหญิงอาอิชะฮฺ ภรรยาของท่านนบี : ญิบรีลเคยอ่านกุรอานเพื่อรักษาท่านรอซูลุลลอฮฺเมื่อท่านรู้สึกไม่สบาย ญิบรีลเคยอ่านว่า “บิสมิลลาฮิ ยุบรีก้ะ วะมิงกุลลิดาอิน ยัชฟีก้ะ วะมินชัรฺริ ฮาซิดิน อิซาฮะซัด วะชัรฺริกุลลิ ซีอัยนี” (ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ พระองค์ทรงรักษาโรคใดๆ ที่ท่านเป็น และรักษาท่านจากความชั่วของดวงตาที่อิจฉาและจากดวงตาทุกดวง) (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 2185)
– “และเราได้ประทานส่วนหนึ่งจากอัลกุรอานลงมา (ตัฟซีร: โองการต่างๆ ของอัลกุรอาน) ซึ่งเป็นการบำบัดและความเมตตาแก่บรรดาผู้ศรัทธา (ตัฟซีร: เป็นการบำบัดจิตใจให้พ้นจากโรคแห่งความอวิชชาและความหลงผิด และทำลายล้างสนิมที่เกาะกินจิตใจ ให้พ้นจากความใคร่ใฝ่ต่ำ ตัณหา ความสกปรกความตระหนี่ และการอิจฉา) และมันมิได้เพิ่มอันใดแก่พวกอธรรมนอกจากการขาดทุนเท่านั้น” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลอิสรออฺ 82 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ ประเทศไทย)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “พวกท่านจงรักษาโรคของพวกท่านด้วยการบริจาคทาน (เศาะดะเกาะฮฺ) เถิด” (หะดีษหะสัน บันทึกโดยบัยฮะกีย์ เลขที่ 6593)
– อับดุลอะซีซ บินสุฮัยบ์ รายงานว่า อบูนัฎเราะฮฺ ได้เล่าจากอบูสะอี๊ดว่า : ญิบรีลได้มาหาท่านนบีและกล่าวว่า “โอ้ มุฮัมมัด ท่านมีเรื่องร้องทุกข์หรือ?” ท่านนบีกล่าวว่า “ใช่” ญิบรีลจึงกล่าวว่า “ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ฉันอ่านกุรอานเพื่อรักษาท่านจากทุกสิ่งที่เป็นอันตรายต่อท่าน และจากความชั่วของวิญญาณทุกดวง หรือดวงตาของผู้อิจฉา โอ้ อัลลอฮฺ โปรดรักษาเขาด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ฉันเป่าท่าน” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 2186)
– ท่านหญิงอาอิชะฮฺ รายงานว่า : เมื่อใดก็ตามที่ญาติของท่านรอซูลุลลอฮฺป่วย ท่านจะอ่าน มุเอาวิซาต (ซูเราะฮฺ อัลฟะลัก และซูเราะฮฺ อันนาส) หลังจากนั้น ท่านจะเป่าลงไปบนร่างกายของเขา เมื่อท่านป่วยหนัก ฉันได้อ่านสองซูเราะฮฺนี้และเอามือของท่านลูบไปบนร่างกายของท่าน โดยหวังในความเมตตา เช่นเดียวกับที่พวกเขาได้รับจากมือของท่าน (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 5016)
– อุษมาน บินอบู อัลอาศ อัษษะกอฟ เล่าว่า : เขาได้บ่นกับท่านนบีถึงเรื่องโรคอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นกับเขาตั้งแต่เขาเข้ารับอิสลาม ท่านนบี กล่าวว่า “เอามือของท่านวางไว้ตรงที่ปวด และ กล่าวว่า “บิสมิลลาฮฺ” (ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ) สามครั้ง และกล่าวอีกเจ็ดครั้งว่า
أَعوذُ بِاللهِ وقُدْرَتِهِ مِن شَرِّ ما أَجِدُ وأُحاذِرُ
(คำอ่าน – “อะอูซุลบิลลา วะกุดเราะติฮี มินชัรฺริมา อะญิดุ วะอุฮาซิรุ่”)
ความหมาย – ฉันขอความคุ้มครองด้วยอำนาจและความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮฺให้พ้นจากสิ่งที่ทำให้ฉันทรมาน) (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 2203)
– สาวกคนหนึ่งของท่านรอซูลุลลอฮฺได้อ่านซูเราะฮฺ อัลฟาติฮะฮฺ จนกระทั่งคนไข้ได้รับการรักษาจนหาย คนในเผ่าจึงให้แกะฝูงหนึ่งเป็นการตอบแทน แต่เขาปฏิเสธที่จะยอมรับจนกว่าเขาจะได้ถามท่านรอซูลุลลอฮฺ ดังนั้น พวกเขาจึงได้มาหาท่านนบี และกล่าวว่า “ท่านรอซูลุลลอฮฺ ขอสาบานด้วยอัลลอฮฺ ฉันรักษาเขาด้วยการเสกเป่าโดยการอ่านซูเราะฮฺอัลฟาติฮะฮฺเท่านั้น” ท่านนบียิ้มและกล่าวว่า “ท่านรู้ได้อย่างไรว่ามันเป็นการเสกเป่า?” หลังจากนั้น ท่านได้บอกพวกเขาว่า “ไปเอาแกะ ที่เป็นส่วนแบ่งมาและเอามาเผื่อฉันด้วย” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 2276)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ในฮับบะตุซเซาดาอ์มีการรักษาสำหรับทุกโรค ยกเว้นความตาย” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 5688)
– ชายคนหนึ่งได้มาหาท่านนบี และกล่าวว่า “พี่ชายของฉันมีปัญหาไม่สบายท้องไส้” ท่านรอซูลุลลอฮฺจึงบอกเขาว่า “ให้เขาดื่มน้ำผึ้ง” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 5684)
– ท่านหญิงอาอีชะฮฺจะบอกพวกผู้หญิงว่า “กินสิ เพราะฉันได้ยินท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ตัลบีนะฮฺช่วยรักษาหัวใจของคนไข้ และทำให้เขาบรรเทาจากความเศร้าโศกได้บ้าง” (ส่วนหนึ่งจากหะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 5417)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “อัต-ตัลบีนะฮฺ ช่วยบำรุงหัวใจของคนป่วย และทำให้มันตื่นตัว และบรรเทาความทุกข์และเศร้าโศกของเขา” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺเคยกล่าวว่า “ไข้มาจากความร้อนของนรก ดังนั้น จงบรรเทาด้วยน้ำ” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 5724)