hasanah page เว็บไซต์สำหรับมุสลิมะห์
– หน้าแรก
เตาฮีดอัรรูบูบียะฮ์ ผู้ทรงสร้าง องค์อภิบาลหนึ่งเดียว
– “พระผู้ทรงกรุณาปรานี พระองค์ทรงสอนอัลกุรอาน พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ พระองค์ทรงสอนเขาให้เปล่งเสียงพูด ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์โคจรตามวิถีที่แน่นอน และผักหญ้า และต้นไม้จะกราบสุญูด และชั้นฟ้านั้นพระองค์ทรงยกมันไว้สูง และทรงวางความสมดุลไว้ เพื่อพวกเจ้าจะได้ไม่ฝ่าฝืนในเรื่องการชั่งตวงวัด และจงธำรงไว้ซึ่งการชั่งด้วยความเที่ยงธรรม และอย่าให้ขาดหรือหย่อนตาชั่ง” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัรเราะฮฺมาน 1-9)
– “และแผ่นดินนั้น พระองค์ทรงจัดเตรียมมันไว้ เพื่อสรรพสิ่งที่สร้างขึ้น ในแผ่นดินนั้นมีผลไม้ และต้นอินทผลัมที่มีผลซ้อนกันหลายชั้น และเมล็ดที่มีเปลือกและรำ และมีกลิ่นหอม พระองค์ทรงสร้างมนุษย์จากดินเหนียวมีเสียงเช่นเครื่องปั้นดินเผา (ตัฟซีร: คือพระองค์ทรงสร้างบิดาของพวกเจ้า คือ อาดัมจากดินเหนียวและแห้งเมื่อเคาะจะมีเสียงเช่นเดียวกับดินที่ใช้ทำเครื่องปั้นดินเผา) และพระองค์ทรงสร้างญินจากเปลวไฟ (ตัฟซีร: และทรงสร้างญิณจากเปลวไฟที่ไม่มีควัน) พระเจ้าแห่งทิศตะวันออกทั้งสองและพระเจ้าแห่งทิศตะวันตกทั้งสอง ดังนั้น ด้วยบุญคุณอันใดเล่าแห่งพระเจ้าของเจ้าทั้งสองที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ?” (ตัฟซีร: หลังจากที่พระองค์ทรงกล่าวถึงความโปรดปรานต่างๆ แล้วพระองค์ทรงกล่าวแก่มนุษย์และญิณด้วยอายะฮฺนี้ว่า โอ้ เหล่ามนุษย์และญิณ ด้วยบุญคุณและความโปรดปรานของอัลลอฮฺที่มีต่อพวกเจ้านั้นมากมายเหลือคณานับมิใช่หรือ?) (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัรเราะฮฺมาน 10-18 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
เตาฮีดอุลูฮียะห์ สักการะ อิบาดะฮฺ พระองค์เท่านั้น
– “ทุกๆ สิ่งที่อยู่บนแผ่นดินย่อมแตกดับ และพระพักตร์ของพระเจ้าของเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่ ผู้ทรงโปรดปรานเท่านั้นที่จะยังคงเหลืออยู่ ดังนั้น ด้วยบุญคุณอันใดเล่าแห่งพระเจ้าของเจ้าทั้งสองที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ? ผู้ที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดินจะขอพระองค์ทุกๆ ขณะ พระองค์ทรงมีภารกิจ” (ตัฟซีร: ทุกเวลาและทุกขณะพระองค์ทรงมีภารกิจ เช่น ทรงอภัยโทษให้แก่ผู้กระทำผิด ทรงปลดเปลื้องผู้ได้รับความทุกข์ยาก ทรงให้เกียรติแก่หมู่ชนหนึ่ง และทรงให้ความต่ำต้อยแก่อีกหมู่ชนหนึ่ง นักตัฟซีรกล่าวว่า เป็นภารกิจที่ทรงเปิดเผยให้เห็น มิใช่ทรงเริ่มขึ้นใหม่ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างได้ถูกบันทึกไว้แล้วจนกระทั่งวันกิยามะฮฺ) (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัรเราะฮฺมาน 26-29 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
เตาฮีด อัศมาอฺ วัศศิฟาต คุณลักษณะของพระองค์เป็นหนึ่ง
– “และอัลลอฮฺนั้นมีบรรดาพระนามอันสวยงาม ดังนั้นพวกเจ้าจงเรียกหา พระองค์ด้วยพระนามเหล่านั้นเถิด และจงปล่อยบรรดาผู้ที่ทำให้เฉ ในบรรดาพระนามของพระองค์เถิด พวกเขานั้นจะถูกตอบแทนในสิ่งที่พวกเขากระทำ” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-อะอฺรอฟ 180)
– ท่านรอซูลลุลลอฮฺกล่าวว่า “พระนามของอัลลอฮฺนั้นมีเก้าสิบเก้าพระนาม ผู้ใดสามารถจดจำได้จะได้เข้าสวรรค์” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 2736, บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 2677)
ตัวอย่างพระนาม คุณลักษณะของพระองค์
– هُوَ ٱللَّهُ ٱلَّذِي لَآ إِلَٰهَ إِلَّا هُوَ ٱلۡمَلِكُ ٱلۡقُدُّوسُ ٱلسَّلَٰمُ ٱلۡمُؤۡمِنُ ٱلۡمُهَيۡمِنُ ٱلۡعَزِيزُ ٱلۡجَبَّارُ ٱلۡمُتَكَبِّرُۚ سُبۡحَٰنَ ٱللَّهِ عَمَّا يُشۡرِكُونَ
“พระองค์คืออัลลอฮฺ ซึ่งไม่มีพระเจ้าอื่นใด (ที่ถูกเคารพภักดีโดยเที่ยงแท้) นอกจากพระองค์ ผู้ทรงอำนาจสูงสุด ผู้ทรงบริสุทธิ์ ผู้ทรงความศานติสุข ผู้ทรงคุ้มครองการศรัทธา ผู้ทรงปกปักรักษาความปลอดภัย ผู้ทรงอำนาจยิ่ง ผู้ทรงปราบให้เรียบร้อย ผู้ทรงความยิ่งใหญ่ มหาบริสุทธิ์แด่อัลลอฮฺให้พ้นจากสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคีต่อพระองค์” (ตัฟซีร: ไม่มีสิ่งที่ถูกเคารพบูชาอย่างแท้จริงนอกจากพระองค์ เพราะพระองค์เป็น ผู้สร้าง ผู้ประทานปัจจัยยังชีพ ผู้จัดระบบให้เรียบร้อย ไม่มีใครอื่นนอกจากพระองค์ พระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจในทุกๆ สิ่ง ทรงปกครองทุกๆ สิ่ง ผู้ทรงบริสุทธิ์จากสิ่งที่ไม่เหมาะสมกับพระองค์ ทรงสมบูรณ์จากทุกสิ่งที่บกพร่อง ทรงคุ้มครองบรรดารอซูลของพระองค์ด้วยสิ่งปาฏิหาริย์ต่างๆ ทรงเป็นผู้พิทักษ์ ทรงเป็นพยานแก่ปวงบ่าวของพระองค์ด้วยการงานของพวกเขา ผู้ทรงมีอำนาจในการผูกพยาบาทของพระองค์ ผู้ทรงปราบและจัดระบบทุกสิ่งให้เรียบร้อย ผู้ทรงยิ่งใหญ่ยะโสเหนือปวงบ่าวของพระองค์ มหาบริสุทธิ์แด่อัลลอฮฺจากการตั้งภาคีใดๆ ที่เป็นพระเจ้าจอมปลอม) (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลฮัชรฺ 23 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
– هُوَ ٱللَّهُ ٱلۡخَٰلِقُ ٱلۡبَارِئُ ٱلۡمُصَوِّرُۖ لَهُ ٱلۡأَسۡمَآءُ ٱلۡحُسۡنَىٰۚ يُسَبِّحُ لَهُۥ مَا فِي ٱلسَّمَٰوَٰتِ وَٱلۡأَرۡضِۖ وَهُوَ ٱلۡعَزِيزُ ٱلۡحَكِيمُ
“พระองค์คืออัลลอฮฺ ผู้ทรงสร้าง ผู้ทรงให้บังเกิด ผู้ทรงทำให้เป็นรูปร่าง สำหรับพระองค์คือพระนามทั้งหลายอันสวยงามไพเราะ สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินต่างแซ่ซ้องสดุดีพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ” (ตัฟซีร: พระองค์คือพระเจ้าอย่างแท้จริง ไม่มีใครอื่นนอกจากพระองค์ พระผู้ทรงสร้างสำหรับทุกๆ สิ่งที่ถูกสร้าง พระผู้ทรงให้บังเกิดทั้งหลายเป็นรูปร่างในรูปแบบที่แตกต่างกัน พระองค์มีพระนามที่สวยงามไพเราะ 99 พระนาม ทุกๆ สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินต่างแซ่ซ้องสดุดี และให้ความบริสุทธิ์แด่พระองค์ด้วยคำกล่าว และสภาพความเป็นอยู่ ทรงมีอำนาจเหนือกิจการของพระองค์ ทรงปรีชาญาณในการจัดระบบทั้งมวลของพระองค์ (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลฮัชรฺ 24 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
– “และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเหล่านั้นไม่เห็นดอกหรือว่า แท้จริงชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นแต่ก่อนนี้รวมติดเป็นอันเดียวกัน แล้วเราได้แยกมันทั้งสองออกจากกัน และเราได้ทำให้ทุกสิ่งมีชีวิตมาจากน้ำ ดังนั้นพวกเขาจะยังไม่ศรัทธาอีกหรือ” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลอันบิยาอฺ 30)
– “และเราได้ทำให้ชั้นฟ้าเป็นหลังคา ถูกรักษาไว้ไม่ให้หล่นลงมา และพวกเขาก็ยังผินหลังให้สัญญาณต่างๆ ของมัน” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลอันบิยาอฺ 32)
– “และชั้นฟ้า เราได้สร้างมันด้วยพระหัตถ์ของเรา และแท้จริงเราได้แผ่ให้กว้างไพศาล และแผ่นดินนั้น เราได้แผ่ขยายมันออกไป ดังนั้นเราเป็นผู้แผ่ขยายที่ยอดเยี่ยม และจากทุกๆ สิ่งนั้น เราได้สร้าง(มัน)ขึ้นเป็นคู่ๆ เพื่อพวกเจ้าจะได้ใคร่ครวญ ดังนั้นพวกท่านจงเร่งรีบไปหาอัลลอฮฺ แท้จริง ฉันเป็นผู้ตักเตือนอย่างเปิดเผยจากพระองค์แก่พวกท่าน” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัซซาริยาต 47-50)
– “จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด พวกท่านปฏิเสธศรัทธาต่อพระผู้สร้างแผ่นดินเพียงในสองวัน และพวกท่านตั้งภาคีคู่เคียงกับพระองค์ กระนั้นหรือ? นั่นคือพระเจ้าแห่งสากลโลก และใน (แผ่นดิน) นั้นพระองค์ทรงทำให้เทือกเขาตั้งมั่นอยู่บนมัน และทรงให้มีความจำเริญในนั้น และทรงกำหนดปัจจัยยังชีพของมันให้มีขึ้นในนั้นในระยะเวลา 4 วัน อย่างทัดเทียมกันแก่บรรดาผู้ไต่ถาม แล้วพระองค์ทรงมุ่งสู่ฟากฟ้าขณะที่มันเป็นไอหมอก พระองค์จึงตรัสแก่ชั้นฟ้าและแผ่นดินว่า เจ้าทั้งสองจงมาจะโดยเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม มันทั้งสองกล่าวว่า ข้าพระองค์มาอย่างเต็มใจแล้ว ดังนั้นพระองค์ทรงสร้างมันสำเร็จเป็นชั้นฟ้าทั้งเจ็ดในระยะเวลา 2 วัน และทรงกำหนดในทุกชั้นฟ้าหน้าที่ของมัน และได้ประดับท้องฟ้าแห่งโลกนี้ด้วยดวงดาวทั้งหลาย และเป็นการป้องกัน (ให้พ้นจากชัยฏอน) นั่นคือ การกำหนดแห่งพระผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงรอบรู้” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺฟุศศิลัต 9-12)
– “พระองค์คือ พระผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดินในระยะ 6 วัน แล้วพระองค์ทรงสถิตย์อยู่บนบัลลังก์ พระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่เข้าไปในแผ่นดิน และสิ่งที่ออกมาจากแผ่นดิน และสิ่งที่ลงมาจากฟากฟ้าและสิ่งที่ขึ้นไปสู่ฟากฟ้าและพระองค์ทรงอยู่กับ พวกเจ้าไม่ว่าพวกเจ้าจะอยู่ ณ แห่งหนใด และ อัลลอฮฺทรงเห็นสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลหะดีด 4)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “อัลลอฮฺได้ทรงสร้างโลกในวันเสาร์ สร้างภูเขาในวันอาทิตย์ สร้างต้นไม้ในวันจันทร์ สร้างสิ่งน่ารังเกียจในวันอังคาร สร้างแสงสว่างในวันพุธ สร้างสัตว์ทั้งหลายในวันพฤหัส และอาดัมถูกสร้างในตอนเย็นของวันศุกร์ ในฐานะเป็นหนึ่งของการสร้างสุดท้าย สร้างวันอวสานของวันศุกร์ระหว่างตอนเย็นและตอนค่ำ” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 2789)
ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ มีผู้สร้าง
– “และดวงอาทิตย์โคจรตามวิถีของมัน นั่นคือการกำหนดของพระผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงรอบรู้” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺยาซีน 38)
– “และพระองค์ผู้ทรงสร้างกลางคืนและกลางวัน และดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ แต่ละหน่วยโคจรตามจักรราศี” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอันอัมบิยาอฺ 33)
– “พระองค์คือผู้ได้ทรงสร้าง สิ่งทั้งมวลในโลกไว้สำหรับพวกเจ้า” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ 29)
– “เจ้ามิได้พิจารณาดอกหรือว่า แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงให้น้ำหลั่งลงมาจากฟากฟ้า แล้วเราได้ให้พืชผลงอกเงยออกมาด้วยกัน (จากน้ำ) สีสันของมันแตกต่างกันไป (ตัฟซีร: คือด้วยน้ำฝนนั้น เราได้ให้พืชผักผลไม้ มีชนิด สีสัน และรสชาติ แตกต่างกันไป) และในหมู่ภูเขาทั้งหลายมีชนิดต่างๆ ขาวและแดง หลากหลายสี (ตัฟซีร: คือสีขาวที่มีความขาวแตกต่างกัน และสีแดงที่มีความแดงของมันก็แตกต่างกันไป จุดมุ่งหมายก็เพื่อแจกแจงถึงเดชานุภาพของอัลลอฮฺ ตะอาลา ความแตกต่างของสีต่างๆ นั้น มิได้มีเฉพาะแต่เพียงพืชผักผลไม้เท่านั้น แม้แต่ชั้นต่างๆ ของแผ่นดินและภูเขาก็มีสีสันและแตกต่างกันอีกด้วย) และสีดำสนิท” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺฟาฏิร 27 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
เทือกเขา ถูกปักหมุดไว้โดยผู้สร้าง
– “เรามิได้ทำให้แผ่นดินเป็นพื้นราบดอกหรือ และมิได้ให้เทือกเขาเป็นหลักตรึงไว้ดอกหรือ และเราได้บังเกิดพวกเจ้าให้เป็นคู่ครองกัน และเราได้ทำให้การนอนของพวกเจ้าเป็นการพักผ่อน และเราได้ทำให้กลางคืนคล้ายเครื่องปกปิดร่างกาย และเราได้ทำให้กลางวันเป็นที่แสวงหาเครื่องยังชีพ และเราได้สร้างไว้เหนือพวกเจ้าสิ่งที่แข็งแรงทั้งเจ็ด (ชั้นฟ้า) และเราได้ทำให้มีดวงประทีปหนึ่งที่มีแสงสว่างจ้า และเราได้หลั่งน้ำลงมาอย่างมากมายมากเมฆฝน เพื่อว่าเราจะให้งอกเงยด้วยน้ำนั้นซึ่งเมล็ดพืช และพืชผัก และบรรดาเรือกสวนอันหนาแน่น” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอันนะบะอฺ 6-16)
– “และเราได้ทำให้เทือกเขามั่นคงในแผ่นดินเพื่อมันจะมิได้หวั่นไหวไปกับพวกเขา และเราได้ทำให้หุบเขาเป็นทางกว้างในแผ่นดินนั้น เพื่อว่าพวกเขาได้ใช้เป็นทางเดินอย่างถูกต้อง” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลอันบิยาอฺ 31)
มีผู้สร้างสิ่งมีชีวิต-สิ่งไม่มีชีวิต
– “แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงให้เมล็ดพืชและเมล็ดอินทผาลัมปริออก (ตัฟซีร:เพื่อหน่อของมันจะได้แทงออกมาได้) ทรงให้สิ่งที่มีชีวิตออกจากสิ่งที่ไม่มีชีวิต (ตัฟซีร: เช่นให้ไก่ออกจากไข่) และทรงให้สิ่งที่ไม่มีชีวิตออกจากสิ่งที่มีชีวิต (ตัฟซีร: เช่นให้ไข่ออกจากไก่) นั่นแหละคืออัลลอฮฺ แล้วอย่างไรเล่าที่พวกเจ้าถูกหันเหไปได้” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-อันอาม 95 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
– “และพระองค์คือ ผู้ที่ทรงให้พวกเจ้าเกิดขึ้นจากชีวิตหนึ่ง (ตัฟซีร: หมายถึงท่านนบีอาดัม) โดยให้มีที่พัก (ตัฟซีร: คือที่กระดูกสันหลังของชายหรือลูกอัณฑะในสภาพอสุจิ) และให้มีที่ฝาก (ตัฟซีร: คือที่มดลูกของหญิง ในสภาพเริ่มเจริญเติบโต) แน่นอนเราได้แจกแจงโองการทั้งหลายไว้แล้วสำหรับกลุ่มชนที่เข้าใจ” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-อันอาม 98 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่า อาหรับประเทศไทย)
แร่ธาตุ เหล็ก มีผู้สร้าง ผู้ให้
– “โดยแน่นอนเราได้ส่งบรรดาร่อซูลของเราพร้อมด้วยหลักฐานทั้งหลายอันชัดแจ้งและเราได้ประทานคัมภีร์และความยุติธรรมลงมาพร้อมกับพวกเขาเพื่อมนุษย์จะได้ดำรงอยู่บนความเที่ยงธรรม และเราได้ให้มีเหล็กขึ้นมา เพราะในนั้นมีความแข็งแกร่งมาก และมีประโยชน์มากหลายสำหรับมนุษย์ และเพื่ออัลลอฮฺจะได้ทรงรู้ถึงผู้ที่ช่วยเหลือพระองค์ และบรรดาร่อซูลของพระองค์ (มีความเชื่อมั่น) โดยทางลับ (ต่อพระองค์) แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงพลัง ผู้ทรงอำนาจ” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลหะดีด 25)
– “เขากล่าวว่า “สิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าของฉันได้ให้อำนาจแก่ฉันดียิ่งกว่า ดังนั้นพวกท่านจงช่วยฉันด้วยกำลัง ฉันจะสร้างกำแพงแน่นหนากั้นระหว่างพวกท่านกับพวกเขา” “พวกท่านจงเอาเหล็กท่อนโตๆ มาให้ฉัน” จนกระทั่งเมื่อเขาทำให้บริเวณภูผาทั้งสองราบเรียบเขาก็กล่าวว่า “จงเป่ามันด้วยเครื่องเป่าลม” จนกระทั่งเมื่อเขาทำให้มันร้อนเป็นไฟ เขากล่าวว่า “ปล่อยให้ฉันเททองแดงหลอมลงไปบนมัน” (ตัฟซีร: เขาใช้ให้ชาวบ้านนำเหล็กท่อนโตๆ มาวางเรียงเป็นกองพะเนินสูง แล้วจุดไฟเผาเหล็กจนร้อนแดง หลังจากนั้นให้เอาทองแดงหลอมเทราดลงบนเหล็ก แล้วมันจะแข็งกล้า ในสมัยปัจจุบันก็ได้ค้นพบว่า การผสมทองแดงส่วนหนึ่งเข้ากับธาตุเหล็ก จะทำให้เหล็กมีความแข็งกล้าและทนทาน) (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลกะฮฺฟฺ 95-96 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
สิ่งมีชีวิตทุกชนิดถูกสร้างจากน้ำ
– “และอัลลอฮฺทรงให้บังเกิดสิ่งมีชีวิตทุกชนิดจากน้ำ (ตัฟซีร: อินุกะษีร กล่าวว่า อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงกล่าวถึงเดชานุภาพอันสมบูรณ์ และอำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ในการสร้างมัคลู๊กชนิดต่างๆ โดยมีรูปร่าง สี การเคลื่อนไหว และการดำรงอยู่ของมัน จากน้ำชนิดเดียวกัน) ดังนั้นในหมู่พวกมัน มันจะเคลื่อนย้ายด้วยท้องของมัน (ตัฟซีร: เช่น งู และสัตว์เลื้อยคลาน) และในหมู่พวกมัน มันจะเดินด้วยเท้าทั้งสอง (ตัฟซีร: มนุษย์ และนก) และในหมู่พวกมัน มันจะเดินด้วยเท้าทั้งสี่ (ตัฟซีร: เช่น ปศุสัตว์ และสัตว์เดินดินชนิดต่างๆ) อัลลอฮฺทรงบังเกิดสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ แท้จริง อัลลอฮฺนั้นทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอันนูรฺ 45 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
– “พระองค์ทรงสร้างพวกเจ้าจากชีวิตหนึ่ง แล้วจากชีวิตนั้นทรงทำให้เป็นของคู่ครองของมัน และทรงประทานปศุสัตว์แปดตัวเป็นคู่แก่พวกเจ้า” (ตัฟซีร: อัฏฏ็อบรอนีย์กล่าวว่า “พระองค์ทรงสร้างพวกเจ้าจากชีวิตหนึ่ง” คืออาดัม “แล้วจากชีวิตนั้นทรงทำให้เป็นคู่ครองของมัน” คือเฮาวา ทรงสร้างนางจากซี่โครงซี่หนึ่งของเขา และทรงให้ปศุสัตว์ที่กินได้ คือ อูฐ วัว แพะ แกะ จำนวน 8 คู่ จากทุกชนิดมีตัวผู้และตัวเมีย) (ส่วนหนึ่งจากอัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัซซุมัร 6 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
– “และแน่นอนยิ่งเราได้สร้างชั้นฟ้าทั้งเจ็ดไว้เบื้องบนพวกเจ้า และเรามิได้เพิกเฉย ทอดทิ้งระบบการสร้าง และเราได้หลั่งน้ำให้ลงมาจากฟากฟ้าตามปริมาณ แล้วเราได้ให้มันขังอยู่ในแผ่นดิน และแท้จริงเราเป็นผู้สามารถอย่างแน่นอนที่จะให้มันเหือดหายไป และด้วยน้ำนั้นเราทำให้มันเป็นสวนหลากหลายแก่พวกเจ้ามีต้นอินทผลัม และต้นองุ่นสำหรับพวกเจ้าในสวนนั้นมีผลไม้มากมาย และส่วนหนึ่งพวกเจ้าก็บริโภคมัน และเราได้ทำให้มันเป็นต้นไม้ (ไซตูน)ที่ภูเขาซีนาย ซึ่งมันได้ผลิตออกมาเป็นน้ำมันและน้ำแกง สำหรับผู้บริโภค และแท้จริงในเรื่องปศุสัตว์ (อูฐ วัว แพะ แกะ) นั้นเป็นบทเรียนสำหรับพวกเจ้า เราให้พวกเจ้าดื่ม สิ่งที่อยู่ในท้องของมัน (น้ำนม) และในตัวมันมีประโยชน์มากมาย สำหรับพวกเจ้าและบางชนิดพวกเจ้าก็บริโภคมัน และพวกเจ้าได้บรรทุกบนหลังมัน เช่น เดียวกับใช้บรรทุกบนเรือ” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลมุอฺมินูน 17-22)
สัตว์บก สัตว์น้ำมีผู้สร้างเท่านั้น ที่สร้างได้
– “และปศุสัตว์ พระองค์ทรงสร้างมันในตัวมันมีความอบอุ่นสำหรับพวกเจ้า และประโยชน์มากหลาย และในส่วนหนึ่งจากมันนั้นพวกเจ้าเอามาบริโภคได้ และในตัวมันมีความสง่างามสำหรับพวกเจ้า ขณะที่มันกลับจากทุ่งหญ้าและขณะที่นำมันออกไปเลี้ยง และมันแบกสัมภาระหนักของพวกเจ้าไปยังเมืองไกลๆ โดยที่พวกเจ้าจะไปถึงมันไม่ได้เว้นแต่ด้วยความเหนื่อยยากลำบากใจ แท้จริงพระเจ้าของพวกเจ้านั้นเป็นผู้ทรงเอ็นดู ผู้ทรงเมตตาเสมอ และม้า และล่อ และลา เพื่อพวกเจ้าจะได้ขี่มันและเป็นเครื่องประดับ และพระองค์ยังทรงสร้างสิ่งอื่นๆ ที่พวกเจ้าไม่รู้” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอันนะหฺลฺ 5-8)
– “และพระองค์คือผู้ทรงทำให้ทะเลเป็นประโยชน์ เพื่อพวกเจ้าจะได้กินเนื้อนุ่มสดจากมัน และพวกเจ้าเอาเครื่องประดับออกจากมัน สำหรับใช้ประดับราคา และเจ้าเห็นเรือแล่นฝ่าคลื่นในท้องทะเล และเพื่อพวกเจ้าจะได้แสวงหาความโปรดปรานของพระองค์ และเพื่อพวกเจ้าจะได้ขอบคุณ และพระองค์ทรงให้มีเทือกเขามั่นคงในแผ่นดิน เพื่อมิให้มันสั่นสะเทือนแก่พวกเจ้า และ(ทำให้มี)ลำน้ำและหนทาง เพื่อพวกเจ้าจะได้บรรลุสู่เป้าหมาย เครื่องหมายต่างๆ และด้วยดวงดาว พวกเขาใช้นำทาง ดังนั้น ผู้ทรงสร้างย่อมไม่เหมือนกับผู้ที่ถูกสร้าง พวกเจ้าไม่ใคร่ครวญดอกหรือ?” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอันนะหฺลฺ 14-17)
– “พวกเขามิได้มองไปดูนกที่ (บิน) อยู่เบื้องบนพวกเขาดอกหรือ? มันกางปีกและหุบปีก (ของมัน) ไม่มีผู้ใดจะไปดึงมันไว้ได้นอกจากพระผู้ทรงกรุณาปรานี แท้จริงพระองค์ทรงมองเห็นทุกสิ่งอย่าง” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลมุลกฺ 19)
– “เจ้าไม่เห็นดอกหรือว่า พระเจ้าของเจ้าได้กระทำกับพวกเจ้าของช้างอย่างไร? พระองค์มิได้ทรงทำให้แผนการณ์ของพวกเขาสูญสิ้นดอกหรือ? และได้ทรงส่งนกเป็นฝูงๆ ลงมาบนพวกเขา มันได้ขว้างพวกเขาด้วยหินที่ทำด้วยดินแข็ง (ตัฟซีร: ทั้งนี้ด้วยการส่งนกมาเป็นฝูงๆ นกทุกๆ ตัวจะมีก้อนหินเล็กๆ 3 ก้อน ก้อนหนึ่งจะคาบอยู่ที่จะงอยปากของมัน อีกสองก้อนอยู่ที่ขาทั้งสองข้าง แล้วฝูงนกนั้นก็จะทิ้งก้อนหินแต่ละก้อนลงมา เพื่อทำลายล้างพลพรรคของอับรอฮะฮฺให้ราบคาบไป ก้อนหินแต่ละก้อนนั้นเปรียบเสมือนลูกกระสุนปืนที่ยิงเจาะเข้าไปในเรือนร่างของทหารแต่ละคน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ตรงกับปีที่ท่านนบีมุฮัมมัด (ซ.ล.) เกิด) แล้วพระองค์ทรงทำให้พวกเขาเป็นเช่นใบไม้ที่ถูก (สัตว์) กิน” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลฟีล 1-5 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
ผึ้ง ผู้สร้างให้มีน้ำผึ้งเป็นเครื่องดื่มและยา
– “และพระเจ้าของเจ้า ทรงดลใจ แก่ผึ้งว่าจงทำรังตามภูเขาและตามต้นไม้ และตามที่พวกเขาทำร้านขึ้น แล้วเจ้า(ผึ้ง) จงกินจากผลไม้ทั้งหลาย แล้งจงดำเนินตามทางของพระเจ้าของเจ้า โดยสะดวกสบาย มีเครื่องดื่มที่มีสีสรรต่างๆ ออกมาจากท้องของมัน ในนั้นมีสิ่งบำบัดแก่ปวงมนุษย์แท้จริงในการนั้น แน่นอนย่อมเป็นสัญญาณแก่กลุ่มชนผู้ตรึกตรอง” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอันนะหฺล 68-69)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “มีสองสิ่งที่จะช่วยเยียวยาพวกท่านนั้นคือ น้ำผึ้งและอัลกุรอาน” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดย อิบนิมาญะห์ เลขที่ 3452)
– “พระองค์ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินด้วยความจริงอันชัดแจ้ง (ตัฟซีร: ทรงสร้างมันทั้งสองอย่างสมบูรณ์แบบ และลักษณะที่เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ ด้วยความจริงที่ชัดแจ้ง และหลักฐานอันแจ่มชัด) พระองค์ทรงให้กลางคืนคาบเกี่ยวเข้าไปในกลางวัน และทรงให้กลางวันคาบเกี่ยวเข้าไปในกลางคืน (ตัฟซีร: อัลกุรฎุบีย์กล่าวไว้ในตับซีรของเขาว่า “คือทรงให้กลางคืนแผ่คลุมเข้าไปในกลางวันจนกระทั่งแสงของมันหายไป และกลางวันแผ่คลุมเข้าไปในกลางคืน จนกระทั่งความมืดหายไป ซึ่งตรงกับคำอธิบายของกอตาดะฮฺ ในความหมายแห่งคำกล่าวของอัลลอฮฺ ตะอาลา ที่ว่า “พระองค์ทรงให้กลางคืนแผ่คลุมกลางวัน ต่างก็ไล่ตามซึ่งกันและกันอย่างรวดเร็ว”) และทรงให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เป็นประโยชน์ (แก่มนุษย์) ทุกสิ่งโคจรไปตามวาระที่ได้กำหนดไว้ พึงทราบเถิด พระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงอภัยอย่างมาก” (ตัฟซีร: คือดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์จะโคจรไปเพื่อผลประโยชน์ของปวงบ่าว ทั้งสองต่างก็โคจรไปตามเวลาที่ถูกกำหนดไว้ ณ ที่อัลลอฮฺ จนกระทั่งวันกิยามะฮฺ) (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัซซุมัร 5 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
– “พระผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งเจ็ดเป็นชั้นๆ เจ้าจะไม่เห็นแต่อย่างใดในความไม่ได้สัดส่วนในการสร้างของพระผู้ทรงกรุณาปรานี ดังนั้นเจ้าจงหันกลับมามองดูซิ เจ้าเห็นรอยร้าวหรือช่องโหว่บ้างไหม ?” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลมุลกฺ 3)
– “และโดยแน่นอนเราได้ประดับท้องฟ้าของโลกนี้ด้วยดวงดาวเป็นแสงประทีป และเราได้ทำให้มันเป็นอาวุธไล่ชัยฏอน และเราได้เตรียมการลงโทษด้วยไฟอันร้อนแรงสำหรับพวกมัน” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลมุลกฺ 5)
“อัลลอฮฺทรงเป็นผู้ส่งลมทั้งหลาย แล้วมันได้รวมตัวกันขึ้นเป็นเมฆ แล้วพระองค์ทรงให้มันแผ่กระจายไปตามท้องฟ้า เท่าที่พระองค์ทรงประสงค์ และพระองค์ทรงทำให้มันเป็นกลุ่มก้อน แล้วเจ้าจะเห็นฝนตกลงมาจากท่ามกลางมัน เมื่อมันได้ตกลงมายังผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์จากปวงบ่าวของพระองค์ เมื่อนั้นพวกเขาก็ดีใจ” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัรรูม 48)
– “ดังนั้น เจ้าจงพิจารณาดูร่องรอยแห่งความเมตตาของอัลลอฮฺว่า พระองค์ทรงให้แผ่นดินมีชีวิตชีวาหลังจากความแห้งแล้งของมันอย่างไร แท้จริงในการนั้น แน่นอน พระองค์ย่อมเป็นผู้ทรงให้มีชีวิตแก่คนที่ตายไปแล้ว และพระองค์นั้นเป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัรรูม 50)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ไฟ (นรก) ได้ร้องทุกข์กับพระเจ้าของมันว่า โอ้พระเจ้าของฉัน ส่วนหนึ่งของฉันต่างกินอีกส่วนหนึ่ง” ดังนั้นพระองค์ได้อนุมัติให้นรกได้ผ่อนหายใจได้สองครั้ง ครั้งหนึ่งในฤดูหนาวและอีกครั้งในฤดูร้อน และเพราะเหตุนี้จึงทำให้เกิดความร้อนระอุและความหนาวเหน็บอย่างหนักที่พวกท่านได้ประสบ (ตามสภาพดินฟ้าอากาศ)” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดย บุคอรี เลขที่ 3265 และมุสลิม เลขที่ 2843)
– “พระองค์ทรงทำให้น่านน้ำทั้งสอง (ทะเลและแม่น้ำ) ไหลมาบรรจบกัน ระหว่างมันทั้งสองมีที่กั้นกีดขวาง มันจะไม่ล้ำเขตต่อกัน ดังนั้น ด้วยบุญคุณอันใดเล่าแห่งพระเจ้าของเจ้าทั้งสองที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ? มีไข่มุกและหินปะการังออกมาจากมันทั้งสอง ดังนั้น ด้วยบุญคุณอันใดเล่าแห่งพระเจ้าของเจ้าทั้งสองที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ?” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัรเราะฮฺมาน 19-23)
– “และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือมีนาวาทั้งหลายเดินราบเรียบอยู่ในท้องทะเลเยี่ยงภูเขา” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัชชูรอ 32)
– “ถ้าพระองค์ทรงประสงค์ พระองค์ก็จะทรงให้ลมหยุดนิ่งแล้วมัน (นาวานั้น) ก็จะหยุดลอยนิ่งอยู่ในท้องทะเลนั้น แท้จริงในการนั้นย่อมเป็นสัญญาณแก่ผู้อดทน ผู้ขอบคุณทุกคน หรือพระองค์จะทรงทำให้มัน (นาวานั้น) อับปางลงก็ได้ เนื่องด้วย (ความชั่ว) ที่พวกเขาขวนขวายเอาไว้ และพระองค์ทรงอภัย (ความผิดให้) มากต่อมากแล้ว” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัชชูรอ 33-34)
วันเดือนปี ผู้สร้างกำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว
– “แท้จริงจำนวนเดือน ณ อัลลอฮฺนั้นมีสิบสองเดือน ในคัมภีร์ของอัลลอฮฺตั้งแต่วันที่พระองค์ทรงสร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน” (ส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ 36)
– “และดวงจันทร์นั้น เราได้กำหนดให้มันโคจรตามตำแหน่ง จนกระทั่งมันได้กลายมาเป็นเช่นกิ่งอินทผลัมแห้ง (ตัฟซีร: ดวงจันทร์ก็เช่นเดียวกัน พระองค์ทรงกำหนดให้มันโคจรไปตามตำแหน่งของมันซึ่งมีอยู่ 28 ตำแหน่ง ใน 28 คืน ทุกคืนมันจะโคจรอยู่ในตำแหน่งของมันโดยไม่คลาดเคลื่อนหรือออกนอกตำแหน่ง ทั้งนี้เพื่อให้มนุษย์ได้รู้จัก วัน เดือน ปี และการคำนวณ ดวงจันทร์เริ่มขึ้นเป็นจันทร์เสี้ยวแล้วมีขนาดใหญ่ขึ้นจนกระทั่งเต็มดวงเมื่อกลางเดือน และมีขนาดเล็กลงจนกระทั่งมีสภาพคล้ายกิ่งอินทผลัมแห้งเมื่อปลายเดือน) ดวงอาทิตย์ก็ไม่สมควร (อนุมัติ) แก่มันที่จะไล่ตามใกล้ดวงจันทร์ และกลางคืนก็จะไม่ล้ำหน้ากลางวัน และทั้งหมดนั้นจะเวียนว่ายอยู่ในจักรราศี” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺยาซีน 39-40 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
ผู้สร้างทรงรอบรู้ในสิ่งถูกสร้าง อธิบายเข้าใจง่าย
– “โอ้ มนุษย์! จงเคารพอิบาดะฮฺ พระผู้เป็นเจ้าของพวกเจ้าที่ทรงบังเกิดพวกเจ้า และบรรดาผู้ที่มาก่อนพวกเจ้าเถิด เพื่อว่าพวกเจ้าจะยำเกรง คือผู้ทรงให้แผ่นดินเป็นที่นอน และฟ้าเป็นอาคารแก่พวกเจ้า และทรงให้น้ำหลั่งลงมาจากฟากฟ้า แล้วได้ทรงให้บรรดาผลไม้ออกมา เนื่องด้วยน้ำนั้น ทั้งนี้เพื่อเป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้า ดังนั้นพวกเจ้าจงอย่าให้มีผู้เท่าเทียมใดๆ ขึ้น สำหรับอัลลอฮฺ โดยที่พวกเจ้าก็รู้กันอยู่” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ 21-22)
– “และพระองค์นั้นคือผู้ที่ทรงส่งลมมาเป็นข่าวดีเบื้องหน้าความเอ็นดูเมตตาของพระองค์จนกระทั่งเมื่อมันได้แบกเมฆอันหนักอึ้งไว้ เราก็นำมันไป สู่เมืองที่แห้งแล้ง แล้วเราก็ให้น้ำหลั่งลงที่เมืองนั้น แล้วเราได้ให้ผลไม้ทุกชนิดออกมาด้วยน้ำนั้น ในทำนองนั้นแหละเราจะให้บรรดาผู้ที่ตายแล้วออกมา หวังว่าพวกเจ้าจะได้รำลึก” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-อะอฺรอฟ 57)
มนุษย์มีผู้สร้าง มีเพียงผู้สร้างเท่านั้น ที่จะอธิบายได้ว่ามนุษย์เกิดมาอย่างไร
– “และขอสาบานว่า แน่นอนเราได้สร้างมนุษย์มาจากธาตุแท้ของดิน แล้วเราทำให้เขาเป็นเชื้ออสุจิ อยู่ในที่พักอันมั่นคง (คือมดลูก) แล้วเราได้ทำให้เชื้ออสุจิกลายเป็นก้อนเลือดแล้วเราได้ทำให้ก้อนเลือดกลายเป็นก้อนเนื้อแล้วเราได้ทำให้ก้อนเนื้อกลายเป็นกระดูก แล้วเราหุ้มกระดูกนั้นด้วยเนื้อ แล้วเราได้เป่าวิญญาณให้เขากลายเป็นอีกรูปร่างหนึ่ง ดังนั้นอัลลอฮฺทรงจำเริญยิ่ง ผู้ทรงเลิศแห่งปวงผู้สร้าง” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลมุอฺมินูน 12-14)
– “พระองค์ทรงสร้างพวกเจ้าในครรภ์ของมารดาพวกเจ้า เป็นการบังเกิดครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่ในความมืดสามชั้น (ตัฟซีร: คือทรงสร้างพวกเจ้าในครรภ์ของมารดาเป็นขั้นตอน เพราะมนุษย์นั้นเริ่มจากน้ำอสุจิ แล้วเป็นก้อนเลือด แล้วเป็นก้อนเนื้อจนกระทั่งมีรูปร่างที่สมบูรณ์ จากนั้นก็เป่าวิญญาณเข้าไปร่างนั้น จนกลายเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์ อยู่ในความมืดสามชั้น คือท้อง มดลูก และถุงน้ำคร่ำ) นั่นคือ อัลลอฮฺพระเจ้าของพวกเจ้า พระอำนาจเป็นสิทธิของพระองค์ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ แล้วทำไมพวกเจ้าจึงผินหน้าไปทางอื่น!” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัซซุมัร 6 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
มนุษย์คนแรกของโลกคือนบีอาดัม ชาวสวรรค์สูงเท่านบีอาดัม
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “อัลลอฮฺทรงสร้างอาดัมในฉายาของพระองค์ สูงหกสิบศอก (ประมาณ 30 เมตร) เมื่อพระองค์ทรงสร้างเขาขึ้นมาแล้ว พระองค์ได้ทรงบอกเขาว่า “ไปทักทายมลาอิกะฮฺกลุ่มที่นั่งอยู่ที่นั่นและฟังว่า พวกเขาจะตอบเจ้าอย่างไร เพราะนั่นจะเป็นคำทักทายของเจ้าและคำทักทายของลูกหลานของเจ้า” อาดัมจึงได้ไปและกล่าวว่า “อัสสะลามุอะลัยกุม” มลาอิกะฮฺจึงตอบว่า “อัสสะลามุอาลัยก้ะ วะเราะฮฺมะตุลลอฮฺ” ท่านนบีได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “ดังนั้น ใครก็ตามที่เข้าสวรรค์จะมีรูปลักษณ์ของอาดัม ความสูงของเขาคือหกสิบศอก แต่นับตั้งแต่การสร้างอาดัม มนุษย์มีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ จนกระทั่งมีขนาดเท่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดย บุคอรี เลขที่ 6227 และมุสลิม 2841)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “อัลลอฮฺได้สร้างอาดัมมาซึ่งรูปร่างของอาดัมนั้นสูง 60 ศอก ดังนั้น ทุก ๆ คนที่เข้าสวรรค์ จะเข้าในรูปร่างของ อาดัมและมีความสูง 60 ศอก” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดย บุคอรี เลขที่ 5873 และมุสลิม 7092)
– “และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์ คือการสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และสิ่งที่พระองค์ทรงแพร่กระจายไปทั่วในระหว่างทั้งสองนั้นแก่สิ่งมีชีวิตทั้งหลาย และพระองค์เป็นผู้ทรงอาณุภาพที่จะรวบรวมพวกเขาเมื่อพระองค์ทรงประสงค์” (ตัฟซีร: คือส่วนหนึ่งจากหลักฐานที่แสดงถึงเดชานุภาพของพระองค์ และปรัชญาของพระองค์ที่บ่งชี้ถึงความเป็นเอกภาพของพระองค์ คือ การสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินในรูปแบบอันสวยงามเช่นนี้ และทรงให้สิ่งที่ถูกบังเกิดมาทั้งหลาย เช่น มลาอิกะฮฺ มนุษย์ ญิน และสัตว์นานาชนิดแพร่กระจายไปทั่วทุกหนแห่ง และพระองค์ทรงอานุภาพที่จะรวบรวมทุกสิ่งที่ถูกสร้างมาเหล่านี้ให้ไปชุมนุมกันเพื่อการชำระสอบสวนและการตอบแทนตามเวลาที่พระองค์ทรงประสงค์)” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัชชูรอ 29 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
– “จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด “พระผู้ทรงให้กำเนิดมันครั้งแรกนั้น ย่อมจะทรงให้มันมีชีวิตขึ้นมาอีก และพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้การบังเกิดทุกสิ่ง ผู้ทรงทำให้มีไฟสำหรับพวกเจ้าจากต้นไม้เขียวสด (แล้วจงดูซิ) พวกเจ้าก็ได้จุดมันจากเชื้อไฟนั้น” (ตัฟซีร: ด้วยอานุภาพของพระองค์ ทรงทำให้ต้นไม้เขียวสดมีไฟจากการเสียดสีของมัน ทั้งนี้ด้วยพระประสงค์ของพระองค์ ดังนั้น การให้กระดูกป่นเป็นผุยผงให้กลับเป็นร่างใหม่ และฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง จึงเป็นสิ่งที่ไม่เกินความ สามารถของพระองค์) (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺยาซีน 79-80 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
– ท่านรอซูลลุลลอฮฺกล่าวว่า “แท้จริง บรรดาหัวใจของลูกหลานอาดัมนั้นอยู่ระหว่างสองนิ้วจากบรรดานิ้วของ อัรฺ-เราะฮฺมาน อัลลอฮฺผู้ทรงเมตตา ดั่งดวงใจดวงเดียว ซึ่งพระองค์ทรงเปลี่ยนแปลงพลิกผันมันตามที่พระองค์ทรงประสงค์” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดย อะหฺมัดและมุสลิม)
– “และแท้จริงพระองค์คือผู้ทรงทำให้หัวเราะ และทรงทำให้ร้องไห้ และแท้จริงพระองค์คือผู้ทรงทำให้ตาย และทรงทำให้เป็น” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอันนัจมฺ 43-44)
ผู้สร้าง คือ ผู้ให้ริสกี (ปัจจัยยังชีพ)
– “อัลลอฮฺคือผู้ทรงสร้างพวกเจ้า แล้วทรงให้ปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้า แล้วทรงให้พวกเจ้าตาย แล้วทรงให้พวกเจ้าเป็น” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัรรูม 40)
– “และหากอัลลอฮฺทรงประทานปัจจัยยังชีพอย่างกว้างขวางแก่ปวงบ่าวของพระองค์ แน่นอน พวกเขาก็จะก่อความเสียหายขึ้นในแผ่นดิน แต่พระองค์ทรงประทานให้ตามปริมาณที่พระองค์ทรงประสงค์ แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงตระหนักรู้ ผู้ทรงเห็นต่อปวงบ่าวของพระองค์” (ตัฟซีร: อิบนุกะซีรกล่าวว่า หากพระองค์ทรงประทานริซกีให้แก่พวกเขาเกินกว่าความต้องการแล้วก็จะทำให้พวกเขาแสดงความเกรี้ยวกราดและอวดดีอวดเด่นซึ่งกันและกัน แต่อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงประทานริซกีให้แก่ปวงบ่าวให้เป็นไปตามฮิกมะฮฺและผลประโยชน์โดยทั่วไป) (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัชชูรอ 27 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
นม มีผู้สร้างและกำหนดวิธีใช้อย่างดี
– “และแท้จริงในปศุสัตว์ ย่อมมีบทเรียนอย่างแน่นอนแก่พวกเจ้า เราให้พวกเจ้าดื่มจากสิ่งที่อยู่ในท้องของมัน จากระหว่างมูลและเลือดเป็นน้ำนมบริสุทธิ์ เป็นที่โอชาแก่ผู้ดื่ม” (ตัฟซีร: อัลซะมัคชะรีย์กล่าวว่า อายะฮฺนี้มีข้อชวนคิดคือ อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงให้มีนมขึ้นท่ามกลางมูลและเลือด ซึ่งนมได้ถูกห้อมล้อมไว้ด้วยสองสิ่งนั้น และระหว่างนมกับสองสิ่งนั้น ก็มีสิ่งปิดกั้นด้วยเดชานุภาพของอัลลอฮฺ หนึ่งในสองสิ่งนั้นก็มิได้เข้าไปปะปนให้เปลี่ยนสี เปลี่ยนรส และเปลี่ยนกลิ่น แต่ประการใด มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่อัลลอฮฺ ช่างเป็นเดชานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ และเป็นความปรีชาญาณที่ละเอียดอ่อนยิ่งของพระองค์ ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่ใคร่ครวญและพินิจพิจารณา) (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอันนะหฺลฺ 66 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
– “และมารดาทั้งหลายนั้น จะให้นมแก่ลูกๆ ของนางภายในสองปีเต็ม สำหรับผู้ที่ต้องการจะให้ครบถ้วนในการให้นม และหน้าที่ของพ่อเด็กนั้นคือปัจจัยยังชีพของพวกนางและเครื่องนุ่งห่มของพวกนางโดยชอบธรรม ไม่มีชีวิตใดจะถูกบังคับนอกจากเท่าที่ชีวิตนั้นมีกำลังความสามารถเท่านั้น” (ส่วนหนึ่งจากอัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ 233)
ผู้สร้าง คือ ผู้ให้ความรู้ความสามารถแก่มนุษย์
– “และพระองค์ได้ทรงสอนบรรดานามของทั้งปวงให้แก่อาดัม (ตัฟซีร: อัลลอฮฺทรงสอนบรรดาชื่อทั้งปวงของสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้างไว้ในพิภพ ให้แก่นบีอาดัมทราบ) ภายหลังได้ทรงแสดงสิ่งเหล่านั้นแก่มลาอิกะฮฺ แล้วตรัสว่า จงบอกบรรดาชื่อของสิ่งเหล่านี้แก่ข้า หากพวกเจ้าเป็นผู้พูดจริง” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ 31 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
– “และจงกล่าวถึงเรื่องของอิดรีสที่อยู่ในคัมภีร์ แท้จริงเขาเป็นผู้ซื่อสัตย์ เป็นนะบี” (ตัฟซีร: นักตัฟซีรอธิบายว่า อิดรีสคือปู่ของ นูหฺ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นนบีหลังจากอาดัม เป็นคนแรกที่ใช้ปากกาเขียนและสวมอาภรณ์ที่เย็บด้วยผ้า เพราะก่อนหน้านั้นพวกเขาใช้หนังสำหรับประดับกาย) (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺมัรยัม 56 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
– “และจงรำลึกขณะที่พระเจ้าของเจ้าได้เอาจากลูกหลานของอาดัม ซึ่งลูกๆ ของพวกเขาจากหลังของพวกเขา และให้พวกเขายืนยันแก่ตัวของเขาเอง(โดยตอบคำถามที่ว่า) ข้ามิใช่พระเจ้าของพวกเจ้าดอกหรือ? พวกเขากล่าวว่า ใช่ขอรับ พวกข้าพระองค์ขอยืนยัน (มิเช่นนั้น) พวกเจ้าจะกล่าวในวันกิยามะฮฺว่า แท้จริงพวกข้าพระองค์ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเรื่องนี้ หรือไม่ก็พวกเจ้าจะกล่าวว่า ที่จริงนั้นบรรพบุรุษของพวกข้าพระองค์ได้ให้ภาคีขึ้นมาก่อนและพวกเราเป็นลูกหลานที่มาหลังจากพวกเขา แล้วพระองค์จะทรงทำลายพวกเรา เนื่องด้วยการกระทำของบรรดาผู้ที่ทำให้เสียกระนั้นหรือ?” “และในทำนองนั้นแหละเราจะแจกแจงโองการทั้งหลาย เพื่อว่าพวกเขาจะกลับมา” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-อะอฺรอฟ 172-174)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “เด็กทุกคนกำเนิดมาบนธรรมชาติ (ศรัทธาและรู้ถึงเอกภาพของผู้สร้าง) พ่อแม่ทั้งสองของเขา ที่จะทำให้เขาเป็นยิว หรือเป็นคริสเตียน หรือเป็นผู้บูชาไฟ” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี)
หนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์
– “และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือ ทรงสร้างพวกเจ้าจากดิน แล้วพวกเจ้าเป็นมนุษย์แพร่กระจายออกไป และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือ ทรงสร้างคู่ครองให้แก่พวกเจ้าจากตัวของพวกเจ้า เพื่อพวกเจ้าจะได้มีความสุขอยู่กับนาง และ ทรงมีความรักใคร่และความเมตตาระหว่างพวกเจ้า แท้จริงในการนี้ แน่นอน ย่อมเป็นสัญญาณแก่หมู่ชนผู้ใคร่ครวญ และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือ การสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และการแตกต่างของภาษาของพวกเจ้าและผิวพรรณของพวกเจ้า แท้จริงในการนี้แน่นอน ย่อมเป็นสัญญาณสำหรับบรรดาผู้มีความรู้” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัรรูม 20-22)
– “และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือ การหลับนอนของพวกเจ้าในกลางคืนและกลางวัน และการแสวงหาของพวกเจ้าซึ่งความโปรดปรานของพระองค์ แท้จริงในการนี้ แน่นอน ย่อมเป็นสัญญาณแก่หมู่ชนผู้ฟังเพื่อใคร่ครวญ และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือ ทรงให้พวกเจ้าเห็นสายฟ้าแลบเป็นที่หวาดกลัว และเป็นความหวัง และทรงหลั่งน้ำลงมาจากฟากฟ้า และทรงให้แผ่นดินมีชีวิตชีวาด้วยมัน (น้ำฝน) หลังจากการแห้งแล้งของมัน แท้จริงในการนั้น ย่อมเป็นสัญญาณแก่หมู่ชนผู้ใช้สติปัญญา และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือ ชั้นฟ้าและแผ่นดินมั่นคงอยู่ตามพระบัญชาของพระองค์ ครั้นเมื่อพระองค์ทรงร้องเรียกพวกเจ้าอีกครั้งหนึ่งให้ออกจากแผ่นดิน เมื่อนั้นพวกเจ้าก็จะออกมากัน” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัรรูม 23-25)
ในการสร้าง มีหลายสัญญาณ สำหรับผู้มีปัญญา
– “และอำนาจแห่งบรรดาชั้นฟ้า และแผ่นดินนั้นเป็นสิทธิของอัลลอฮฺ และอัลลอฮฺนั้นทรงเดชานุภาพ เหนือทุกสิ่งทุกอย่าง แท้จริงในการสร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน และการที่กลางวันและกลางคืนตามหลังกันนั้น แน่นอนมีหลายสัญญาณสำหรับผู้มีปัญญา คือบรรดาผู้ที่รำลึกถึงอัลลอฮฺ ทั้งในสภาพยืน และนั่ง และในสภาพที่นอนตะแคง และพวกเขาพินิจพิจารณากันในการสร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน (โดยกล่าวว่า) โอ้พระเจ้าของพวกข้าพระองค์ พระองค์มิได้ทรงสร้างสิ่งนี้มาโดยไร้สาระ มหาบริสุทธิ์พระองค์ท่าน โปรดทรงคุ้มครองพวกข้าพระองค์ให้พ้นจากการลงโทษแห่งไฟนรกด้วยเถิด” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอาลิอิมรอน 189-191)
– “บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย! หากพวกเจ้ายำเกรงอัลลอฮฺ พระองค์ก็จะทรงให้มีแก่พวกเจ้าซึ่งสิ่งที่จำแนกระหว่างความจริงและความเท็จ (ตัฟซีร: หมายถึงให้มีวิจารณญาณ ซึ่งสามารถที่จะจำแนกระหว่างความจริงกับความเท็จได้ แล้วก็ปฏิบัติตนโดยถูกต้องไม่สับสนและมืดมน) และจะทรงลบล้างบรรดาความผิดของพวกเจ้าออกจากพวกเจ้าและจะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเจ้าด้วยและอัลลอฮฺนั้นคือผู้ทรงมีบุญคุณอันใหญ่หลวง” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-อันฟาล 29 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
ผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่งทั้งในชั้นฟ้าและแผ่นดิน
– “พระองค์ทรงรอบรู้ถึงสิ่งที่เข้าไปอยู่ในแผ่นดิน (ตัฟซีร: เช่น น้ำฝน ขุมทรัพย์ และคนตาย) และสิ่งที่ออกจากมัน (เช่น พืช ผัก ผลไม้ ตาน้ำ ฯลฯ) และสิ่งที่ลงมาจากฟากฟ้า (เช่น น้ำฝน มลาอิกะฮฺ และความเมตตา) และสิ่งที่ขึ้นไปสู่สิ่งนั้น (เช่น การงานที่ดี และดุอาอฺต่างๆ) และพระองค์เป็นผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงอภัยเสมอ” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺสะบะ 2 ในวงเล็บเป็นตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
– “และอัลลอฮฺทรงบังเกิดพวกเจ้ามาจากฝุ่นดิน แล้วก็มาจากเชื้ออสุจิ แล้วทรงทำให้พวกเจ้าเป็นคู่สามีภริยา และจะไม่มีหญิงใดตั้งครรภ์และนางจะไม่คลอด เว้นแต่ด้วยความรอบรู้ของพระองค์ และไม่มีผู้สูงอายุคนใดจะถูกยืดอายุออกไป และอายุของเขาก็จะไม่ถูกตัดทอน เว้นแต่อยู่ในบันทึก (ของพระองค์) แท้จริง นั่นเป็นการง่ายดายสำหรับอัลลอฮฺ” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺฟาฏิร 11)
ผู้ทรงรอบรู้ในสิ่งเร้นลับและเปิดเผย
– “แท้จริงอัลลอฮฺนั้น ความรู้แห่งวันอวสานมีอยู่ ณ ที่พระองค์ (ตัฟซีร: ดังรายงานจากหะดีษที่ว่า กุญแจแห่งสิ่งเร้นลับ มี 5 อย่าง ไม่มีผู้ใดรู้สิ่งดังกล่าวนั้นนอกจากอัลลอฮฺ) และพระองค์ทรงประทานฝนลงมาและพระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในมดลูก และไม่มีชีวิตใดรู้ว่า ณ แผ่นดินใดมันจะตาย” (ตัฟซีร คือ 1.เวลาแห่งวันอวสาน 2.เวลาแห่งสถานที่ที่ฝนจะตก 3.ทารกที่อยู่ในมดลูกเพศชายหรือหญิง มีทุกข์หรือสุข 4. สิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ และสิ่งที่จะปฏิบัติเป็นความดีหรือความชั่ว 5.สถานที่ที่มนุษย์แต่ละคนจะตาย และจะฝังที่ไหน) (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺลุกมาน 34 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
– “และอัลลอฮทรงรอบรู้สิ่งที่พวกท่านปิดบังและสิ่งที่พวกท่านเปิดเผย” (ตัฟซีร: ในความตั้งใจและการกระทำของพวเจ้า และพระองค์จะทรงตอบแทน) (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอันนะหฺลฺ 19 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
พระเจ้าเท่านั้น ที่ทรงรอบรู้อดีต ปัจจุบัน และอนาคต
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า "วันกิยามะฮฺจะยังไม่เกิดขึ้นจนกว่าเวลาจะเข้าใกล้กัน (เวลาจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว) ซึ่งหนึ่งปีเสมือนหนึ่งเดือน และหนึ่งเดือนเสมือนหนึ่งสัปดาห์ และหนึ่งสัปดาห์เสมือนหนึ่งวัน และหนึ่งวันเสมือนหนึ่งชั่วโมง และหนึ่งชั่วโมงเสมือนการเผาไหม้ด้วยกับไฟ" (หมายถึงเร็วเสมือนการไหม้ของไฟ) (หะดีษ บันทึกโดย อัตติรมิซีย์ เลขที่ 2332)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “วันกิยามะฮฺจะไม่เกิดจนกว่าฝนจะตกให้มนุษย์ตลอดปี จนแผ่นดินไม่สามารถทำให้สิ่งใดงอกเงยขึ้นมาเลย” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดย อะหมัด)
อัลลอฮฺ คือ พระเจ้าแห่งสากลโลก
– “อัลลอฮฺคือผู้ทรงทำให้แผ่นดินนี้เป็นที่พำนักแก่พวกเจ้า และชั้นฟ้าเป็นเพดานมั่นคง และทรงทำให้พวกเจ้าเป็นรูปร่าง และทรงทำให้รูปร่างของพวกเจ้าสวยงาม และทรงประทานปัจจัยยังชีพจากสิ่งที่ดีๆ แก่พวกเจ้านั่นคืออัลลอฮฺ พระเจ้าของพวกเจ้า ดังนั้นอัลลอฮฺพระเจ้าแห่งสากลโลกทรงจำเริญยิ่ง” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺฆอฟิร 64)
– “ผู้ทรงทำให้ทุกสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างมันให้ดีงาม” (ตัฟซีร: พระองค์ทรงจัดวางทุกสิ่งให้อยู่ในตำแหน่งของมัน) (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัซซัจญดะฮฺ 7 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
ความเมตตาของพระองค์ต่อสิ่งถูกสร้าง
– “และเรามิได้ส่งเจ้า (มุฮัมมัด) มาเพื่ออื่นใดนอกจากเพื่อเป็นความเมตตาแก่ประชาชาติทั้งหลาย จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด “แท้จริงฉันได้รับวะฮีมา ให้ประกาศว่า แท้จริงพระเจ้าของพวกท่านนั้นคือพระเจ้าองค์เดียว ดังนั้นพวกท่านยังมิยอมนอบน้อมอีกหรือ?” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลอันบิยาอฺ 107-108)
– และท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ความเมตตาของอัลลอฮฺนั้นมี 100 ส่วน พระองค์ได้ประทานลงมายังโลกนี้เพียงส่วนเดียว และจากส่วนเดียวนี้เอง ที่ทำให้มนุษย์และสัตว์ต่างเมตตาสงสารซึ่งกันและกัน แม้แต่สัตว์ร้ายก็สงสารลูกของมัน และอัลลอฮฺได้เก็บอีก 99 ส่วนไว้ เพื่อใช้มันให้ความเมตตาแก่บ่าวของพระองค์ในวันกิยามะฮฺ" (ฮะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดย บุคอรี, มุสลิม และติรมีซีย์)
สิ่งถูกสร้างทุกชนิดนั้นสุญูดต่ออัลลอฮฺ
– “และพวกเขามิได้มองไปยังสิ่งที่อัลลอฮฺทรงสร้างบ้างดอกหรือว่า เงาของมันจะทอดไปทางขวาและทางซ้าย เพื่อสุญูดต่ออัลลอฮฺโดยที่พวกมันนอบน้อม และสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและสิ่งที่อยู่ในแผ่นดิน ที่เป็นสัตว์โลกทั้งหลายและมะลาอิกะฮฺจะสุญูดต่ออัลลอฮฺ โดยที่พวกมันจะไม่หยิ่งผยอง พวกเขาจะกลัวพระเจ้าของพวกเขา ผู้ทรงอำนาจเหนือพวกเจ้า ปฏิบัติตามสิ่งที่พวกเขาถูกบัญชา” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอันนะหฺล 48-50)
– “และอัลลอฮฺทรงบังเกิดพวกเจ้า แล้วทรงให้พวกเจ้าตาย และบางคนในหมู่พวกเจ้ามีผู้ถูกนำกลับไปยังวัยต่ำสุดของชีวิต เพื่อมิให้เขารู้อะไรหลังจากที่เคยมีความรู้ แม้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงอานุภาพ” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอันนะหฺล 70)
ทุกสิ่งถูกกำหนดและบันทึกไว้นานแล้ว
– “เจ้ามิรู้ดอกหรือว่า แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าและแผ่นดิน แท้จริงสิ่งนั้นอยู่ในบันทึกแล้ว (ตัฟซีร: กล่าวคือสิ่งต่างๆ เหล่านั้นบันทึกอยู่ในเลาหุลมะหฺฟูซ) แท้จริงในการนั้นเป็นการง่ายดายสำหรับอัลลอฮฺ” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลฮัจญฺ 70 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
– รอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “อัลลอฮฺทรงบันทึกกฎกำหนดต่างๆ ของสิ่งถูกสร้างทั้งหลายไว้แล้ว ก่อนการสร้างชั้นฟ้าและแผ่นดิน เป็นเวลา 5 หมื่นปี” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม)
สวรรค์-นรก นั้นมีจริง ผู้สร้างเตรียมไว้ให้แล้ว
– “อุปมาของสวนสวรรค์ซึ่งบรรดาผู้ยำเกรงได้ถูกสัญญาไว้ในสวนสวรรค์นั้นมีธารน้ำหลายสายที่ไม่ผันแปร (ทั้งรสและกลิ่น) และธารน้ำนมหลายสาย ที่รสชาติของมันไม่เปลี่ยนแปลง และธารน้ำจัณฑ์ (เหล้า) หลายสายเป็นโอชะอร่อยแก่ผู้ดื่ม และธารน้ำผึ้งที่สะอาดบริสุทธิ์หลายสาย และสำหรับพวกเขาในสวนสวรรค์นั้นมีผลไม้หลายชนิด และการอภัยโทษจากพระเจ้าของพวกเขาจะเหมือนกับผู้ที่พำนักอยู่ในไฟนรก และถูกให้ดื่มน้ำร้อนจัดแล้วมันตัดลำไส้ของพวกเขากระนั้นหรือ?” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺมุฮัมมัด 15)
– “บรรดาผู้ที่มีความผิดจะเป็นที่รู้จักกันได้ที่เครื่องหมายของพวกเขา แล้วจะถูกจับตรงผมที่ปีกหน้าผาก คือขมับและเท้า (แล้วลากลงนรก) (ตัฟซีร: ในวันที่น่ากลัววันนั้น วันที่ท้องฟ้าแตกกกระจาย ไม่มีผู้ใดในหมู่ผู้กระทำผิดที่เป็นมนุษย์และญิณจะถูกถามถึงความผิดของเขา เพราะผู้กระทำความผิดนั้นมีเครื่องหมายที่บ่งชี้ถึงความผิดของเขา เช่น หน้าดำคล้ำ และนัยน์ตาสีฟ้า นอกจากนี้ยังเป็นที่สังเกตได้อีก คือ ความเศร้าโศกเสียใจ ความกังวล ความหมดหวังได้เข้ามาครอบคลุมเขา หลังจากนั้นบรรดามลาอิกะฮฺก็จะเข้าไปจับที่ขมับ และเท้าทั้งสองของเขาโดยรวบเข้ามาด้วยกันแล้วจับโยนลงนรก) ดังนั้นด้วยบุญคุณอันใดเล่าแห่งพระเจ้าของเจ้าทั้งสอง ที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ? นี่คือนรก ซึ่งบรรดาผู้ที่มีความผิดปฏิเสธไม่ยอมเชื่อ” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัรเราะฮฺมาน 41-43 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)