เนื้อหาจากการบรรยายในยูทูบ
หัวข้อ แด่ผู้ที่กำลังป่วยและโดนบททดสอบ
สอนโดย อ.ดาวุด ธิยัน
บททดสอบมาทุกรูปแบบ มาทั้งเรื่องดีเรื่องไม่ดี อัลลอฮฺทรงตรัสไว้ว่า “ทุกชีวิตย่อมลิ้มรสความตาย และเราจะทดสอบพวกเจ้าด้วยความชั่วและความดี และพวกเจ้าจะต้องกลับไปหาเราอย่างแน่นอน” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลอัมบิยาอฺ 35)
ท่านอิบนุอับบาส ได้อธิบายอายะฮฺนี้ว่า “อัลลอฮฺบอกกับเราว่า ข้าจะทดสอบพวกเจ้า โอ้ มนุษย์ทั้งหลาย ด้วยกับความยากลำบาก และความสุขสบาย สุขภาพดีและความเจ็บไข้ได้ป่วย ความร่ำรวยและความยากจน สิ่งที่เป็นของหะลาล (เราจะขอบคุณอัลลอฮฺไหม) และของหะรอม (เราจะออกห่างจากมันไหม) การเชื่อฟังและการฝ่าฝืน ทางนำและความหลงผิด ทั้งหมดล้วนเป็นบททดสอบทั้งสิ้น”
ท่านอิบนุกอยยิม ได้กล่าวในหนังสือ “100 ประโยชน์ที่เราได้รับจากการเจ็บไข้ได้ป่วย” ผู้สอนจะยกตัวอย่างมาบางประการไว้เตือนใจและเป็นกำลังใจ
1. เพื่อจะนำความเป็นบ่าวที่อดทนและขอบคุณอัลลอฮฺออกมาในทุกสภาพการณ์
เพื่อจะดึงเอาบ่าวที่สัจจริงของอัลลอฮฺ ปรากฏตัวออกมาในสภาพการณ์ต่างๆ เมื่อโดนบททดสอบไม่ดี เขาก็อดทน เมื่อได้รับความดี เขาก็ขอบคุณ
ท่านรอซูลลุลลอฮฺได้กล่าวไว้ "เพราะสภาพมนุษย์มันเปลี่ยนได้ตลอดเวลา แต่ผู้ที่มีความศรัทธามั่นในหัวใจ ถ้าเขาโดนบททดสอบด้านไม่ดี เขาจะรีบอดทนกับสภาพสิ่งต่างๆ เหล่านั้น แต่ถ้าหากเขาได้รับความดี เขาจะรีบขอบคุณอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา"
ท่านรอซูลุลลอฮฺจึงกล่าวว่า “ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง สำหรับกิจการของผู้ศรัทธา แท้จริง กิจการทั้งหมดของเขาล้วนเป็นความดี สิ่งนั้นไม่เกิดกับผู้ใดนอกจากกับผู้ศรัทธาเท่านั้น หากมีความสุขมาประสบกับเขาก็ขอบคุณต่ออัลลอฮฺ (นั่นก็) กลายเป็นความดีสำหรับเขา และหากมีทุกข์ภัยมาประสบ เขาก็อดทน (นั่นก็) กลายเป็นความดีสำหรับเขา” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 5640)
2. คนที่โดนบททดสอบ ให้รู้ไว้ว่า บาปเล็กๆ ที่เขาเคยกระทำไว้ อัลลอฮฺจะลบล้างตลอดเวลาที่เขากำลังโดนบททดสอบ
“และเคราะห์กรรมอันใดที่ประสบแก่พวกเจ้า ก็เนื่องด้วยน้ำมือของพวกเจ้าได้ขวนขวายได้ และพระองค์ทรงอภัย (ความผิดให้) มากต่อมากแล้ว” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัชชูรอ 30)
ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “เมื่ออัลลอฮฺต้องการให้บ่าวคนหนึ่งของพระองค์ได้รับความดี พระองค์จะเร่งลงโทษเขาในโลกดุนยา และหากพระองค์ต้องการให้บ่าวคนหนึ่งของพระองค์พบสิ่งเลวร้าย พระองค์จะยึดความผิดของเขาไว้จนกระทั่งเขาได้พบมันในวันกิยามะฮฺ” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดย อัตติรมีซีย์)
ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ไม่มีมุสลิมคนใดที่ได้รับความทุกข์ร้อนจากการเป็นไข้ แม้มันจะเท่ากับหนามตำ นอกไปจากอัลลอฮฺทรงไถ่โทษเขาด้วยสิ่งนั้น เหมือนกับต้นไม้ผลัดใบของมัน” (ส่วนหนึ่งจากหะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 5648)
ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ผู้ศรัทธาชายและหญิงจะยังคงถูกทดสอบในชีวิต(ร่างกาย)ของเขา ในลูกหลานของเขา ในทรัพย์สินของเขา จนกระทั่งเขากลับไปพบอัลลอฮฺ โดยที่เขาไม่มีความผิดเลย” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดย อัตติรมีซีย์)
หะดีษเหล่านี้คือกำลังใจจากท่านนบี ให้เราได้ข้อคิดข้อเตือนใจว่า เราเป็นคนชั่วร้ายใช่ไหม ทำไมไม่ประสบกับผู้อื่นเลย ซุบฮานัลลอฮฺ คนที่อีมานอ่อนแอความคิดมันจะแตกออกไปด้านลบ แต่จริงๆ แล้ว อัลลอฮฺไม่ต้องการให้ผู้ศรัทธามีบาป จึงส่งบททดสอบมาให้เพื่อลบล้างบาป แต่สำหรับบาปใหญ่ ผู้ศรัทธาจะต้องเตาบะฮฺก่อน
ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “แท้จริงผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่จะมาพร้อมกับการทดสอบที่ยิ่งใหญ่ และแท้จริงอัลลอฮฺนั้นเมื่อพระองค์ทรงรักกลุ่มชนใด พระองค์จะทรงทดสอบพวกเขา ผู้ใดที่พอใจเขาก็จะได้รับพอพระทัย และผู้ใดที่โกรธเขาก็จะได้รับความกริ้วโกรธ” (หะดีษหะสัน บันทึกโดย อัตติรมีซีย์)
3. อัลลอฮฺต้องการบันทึกความดี และยกสถานะเขาในสวรรค์ให้กับคนโดนบททดสอบด้วย ถ้าเขาอดทนต่อบททดสอบ
ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ไม่มีสิ่งใดที่ประสบแก่มุมินผู้ศรัทธา แม้แต่หนามตำหรือหนักกว่านั้น นอกจากอัลลอฮฺ จะทรงยกระดับชั้นให้กับเขา หรือทรงลบล้างความผิดให้เขา” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 2572)
ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ไม่มีหนามใดมาตำผู้ศรัทธา หรืออื่นจากนั้น เว้นแต่อัลลอฮฺจะลบล้างความผิดบาปและยกสถานะเขาในสวรรค์”
4. การโดนบททดสอบและการเจ็บไข้ได้ป่วย เป็นสาเหตุทำให้เข้าสวรรค์
อะฏออ์ บินอบูเราะบาฮฺ เล่าว่า : อิบนุอับบาสได้พูดกับฉันว่า “ฉันจะให้ท่านเห็นผู้หญิงชาวสวรรค์คนหนึ่งเอาไหม?” ฉันกล่าวว่า “เอาสิ” เขาจึงกล่าวว่า “ผู้หญิงผิวดำคนนี้ได้มาหาท่านนบีและกล่าวว่า “เมื่อฉันเป็นโรคลมชัก และฉันจะตกอยู่ในสภาพเสื้อผ้าเปิดจนเห็นร่างกาย โปรดวิงวอนต่ออัลลอฮฺให้ฉันด้วยเถิด” ท่านนบีกล่าวว่า “ถ้าเธอต้องการ จงอดทนและเธอจะได้สวรรค์ และถ้าเธอต้องการ ฉันจะวิงวอนต่ออัลลอฮฺให้รักษาเธอ” นางตอบว่า “ฉันจะอดทน” และกล่าวว่า “แต่เมื่อฉันเป็นโรคขึ้นมาทีไร เสื้อผ้าของฉันจะเปิดจนเห็นร่างกายทุกที โปรดวิงวอนต่ออัลลอฮฺให้ฉันไม่ต้องอยู่ในสภาพเสื้อผ้าเปิดด้วยเถิด” ดังนั้น ท่านนบีจึงวิงวอนต่ออัลลอฮฺให้นาง” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 5652)
5. คนที่โดนบททดสอบ เจ็บไข้ได้ป่วย แล้วอดทน เขาจะปลอดภัยจากไฟนรก
หะดีษที่ท่านอบูฮุรอยเราะฮฺรายงานว่า วันหนึ่งนบีได้ไปเยี่ยมคนป่วย อบูฮุรอยเราะฮฺไปด้วยและเขาก็มีอาการเป็นไข้ด้วย ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวกับคนป่วยคนนั้นว่า “แจ้งข่าวดีกับเจ้านะ อัลลอฮฺตรัสว่า ‘การเจ็บไข้ได้ป่วย ที่ตัวร้อน มันคือไฟของฉัน ที่ฉันได้ให้มันมีอำนาจเหนือบ่าวผู้ศรัทธาในดุนยานี้ เพื่อที่วันกิยามะฮฺเขาจะรอดพ้นจากไฟนรก”
6. บ่าวจะได้กลับมาสำนึก คิดทบทวนและตื่นขึ้นมาจากความหลงลืม
ทบทวนว่าเป้าหมายจริงๆ ที่อัลลอฮฺสร้างเรามานั้นทำไม ได้สำนึกว่าเรามีสถานะอะไรในโลกดุนยาใบนี้
“และข้า (อัลลอฮฺ) มิได้สร้างญินและมนุษย์มาเพื่ออื่นใด นอกจากเพื่อให้พวกเขาอิบาดะฮฺต่อข้า” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัซซาริยาต 56)
อิบนุกอยยิมได้กล่าวถึงความแตกต่างระหว่างเนียะฮฺมะฮฺ กับบะลาอฺ (อะไรคือความโปรดปราน อะไรคือบททดสอบ อะไรคือการลงโทษ) ท่านบอกว่า ถ้าจะเรียกว่าความโปรดปราน (เนียะฮฺมะฮฺ) ที่อัลลอฮฺประสงค์จะให้กับคนๆ หนึ่ง นั่นคือ เมื่อเขาได้รับความดีหรืออะไรก็ตามแต่ แล้วมันทำให้เขาใกล้ชิดอัลลอฮฺยิ่งขึ้นนั้นเรียกว่า เนียะฮฺมะฮฺ แต่ถ้าเขาได้รับมันแล้ว ยิ่งทำให้เขาออกห่างออกจากอัลลอฮฺนั่นเรียกว่า บะลาอฺ หรือเป็นอะซาบ เช่น ไม่ละหมาด แล้วก็ยังไม่จน ยิ่งฝ่าฝืน ยิ่งหลงลืม และยังมีสุขภาพดี ถ้าอัลลอฮฺลงโทษทันที เขาจะโดนลงโทษอย่างรุนแรง
ตรวจสอบตัวเองว่า อาหารแต่ละคำที่เราได้ทาน เงินที่เข้ามา เราขอบคุณอัลลอฮฺหรือยัง เราเศาะดะเกาะฮฺ จ่ายซะกาตหรือยัง ถ้าเราได้รำลึกนึกถึงอัลลอฮฺทุกเนียะฮฺมะฮฺ (ความโปรดปราน) แสดงว่า เราได้รับความโปรดปรานที่อัลลอฮฺกำลังเมตตาเรา แต่ถ้ายิ่งรวย ยิ่งออกห่าง ยิ่งลืม นั่นอันตรายมาก
7. เมื่อเราเจ็บป่วย อัลลอฮฺต้องการเตือนสติเราให้นึกถึงพี่น้องเราที่เขากำลังเจ็บป่วยอยู่
วันที่เราสุขภาพดีเราไม่เคยนึกถึงพี่น้องปาเลสไตน์ โรฮิงญา เราลืมขอดุอาอฺให้พวกเขา แต่เมื่อเราโดนบททดสอบแบบเดียวกัน เราจะเห็นอกเห็นใจพวกเขาขึ้นมาทันที เราอยากจะขอดุอาอฺให้กับเขาทั้งๆ ที่เราก็ลำบาก ในวันที่เรากลับมามี เราก็อยากจะช่วยเหลือผู้อื่น บางทีเราสบาย จนกินใช้สิ้นเปลือง เหลือทิ้ง
8. การเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นเนียะอฺมะฮฺยิ่งใหญ่ ที่อัลลอฮฺทรงประทานให้ผู้ศรัทธาทุกคน
วิธีคิดของผู้ศรัทธาในยุคสลัฟ เขาถือว่าเป็นเนียะอฺมะฮฺ เพราะเขาไม่รู้ว่า บาปที่ทำอยู่ อัลลอฮฺจะให้อภัยโทษให้เขาเมื่อไหร่ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาเจ็บป่วยหรือโดนบททดสอบ เมื่อนั้นเป็นประตูแห่งการอภัยโทษกำลังเปิดให้กับเขาตามที่อัลลอฮฺได้สัญญาแล้ว ดังนั้น พวกเขาจึงรู้สึกดีใจว่า วันนี้อัลลอฮฺรักเขาแล้ว อัลลอฮฺกำลังดึงบาปออกจากตัวเขา
ท่านรอซูลุลลอฮฺได้พูดถึงบททดสอบของคนดี บรรดานบีในยุคอดีตว่า “คนดีๆ ที่เป็นนบี หรือคนดีๆ ในยุคอดีต พวกเขาจะดีใจเมื่อโดนบททดสอบ เหมือนกับที่คนหนึ่งคนใดในหมู่พวกท่านดีใจเมื่อได้รับสิ่งดีๆ” วิธีคิดนี้มันจะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าหัวใจของเราจะเต็มไปด้วยอีมาน เราต้องฝึกฝนจริงๆ ให้เราอยู่สภาพนั้นให้ได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเราก็ตาม
อิบนุกอยยิมกล่าวว่า “ท่านจงพอใจกับทุกสิ่งที่อัลลอฮฺได้ปฏิบัติกับท่าน อัลลอฮฺยังไม่ขัดขวางหรือห้ามสิ่งใดให้แก่ท่าน เว้นแต่อัลลอฮฺจะต้องให้กับท่านอย่างแน่นอน อัลลอฮฺไม่ทดสอบพวกท่าน เว้นแต่ว่า อัลลอฮฺจะให้ความสำเร็จกับท่าน อัลลอฮฺไม่ให้ท่านป่วย เว้นแต่อัลลอฮฺจะให้ท่านหาย อัลลอฮฺไม่ให้ท่านตาย เว้นแต่อัลลอฮฺจะให้ท่านฟื้นคืนมาอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้น ท่านจงระวัง จงอย่าแยกออกจากความพอใจออกจากตัวของท่านกับอัลลอฮฺเป็นอันขาดแม้แต่เสี้ยวพริบตาเดียว”
หมายความว่า อะไรก็ตามที่เราอยากได้ แต่ผู้ที่รู้ดีที่สุดว่าอะไรเหมาะสมกับเราคืออัลลอฮฺ หากอะไรที่เราอยากได้ไม่เหมาะกับเรา อัลลอฮฺจะยังไม่ให้กับท่าน แต่จะตอบแทนสิ่งที่ดีกว่าให้กับท่านแทน ดังนั้นจงพอใจกับทุกสิ่งที่อัลลอฮฺให้ หรือไม่เหมาะกับเราในปัจจุบันนี้ แต่เหมาะกับเราในอนาคตข้างหน้า
และการทดสอบมันจะไม่อยู่กับเราตลอดไป มันจะต้องรับความสำเร็จหรือทางออกสักวันหนึ่ง หากเรามีความพยายาม พากเพียร อดทน หมั่นขอดุอาอฺจากพระองค์
อย่าไม่พอใจสิ่งที่อัลลอฮฺให้กับท่าน เพราะมันมีความดีงามตามมาเสมอ ถ้าอัลลอฮฺให้เราตาย เราก็ตายในสภาพที่ดีงาม อดทน และอัลลอฮฺจะให้เราฟื้นอีกครั้งหนึ่ง ได้รับการตอบแทนในวันข้างหน้า
แจ้งความดีให้กับคนที่กำลังป่วย
ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “เมื่อบ่าวคนหนึ่งได้เจ็บป่วยหรือเดินทาง จะมีการบันทึกผลบุญให้แก่เขา เหมือนกับที่เขาเคยปฏิบัติการงานนั้นในตอนที่เขาไม่ได้เดินทางและมีสุขภาพดีอยู่” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี)
มีเงื่อนไขว่าเขาเคยทำมาตลอด แม้ว่าเขาจะนอนติดเตียง หรือผู้หญิงที่มาประจำเดือน เขาก็จะได้รับผลบุญความดีเหมือนที่เคยทำ
จะทำอย่างไรให้หัวใจเรามีความอดทน
1. ให้เรานึกหรือสำนึกเสมอว่า สิ่งที่อัลลอฮฺทดสอบกับเรา มันเป็นเกาะฎออฺ และเกาะดัร ที่อัลลอฮฺได้กำหนดให้กับเราแล้ว เป็นสิ่งที่เราเลือกไม่ได้
“จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า จะไม่ประสบแก่เราเป็นอันขาด นอกจากสิ่งที่อัลลอฮฺได้กำหนดไว้แก่เราเท่านั้น ซึ่งพระองค์เป็นผู้คุ้มครองเรา และแด่อัลลอฮฺนั้น มุอฺมินทั้งหลายจงมอบหมายเถิด” (อัลกุรอาน ซูราะฮฺอัต-เตาบะฮฺ 51)
เมื่อเป็นการกำหนดของอัลลอฮฺ หน้าที่ของเราคือ ยอมรับและพอใจในการกำหนดของพระผู้เป็นเจ้า เพราะมันจะมีแต่ความดีตามมา มีแต่ผลบุญ และความพึงพอพระทัยจากพระองค์ แต่ถ้าเราตีโพยตีพาย มันจะไม่ได้รับผลบุญ จะเป็นความผิดบาป
2. ให้ท่านมั่นใจเต็มร้อยว่า อัลลอฮฺเมตตาท่านที่สุด มากกว่าที่ท่านรักตัวเอง และมากกว่าที่คนเมตตาและรักท่าน
“จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด)ว่า สิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดินนั้นเป็นของใคร? จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) ว่าเป็นของอัลลอฮฺ พระองค์ได้ทรงกำหนดการเอ็นดูเมตตาไว้บนตัวของพระองค์” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-อันอาม 12)
ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “อัลลอฮฺเมตตาบ่าวของพระองค์ มากกว่าแม่ที่เมตตาลูกของนางเสียอีก”
มนุษย์ทุกคนเห็นแก่ตัว มนุษย์ทุกคนรักตัวเอง แต่อัลลอฮฺทรงรักเรา มากกว่าที่เรารักตัวเอง
3. สิทธิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่บ่าวคนหนึ่งจะต้องให้กับอัลลอฮฺก็คือ เมื่ออัลลอฮฺทดสอบ เราต้องอดทน
ถ้าเราอดทน ผลตอบแทนคือสวรรค์
อดทน คือ การยับยั้งจิตใจ ไม่ให้คิดไม่ดีกับอัลลอฮฺ ยังยั้งร่างกายไม่ให้ฝ่าฝืนต่อพระองค์ ยับยั้งคำพูด ไม่ให้ตำหนิ ไม่ด่าทอ ไม่หาคนผิด
4. คิดถึงผลบุญที่เราจะได้รับจากการอดทน
ได้สวรรค์
ได้ลบล้างความผิด
ได้รับความพึงพอพระทัยจากอัลลอฮฺ
5. คนที่โดนทดสอบนั่นคือสัญญาณบกบ่องว่า อัลลอฮฺรักเขา
ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “แท้จริงผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่จะมาพร้อมกับการทดสอบที่ยิ่งใหญ่ และแท้จริงอัลลอฮฺนั้นเมื่อพระองค์ทรงรักกลุ่มชนใด พระองค์จะทรงทดสอบพวกเขา ผู้ใดที่พอใจเขาก็จะได้รับพอพระทัย และผู้ใดที่โกรธเขาก็จะได้รับความกริ้วโกรธ” (หะดีษหะสัน บันทึกโดย อัตติรมีซีย์)
6. เราจะไม่ตีโพยตีพายกับบททดสอบต่างๆ เพราะการอดทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และได้รับผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ อดทนเมื่อแรกเริ่มประสบกับเขา
ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “แท้จริง ความอดทนอยู่ที่ตอนประสบเคราะห์กรรมครั้งแรก” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี)
คนที่จะยับยั้งชั่งใจ อดทนได้ตั้งแต่แรก เขาจะต้องได้รับการฝึกฝน เข้าใจหลักอากีดะห์ เข้าใจกำหนดของอัลลอฮฺ
ถ้าวันนี้ตื่นมาร้องไห้ เสียใจที่ตื่นมาละหมาดสาย แสดงว่าหัวใจผูกพันอยู่กับอาคิเราะฮฺ แต่ถ้าฝ่าฝืนพระองค์แล้วไม่รู้สึกอะไร แต่ดุนยาจากไป เสียใจมากมาย แสดงว่าหัวใจผูกพันกับดุนยา
7. ให้เราสำนึกอยู่เสมอว่า โลกนี้เป็นโลกแห่งการทดสอบ ไม่ใช่โลกแห่งการตอบแทน ทุกคนจะต้องโดนบนทดสอบ
ยิ่งโดนบททดสอบหนัก อัลลอฮฺยิ่งรักเรา
ช่วงที่เขาป่วย อีมานกำลังลด
1. อย่าโทษนั่นโทษนี่
อย่าพูดว่า บอกแล้วว่าอย่าทำแบบนี้ เพราะเป็นการเปิดประตูให้ชัยฏอนเข้ามามีอิทธิพลกับเรา แต่ให้กล่าวว่า อัลลอฮฺกำหนดแล้ว เป็นไปตามสิ่งที่อัลลอฮฺกำหนด
2. อย่าไปผูกขาดหมอหรือยา
ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “จงรักษาเถิด แท้จริง พระองค์อัลลอฮฺจะไม่ทรงนำโรคมา เว้นแต่พระองค์จะนำยาเพื่อการบำบัดมาด้วย ยกเว้นโรคเดียวที่ไม่มียารักษาคือ โรคชรา” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดย อัตติรมีซีย์ เลขที่ 2038)
แต่ยารักษาบางตัว หมออาจจะยังคิดค้นไม่ได้ โรคบางอย่างอาจจะยังรักษาไม่หายขาด แต่มันมียารักษาแน่นอน ให้เรารักษา หาหมอ เลือกหมอ เลือกยาที่ดี ให้เรารักษา แต่อย่าไปผูกขาดหมอว่าต้องเป็นคนนี้ หรือคิดว่าหมอคนนั้นเก่งจึงหาย เพราะหมอกับยาเป็นเพียงแค่สาเหตุ แต่ผู้ให้สาเหตุที่แท้จริงคืออัลลอฮฺ (ซ.บ.)
3. อย่ารักษากับสิ่งที่เป็นของหะรอม หรือวิธีการหะรอม
อยู่ในอากีดะห์ที่ถูกต้อง อย่าไปหาหมอดู หมอไสยศาสตร์ เพื่อเลี่ยงชิริก ตายในสภาพเตาฮีด
4. ต่อให้ท่านจะเจ็บป่วยแค่ไหน อย่าขอดุอาอฺให้ตายจากโลกใบนี้ไป
ถ้าไม่ไหวจริงๆ ให้ขอดุอาอฺสำนวนนี้ รอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “พวกท่านอย่าหวังความตายเด็ดขาด เนื่องจากความทุกข์ทนลำบากที่ประสบ แต่หากมันถึงจุดที่สุดๆ แล้วจริงๆ ก็ให้พูดว่า โอ้ อัลลอฮฺ หากการมีชีวิตอยู่ดีสำหรับฉัน ก็ขอให้ฉันมีชีวิตต่อไป แต่หากการตายดีสำหรับฉัน ก็ขอให้ฉันตายลงเสียเถิด” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรีและมุสลิม)
เพราะอัลลอฮฺทรงรู้ดีว่า อันไหนดีกว่า เพราะการเจ็บป่วยอาจเป็นสาเหตุให้ถูกลบล้างบาปไปเรื่อยๆ และจากโลกดุนยานี้ไปด้วยกับบาปเล็กถูกลบล้าง บาปใหญ่ถูกสำนึก ห่างไกลจากการสิ้นหวังและไม่ได้เตาบะฮฺตัว คนที่ป่วยขอดุอาอฺให้มากๆ
5. อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไม่ได้รับความพึงพอพระทัยจากอัลลอฮฺ
วันนี้คนป่วย ซิรุลลอฮฺได้มั้ย อ่านอัลกุรอาน ฟังบรรยาย เศาะดะเกาะฮฺในรูปแบบที่เขาสามารถทำได้
6. อนุญาตให้ทำการรุกยะห์ได้
อ่านรุกยะห์ซูเราะฮฺฟาตีฮะห์, 3 กุล, อายะฮฺกุรซี ดุอาอฺต่างๆ อ่านแล้วเป่าลูบที่ตัว หรือเป่าใส่น้ำ ถ้าทำเองได้ให้ทำเอง ถ้าทำไม่เป็นหรือไม่ไหว ให้คนที่มาเยี่ยมเรา ที่มีอีมาน และมีความรู้ทำให้แทน
7. ขออิสติฆฟาร์เยอะๆ
ถ้าดุอาอฺยังไม่ถูกตอบรับ อาจเพราะยังมีบาปที่ยังไม่เตาบะฮฺ ยังไม่ขออภัยโทษ
8. ใครที่ยังติดค้างอะไรกับใคร ก็ขอมาอัฟ ให้อภัยกัน
จะได้จากดุนยาไปในสภาพที่ไม่ติดค้างกับใคร ไม่อคติกับใคร เพราะถ้าตายไปแล้ว เราจะยังไม่ได้เข้าสวรรค์จนกว่าจะเคลียร์กับคู่กรณีก่อนในวันกิยามะฮฺ ซึ่งมันไม่ได้ง่ายเท่ากับการเคลียร์ในดุนยา