hasanah page เว็บไซต์สำหรับมุสลิมะห์
– “พึงทราบเถิด! ด้วยการรำลึกถึงอัลลอฮฺเท่านั้นทำให้จิตใจสงบ” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัรเราะอฺดฺ 28)
– ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า “เอาไหม ฉันจะแจ้งแก่พวกท่านถึงอะมัลที่ดีที่สุดของพวกท่าน เป็นอะมัลที่บริสุทธิ์ที่สุด ณ พระผู้อภิบาลของพวกท่าน เป็นอะมัลที่สูงส่งยิ่งสำหรับการยกระดับขั้นของพวกท่าน ดีกว่าการจ่ายทานทองคำและเงิน และดีกว่าการที่พวกท่านต้องเจอเหล่าศัตรู แล้วพวกท่านต้องฟันคอพวกเขาและพวกเขาก็ฟันคอพวกท่าน” พวกเขา(เหล่าเศาะฮาบะฮฺ)กล่าวตอบว่า “แน่นอน (เราทุกคนอยากทราบ) ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า “นั่นคือการกล่าวรำลึกถึงอัลลอฮฺ” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยอัต-ติรมีซีย์ เลขที่ 3377 และนี่เป็นสำนวนของท่าน และอิบนุมาญะฮฺ เลขที่ 3790)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “และจงรำลึกถึงพระนามแห่งพระเจ้าของเจ้า และจงตั้งจิตมั่นต่อพระองค์อย่างเคร่งครัด” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-มุซซัมมิล 8)
– จากอับดุลลอฮฺ บิน บุสรฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า ความว่า ได้มีชายคนหนึ่งกล่าวว่า “โอ้ ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ แท้จริงแล้วบทบัญญัติของอิสลามนั้นดูมากมายแก่ฉันเหลือเกิน ดังนั้น ขอท่านชี้แนะสิ่งหนึ่งที่ฉันจะได้ใช้ยึดมั่นกับมันด้วยเถิด” ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ตอบว่า “จงให้ลิ้นของท่านเปียกชุ่มด้วยการกล่าวรำลึกอัลลอฮฺอยู่เสมอ” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดย อัต-ติรมีซีย์ เลขที่ 3375 นี่เป็นสำนวนรายงานของท่าน และอิบนุ มาญะฮฺ เลขที่ 3793)
ระลึกอยู่เสมอว่า พระองค์ทรงเห็น ทรงได้ยิน ทรงรอบรู้
– “และพระองค์นั้นคือ อัลลอฮฺ ทั้งในบรรดาชั้นฟ้าและในแผ่นดิน ทรงรู้สิ่งเร้นลับของพวกเจ้า และสิ่งเปิดเผยของพวกเจ้า และทรงรู้สิ่งที่พวกเจ้าขวนขวายกันอยู่” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-อันอาม 3)
– “และพระองค์คือผู้ทรงชนะเหนือปวงบ่าวของพระองค์ และทรงส่งบรรดาผู้บันทึกความดีและความชั่ว มายังพวกเจ้าด้วย จนกระทั่งเมื่อความตายได้มายังคนใดในพวกเจ้าแล้ว บรรดาทูตของเรา ก็จะรับชีวิตของพวกเขาไป โดยที่พวกเขาจะไม่ทำให้บกพร่อง” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-อันอาม 61)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า อัลลอฮฺทรงตรัสว่า “ข้าเป็นดังเช่นที่บ่าวของเขานึกคิดเกี่ยวกับข้า ข้าอยู่กับเขาเมื่อเขานึกถึงข้า และหากเขากล่าวรำลึกถึงข้ากับตัวเขา ข้าก็จะกล่าวรำลึกถึงเขากับตัวข้า และหากเขากล่าวรำลึกถึงข้าในกลุ่มคน ข้าจะกล่าวถึงรำลึกถึงเขาในกลุ่มคนที่ดีกว่า หากเขาเข้ามาใกล้ชิดข้าหนึ่งคืบมือ ข้าก็จะเข้าไปใกล้ชิดเขาศอกหนึ่ง และหากเขาเข้ามาใกล้ชิดข้าศอกหนึ่ง ข้าก็จะเข้าไปใกล้ชิดเขาวาหนึ่ง และหากเขาเข้ามาหาข้าด้วยการเดิน ข้าก็จะเข้าไปหาเขาด้วยการวิ่ง” (หะดีษ (กุดซีย์) เศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 7405 และมุสลิม เลขที่ 2675)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า พระองค์อัลลอฮฺทรงตรัสไว้ว่า “ฉันอยู่ที่ความคิดของบ่าวของฉัน หากเขาคิดดี เขาจะได้รับความดี (แต่) ถ้าเขาคิดไม่ดี เขาก็จะได้รับ ความไม่ดีนั้นด้วย” (หะดีษ (กุดซีย์) เศาะฮีหฺ บันทึกโดยอะหฺมัด เลขที่ 8871)
– “คำกล่าวที่ดีนั้น ย่อมจะขึ้นไปสู่พระองค์ (ตัฟซีร: การซิกรุลลอฮฺ การขอพร การอ่านอัลกุรอาน การกล่าวตัสบีหฺ การกล่าวสรรเสริญ และอื่นจากนี้) และการงานที่ดีนั้น พระองค์ทรงยกย่องสรรเสริญมัน” (ตัฟซีร: คือพระองค์ทรงตอบรับการงานที่ดี และตอบแทนความดีแก่ผู้ปฏิบัติ) (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺฟาฏิร 35 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
– “เจ้ามิเห็นดอกหรือว่า อัลลอฮฺทรงยกอุทาหรณ์ไว้ว่า อุปมาคำพูดที่ดีดั่งต้นไม้ที่ดี รากของมันฝังแน่นลึกมั่นคง (ตัฟซีร: พระองค์ทรงเปรียบเทียบคำพูดแห่งการศรัทธาว่า เสมือนหนึ่งต้นไม้ที่ดี และคำพูดแห่งการตั้งภาคีเสมือนหนึ่งต้นไม้ที่อับเฉา อิบนุอับบาสกล่าวว่า คำพูดที่ดีคือคำกล่าว “ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ” และต้นไม้ที่ดีคือ “มุอฺมิน”) และกิ่งก้านของมันชูขึ้นไปในท้องฟ้า ผลของมันจะออกมาทุกกาลเวลา โดยอนุมัติของพระเจ้าของมัน (ตัฟซีร: คือคำพูดแห่งการศรัทธาจะมั่นคงอยู่ในหัวใจของมุอฺมิน การงานของเขาจะขึ้นสู่ชั้นฟ้า และจะได้รับความศิริมงคล และได้รับการตอบแทนทุกกาลเวลา) และอัลลอฮทรงยกอุทาหรณ์แก่ปวงมนุษย์เพื่อพวกเขาจะได้รำลึกและอุปมาคำพูดที่เลว ดั่งต้นไม้ที่อับเฉาถูกถอนรากออกจากพื้นดิน มันไม่มีความมั่นคงเลย” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอิบรอฮีม 24-26 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ถ้อยคำที่อัลลอฮฺทรงรักมากที่สุดคือ ’ซุบฮานัลลอฮฺ วะบิฮัมดิฮี’ (มหาบริสุทธิ์ยิ่งคืออัลลอฮฺเท่านั้น และบรรดาการสรรเสริญเป็นของพระองค์)” (ส่วนหนึ่งจากหะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 2731)
– ซะอฺด์ บินอบีวักกอศ เล่าว่า : ในขณะที่ฉันอยู่กับท่านรอซูลุลลอฮฺ ท่านได้กล่าวว่า “มีใครในหมู่พวกท่านคนใดหมดแรงที่จะรับ 1,000 ความดีทุกวันไหม?” ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่จึงถามว่า ‘ใครจะรับ 1,000 ความดีทุกวันได้อย่างไร?’ ท่านจึงกล่าวว่า “จงกล่าว ซุบฮานัลลอฮฺ 100 ครั้ง เขาจะได้รับการบันทึกไว้ 1,000 ความดี และ 1,000 ความชั่วจะถูกลบออกไป" (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 2698)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ความสะอาดเป็นครึ่งหนึ่งของความศรัทธา (การกล่าวว่า) ‘อัลฮัมดุลิลลาฮฺ’ ทำให้เต็มตาชั่ง และ (การกล่าวว่า) ‘ซุบฮานัลลอฮฺ’ และ ‘อัลฮัมดุลิลลาฮฺ’ ผลบุญ จะเต็มระหว่างท้องฟ้าและผืนแผ่นดิน การละหมาดเป็นรัศมี การบริจาคเป็นหลักฐาน (ถึงความศรัทธา) ความอดทนเป็นแสงสว่าง และอัลกุรอานเป็นข้อยืนยัน (ถึงความดี) ให้แก่เจ้า หรือ (ความบกพร่อง) ของเจ้าได้ มนุษย์ทุกคนตื่นขึ้นมาย่อมขวนขวายแก่ตนเองทั้งสิ้น บ้างก็ปลดปล่อยตนเอง และบ้างก็ทำลายตนเอง” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 223)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “บทดุอาอฺที่ประเสริฐที่สุดนั้นคือ อัลฮัมดุลิลลาฮฺ (การสรรเสริญทั้งหลายเป็นสิทธิของอัลลอฮฺ) และบทซิเกรที่ประเสริฐที่สุดนั้นคือ ลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮฺ (ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ) (หะดีษหะสัน บันทึกโดยอัต-ติรมิซี เลขที่ 3383, อิบนุมาญะฮฺ เลขที่ 3800 และอัล-หากิม หน้า 1/503 ซึ่งท่านกล่าวว่าเป็นหะดีษเศาะฮีหฺ)
– นบีมูซากล่าวว่า “โอ้ พระเจ้า โปรดสอนข้าพเจ้าสักสิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าจะนำมาระลึกถึง และวิงวอนขอต่อพระองค์” พระองค์ทรงตรัสว่า “โอ้มูซา เจ้าจงกล่าว ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ” นบีมูซากล่าวว่า “โอ้พระผู้เป็นเจ้า บ่าวของพระองค์ทั้งหลายก็กล่าวเช่นนี้” พระองค์ทรงตรัสว่า “เจ้าจงกล่าว ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ” นบีมูซาก็กล่าวว่า “ไม่มีพระเจ้านอกจากพระองค์ โอ้พระเจ้า ความเป็นจริงข้าพเจ้าปรารถนาสิ่งหนึ่งที่สามารถปกป้องข้าพเจ้าได้ ที่เจาะจงเฉพาะข้าพเจ้า” พระองค์ทรงตรัสว่า “โอ้มูซา มาตรแม้นฟากฟ้าทั้งเจ็ด และมีผู้บูรณะมันนอกจากข้า และแผ่นดินทั้งเจ็ดอยู่ในใบตาชั่งข้างหนึ่ง และ ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ อยู่ในใบตาชั่งอีกข้างหนึ่ง แน่นอนข้างที่มี ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ จะมีน้ำหนักมากกว่าข้างที่มีฟากฟ้าและแผ่นดิน” (หะดีษกุดซีย์ ฉบับแปลไทย ลำดับที่ 200/221 รายงานโดย อันนะซาอีย์)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ผู้ใดที่กล่าวถ้อยคำนี้
لاَ إِلَهَ إِلاَّ اللهُ وَحْدَهُ لاَ شَرِيْكَ لَهُ، لَهُ الْمُلْكُ، وَلَهُ الْحَمْدُ، وَهُوَ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ قَدِيْرٌ
คำอ่าน: ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮุ วะฮฺดะฮู ลาชะรีก่าละฮฺ ละฮุลมุลกุ วะละฮุลฮัมดุ ยุฮฺยี วะยุมีตุ วะฮุวะ อะลากุลลิชัยอินก่อดีร ความว่า “ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺเพียงองค์เดียวเท่านั้น ไม่มีหุ้นส่วนใดๆ สำหรับพระองค์ กรรมสิทธิ์และมวลการสรรเสริญนั้นเป็นของพระองค์ และพระองค์จะทรงให้มีชีวิตและให้ตาย และพระองค์ทรงปรีชาสามารถเหนือทุกสิ่ง” ณ ที่ตลาดใดก็ตาม อัลลอฮฺจะทรงบันทึกให้แก่เขา 1 ล้านผลบุญ และลบล้างความผิดให้แก่เขา 1 ล้านความผิด และพระองค์จะทรงสร้างที่พำนักให้แก่เขาในสวนสวรรค์” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี และมุสลิม)
– “และเจ้าอย่ากล่าวเกี่ยวกับสิ่งใดว่า ‘แท้จริงฉันจะเป็นผู้ทำสิ่งนั้นในวันพรุ่งนี้’ เว้นแต่อัลลอฮฺทรงประสงค์ จงรำลึกถึงพระผู้เป็นเจ้าของเจ้าเมื่อลืม และจงกล่าวว่า ‘บางทีพระผู้เป็นเจ้าของฉันจะทรงชี้แนะทางที่ถูกต้องที่ใกล้กว่านี้แก่ฉัน” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลกะฮฺฟฺ 23-24)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ถ้าเขากล่าวว่า ‘อินชาอัลลอฮฺ’ เขาจะไม่ผิดหวัง และความต้องการของเขาจะเป็นจริง” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 5242)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “มี 4 คำกล่าวที่เป็นที่รักยิ่ง ณ ที่อัลลอฮฺ คือ(1)ซุบฮานัลลอฮฺ (2)อัลฮัมดุลิลลาฮฺ (3)ลาอิลาฮาอิลลัลลอฮฺ (4)อัลลอฮุอักบัรฺ จะไม่เป็นภัยแก่ท่าน ไม่ว่าท่านจะเริ่มคำไหนก่อน” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดย มุสลิม เลขที่ 2137)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “การที่ฉันจะกล่าวว่า ซุบฮานัลลอฮฺ วัลฮัมดุลิลลาฮฺ วะลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ วัลลอฮุอักบัร นั้น เป็นที่รักยิ่งแก่ฉันยิ่งกว่าการที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นในวันนั้น” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺ กล่าวว่า “ใครที่กล่าว ซุบฮานัลลอฮฺ 33 ครั้ง หลังการนมาซทุกครั้ง และกล่าว อัลฮัมดุลิลลาฮฺ 33 ครั้ง และ อัลลอฮุอักบัรฺ 33 ครั้ง รวมเป็น 99 ครั้ง และกล่าวให้ครบร้อยด้วยคำว่า ลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮฺ วะฮฺดะฮู ลาชะรีกะละฮฺ ละฮุลมุลกุ้ วะละฮุลฮัมดุ วะฮุวะอะลา กุลลิชัยอิงเกาะดีร บาปของเขาจะได้รับการอภัย แม้มันจะมากมาย เหมือนฟองน้ำในทะเลก็ตาม” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 597)
– ท่านหญิงฟาตีมะฮฺ (ขอความสันติจงมีแด่ท่าน) ได้มาหาท่านศาสนทูต (ขอความสันติและความจำเริญจากอัลลอฮฺจงมีแด่ท่าน) และได้ขอคนรับใช้จากท่าน. ท่านกล่าวว่า “ฉันจะไม่บอกบางอย่างแก่เจ้า ที่ดีต่อเจ้าไปมากกว่าสิ่งนี้? เมื่อเจ้าได้เข้านอน, จงกล่าวซุบฮานัลลอฮฺ 33 ครั้ง, อัลฮัมดูลิลลาฮฺ 33 ครั้ง, และอัลลอฮูอักบัร 34 ครั้ง” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 4943)
อัซการ ขอความคุ้มครอง ทั้งดุนยา-อาคิเราะฮฺ
– “ดังนั้น เจ้าจงอดทนต่อสิ่งที่พวกเขากล่าวร้าย และจงแซ่ซ้องสดุดีด้วยการสรรเสริญพระเจ้าของเจ้า ก่อนตะวันขึ้นและก่อนตะวันลับลงไป และส่วนหนึ่งจากเวลากลางคืน ก็จงแซ่ซ้องสดุดีและปลายช่วงของเวลากลางวัน เพื่อเจ้าจะได้พออกพอใจ” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺฏอฮา 130)
– “และเจ้าจงรำลึกถึงพระผู้อภิบาลของเจ้าในใจของเจ้า โดยความอ่อนน้อมและเกรงกลัว และโดยไม่ต้องส่งเสียงดัง ทั้งในยามเช้าและยามเย็น และเจ้าจงอย่าเป็นหนึ่งในจำนวนบรรดาผู้หลงลืม” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-อะอฺรอฟ 205)
– นบีมูซากล่าวว่า “โอ้พระผู้เป็นเจ้า นบีอาดัมได้ขอบคุณพระองค์อย่างไร” อัลลอฮฺทรงตรัสว่า “เขารู้ว่า(ทุก)สิ่งนั้นมาจากข้า ก็นั่นแหละ คือ การขอบคุณของเขา” (หะดีษกุดซีย์ ฉบับแปลไทย ลำดับที่ 202/221 รายงานโดย อัลฮากิม จากอัลหะซัน)
– มีรายงานจากท่านอบูบักเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ความว่า : “ปรากฏว่าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เมื่อมีเรื่องที่ทำให้ท่านพอใจ หรือถูกทำให้ท่านพอใจ ท่านจะก้มลงสุญูดเป็นการชุกูรฺขอบคุณต่ออัลลอฮฺ” (หะดีษหะสัน บันทึกโดยอบู ดาวูด เลขที่ 2774 และอิบนุ มาญะฮฺ 1394 สำนวนนี้เป็นของอิบนุ มาญะฮฺ)
– “ผู้ใดอ่านกุรอานจนลืมขอต่อข้า(อัลลอฮฺ) แน่นอนข้าจะให้เขา ผลตอบแทนของบรรดาผู้รู้คุณทั้งปวง” (หะดีษกุดซีย์ ฉบับแปลไทย ลำดับที่ 113/221 รายงานโดย อิบนุหุซัยฟะฮ์)
– “แท้จริง บรรดาผู้อ่านคัมภีร์ของอัลลอฮฺ (ตัฟซีร: คือผู้ที่อ่านอัลกุรอานเป็นประจำทั้งในเวลากลางคืนและกลางวัน) และดำรงการละหมาด (ตัฟซีร: คือปฏิบัติอย่างสมบูรณ์ยิ่งตามเวลาของมัน ด้วยการมีสมาธิ มีมารยาทตามเงื่อนไขและรูกุนของมัน) และบริจาคสิ่งที่เราได้ให้เป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเขา โดยซ่อนเร้นและเปิดเผย (ตัฟซีร: คือบริจาคไปในทางของอัลลอฮฺ โดยหวังความโปรดปรานจากพระองค์) เพื่อหวังการค้าที่ไม่ซบเซา (ขาดทุน)” เพื่อพระองค์จะทรงตอบแทนรางวัลของพวกเขา ให้แก่พวกเขาอย่างครบถ้วนและจะทรงเพิ่มให้แก่พวกเขาจากความโปรดปรานของพระองค์ (ตัฟซีร: ในหนังสือ ‘อัตตัสฮีล’ กล่าวไว้ว่า การให้รางวัลตอบแทนอย่างครบถ้วน คือสิ่งที่ผู้จงรักภักดีสมควรจะได้รับเป็นการตอบแทน และการเพิ่มคือการเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า หรือการมองไปยังพระพักตร์ของพระองค์) แท้จริง พระองค์นั้นเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงชื่นชม (เพราะการภักดีของพวกเขา)” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺฟาฏิร 29-30 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
ความประเสริฐของซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ และซูเราะฮฺอาลิอิมรอน
– ท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า “พวกท่านทั้งหลายจงอ่านอัลกุรอาน เพราะอัลกุรอานนั้นจะมาให้ความช่วยเหลือต่อเขาในวันกิยามะฮฺ พวกท่านจงอ่าน อัซซะฮฺรอวัยนฺ คือ ซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺและซูเราะฮฺอาลิ อิมรอน เพราะทั้งสองจะมาในวันกิยามะฮฺดุจดังเมฆสองก้อนหรือร่มสองคัน หรือประดุจดังนกสองฝูงที่กางปีกปกป้องเจ้าของทั้งสองซูเราะฮฺนั้น ท่านทั้งหลายจงอ่านซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ เพราะการอ่านมันนั้นเป็นความบารอกะฮฺ (จำเริญ) การละเลยต่อซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ (ไม่อ่าน) ถือว่าขาดทุน และผู้ที่ปลุกเสกคุณไสยไม่อาจชนะซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺได้” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 804)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “แท้จริงอัลลอฮฺทรงบันทึกสิ่งหนึ่ง ก่อนที่พระองค์จะสร้างชั้นฟ้าและแผ่นดินสองพันปี คือสิ่งซึ่งอัลลอฮฺทรงประทานสองอายะฮฺสุดท้ายของซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ หากว่าสองอายะฮฺนี้ไม่ถูกอ่านในบ้านหลังหนึ่งภายใน 3 วันเช่นนี้ ชัยฏอนจะเข้าไปในบ้านหลังนั้น” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยติรมีซีย์)
ความประเสริฐของซูเราะฮฺอัลมุลกฺ และซูเราะฮฺอัลกะฮฺฟฺ
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ใครก็ตามที่อ่าน ตะบารอกัล ละซีบิยะดิฮิล มุลก์ หรือ ซูเราะฮฺอัล-มุลก์ ในทุกๆ คืน พระองค์อัลลอฮฺ จะทรงปกป้องเขาให้พ้นจากการทรมานในหลุมฝังศพ” (หะดีษหะสัน บันทึกโดย อัลนาซาอี เลขที่ 6/179)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ใครที่อ่านซูเราะฮฺอัลกะฮฺฟฺในวันศุกร์ จะมีแสงสว่าง(รัศมี)ปรากฏแก่เขาระหว่างสองศุกร์ (1) “เกิดแก่เขาตั้งแต่เท้าของเขาถึงท้องฟ้า (2) และจะได้รับความอภัยโทษระหว่างสองญุมุอะฮฺ” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดย นะซาอียฺและบัยหะกียฺ)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “อัลลอฮฺทรงมีมลาอิกะฮฺบางองค์ที่ตระเวนมองหาคนที่ระลึกถึงอัลลอฮฺ (สรรเสริญพระองค์) และเมื่อมลาอิกะฮฺเหล่านั้นพบใครบางคนระลึกถึงอัลลอฮฺ มลาอิกะฮฺเหล่านั้นจะนั่งอยู่กับพวกเขา หลังจากนั้น มลาอิกะฮฺจะโอบล้อมพวกเขาไว้ด้วยปีกไปจนถึงชั้นฟ้าใกล้เราที่สุดแล้วขึ้นไปยังชั้นฟ้า” ท่านนบีกล่าวต่อไปว่า “พระผู้อภิบาลของมลาอิกะฮฺจะถามมลาอิกะฮฺเหล่านั้นทั้งๆ ที่พระองค์ทรงรู้ดีกว่ามลาอิกะฮฺว่า ‘บ่าวของฉันกล่าวอะไร?’ มลาอิกะฮฺตอบว่า ‘พวกเขากล่าว ซุบฮานัลลอฮฺ อัลลอฮุอักบัร และอัลฮัมดุลิลลาฮฺ’ หลังจากนั้น พระองค์จะทรงถามอีกว่า ‘พวกเขาเห็นไหม?’ มลาอิกะฮฺตอบว่า ‘ข้าแต่พระผู้อภิบาล พวกเขาไม่เห็นพระองค์’ พระองค์จะทรงถามอีกว่า ‘จะเป็นอย่างไรซิถ้าพวกเขาเห็นฉัน?’ มลาอิกะฮฺตอบว่า ‘ถ้าพวกเขาเห็นพระองค์ พวกเขาจะเคารพสักการะพระองค์ยิ่งกว่านี้ และระลึกถึงพระองค์มากกว่า และพวกเขาจะประกาศว่าพระองค์ไม่เหมือนสิ่งใด’ อัลลอฮฺจะทรงถามมลาอิกะฮฺอีกว่า ‘พวกเขาขออะไรฉัน?’ มลาอิกะฮฺตอบว่า ‘พวกเขาขอสวรรค์ต่อพระองค์?’ อัลลอฮฺจะทรงถามมลาอิกะฮฺอีกว่า ‘พวกเขาเคยเห็นมันหรือ?’ มลาอิกะฮฺตอบว่า ‘ข้าแต่พระผู้อภิบาล พวกเขาไม่เคยเห็น’ ” อัลลอฮฺจะทรงถามว่า ‘จะเป็นเช่นไรซิถ้าพวกเขาเห็นมัน?’ มลาอิกะฮฺตอบว่า ‘ถ้าพวกเขาเห็นสวรรค์ พวกเขาจะปรารถนามันยิ่งขึ้นและจะดิ้นรนขวนขวายเพื่อให้ได้มันตามความปรารถนา’ อัลลอฮฺจะทรงถามอีกว่า ‘พวกเขาขอความคุ้มครองให้พ้นจากอะไร?’ มลาอิกะฮฺตอบว่า ‘พวกเขาขอความคุ้มครองให้พ้นจากไฟนรก’ อัลลอฮฺทรงถามว่า ‘พวกเขาเห็นมันหรือ?’ มลาอิกะฮฺตอบว่า ‘ข้าแต่พระผู้อภิบาล พวกเขาไม่เห็นมัน’ อัลลอฮฺจึงทรงถามว่า ‘จะเป็นเช่นใดซิถ้าพวกเขาเห็นมัน?’ มลาอิกะฮฺตอบว่า ‘ถ้าพวกเขาเห็น พวกเขาจะหนีเอาตัวรอดอย่างสุดขีดและจะกลัวมันอย่างมาก’ ดังนั้น อัลลอฮฺจึงทรงกล่าวว่า ‘ฉันให้อภัยพวกเขาและให้ทุกสิ่งที่พวกเขาขอ และให้ความคุ้มครองแก่เขาต่อสิ่งที่พวกเขาขอให้คุ้มครอง'” ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวเสริมว่า “มลาอิกะฮฺองค์หนึ่งกล่าวว่า ‘มีคนนั้นคนนี้ในหมู่พวกเขาและเขาคนนั้นไม่ได้เป็นพวกเขา แต่เขามาเพราะความจำเป็นบางอย่าง’ อัลลอฮฺจะทรงกล่าวว่า ‘พวกเขาเป็นผู้ที่ใครอยู่กับเขาแล้วจะไม่เป็นทุกข์'” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 6408)
อัลลอฮฺให้ซิเกรได้ และเตรียมรางวัลให้ด้วย
– นบีมูซากล่าวว่า “โอ้พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าอยากจะรู้ว่า ใครที่พระองค์ทรงรักจากบ่าวของพระองค์ เพื่อข้าพเจ้าจะได้รักเขาด้วย” อัลลอฮฺทรงตอบว่า “เมื่อเจ้าเห็นบ่าวของข้ากล่าวรำลึกถึงข้าอย่างมากมาย แท้ที่จริง ข้าอนุญาตให้เขากระทำเช่นนั้น และข้ารักเขา และเมื่อเจ้าเห็นบ่าวของข้า ไม่กล่าวรำลึกถึงข้า แท้จริง ข้าได้ปิดกั้นเขาจากสิ่งนั้น และข้ากริ้วเขา” (หะดีษกุดซีย์ ฉบับแปลไทย ลำดับที่ 201/221 รายงานโดย อัดดารอ กุดนี จากอุมัร)
– “บรรดาผู้รำลึกถึงอัลลอฮฺอย่างมากที่เป็นชายและหญิงนั้น อัลลอฮฺได้ทรงเตรียมไว้สำหรับพวกเขาแล้ว ซึ่งการอภัยโทษและรางวัลอันใหญ่หลวง” (อัลกุรอาน ส่วนหนึ่งจากซูเราะฮฺอัลอะหฺซาบ 35)