เนื้อหาจากการบรรยายในยูทูบ
หัวข้อ “ข้อควรปฏิบัติเวลาที่เกิดบะลาอฺ”
สอนโดย อ.อัสมัน มีสมบูรณ์
เมื่อเกิดบะลาอฺ (ได้รับบททดสอบ) ด้วยกับการกําหนดของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา นั้นมีข้อควรปฏิบัติดังนี้
1. อดทนและขอดุอาอฺ
อดทน โดยไม่บ่น ไม่โกรธ ไม่แสดงความไม่พอใจต่อบททดสอบนั้น และกล่าวดุอาอฺ (ขอพร) เมื่อได้รับบททดสอบ นั่นคือ
การกล่าวว่า “อินนาลิลลาฮฺ วะอินนาอิลัยฮิรอญีอูน” (แท้จริงพวกเราเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ และแท้จริงพวกเราจะกลับไปยังพระองค์)
และขอดุอาอฺว่า “อัลลอฮุมมะญุรนี ฟีมุซีบะตีย์ วะอัคลิฟลี คอยร็อนมินฮา” (ความหมาย โอ้ อัลลอฮฺ ขอทรงตอบแทนผลบุญแก่ฉันในความทุกข์โศกของฉันนี้ และขอทรงทดแทนให้ฉันซึ่งสิ่งที่ดีกว่า)
หมายความว่า อัลลอฮฺทรงสร้างพวกเราขึ้นมา พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของพวกเรา พระองค์มีสิทธิ์ที่จะให้เรานั้นได้รับสิ่งใดตามความประสงค์ของพระองค์ ฉะนั้นเราเป็นสิทธิของอัลลอฮฺ และแท้ที่จริงวันหนึ่งเราจะต้องกลับคืนสู่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา
ดังอัลกุรอานและหะดีษ ระบุไว้ความว่า
“บรรดาผู้ที่เมื่อมีเคราะห์ร้ายมาประสบแก่พวกเขา พวกเขาก็กล่าวว่า ‘อินนาลิลลาฮฺ วะอินนาอิลัยฮิรอญีอูน’ (แท้จริงพวกเราเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ และแท้จริงพวกเราจะกลับไปยังพระองค์) ชนเหล่านี้แหละพวกเขาจะได้รับคำชมเชย และการเอ็นดูเมตตาจากพระเจ้าของพวกเขาและชนเหล่านี้แหละคือผู้ที่ได้รับข้อแนะนำอันถูกต้อง” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ 156-157)
ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ไม่มีบ่าวคนใดที่ประสบกับความทุกข์ยากใดๆ แล้วเขาก็กล่าว 2 ดุอาอฺนี้ เว้นแต่อัลลอฮฺจะทรงประทานผลบุญเนื่องจากความทุกข์ยากนั้นของเขา และจะทรงทดแทนมันด้วยสิ่งที่ดีกว่า”
ให้กล่าวว่า “อินนาลิลลาฮฺ วะอินนาอิลัยฮิรอญีอูน” (แท้จริงพวกเราเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ และแท้จริงพวกเราจะกลับไปยังพระองค์)
ขอดุอาอฺ “อัลลอฮุมมะญุรนี ฟีมุซีบะตีย์ วะอัคลิฟลี คอยร็อนมินฮา” ความหมาย – “โอ้ อัลลอฮฺ ขอทรงตอบแทนผลบุญแก่ฉันในความทุกข์โศกของฉันนี้ และขอทรงทดแทนให้ฉันซึ่งสิ่งที่ดีกว่า” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม)
2. พอใจในการกําหนดของอัลลอฮฺ
อดทนและยอมรับเพราะอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา จะไม่กําหนดสิ่งใดให้เกิดขึ้น เว้นแต่ว่าพระองค์ทรงมีเหตุผลที่ดี ทรงมีฮิกมะห์ (วิทยปัญญา) ทรงรอบรู้ว่าสิ่งใดที่ควร ไม่ควร และสิ่งใดที่เหมาะแก่บ่าวคนหนึ่งคนใด ทั้งๆ ที่เราอาจจะไม่รู้เหตุผล ทุกสิ่งที่อัลลอฮฺกําหนดนั้นล้วนแต่เป็นสิ่งที่ดีทั้งสิ้น ต่อให้สิ่งที่เราได้รับเป็นสิ่งที่เราไม่ชอบหรือเป็นเป็นภัยพิบัติที่เกิดขึ้นกับเรา แต่มันดีกับเราในมุมที่ว่า
เราจะได้วิงวอนขอต่ออัลลอฮฺนั่นก็เป็นรางวัล
เราจะได้วิงวอนขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮฺ
เราจะได้อดทนเป็นรางวัล
เราจะได้ขอบคุณเป็นรางวัล
3. ขอบคุณอัลลอฮฺ
เมื่อเกิดบะลาอฺ ภัยพิบัติ บททดสอบ เราจะต้องขอบคุณ อดทน ยอมรับ ขอบคุณต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เพราะการขอบคุณนั้นคืออีมาน (ศรัทธา) ขั้นสูงสุด
ทําให้เรารู้ถึงฮิกมะห์ (วิทยปัญญา) รู้ถึงความรอบรู้อันลึกซึ้งของอัลลอฮฺ เมื่อเราเชื่อมั่นเช่นนี้ นั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงศรัทธาที่แท้จริงของเราที่มีต่ออัลลอฮฺ ในเรื่องของการกําหนดของอัลลอฮฺ
เมื่อเกิดบะลาอฺ มีทั้งคนที่ยอมรับและไม่ยอมรับ คนที่ยอมรับนั้นจะมีส่วนน้อยที่จะขอบคุณเวลาได้รับบททดสอบ เขาจะขอบคุณต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา
การขอบคุณต่ออัลลอฮฺ เป็นสัญญาณหรือเป็นเครื่องหมายที่บอกว่าเรายอมจํานนต่ออัลลอฮฺ ตะอาลา อย่างแท้จริง ยอมจริงๆ ว่า สิ่งที่เกิดขึ้น อัลลอฮฺ ตะอาลา ให้เกิด ฉันต้องอดทน อัลฮัมดุลิลลาฮฺ ที่อัลลอฮฺได้ทดสอบสิ่งนี้แก่ตัวของข้าพระองค์
ผู้ศรัทธาย่อมกล่าวสรรเสริญต่ออัลลอฮฺ แม้กระทั่งในเรื่องที่เขาไม่ชอบก็ตาม เป็นลักษณะของคนที่มีอีมาน (ศรัทธา)
การอดทน การพึงพอใจ และการขอบคุณต่ออัลลอฮฺ ในยามที่เกิดบะลาอฺ (บททดสอบ) นั้น ทั้งสามสิ่งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงพลังของอีมาน (ศรัทธา) ในตัวของเรา
จะมีอีมานแค่ไหน ดู 3 สิ่งนี้ (อดทนและขอดุอาอฺ พอใจยินดียอมรับ และขอบคุณอัลลอฮฺ) เวลาที่ได้รับบททดสอบ เราทําครบหรือไม่ ถ้าทำได้ครบ หมายความว่าเรามีอีมานที่มั่นคงในเรื่องของการกําหนดของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทั้งดีและก็ร้าย
เชื่อมั่นว่า ทุกสิ่งที่อัลลอฮฺกําหนดว่าจะให้มันเกิดขึ้นกับเรา เมื่ออัลลอฮฺกําหนดแล้วมันจะต้องเกิดขึ้นกับเราอย่างแน่นอน และสิ่งใดที่อัลลอฮฺไม่ได้กําหนดว่ามันจะเกิดขึ้นกับเรา เราก็เชื่อมั่นว่าสิ่งนั้นย่อมไม่มีวันที่จะเกิดขึ้นกับเรา
เมื่อบะลาอฺเกิดขึ้น เราสามารถขจัดบะลาอฺให้พ้นไปได้ ด้วยอนุมัติของอัลลอฮฺ ในยามที่เกิดบะลาอฺ พยายามขจัดทุกข์ภัยที่เกิดขึ้น และป้องกันบะลาอฺที่กําลังจะเกิดขึ้น หากว่าบะลาอฺนั้นเป็นสิ่งที่สามารถป้องกันได้ โดยมีแนวทางปฏิบัติดังต่อไปนี้
1. สำนึกผิด กลับเนื้อกลับตัวต่ออัลลอฮฺ
เวลาที่ได้รับบททดสอบ เราจะต้องเตาบะฮฺตัว (สํานึกผิด กลับเนื้อกลับตัว) ไปยังอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เพราะการสํานึกผิด ขออภัยโทษ หันกลับไปสู่การเชื่อฟังกับอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ในยามที่เกิดบะลาอฺ (บททดสอบ) นั้น จะเป็นสิ่งที่จะขจัดให้บะลาอฺพ้นไป เหมือนกับการที่เราทําความผิดหรือทําบาป
การที่เราทําบาปนั้นจะเป็นสิ่งที่ทําให้เกิดบะลาอฺ แต่ในทางกลับกันเมื่อไหร่ที่เราสํานึกผิด จะเป็นการทำให้บะลาอฺนั้นถูกยก แปลว่า ถูกขจัดให้พ้นไป
2. ดุอาอฺ วิงวอนขอต่ออัลลอฮฺอย่างจริงจัง
ขอให้อัลลอฮฺยก แปลว่า ขจัดให้บะลาอฺนั้นพ้นไป
จะต้องเชื่อมั่นว่า ขอแล้วอัลลอฮฺจะตอบรับอย่างแน่นอน แต่จะต้องไม่เร่งร้อน ไม่รีบเร่งว่า ขออัลลอฮฺช่วยวันนี้ เดี๋ยวนี้เลย หรือท้อแท้จากความเมตตาของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา นั่นจะเป็นเหตุทําให้ดุอาอฺของเรานั้นไม่ถูกตอบรับ
บทดุอาอฺและอัซการเช้า-เย็น คือ ซิเกรและดุอาอฺที่เราอ่านเป็นประจําทุกวัน ในยามเช้าและในยามเย็น จะเป็นเกราะปกป้องตัวเราให้ปลอดภัยจากบะลาอฺ หรืออาจจะเป็นสิ่งที่บรรเทาบะลาอฺที่เกิดขึ้นกับตัวเรา
ผลที่จะได้รับจากดุอาอฺและอัซการเช้า-เย็น แต่ละคนนั้นจะมีผลไม่เหมือนกันบางคนผลที่ได้มีมาก แปลว่า เกราะนั้นเป็นเกราะที่แข็งแรง หรือบางคนผลที่ได้นั้นมีน้อย มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปัจจัย 2 ประการด้วยกับอนุมัติของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา
1. เราจะต้องเชื่อมั่น
เชื่อมั่นว่าดุอาอฺและอัซการเช้า-เย็นนั้น คือ เรื่องจริง ผลของมันเกิดขึ้นจริงๆ และมันทําให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ที่อ่านจริงๆ แปลว่า จะต้องเชื่อมั่นจริงๆ ในสิ่งที่เราอ่านจึงจะทําให้สิ่งที่เราอ่านนั้นเกิดผลสัมฤทธิ์ได้เป็นอย่างดี
2. อ่านอย่างตั้งใจ
เวลาที่เราอ่านดุอาอฺและอัซการเช้า-เย็นนั้น เวลาอ่าน ให้ฟังด้วย ไม่ใช่อ่านแบบปากขยับ แต่ทํานู่นทํานี่ ไม่รู้ว่าสิ่งที่กล่าวคืออะไร หัวใจจะต้องจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เรากล่าว รู้ความหมาย รู้ว่าเราขออะไร และขอเพื่อใคร และขอจากใคร จะทําให้ผลที่ได้นั้นแตกต่างกัน
ดุอาอฺหรืออัซการเช้า-เย็นนั่น อ่านเพื่อเป็นดุอาอฺขออัลลอฮฺทรงปกป้องตัวของเรา เป็นเกราะเป็นโล่ที่จะคุ้มกันตัวของเรา
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า “พวกเจ้าจงขอดุอาอฺต่ออัลลอฮฺ โดยที่พวกเจ้าต้องมั่นใจว่าจะถูกตอบรับ และจงรู้เถิดว่า แท้จริง อัลลออฺจะไม่ทรงรับดุอาอฺ (ที่ออกมา) จากหัวใจที่หันเห โลเล (หะดีษหะสัน บันทึกโดยติรมีซีย์, ฮากิม และฏ็อบรอนีย์)
ดุอาอฺนั้นจะไม่ถูกตอบรับจากหัวใจที่เผลอไผลและหัวใจที่ไม่มีความเชื่อมั่น คนที่ขอโดยที่หัวใจไม่ได้จดจ่อ ไม่ได้มีสมาธิ ไม่แน่วแน่ ไม่รู้ หรือคนที่เผลอไผล คนที่หลงลืม