เนื้อหาจากการบรรยาย
สอนโดย ครูฟาร์
ฟารีดาห์ หะยีสามะ
คิดสิ่งใด ได้สิ่งนั้น (สรุปจากเนื้อหา)
ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า อัลลอฮฺทรงตรัสว่า “ข้าเป็นดังเช่นที่บ่าวของเขานึกคิดเกี่ยวกับข้า ข้าอยู่กับเขาเมื่อเขานึกถึงข้า และหากเขากล่าวรำลึกถึงข้ากับตัวเขา ข้าก็จะกล่าวรำลึกถึงเขากับตัวข้า และหากเขากล่าวรำลึกถึงข้าในกลุ่มคน ข้าจะกล่าวถึงรำลึกถึงเขาในกลุ่มคนที่ดีกว่า หากเขาเข้ามาใกล้ชิดข้าหนึ่งคืบมือ ข้าก็จะเข้าไปใกล้ชิดเขาศอกหนึ่ง และหากเขาเข้ามาใกล้ชิดข้าศอกหนึ่ง ข้าก็จะเข้าไปใกล้ชิดเขาวาหนึ่ง และหากเขาเข้ามาหาข้าด้วยการเดิน ข้าก็จะเข้าไปหาเขาด้วยการวิ่ง” (หะดีษ (กุดซีย์) เศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 7405 และมุสลิม เลขที่ 2675)
เราคิดว่าอัลลอฮฺ สำหรับเราเป็นพระเจ้าแบบไหน เช่น ถ้าเราคิดว่า อัลลอฮฺเป็นพระเจ้าผู้ทรงเมตตา เราจะได้รับความเมตตาจากพระองค์ เราจะได้รับตามที่เราคิด ถ้าเราคิดว่าพระองค์เป็นพระเจ้าผู้ทรงลงโทษ เราอาจจะได้รับการลงโทษ
อุลามาอฺได้อธิบายถึงประโยคแรกของหะดีษนี้ “ข้าเป็นดังเช่นที่บ่าวของเขานึกคิดเกี่ยวกับข้า” แปลว่า อัลลอฮฺสามารถทำอะไรก็ได้ที่บ่าวหวังอยากให้ทำ หมายความว่า อัลลอฮฺให้ได้ตามที่เรานึก พระองค์ทรงมีอาณุภาพที่จะให้สิ่งที่ดีและสิ่งไม่ดีเกิดขึ้นกับมนุษย์
ถ้าเราคิดดีต่ออัลลอฮฺ เราจะมีแรงจูงใจที่ทำดีต่อพระองค์ ความคิดของเราส่งผลต่อการกระทำ
ถ้าเราเป็นคนคิดดีต่ออัลลอฮฺ แต่ไม่ได้ทำดีอะไร ถือเป็นการดูหมิ่นพระองค์ เช่น คิดดีว่าอัลลอฮฺให้อภัย แต่เรายังฝ่าฝืนหลักการ คิดดีที่แท้จริง คือ คิดดีแล้วมีแรงจูงใจทำดี
อัลลอฮฺจะให้อภัย หากบ่าวขออภัย หากเราคิดลบว่า อัลลอฮฺไม่ให้อภัยเราหรอก เป็นบาปใหญ่มากที่คิดไม่ดีกับอัลลอฮฺ เพราะอัลลอฮฺทรงยิ่งใหญ่ในความเมตตา และทรงอภัยเสมอ
ถ้าเราเชื่อมั่นว่า อัลลอฮฺทรงตอบรับดุอาอฺด้วยความเมตตาของพระองค์ เราจะได้รับสิ่งที่เราขอ คนที่ยกมือขอดุอาอฺ คือ คนที่เชื่อว่า อัลลอฮฺมีอาณุภาพที่จะให้ได้
หะดีษนี้สอนให้เราเป็นคนมีความหวังว่าเราจะได้ในสิ่งที่ปรารถนา และได้รับการบรรเทาจากความลำบากที่เราได้เจอ
ถ้าหากเรายกมือขอดุอาอฺ ถ้าหากเราเตาบะฮฺตัวสำนึกผิด ถ้าหากเราขอให้พ้นจากความชั่วร้าย ทั้งหมดนี้ อัลลอฮฺตอบรับ ถ้าเราคิดดีและบวกกับการกระทำที่ดี
เงื่อนไขของการที่เราจะได้รับสิ่งดีๆ เหมือนที่เราคิด เช่น พอเราคิดว่า อัลลอฮฺดีอย่างนี้ ฉันจึงอยากทำดี ให้มีการกระทำสอดคล้องไปด้วย มันจึงเพิ่มอณูของการที่เราคิดสิ่งใด แล้วได้สิ่งนั้น
ถ้าเราทำความดี แล้วคิดว่าอัลลอฮฺคงไม่ตอบรับ การคิดแบบนี้ เราจะสิ้นหวัง และเป็นบาปใหญ่มากที่คิดเช่นนั้น ถ้าคนที่ตายในสภาพคิดว่าคงไม่ได้เข้าสวรรค์ เขาก็จะไม่ได้เข้าสวรรค์เหมือนที่เขาคิด วัลอิยาซูบิลลาฮฺ จึงต้องระวังความคิดให้ดี
คนส่วนใหญ่มักจะคิดอะไรเกินจริง เช่น เมื่อเกิดเรื่องไม่ดี เขาคิดว่าเขาซวย โชคร้าย แต่จริงๆ แล้ว สิ่งที่เราเจอ เป็นความเมตตาของพระองค์
ถ้าเราคิดว่า ชีวิตฉันควรจะได้อะไรดีกว่านี้ มันไม่น่าเกิดขึ้นแบบนี้ ไม่ควรจะเป็นแบบนี้ เป็นการวิจารณ์การกำหนดของอัลลอฮฺ
ยิ่งเรามีความคิดดี มีความหวังต่ออัลลอฮฺมากแค่ไหน เราจะมีความตะวักกัลและความยาเก็นมากเท่านั้น
ถ้าเรามีปัญหาเรื่องการมอบหมาย (ตะวักกัล) แสดงว่าเรามีปัญหากับการคิดดีต่ออัลลอฮฺ เมื่อคิดดี เราจะมีความเชื่อมั่นและมีความหวัง
คนที่รู้สึกว่า ไม่มีอะไรผิดหวัง ถ้าอยู่กับอัลลอฮฺ จึงเป็นคนที่รู้จักอัลลอฮฺมากๆ ผูกพันกับพระองค์มากๆ และเชื่อมั่นว่า ผู้ขับเคลื่อนชีวิตเรา ไม่พาเราไปหลงทางหรือไม่ทำให้ชีวิตเสียหายแน่นอน
ในวันที่เราเปื้อนโคลน ผู้ศรัทธาเขาก็ยังคิดดีว่า เปื้อนโคลนแปลว่า ร่างกายเรากำลังทำความรู้จักกับเชื้อโรคตัวใหม่ ซึ่งจะเสริมภูมิคุ้มกันให้กับเรา และเราจะเข้มแข็งอีกระดับหนึ่ง
เวลาที่เราเจอวิกฤตชีวิต ให้เราใช้สอยความคิดดีต่ออัลลอฮฺ มาขจัดปัดเป่าวิกฤตชีวิตนั้น ถ้าเราทำได้ จะยิ่งเข้าใกล้ทางออกได้เร็วยิ่งขึ้น
การคิดดีต่ออัลลอฮฺ ทำให้เราคลายความกังวล สติก็จะมา เราก็จะแก้ปัญหาได้ง่ายขึ้น และจะเจอทางออกด้วยความช่วยเหลือของอัลลอฮฺ
“ข้าจะกล่าวถึงรำลึกถึงเขาในกลุ่มคนที่ดีกว่า” หมายถึง หมู่มลาอิกะฮฺ ชาวฟ้า
“หากเขาเข้ามาใกล้ชิดข้าหนึ่งคืบมือ ข้าก็จะเข้าไปใกล้ชิดเขาศอกหนึ่ง และหากเขาเข้ามาใกล้ชิดข้าศอกหนึ่ง ข้าก็จะเข้าไปใกล้ชิดเขาวาหนึ่ง และหากเขาเข้ามาหาข้าด้วยการเดิน ข้าก็จะเข้าไปหาเขาด้วยการวิ่ง” ให้เราได้เริ่มต้น ให้นึกจะได้เข้าหาพระองค์บ้าง แล้วพระองค์จะให้การเดินทางกลับไปเปลี่ยนแปลงเป็นบ่าวที่ดีของพระองค์เป็นไปได้อย่างง่ายดาย ด้วยความช่วยเหลือของพระองค์ แค่เราได้เริ่มทำ ทำเท่าที่มีความสามารถ
เราต้องเชื่อจริงๆ ว่า อัลลอฮฺให้อภัยเราได้และพร้อมจะเมตตาเรา การขออภัยโทษของเราจะถูกตอบรับ การขอดุอาอฺของเราจึงจะถูกตอบรับ