ซูเราะฮฺอัลกะฮฺฟฺสำคัญอย่างไร ทำไมควรอ่านทุกวันศุกร์
ทำไมจึงควรอ่านซูเราะฮฺอัลกะฮฺฟฺ ทุกวันศุกร์ มีหลักฐานปรากฏในหะดีษ ดังนี้
1. อ่านซูเราะฮฺอัลกะฮฺฟฺทุกวันศุกร์
ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ใครที่อ่านซูเราะฮฺอัลกะฮฺฟฺในวันศุกร์ จะมีแสงสว่าง(รัศมี)ปรากฏแก่เขาระหว่างสองศุกร์ (1) “เกิดแก่เขาตั้งแต่เท้าของเขาถึงท้องฟ้า (2) และจะได้รับความอภัยโทษระหว่างสองญุมุอะฮฺ” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยนะซาอียฺและบัยหะกียฺ)
2. ความสงบสุขแผ่ขณะที่อ่าน
"ท่านจงอ่านซูเราะฮฺนั้น (อัลกะฮฺฟิ)เถิด แท้จริง ความสงบสุขได้แผ่ลงมาขณะที่อ่าน" (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดย บุคอรี มุสลิม)
3. ใช้อ่านเมื่อเจอดัจญาล
ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “มัน (ดัจญาล) เป็นคนหนุ่มรูปร่างไม่สูง ตาถลนออกมานอกเบ้า และเขาเหมือนกับอับดุล อุซซา บินเกาะฏ็อน ใครก็ตามที่พบมันต้องอ่านอายะฮฺตอนต้นของซูเราะฮฺอัลกะฮฺฟี่ (ซูเราะฮฺที่ 18) ใส่มัน มันจะปรากฏตัวขึ้นมาระหว่างอิรักและซีเรีย และจะแพร่ความเสียหายทั้งทางซ้ายและขวา โอ้บ่าวของอัลลอฮฺ จงยึดความศรัทธาของพวกท่านไว้ให้มั่น” (ส่วนหนึ่งจากหะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 2137)
4. เตรียมตัวก่อนถึงวันกิยามะฮฺ ซึ่งจะเกิดขึ้นวันศุกร์
ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า "อัลลอฮฺได้ทรงสร้างโลกในวันเสาร์ สร้างภูเขาในวันอาทิตย์ สร้างต้นในวันจันทร์ สร้างสิ่งน่ารังเกียจในวันอังคาร สร้างแสงสว่างในวันพุธ สร้างสัตว์ทั้งหลายในวันพฤหัส และอาดัมถูกสร้างในตอนเย็นของวันศุกร์ ในฐานะเป็นหนึ่งของการสร้างสุดท้าย สร้างวันอวสานของวันศุกร์ระหว่างตอนเย็นและตอนค่ำ" (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 2789)
1. ชาวถ้ำ หลับนาน 309 ปี
เรื่องราวชาวถ้ำที่คงมั่นในอีมาน อัลลอฮฺให้ชาวถ้ำหลับในถ้ำนาน 309 ปี (อายะฮฺที่ 10-11, 13-14, 16, 25)
จงรำลึกขณะที่พวกชายหนุ่มหลบเข้าไปในถ้ำแล้วพวกเขากล่าวว่า “ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของเรา ขอพระองค์ทรงโปรดประทานความเมตตาจากพระองค์แก่เรา และทรงทำให้การงานของเราอยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง”
แล้วเราได้อุดหูพวกเขา (ให้นอนหลับ) ในถ้ำ เป็นเวลาหลายปี
เราจะเล่าเรื่องราวของพวกเขาแก่เจ้าตามความเป็นจริง แท้จริงพวกเขาเป็นชายหนุ่มที่ศรัทธาต่อพระเจ้าของพวกเขา และเราได้เพิ่มแนวทางที่ถูกต้องให้แก่พวกเขา
และเราได้ให้ความเข้มแข็งแก่หัวใจของพวกเขา ขณะที่พวกเขายืนขึ้นประกาศว่า “พระเจ้าของเราคือพระเจ้าแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเราจะไม่วิงวอนพระเจ้าอื่น จากพระองค์ มิเช่นนั้นเราก็กล่าวเกินความจริงอย่างแน่นอน
และเมื่อพวกเจ้าปลีกตัวออกห่างจากพวกเขา และสิ่งที่พวกเขาเคารพบูชาอื่นจากอัลลอฮฺแล้ว ดังนั้นพวกเจ้าก็จงหลบเข้าไปในถ้ำ พระผู้เป็นเจ้าของพวกเจ้าจะทรงแผ่ความเมตตาของพระองค์แก่พวกเจ้า และจะทรงทำให้กิจการของพวกเจ้าดำเนินไปอย่างสะดวกสบาย
และพวกเขาพำนักอยู่ในถ้ำของพวกเขาสามร้อยปี และเพิ่มอีกเก้าปี
2. อย่ากล่าวว่าจะทำสิ่งใดในวันพรุ่งนี้ โดยไม่กล่าว “อินชาอัลลอฮฺ” (อายะฮฺที่ 23-24)
และเจ้าอย่ากล่าวเกี่ยวกับสิ่งใดว่า “แท้จริงฉันจะเป็นผู้ทำสิ่งนั้นในวันพรุ่งนี้”
เว้นแต่อัลลอฮฺทรงประสงค์
3. ชาวสวน 2 คน
เรื่องราวชาวสวนที่หลงดุนยา และคำเตือนของเพื่อน (อายะฮฺที่ 32, 35, 37, 42)
และจงเปรียบเทียบอุทาหรณ์หนึ่งแก่พวกเขา คือชายสองคน เราได้ให้สวนองุ่นสองแห่งแก่คนหนึ่งในสองคน และเราได้ล้อมสวนทั้งสองไว้ด้วยต้นอินทผลัม และเราได้ทำให้มีพืชพันธุ์ระหว่างสวนทั้งสองด้วย
เขาได้เข้าไปในสวนของเขาโดยที่เขาเป็นผู้อธรรมแก่ตัวเขาเอง เขากล่าวว่า “ฉันไม่คิดว่าสวนนี้จะพินาศไปได้เลย”
“และฉันไม่คิดว่าวันอวสานของโลกจะมีขึ้น และหากว่าฉันจะถูกกลับไปยังพระผู้เป็นเจ้าของฉัน แน่นอน ฉันจะพบที่กลับที่ดียิ่งขึ้นกว่านี้”
เพื่อนของเขากล่าวแก่เขาขณะที่กำลังโต้เถียงกันอยู่ว่า “ท่านเนรคุณต่อพระผู้สร้างท่านจากดิน แล้วจากเชื้ออสุจิ แล้วพระองค์ทรงทำให้ท่านเป็นคนโดยสมบูรณ์ กระนั้นหรือ?”
และผลิตผลของเขาถูกทำลายหมด แล้วเขาก็ประกบฝ่ามือทั้งสองด้วยความเสียใจต่อสิ่งที่เขาก็ประกบฝ่ามือทั้งสองด้วยความเสียใจต่อสิ่งที่เขาได้จับจ่ายไป และมันพังพาบลงมา และเขากล่าวว่า “โอ้ ! หากฉันไม่เอาผู้ใดมาตั้งภาคีกับพระผู้เป็นเจ้าของฉัน”
4. ห่างไกลจากการรำลึกถึงอัลลอฮฺ เสี่ยงถูกปิดใจ ไม่เข้าใจศาสนา (อายะฮฺที่ 57)
และผู้ใดจะอธรรมยิ่งไปกว่าผู้ที่ถูกตักเตือนให้รำลึก ด้วยโองการทั้งหลายของพระผู้เป็นเจ้าของเขา แล้วเขาก็หันหลังห่างออกไป แล้วลืมสิ่งที่มือทั้งสองของเขาประกอบไว้ แท้จริงเราได้ทำฝาปิดบนหัวใจของพวกเขา ในการที่พวกเขาจะเข้าใจมัน และในหูของพวกเขานั้นหนวก และถ้าเจ้าเรียกร้องพวกเขาไปสู่แนวทางที่ถูกต้อง พวกเขาจะก็ไม่อยู่ในแนวทางที่ถูกต้องนั้นเลย
5. การเดินทางของนบีมูซา คนใช้ลืมเล่าเรื่องปลา สาเหตุของการลืมเรื่องสำคัญ มาจากชัยฏอน (อายะฮฺที่ 60-63)
และจงรำลึกเมื่อมูซาได้กล่าวแก่คนใช้หนุ่ม (ยูชะอฺ อิบนฺนูน) ของเขาว่า “ฉันจะยังคงเดินต่อไปจนกว่าจะบรรลุสู่ชุมทางแห่งสองทะเลหรือฉันจะคงเดินต่อไปอีกหลายปี”
ดังนั้น เมื่อทั้งสองถึงชุมทางระหว่างสองทะเลแล้ว ทั้งสองลืมปลาของเขา ดังนั้นมันจึงหาวิธีของมันลงทะเลไปตามทาง
ครั้นเมื่อทั้งสองเดินเลยต่อไปอีก เขาได้กล่าวแก่คนใช้หนุ่มของเขาว่า “จงนำอาหารกลางวันของเราออกมา โดยแน่นอน เราได้รับความลำบากจากการเดินทางของเรานี้”
เขากล่าวว่า “ท่านมิเห็นดอกหรือ เมื่อเราพักอยู่ที่ก้อนหิน แท้จริงฉันลืมที่จะพูดถึงเรื่องปลาและไม่มีผู้ใดที่ทำให้ฉันลืมกล่าวถึงมันนอกจากชัยฏอน และมันก็หาทางลงทะเลไปอย่างน่าประหลาดแท้ๆ”
6. นบีมูซาพบเคาะฎิร
เคาะฎิรคือผู้ที่พระองค์ทรงสอนความรู้ให้ เขาทำในสิ่งที่นบีมูซา ยากจะเข้าใจ และเฉลยถึงเหตุผลที่ทำลงไป หากไม่มีความรู้ ไม่เข้าใจ ยากที่จะอดทน (อายะฮฺที่ 65-71, 74) (ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
แล้วทั้งสองได้พบบ่าวคนหนึ่งจากปวงบ่าวของเรา (ตัฟซีร: ทั้งสองได้พบกับเคาะฎิร อะลัยฮิสสลาม ที่โขดหินแห่งหนึ่ง ซึ่งปลาได้หายตัวไป ตามรายงานซึ่งมีหลักฐานจากอัลกุรอานและซุนนะฮฺยืนยันว่า เคาะฎิร อะลัยฮิสสลามเป็นนบีท่านหนึ่ง ซึ่งในอายะฮฺได้ใช้สำนวนว่าเป็นบ่าวคนหนึ่งในปวงบ่าวของพระองค์โดยสำนวนนี้อัลลอฮฺ ตะอาลา เคยใช้กับบรรดานบี) ที่เราได้ประทานความเมตตาจากเราให้แก่เขา และเราได้สอนความรู้จากเราให้แก่เขา
มูซาได้กล่าวแก่เขาว่า “จะให้ฉันติดตามท่านไปได้ไหม? โดยท่านจะต้องสอนฉันจากสิ่งที่ท่านได้เคยเรียนรู้มา ตามแนวทางที่เที่ยงตรง”
เขากล่าวว่า "แท้จริง ท่านจะไม่สามารถมีความอดทนร่วมกันฉันได้” (ตัฟซีร: อิบนฺอับบาสอธิบายว่า ท่านจะอดทนไม่ได้ต่อการกระทำของฉัน เพราะฉันรู้ในสิ่งเร้นลับบางอย่างของพระเจ้าของฉัน"
“และท่านจะอดทนอย่างได้อย่างไร ในสิ่งที่ท่านไม่มีความรู้อย่างละเอียดลออ?” (ตัฟซีร: คือท่านจะอดทนได้อย่างไร ในสิ่งที่โดยเปิดเผยแล้วท่านยอมรับไม่ได้ และท่านก็ไม่รู้ในสิ่งที่ถูกปกปิดไว้)
เขากล่าวว่า “หากอัลลอฮฺทรงประสงค์ท่านจะพบฉันเป็นผู้อดทน และฉันจะไม่ฝ่าฝืนคำสั่งของท่าน”
เขากล่าวว่า “ดังนั้น ถ้าท่านติดตามฉันก็อย่าได้ถามฉันถึงสิ่งใด จนกว่าฉันจะเล่าเรื่องนั้นแก่ท่าน”
ดังนั้นทั้งสองจึงออกเดินทาง จนกระทั่งเมื่อทั้งสองลงเรือเขา(เคาะฏิร) จึงเจาะรูมัน เขา(มูซา) กล่าวว่า “ท่านเจาะรูมันเพื่อให้ผู้ที่อยู่ในเรือจมน้ำกระนั้นหรือ? โดยแน่นอนท่านได้นำมาซึ่งสิ่งที่อันตรายยิ่ง”
เขาทั้งสองจึงออกเดินทางต่อไปจนกระทั่งเมื่อทั้งสองพบเด็กคนหนึ่ง เขา(เคาะฏิร)จึงฆ่าเด็กคนนั้น เขา(มูซา)กล่าวว่า “ท่านฆ่าชีวิตบริสุทธิ์โดยมิได้ทำผิดต่อชีวิตอื่นกระนั้นหรือ? โดยแน่นอน ท่านทำสิ่งที่ร้ายแรงยิ่ง”
อ่านสาเหตุของการเดินทางของนบีมูซาไปพบเคาะฎิรจากเรื่องราวในหะดีษ <คลิก>
6. นบีมูซาพบเคาะฎิร (ต่อ) (อายะฮฺที่ 77-82)
ดังนั้นทั้งสองจึงออกเดินทางต่อไป จนกระทั่งเมื่อทั้งสองพบชาวเมืองหนึ่ง ทั้งสองได้ขออาหารจากชาวเมืองนั้น แต่พวกเขาปฏิเสธที่จะต้อนรับเขาทั้งสองต่อมาเขาทั้งสองได้พบกำแพงแห่งหนึ่งกำลังจะพังลงมาแล้วเขาก็ทำให้มันตรง เขา(มูซา)กล่าวว่า “ถ้าท่านประสงค์ แน่นอนท่านจะเอาค่าแรงตอบแทนสำหรับมันได้”
เขากล่าวว่า “นี่คือการแยกกันระหว่างฉันกับท่าน ฉันจะบอกท่านถึงความหมายที่ท่านไม่สามารถมีความอดทนในสิ่งนั้นๆ ได้”
“ส่วนหนึ่งของเรือเดินทะเลนั้น มันเป็นของพวกผู้ขัดสนทำงานอยู่ในทะเล ฉันตั้งใจจะทำให้มันมีตำหนิ เพราะเบื้องหลังพวกเขานั้นมีกษัตริย์องค์หนึ่งคอยยึดเรือดี ๆ ทุกลำโดยใช้อำนาจ
“และส่วนเรื่องของเด็กนั้นก็คือ พ่อแม่ของเขาเป็นผู้ศรัทธา เรากลัวว่า เขาจะเคี่ยวเข็ญให้ทั้งสองตกอยู่ในการละเมิดและปฏิเสธศรัทธา”
“ดังนั้นเราปรารถนา(ฆ่าเขาโดยหวัง) ว่าพระผู้เป็นเจ้าของทั้งสองจะทรงเปลี่ยนลูกที่ดีกว่าให้แก่ทั้งสอง มีความบริสุทธิ์กว่าและใกล้ชิดต่อความเมตตา(แก่ทั้งสอง)
“และส่วนเรื่องของกำแพงนั้น มันเป็นของเด็กผู้ชายกำพร้าสองคนที่อยู่ในเมือง และใต้กำแพงนั้นมีขุมทรัพย์ของเขาทั้งสอง และพ่อของเด็กทั้งสองก็เป็นคนดี ดังนั้น พระผู้เป็นเจ้าของท่านทรงประสงค์ที่จะให้เด็กทั้งสองบรรลุสู่ความเป็นผู้ใหญ่และจะให้เด็กทั้งสองเอาขุมทรัพย์ของทั้งสองออกมาเอง เป็นความเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้าของท่าน และฉันมิได้ทำสิ่งนั้นตามความพอใจของฉัน นั่นคือความหมายที่ท่านไม่สามารถมีความอดทนในสิ่งนั้นๆ ได้”
7. ซุลก็อรนัยน์ ก่อกำแพงปิดกั้นยะอ์ญูจ มะอ์ญูจ และจะออกมาก่อนวันกิยามะฮฺ (อายะฮฺที่ 83-84, 92-98) (ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
และพวกเขาถามเจ้าเกี่ยวกับซุลก็อรนัยน์ จงกล่าวเถิด “ฉันจะเล่าเรื่องของเขาแก่พวกท่าน”
แท้จริงเราได้ให้อำนาจแก่เขาในแผ่นดิน และเราให้เขาทุกสิ่งที่เขาต้องการ
แล้วเขาได้มุ่งไปอีกทางหนึ่ง(ไปทางเหนือ)
จนกระทั่งเมื่อเขาไปถึงบริเวณหว่างภูผาทั้งสอง เขาได้พบชนกลุ่มหนึ่งที่เชิงภูผาทั้งสองนั้นซึ่งพวกเขาเกือบจะไม่เข้าใจคำพูดกันเลย
พวกเขากล่าวว่า “โอ้ซุลก็อรนัยน์ แท้จริงยะอ์ญูจและมะอ์ญูจนั้นเป็นผู้บ่อนทำลายในแผ่นดินนี้ ดังนั้น เราขอมอบบรรณาการแก่ท่าน เพื่อท่านจะได้สร้างกำแพงกั้นระหว่างพวกเรากับพวกเขา”
เขากล่าวว่า “สิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าของฉันได้ให้อำนาจแก่ฉันดียิ่งกว่า ดังนั้นพวกท่านจงช่วยฉันด้วยกำลัง ฉันจะสร้างกำแพงแน่นหนากั้นระหว่างพวกท่านกับพวกเขา”
“พวกท่านจงเอาเหล็กท่อนโตๆ มาให้ฉัน” จนกระทั่งเมื่อเขาทำให้บริเวณภูผาทั้งสองราบเรียบเขาก็กล่าวว่า “จงเป่ามันด้วยเครื่องเป่าลม” จนกระทั่งเมื่อเขาทำให้มันร้อนเป็นไฟ เขากล่าวว่า “ปล่อยให้ฉันเททองแดงหลอมลงไปบนมัน” (ตัฟซีร: เขาใช้ให้ชาวบ้านนำเหล็กท่อนโตๆ มาวางเรียงเป็นกองพะเนินสูง แล้วจุดไฟเผาเหล็กจนร้อนแดง หลังจากนั้นให้เอาทองแดงหลอมเทราดลงบนเหล็ก แล้วมันจะแข็งกล้า ในสมัยปัจจุบันก็ได้ค้นพบว่า การผสมทองแดงส่วนหนึ่งเข้ากับธาตุเหล็ก จะทำให้เหล็กมีความแข็งกล้าและทนทาน"
ดังนั้น พวกเขา (ยะอ์ญูจและมะอ์ญูจ)ไม่สามารถจะข้ามมันได้ และไม่สามารถจะขุดโพรงผ่านมาได้ (ตัฟซีร: ด้วยการทำประตูเหล็กดังกล่าว พวกบ่อนทำลายคือ ยะอฺญูจและมะอฺญูจจึงไม่สามารถจะปีนป่ายข้ามไปได้เพราะความสูงและความลื่นเป็นมันของเหล็ก ในเวลาเดียวกันก็ไม่สามารถจะขุดเจาะประตูเหล็กได้ เพราะความแข็งกล้าของเหล็กนั่นเอง)
เขากล่าวว่า “นี่คือความเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้าของฉัน ดังนั้น เมื่อสัญญาของพระผู้เป็นเจ้าของฉันมาถึง (ตัฟซีร: คือเมื่อยะอฺญูจและมะอฺญูจออกมา นั่นคือสัญญาณแห่งวันใกล้กิยามะฮฺจะเกิดขึ้น และประตูเหล็กที่ซุลก็อรนัยน์ได้ทำไว้นั้นก็จะพังราบเรียบ) พระองค์จะทรงทำให้มันพังทลาย และสัญญาของพระผู้เป็นเจ้าของฉันนั้นเป็นจริงเสมอ”
8. ผู้ปฏิเสธศรัทธา (อายะฮฺที่ 100-101) (ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
และวันนั้นเราจะนำนรกญะฮันนัม มาเปิดเผยแก่พวกปฏิเสธศรัทธา
คือบรรดาผู้ที่ดวงตาของพวกเขาถูกปกปิดจากการรำลึกถึงข้า และพวกเขาไม่สามารถจะได้ยิน (ตัฟซีร: คือบรรดาผู้ที่(ในโลกดุนยา) ดวงตาของเขาบอด ไม่พิจารณาใคร่ครวญถึงหลักฐานต่างๆ แห่งเดชานุภาพของอัลลอฮฺ และความเป็นเอกภาพของพระองค์ และไม่สามารถจะรับฟังพจนารถของอัลลอฮฺ ตะอาลา เพราะความมืดของหัวใจของพวกเขา)
9. ผู้ขาดทุน คือ ผู้ที่วุ่นกับดุนยาและไม่ได้ทำเพื่ออัลลอฮฺ (อายะฮฺที่ 103-105)
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด “เราจะแจ้งแก่พวกท่านไหม ถึงบรรดาผู้ที่ขาดทุนยิ่งในการงาน?”
“คือบรรดาผู้ที่การขวนขวายของพวกเขาสูญสิ้นไป ในการมีชีวิตในโลกนี้ และพวกเขาคิดว่าแท้จริงพวกเขาปฏิบัติความดีแล้ว”
เขาเหล่านั้นคือบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อโองการทั้งหลายของพระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา และการพบปะกับพระองค์ ดังนั้นการงานของพวกเขาจึงไร้ผล และในวันกิยามะฮฺเราจะไม่ให้มันมีค่าแก่พวกเขาเลย
10. ผู้ศรัทธา มีเตาฮีดที่ถูกต้อง และทำเพื่ออัลลอฮฺเท่านั้น (อายะฮฺที่ 110)
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด “แท้จริง ฉันเป็นเพียงสามัญชนคนหนึ่งเยี่ยงพวกท่าน มีวะฮีย์แก่ฉันว่า แท้จริง พระเจ้าของพวกท่านนั้นคือพระเจ้าองค์เดียว ดังนั้น ผู้ใดหวังที่จะพบพระผู้เป็นเจ้าของเขา ก็ให้เขาประกอบการงานที่ดี และอย่าตั้งผู้ใดเป็นภาคีในการเคารพภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้าของเขาเลย”
11. ผู้ศรัทธาและทำความดี รางวัลคือสวรรค์ (อายะฮฺที่ 30-31)
แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลาย เราจะไม่ให้การตอบแทนของผู้กระทำความดีสูญหายอย่างแน่นอน
ชนเหล่านั้นแหละ สำหรับพวกเขาจะได้รับสวนสวรรค์หลากหลายเป็นที่พำนัก มีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน ณ เบื้องล่างของพวกเขา ในสวนสวรรค์พวกเขาจะได้ประดับกำไลทอง และสวมอาภรณ์สีเขียวทำด้วยผ้าไหมละเอียดและผ้าไหมหยาบนอนเอกเขนกบนเตียงในสวรรค์ เป็นการตอบแทนที่ดียิ่งและเป็นพำนักที่ดีเยี่ยม