ชัยฏอนจะเวียนไปสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายให้ผู้คน
ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า "อิบลีส (ชัยฏอน) ตั้งบัลลังก์ของมันไว้เหนือน้ำและหลังจากนั้นมันจะส่งไพร่พลของมันไปหาพวกผู้ชาย พวกที่มันชอบที่สุดคือพวกที่ทำชั่วยิ่งใหญ่ที่สุด พวกมันไปหาอิบลีสและกล่าวว่า ‘ฉันทำสิ่งนั้นสิ่งนี้’ มันกล่าวว่า ‘แกไม่ได้ทำอะไรเลย’ แต่มีตัวหนึ่งกล่าวว่า ‘ฉันได้แยกเขาออกจากภรรยาแล้วจึงออกมา’ อิบลีสกล่าวว่า ‘เจ้านั่นแหละที่ทำ’ (อะอฺมัชกล่าวว่า) และอิบลีสได้กอดชัยฏอนตัวนั้น"
(หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 2813)
เหตุการณ์ต่อไปนี้ เป็นเหตุการณ์ก่อนวันสิ้นโลกและสัญญาณใหญ่วันอวสาน (วันสิ้นโลก) อยู่ในหนังสือหะดีษเศาะฮีฮฺ มุสลิม ฉบับย่อ เล่ม 2 เขียนโดย อิมาม มุสลิม เรียบเรียงโดย อัลฮาฟิซ อัลมุนซิรี และแปลโดย บรรจง บินกาซัน ซึ่งเป็นหัวข้อเรื่องของเหตุการณ์ต่างๆ ไม่มีรู้ใครรู้ลำดับก่อน-หลัง นอกจากอัลลอฮฺเท่านั้น จำเป็นที่มุสลิมจะต้องเรียนรู้ เพื่อจะได้กลับตัวและเตรียมตัว สำหรับรายละเอียดจะยกมาเพียงบางบท (มีเฉพาะหัวข้อที่มีฟอนต์ตัวหนาสีฟ้า) ดังนี้
ความปั่นป่วนวุ่นวายจะมีมากขึ้นเมื่อการทุจริตแพร่หลาย
ความทุกข์ยากเดือดร้อนจะเหมือนกับฝน
ความเดือดร้อนจะมาถึงหัวใจ
ชัยฏอนจะเวียนไปสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายให้ผู้คน
ความปั่นป่วนวุ่นวายและลักษณะของมัน
คนที่รู้ถึงฟิตนะฮฺ
ฟิตนะฮฺจะมาจากทางตะวันออก
สมบัติของซีซ่าร์และคุสโรจะถูกใช้ในหนทางของอัลลอฮฺ
มุสลิมจะต่อสู้กันเอง
ฟิตนะฮฺแห่งอดีตจะปรากฏขึ้นอีก
ถ้ามุสลิมฆ่ากันและกันทั้งสองฝ่ายเข้านรก
ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า "ถ้ามุสลิมเผชิญหน้ากันด้วยดาบ ทั้งสองจะเป็นชาวนรก" จึงมีคำถามว่า “ท่านรอซูลุลลอฮฺ เป็นเรื่องถูกต้องสำหรับผู้ฆ่า แต่คนที่ถูกฆ่าเล่า?” ท่านนบีตอบว่า “ผู้ถูกฆ่าก็มีเจตนาที่จะฆ่าฝ่ายตรงข้ามเช่นกัน”
(หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 31)
ฟิตนะฮฺ (ความปั่นป่วนวุ่นวาย) ก่อนวันกิยามะฮฺและสัญญาณวันกิยามะฮฺ (ต่อ)
11. พวกกุเรชกลุ่มนี้จะทำลายประชาชาติของฉัน
12. ฟิตนะฮฺรุนแรงจะปรากฏขึ้น
13. ถ้ามุสลิมฆ่ากันและกันทั้งสองฝ่ายเข้านรก
14. พวกที่ฆ่าอัมมารฺเป็นผู้ผิด
15. สองกลุ่มจากศาสนาเดียวกัน จะฆ่ากันก่อนวันอวสาน
16. ยามอวสานจะไม่เกิดขึ้น จนกว่าคนเดินผ่านสุสานแล้วจะกล่าวว่า “ถ้าฉันมาอยู่ในที่ของเขาก็จะดี”
17. ยามอวสานจะไม่เกิดขึ้น จนกว่ามีการเข่นฆ่าสังหารกันมากขึ้น
18. ยามอวสานจะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าคนฆ่ากันโดยไม่มีเหตุผล
19. ยามอวสานจะยังไม่เกิดขึ้น ก่อนไฟจะเกิดขึ้นในฮิญาซ
20. ยามอวสานจะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าเผ่าเด๊าซ์บูชาเทวรูปซุลเคาะ ลาเซาะฮฺ
ยามอวสานจะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าแม่น้ำยูเฟรตีสเผยให้เห็นภูเขาทองคำ
ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า "ยามอวสานจะยังไม่เกิดขึ้นจนกว่าแม่น้ำยูเฟรติสจะเผยให้เห็นภูเขาทองคำและผู้คนจะต่อสู้กันเพื่อมัน จากทุก 100 คนจะมี 99 คนถูกฆ่า และแต่ละคนจะกล่าวว่า ‘ฉันอาจเป็นหนึ่งในจำนวนนั้นก็ได้ที่จะปลอดภัย"
(หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 7119)
ฟิตนะฮฺ (ความปั่นป่วนวุ่นวาย) ก่อนวันกิยามะฮฺและสัญญาณวันกิยามะฮฺ (ต่อ)
21. ยามอวสานจะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าเทวรูปลาตและอุซซาได้รับการเคารพสักการะ
22. ยามอวสานจะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าเมืองหนึ่งในชายฝั่งจะถูกรุกราน
23. ยามอวสานจะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าแม่น้ำยูเฟรตีสเผยให้เห็นภูเขาทองคำ
24. ยามอวสานจะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าพวกท่านจะต่อสู้กับคนที่ใบหน้า เหมือนโล่ที่ถูกทุบ
25. ยามอวสานจะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าชายคนหนึ่งจากเผ่าเก๊าะฮฺฏอนปรากฏตัว
26. ยามอวสานจะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าญะฮฺญาส์เป็นกษัตริย์
27. ยามอวสานจะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าไม่มีใครกล่าวว่า “อัลลอฮฺ อัลลอฮฺ”
28 ลมจากเยเมน
29. คนที่เลวกว่าจะได้เห็นยามอวสาน
30. พวกจอมโกหกจะปรากฏตัว ขึ้นก่อนยามอวสาน
มุสลิมจะต่อสู้กับยิว
ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ยามอวสานจะยังไม่เกิดขึ้นจนกว่าพวกท่านจะต่อสู้กับพวกยิว และหินที่พวกยิวแอบอยู่ข้างหลังมันจะกล่าวว่า “โอ้ มุสลิม มียิวคนหนึ่ง แอบอยู่ข้างหลังฉัน มาฆ่าเขา” ยกเว้น ต้นฆ็อรกอด ซึ่งเป็นต้นไม้ของพวกยิว”
(หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 3326)
ฟิตนะฮฺ (ความปั่นป่วนวุ่นวาย) ก่อนวันกิยามะฮฺและสัญญาณวันกิยามะฮฺ (ต่อ)
31. มุสลิมจะต่อสู้กับยิว
32. ยามอวสานจะเกิดขึ้นเมื่อพวกโรมันมีจำนวนมาก
33. ชัยชนะของมุสลิมก่อนการปรากฏตัวของดัจญาล
34. การต่อสู้พวกโรมัน (ชาวยุโรป) และมีการฆาตกรรมเกิดขึ้นมากมายเมื่อแอนตี้ไครสต์ (ดัจญาล) ปรากฏ
35. ชัยชนะเหนือคอนสแตนติโนเปิล
36. แผ่นดินจะจมไปกับกองทัพที่บุกก๊ะอฺบ๊ะฮฺ
37. มะดีนะฮฺจะมีคนมาอาศัยและถูกก่อสร้างก่อนยามอวสาน
38. ชาวเอธิโอเปียจะทำลายก๊ะอฺบ๊ะฮฺ
39. การคว่ำบาตรอิรัก
40. ความน่าไว้วางใจและความศรัทธาจะถูกถอดออกจากหัวใจ
สัญญาณแรกของยามอวสาน คือ
ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก
ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “สัญญาณแรกของยามอวสานที่จะเกิดขึ้นคือ ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก และการปรากฏตัวของสัตว์เดรัจฉานบนแผ่นดินต่อผู้คนก่อนเที่ยงวัน อะไรจะเกิดขึ้นก่อน และจะมีอีกอย่างหนึ่งติดตามมาในช่วงเวลาห่างกันไม่นาน”
(หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 2941)
41. เคาะลีฟะฮฺในยุคสุดท้ายจะสะสมเงิน
43. เคราะห์กรรมยามมืด
44. รีบทำความดีก่อนหกสิ่งเกิดขึ้น (อยู่ในหน้าเดียวกับข้อ 42)
45. การอิบาดะฮฺ (การแสดงความเคารพภักดีอัลลอฮฺ) ในภาวะวุ่นวาย
47. สัญญาณแรกของยามอวสาน คือ ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก
48. ลักษณะของดัจญาลและญัซซาซะฮฺ
49. ยิวเจ็ดหมื่นคนจะตามดัจญาล
50. ผู้คนจะหนีดัจญาลไปยังภูเขาและชาวอาหรับจะมีจำนวนน้อยในเวลานั้น
ระวังความวุ่นวายจากผู้หญิง
ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “โลกนี้หวานและเย้ายวนอัลลอฮฺ ได้ทรงทำให้พวกท่านมีอยู่ชีวิตอยู่ในนั้น รุ่นแล้วรุ่นเล่า เพื่อดูว่าพวกท่านทำอะไร ดังนั้น จงระวังผู้หญิงและโลกนี้ให้ดี เพราะเคราะห์กรรม (ฟิตนะฮฺ) แรกของพวกบนีอิสรออีลก็คือ ผู้หญิง”
(หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 2742)
51. ระหว่างอาดัมจนถึงยามอวสานไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่ใหญ่กว่าดัจญาล
52. อีซา บินมัรฺยัม จะลงมา และเขาจะหักไม้กางเขนและฆ่าหมู
53. ภารกิจของนบีและยามอวสาน
54. ยามอวสานใกล้เข้ามาแล้ว
55. ยามอวสานจะเริ่มขึ้นในขณะที่คนผู้หนึ่งกำลังรีดนมอูฐ แต่จะไม่ได้ดื่มนมอูฐนั้น
56. มีเวลา 40 (วัน, เดือน, ปี) ระหว่างการระเบิดครั้งแรกและครั้งที่สอง
57. ผู้หญิงคือการทดสอบที่อันตรายที่สุดสำหรับผู้ชาย
58. ระวังความวุ่นวายจากผู้หญิง
รีบทำความดีก่อนหกสิ่งเกิดขึ้น
ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “จงรีบเร่งทำความดีก่อน 6 สิ่งจะปรากฏขึ้น นั่นคือ ดัจญาล ควัน สัตว์ร้ายชนิดหนึ่ง ดวงอาทิตย์ขึ้นจากทางตะวันตก ความชั่วโดยทั่วไป และความโลภของตัวท่านเอง”
(หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 2974)
ฮุซัยฟะฮฺ บินอะซีด อัลมิฟารีย์ เล่า ว่า : ครั้งหนึ่งท่านนบีเห็นเราในขณะที่เรากำลังคุยกันและท่านถามว่า “คุยอะไรกันอยู่?” เราตอบว่า “คุยกันเรื่องยามอวสานครับ” ท่านนบีกล่าวว่า “มันจะไม่เกิดขึ้นก่อน 10 สัญญาณปรากฏ” ท่านนบีกล่าวว่า “ควัน, ดัจญาล, สัตว์เดรัจฉานอย่างหนึ่งบนแผ่นดิน, ดวงอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตก, การลงมาของนบีอีซา, ยะอฺญูจญ์และมะอฺญูจญ์, แผ่นดินไหวรุนแรงสามครั้ง ครั้งหนึ่งในตะวันออก ครั้งหนึ่งในตะวันตก และครั้งที่สามในอาหรับ, สุดท้ายจะเป็นไฟที่จะมาจากเยเมนเพื่อขับไล่ผู้คนไปยังแผ่นดินที่ชุมนุมกันของพวกเขา”
(หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 2901)
1. ซาลิม กล่าวว่า อับดุลลอฮฺ บินอุมัร กล่าวเสริมว่า : ครั้งหนึ่งท่านรอซูลุลลอฮฺได้ยืนขึ้นในการกล่าวปาฐกถาต่อหน้าผู้คน หลังจากกล่าวสดุดีอัลลอฮฺแล้ว ท่านได้เอ่ยถึงดัจญาลโดยกล่าวว่า “ฉันขอเตือนพวกท่านให้ระวังมัน นบีทุกคนล้วนเตือนสาวกของท่านให้ระวังดัจญาล นูฮฺ (โนอาห์) ได้เตือนคนของเขาให้ระวังมัน แต่ฉันกำลังบอก อะไรบางอย่างแก่พวกท่านซึ่งไม่มีนมีคนใดบอก ผู้คนของเขา นั่นคือ จงรู้ไว้ว่ามันตาบอดข้างหนึ่ง ในขณะที่อัลลอฮฺไม่ได้ทรงเป็นเช่นนั้น”
อิบนุชฮาบ กล่าวว่า : อุมัรฺ บินษาบิต อัล อันซอรี ได้บอกฉันว่าสาวกบางคนของท่านนบีได้ บอกเขาว่า “ในวันนั้น ท่านรอซูลุลลอฮฺได้เตือนถึงเรื่องดัจญาลโดยกล่าวว่า “ระหว่างตาของดัจญาล มีคำว่า “กาฟิรฺ” (ผู้ปฏิเสธศรัทธา) ถูกเขียนไว้ ซึ่งทุกคนที่เกลียดการกระทำของมันสามารถอ่านได้” และกล่าวว่า “พวกท่านต้องรู้ว่าไม่มีใครจะได้เห็นพระเจ้าของเขาจนกว่าเขาตาย”
(ส่วนหนึ่งจากหะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 1354)
2. อิบนุเอาน์ รายงานจากนาฟิอฺว่า เขาได้เอ่ยถึง อิบนุซอยยาด ว่า : อิบนุอุมัรฺ กล่าวว่า “ฉันได้พบอิบนุซอยยาดสองครั้ง ฉันพบเขา และพูดกับบางคนว่า “พวกท่านกล่าวว่ามันคือ เขาใช่ไหม?” พวกเขาตอบว่า “ไม่ใช่” ฉันกล่าวว่า “พวกท่านมิได้บอกความจริงแก่ฉัน ขอสาบานด้วยอัลลอฮฺ พวกท่านบางคนบอกฉันว่าเขาจะไม่ตายจนกระทั่งเขาจะมีลูกชายมากที่สุดและมีทรัพย์สินมากมายมหาศาล และวันนี้พวกท่านก็กล่าวเช่นนั้น” อิบนุอุมัร กล่าวว่า “เราได้เดินจากไป”
อิบนุอุมัรฺ กล่าวว่า : ฉันพบเขาอีกหลังจากที่ดวงตาของเขาข้างหนึ่งบอด และได้ถามเขาว่า “เกิดอะไรขึ้นกับตาของท่าน?” เขาตอบว่า “ฉัน ไม่รู้” ฉันกล่าวว่า “ท่านไม่รู้หรือทั้งๆ ที่มันอยู่ บนหัวของท่าน?” เขากล่าวว่า “หากอัลลอฮฺทรงประสงค์ พระองค์จะทรงวางมันไว้บนไม้เท้าอันนี้ของท่าน” หลังจากนั้น เขาได้ทำเสียงร้องเหมือนกับเสียงของลาซึ่งดังที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้ยิน คนที่อยู่กับฉันบางคนกล่าวว่าฉันดีเขาด้วยไม้เท้าจนไม้หัก แต่ฉันไม่รู้สึกเช่นนั้น
อิบนุอุมัรฺ กล่าวว่า : ฉันได้ไปหามารดาแห่ง ศรัทธาชน และบอกนางถึงสิ่งที่เกิดขึ้น นางกล่าว ว่า “ท่านต้องการอะไรจากเขา? ท่านไม่รู้หรือว่า ท่านนบีกล่าวว่าสิ่งแรกที่จะผลักเขาให้ต่อต้านผู้คน คือ ความโกรธที่เขาจะมี”
(หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 2932)
3. ท่านรอซูลุลลอฮฺ กล่าวว่า “ฉันรู้มากกว่าท่านในเรื่องที่ว่าจะมีอะไรมากับดัจญาล มันจะมีสองแม่น้ำ แม่น้ำสายหนึ่งจะดูเหมือนน้ำสีขาวและอีกสายหนึ่งจะปรากฏเป็นไฟที่กำลังลุกโชน ดังนั้น คนหนึ่งใดในหมู่พวกท่านสามารถที่จะเห็นมันและอยากได้น้ำ ควรดื่มจากแม่น้ำที่เขาเห็นว่าเป็นไฟ และดวงตาข้างหนึ่งของดัจญาลเป็นแผลหนาที่เกิดจากการถูกตีและระหว่างตาของมันจะถูกเขียนว่า “กาฟิร” ผู้ศรัทธาทุกคนที่อ่านหนังสือออกหรืออ่านไม่ออกก็จะสามารถอ่านมันได้" (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 3450)
4. ฮุซัยฟะฮฺ รายงานว่า ท่านรอซูลุลลอฮฺ กล่าวว่า : “ดัจญาล มีตาเดียวและผมหยิก มีสวรรค์ และไฟอยู่กับมัน แต่สวรรค์ของมันคือนรก และนรกของมันคือสวรรค์” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 2934)
5. อันเนาวาส บินซัมอาน เล่าว่า : ท่านรอซูลุลลอฮฺได้พูดถึงดัจญาลในเช้าวันหนึ่ง ท่าน พูดเสียงดังและลดเสียงของท่านลงจนกระทั่งเรา คิดว่าดัจญาลอยู่ในพื้นที่ของต้นอินทผลัม ท่านนบีรู้ว่าเราคิดถึงอะไรอยู่ ท่านจึงกล่าวว่า “พวกท่านเป็นอย่างไร?” เรากล่าวว่า “โอ้ ท่านรอซูลุลลอฮฺ ท่านพูดถึงดัจญาลและลดเสียงลงจนเราคิดว่ามันอยู่ในต้นอินทผลัม” ท่านได้กล่าวว่า “ไม่ใช่ดัจญาล ที่ฉันกลัวแทนพวกท่าน เพราะถ้าหากมันปรากฏตัวในขณะที่ฉันอยู่ท่ามกลางพวกท่าน ฉันจะปกป้องท่าน แต่ถ้ามันปรากฏตัวหลังจากฉัน ทุกคนจะป้องกันตัวเองและอัลลอฮฺคือผู้ทรงสืบทอดของฉันสำหรับมุสลิมทุกคน”
“มัน (ดัจญาล) เป็นคนหนุ่มรูปร่างไม่สูง ตาถลนออกมานอกเบ้า และเขาเหมือนกับอับดุล อุซซา บินเกาะฏ็อน ใครก็ตามที่พบมันต้องอ่านอายะฮฺตอนต้นของซูเราะฮฺอัลกะฮฺฟี่ (ซูเราะฮฺที่ 18) ใส่มัน มันจะปรากฏตัวขึ้นมาระหว่างอิรักและซีเรีย และจะแพร่ความเสียหายทั้งทางซ้ายและขวา โอ้บ่าวของอัลลอฮฺ จงยึดความศรัทธาของพวกท่านไว้ให้มั่น”
เรากล่าวว่า “ท่านรอซูลุลลอฮฺ มันจะอยู่บนหน้าแผ่นดินนานเท่าใด?” ท่านตอบว่า “40 วัน แต่วันหนึ่งจะยาวนานหนึ่งปี และวันหนึ่งจะยาวนานเหมือนหนึ่งเดือน และอีกวันหนึ่งจะยาวนานเหมือนหนึ่งสัปดาห์ และวันที่เหลือจากนั้นจะเป็นเหมือนกับวันทั้งหลายของพวกท่าน” เราถามว่า “ท่านรอซูลุลลอฮฺ ถ้าวันหนึ่งเหมือนหนึ่งปี นมาซประจำวันของพวกเราจะพอหรือ?” ท่านกล่าวว่า “ไม่พอ แต่ท่านต้องคำนวณเวลานมาซ”
มีต่อหน้าถัดไป>>
เราถามว่า “ท่านรอซูลุลลอฮฺ มันจะเดินบนหน้าแผ่นดินเร็วเพียงใด?” ท่านตอบว่า “มันจะเหมือนกับฝนที่มีลมตามมา มันจะมาเชิญชวนผู้คนและผู้คนจะหลงเชื่อปฏิบัติตามมัน มันจะสั่งท้องฟ้าให้มีฝนตกลงมาและฝนจะตก มันจะสั่งผืน ดินและต้นไม้ก็จะงอกเงยขึ้นมาอย่างอุดมสมบูรณ์ สัตว์จะได้รับอาหารและให้น้ำนมจํานวนมาก หลังจากนั้น มันจะหาคนอื่นๆ เพื่อชักชวนคนเหล่านั้น แต่เมื่อผู้คนเหล่านั้นต่อต้านมัน พวกเขาเหล่านั้นจะไม่มีทรัพย์สินหรือได้รับน้ำฝน
มันจะผ่านไปยังดินแดนที่แห้งแล้งและพูดกับแผ่นดินเพื่อดึงเอาขุมทรัพย์ออกมาและขุมทรัพย์จะตามมันเหมือนกับฝูงผึ้ง มันจะเรียกชายหนุ่มคนหนึ่งออกมาและฟันเขาด้วยดาบจนขาดเป็นสองเสี่ยง หลังจากนั้น มันจะเรียกเขา และชายหนุ่มที่ถูกฆ่าจะกลับมามีชีวิตอีกพร้อมกับหัวเราะด้วยใบหน้าที่เบิกบาน”
“ในขณะที่มันกำลังทำเช่นนั้น อัลลอฮฺจะทรงส่งนบีอีซา บุตรของมัรยัมมา นบีอีซาจะลงมาที่หอคอยสีขาวในทางตะวันออกของดามัสกัส โดยมีปีกของมลาอิก๊ะฮฺสององค์จะจับมือของท่านลงมา เมื่อนบีอีซาก้มหัวลงต่ำจะมีน้ำหยดออกมาและเมื่อท่านเงยหัวขึ้นลูกปัดคล้ายไข่มุกจะร่วงลงมา บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาทุกคนที่ได้กลิ่นลมหายใจของนบีอีซาจะเสียชีวิต และลมหายใจของท่านจะกระจายไปไกลจนสุดสายตา นบีอีซาจะมองหาดัจญาลและท่านจะพบมันที่สุด และสังหารมัน”
หลังจากนั้น นบีอีซาจะมายังคนกลุ่มหนึ่ง ที่อัลลอฮฺทรงคุ้มครองพวกเขาจากดัจญาล ท่านจะลูบหน้าพวกเขาและบอกพวกเขาเกี่ยวกับระดับชั้นของพวกเขาในสวรรค์ ขณะเดียวกัน อัลลอฮฺจะประทานวะฮีย์แก่นบีอีซาว่า “ฉันได้ส่งบ่าวของฉันบางคนที่ไม่มีใครสามารถต่อสู้ ดังนั้น จงซ่อนบ่าวของฉันไว้ในภูเขาฏูรฺ หลังจากนั้น อัลลอฮฺจะทรงส่งพวกยะอฺญจญ์และมะอฺญจญ์ "และพวกเขาจะหลั่งไหลกันลงมาจากทุกทิศทาง" (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลอัมบิยาอฺ 96) พวกหนึ่งจะผ่านทะเลสาบไทบีเรียและกินน้ำในนั้นหมด กลุ่มสุดท้ายจะไปถึงทะเลสาบและกล่าวว่า “ครั้งหนึ่งที่นี่เคยมีน้ำ”
นบีของอัลลอฮฺ นบีอีซา บุตรของนางมัรยัม และสาวกของท่านจะถูกพวกยะอฺญูจญ์และมะอฺญูจญ์ล้อมไว้จนกระทั่งพวกเขาเห็นว่าวัวตัวหนึ่งดีกว่า หนึ่งร้อยดีนาร์สำหรับพวกท่านในตอนนี้ แต่นบีอีซาและสาวกของท่านจะวิงวอนต่ออัลลอฮฺ และพระองค์จะทรงส่งหนอนลงมาในคอของพวกยะอฺญจญ์และมะอฺญจญ์ และคนพวกนี้จะตายเหมือนกับคนคนหนึ่ง
มีต่อหน้าถัดไป>>
นบีของอัลลอฮฺ นบีอีซา และสาวกของท่านจะไม่พบสถานที่แห่งใดบนแผ่นดินนอกจากทุกแห่งจะถูกปกคลุมไปด้วยร่างที่เน่าเปื่อยของพวกยะอฺญจญ์และมะอญจญ์ นบีอีซาและสาวกของท่านจะวิงวอนต่ออัลลอฮฺ อัลลอฮฺจะทรงส่งฝูงนกที่ดูเหมือนคอของอูฐบุคติ มันจะเอาซากศพของ พวกยะอฺญูจญ์และมะอฺญูจญ์ไปโยนตรงที่อัลลอฮฺทรงประสงค์ หลังจากนั้น อัลลอฮฺจะทรงส่งน้ำฝนลงมายังทุกบ้านและมันจะชะล้างแผ่นดินจนกระทั่งมันเงาเหมือนกับกระจก
หลังจากนั้น อัลลอฮฺจะทรงสั่งแผ่นดินให้พืชผลออกมา เป็นการสะท้อนถึงความจำเริญ ทับทิมจะออกผลโตจนผลหนึ่ง สามารถกินได้โดยคนหลายคนและสามารถใช้เปลือกของมันบังแดดได้ หลังจากนั้น อัลลอฮฺจะทรงให้ความจำเริญแก่ปศุสัตว์ อูฐ และแกะ จนกระทั่งอูฐหนึ่งตัวสามารถตอบสนองความต้องการของคนได้เป็นจำนวนมากมาย วัวตัวหนึ่งจะเพียงพอสำหรับคนเผ่าหนึ่ง และแกะตัวหนึ่งจะเพียงพอสำหรับคนกลุ่มหนึ่ง ในขณะเดียวกัน อัลลอฮฺจะทรงส่งลมโชยอ่อนๆ มาซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกเย็นสบาย แม้แต่ใต้รักแร้ และมุสลิมกับผู้ศรัทธาทุกคนจะ ตายเพราะลมนั้น หลังจากนั้น จะมีแต่คนชั่วที่สุดเหลืออยู่ และคนเหล่านี้จะสำส่อนเหมือนกับลา จนกระทั่งวันอวสานมาถึง”
(หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 2137)
6. อบูสะอี๊ด อัลกุตรี รายงานว่า : วัน หนึ่ง ท่านรอซูลุลลอฮฺได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ ดัจญาลให้เราฟังอย่างยืดยาว ในสิ่งหนึ่งที่ท่าน เล่าให้เราฟังก็คือ “ดัจญาลจะมา และมันจะถูก ห้ามมิให้เข้าช่องเขาของมะดีนะฮฺ มันจะตั้งค่ายในพื้นที่กันดารนอกเมืองมะดีนะฮฺและจะมีคนดีที่สุดคนหนึ่งไปหามัน คนผู้นั้นจะกล่าวว่า “ฉันยืนยันว่าเจ้าคือดัจญาลที่ท่านรอซูลุลลอฮฺบอกเล่าเรื่องราวของเจ้าให้เราฟัง” ดัจญาลจะพูด (กับผู้ที่คอยฟังมันว่า) “พวกเจ้าจะว่าอย่างไรถ้าฉันฆ่าคนผู้นี้และหลังจากนั้นฉันจะให้ชีวิตเขา พวกเจ้ามีข้อสงสัยอะไรไหมเกี่ยวกับคำพูดของฉัน?” พวกเขาจะกล่าวว่า “ไม่” ดังนั้น ดัจญาลจึงฆ่าชายคนนั้น และหลังจากได้ทำให้เขามีชีวิตขึ้นมาใหม่ ชายคนนั้นจะกล่าวว่า “ขอสาบานด้วยอัลลอฮฺ ตอนนี้ ฉันรู้จักเจ้ามากกว่าก่อนหน้านี้แล้ว” หลังจากนั้น ดัจญาลจะพยายามฆ่าเขาอีก แต่มันไม่มีอำนาจที่จะทำเช่นนั้น”
อบูอิสฮาก กล่าวว่า : กล่าวกันว่าชายคนนั้นคือ อัลเคาะฏิรฺ
(หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 1882)
7. จากอบูสะอี๊ด อัลคุดรี : ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ดัจญาลจะปรากฏตัวขึ้น และผู้ศรัทธาคนหนึ่งจะไปหามันและพวกทหารของดัจญาลจะเผชิญหน้าเขา พวกทหารจะถามว่า “กำลังจะไปไหน?” เขาจะตอบว่า “ฉันกำลังจะไปหาผู้ที่มาถึงแล้ว” พวกเขาจะถามผู้ศรัทธาคนนั้นว่า “ท่านศรัทธาในพระเจ้าของเราไหม?” เขาจะกล่าวว่า “มันง่ายมากที่จะรู้จักพระเจ้าของเรา” ดังนั้น จึงมีเสียงกล่าวว่า “ฆ่าเขาเสีย” หลังจากนั้น คนของดัจญาลจะพูดกันว่า “พระเจ้าของเรา สั่งเราไม่ให้ฆ่าใครนอกจากเขาประสงค์”
หลังจากนั้น พวกเขาจะพาผู้ศรัทธาคนนั้นไปหาดัจญาล เมื่อผู้ศรัทธาคนนั้นพบดัจญาล เขาจะกล่าวว่า “พวกท่านทั้งหลาย นี่คือดัจญาลที่ท่านรอซูลุลลอฮฺได้บอกเรา” ดัจญาลจะสั่งให้หักคอเขา เขาจะถูกนำตัวไปทุบตีหลังและท้องอย่างรุนแรง หลังจากนั้น ดัจญาลจะถามเขาว่า “เจ้าไม่ศรัทธาในฉันหรือ?” ผู้ศรัทธาจะตอบว่า “แก้มันคืออัลมะซีฮฺ จอมโกหก” ดังนั้น ดัจญาลจะสั่งคนของมันให้เลื่อยเขาจากหัวถึงเท้า เสร็จแล้ว ดัจญาลจะเดินระหว่างกลางร่างที่ถูกเลื่อยเป็นสองซีกและกล่าวว่า “ลุกขึ้น” ผู้ศรัทธาคนนั้นจะกลับมามีชีวิตเหมือนเดิม ดัจญาลจะถามเขาว่า “ตอนนี้เจ้าศรัทธาในฉันหรือยัง?” ผู้ศรัทธาจะกล่าวว่า “ตอนนี้ ฉันแน่ใจ ในตัวแกยิ่งกว่าเดิมเสียอีก” และเขาจะกล่าวต่ออีก ว่า “ผู้คนทั้งหลาย หลังจากนี้จะไม่มีใครถูกทำเช่นนี้อีก” ดัจญาลจะนำเขาไปฆ่า หลังจากนั้น ทองแดงจะถูกหุ้มบริเวณระหว่างคอหอยและต้นคอของเขา และดัจญาลจะไม่สามารถหาทางฆ่าเขาได้ ผู้ศรัทธาคนนั้นจะถูกจับที่มือและเท้า แล้วโยนลงไปในกองไฟ แต่ความจริงแล้ว เขาถูกโยนเข้าไปในสวรรค์”
ท่านรอซูลุลลอฮฺ กล่าวว่า “เขาจะเป็นผู้พลีชีพ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อหน้าพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก”
(หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 2938)
8. อัลมุมีเราะฮฺ บินอุบ๊ะฮฺ เล่าว่า : ไม่มีใครถามท่านนบีมากเท่ากับฉันในเรื่องดัจญาล ท่านนบีได้ถามฉันว่า “อะไรที่ทำให้ท่านกังวล เกี่ยวกับดัจญาล?” ฉันตอบว่า “เพราะพวกเขาพูดกันว่าดัจญาลจะมีอาหารและแม่น้ำอยู่กับมัน” (กล่าวคือ ดัจญาลจะมีอาหารและน้ำเป็นจำนวน มาก)” ท่านนบีกล่าวว่า “ไม่ มันชั่วช้าเกินกว่าที่อัลลอฮฺจะทรงยอมให้มันมีสิ่งเช่นนั้น” (แต่มันเป็นเพียงการทดสอบว่าพวกเขาจะศรัทธาในอัลลอฮฺหรือในดัจญาล) (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 7122)
9. อันนุมาน บินซาลิม รายงานว่า : ฉันได้ยินยะกู๊บ บินอาซิม บินอุรฺวะฮฺ บินมัสอู๊ด อัษษะกอฟี กล่าวว่าเขาได้ยินอับดุลลอฮฺ บินอัมร์ กล่าวว่า “ชายคนหนึ่งได้กล่าวว่า “ท่านพูดอะไร? ท่านพูดหรือว่ายามอวสานจะเกิดขึ้นในตอนนั้น ตอนนี้?” อับดุลลอฮฺกล่าวว่า “ซุบฮานัลลอฮฺ (หรือ ลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮฺ หรืออะไรในทำนองนี้) ฉันจะไม่บอกอะไรกับใครอีกต่อไปแล้ว ฉันเพียงแต่พูดว่าหลังจากนี้อีกไม่นานพวกท่านจะเห็นอะไรบางอย่างที่ยิ่งใหญ่ กะอฺบ๊ะฮฺจะถูกเผา มันจะเกิดขึ้น มันจะเกิดขึ้น”
หลังจากนั้น เขาได้กล่าวว่า : ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ดัจญาลจะปรากฏตัวขึ้นในประชาชาติของฉัน และจะอยู่เป็นเวลานาน 40 (เขากล่าวว่า “ฉันไม่รู้ว่าท่านนบีพูดถึงวันหรือเดือน หรือปี) หลังจากนั้น อัลลอฮฺจะทรงส่งอีซา บุตรของมัรยัม ที่ดูเหมือนกับ อุรฺวะฮฺ บินมัสอู๊ด ลงมา อีซาจะไล่ล่าและฆ่ามัน หลังจากนั้น มนุษย์จะอยู่เป็นเวลา 70 ปีโดยไม่มีความเป็นศัตรูกันระหว่างคนสองคน หลังจากนั้น อัลลอฮฺจะทรงส่งลมเย็นโชยจากซีเรียมาเพื่อที่จะไม่มีใครที่มีความศรัทธาหนักเท่ามดในหัวใจล้มตาย ถึงแม้ว่าคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกท่านจะเข้าไปในใจกลางของภูเขา มันก็จะไล่ตามเขา และฆ่าเขา”
เขากล่าวว่า ฉันได้ยินท่านรอซูลุลลอฮฺ ท่านกล่าวว่า “หลังจากนั้น คนเลวและชั่วที่สุดจะมีชีวิตรอด และคนพวกนี้จะไม่สนใจสิ่งใดเหมือนกับนกและมีลักษณะของสัตว์เดรัจฉาน คนพวกนี้จะไม่รู้จักความดีและไม่ปฏิเสธความชั่วช้าลามก ชัยฏอนจะมาหาพวกเขาและบอกพวกเขาว่า “พวกเจ้าไม่อายหรือ?” พวกเขาจะถามชัยฏอนว่า “ท่านจะสั่งให้เราทำอะไร?” ชัยฏอนจะสั่งพวกเขาให้เคารพสักการะเจว็ดในขณะที่คนเหล่านี้จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี
หลังจากนั้น แตรสัญญาณวันสิ้นโลกจะถูกเป่าโดยที่ไม่มีใครได้ยินเสียงแตร แต่มันจะโก่งคอของมันไปทางด้านหนึ่งและยกมันขึ้นจากอีกด้านหนึ่ง คนแรกที่ได้ยินมันจะเป็นคนที่กำลังซ่อมแซมบ่อน้ำสำหรับอูฐของเขา เขาจะตกใจตายและคนอื่นทั้งหมดก็จะตายด้วย หลังจากนั้น อัลลอฮฺจะทรงส่งฝน (หรือทำให้ฝนตกลงมา) ฝนนี้จะทำให้ร่างกายของมนุษย์เติบโต
หลังจากนั้น การเป่าแตรครั้งที่สองจะตามมาเพื่อทำให้มนุษย์ทั้งหมดยืนขึ้นมอง หลังจากนั้นจะมีเสียงกล่าวว่า “โอ้มนุษย์ทั้งหลาย จงมาหาพระผู้อภิบาลของสูเจ้า” “และจงยับยั้งพวกเขาไว้ เพราะพวกเขาจะต้องถูกสอบสวน” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัศศ็อฟฟาต 24) หลังจากนั้นจะมีเสียงกล่าวว่า “เอากลุ่มที่จะเข้านรกออกมา” จะมีเสียงถามว่า “จำนวนเท่าใดจากนั้น?” เสียงตอบกล่าวว่า “999 จาก 1,000” ท่านนบีกล่าวว่า “นั่นเป็นวันที่จะทำให้เด็กมีผมขาวขึ้นมา และนั่นเป็นวันที่ได้ถูกกล่าวว่า “วันนั้น หน้าแข้งจะถูกเปิดเผยออกมา” (หมายถึง วันแห่งการพิพากษา)
(หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 2940)
1. ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “พวกท่านรู้ไหมว่าทำไม ฉันให้พวกท่านมานมาชร่วมกัน?” พวกเขากล่าวว่า “อัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์รู้ดีที่สุด” ท่านกล่าวว่า “ฉันไม่เรียกพวกท่านเพราะอะไรบางอย่างที่น่าชื่นชอบหรือเกลียด แต่เพราะตะมีม อัดดารี ชาวคริสเตียนคนหนึ่งเข้ารับอิสลามและให้สัตย์ปฏิญาณจงรักภักดีต่อฉัน นอกจากนั้น เขายังบอกฉันถึงอะไรบางอย่างที่เหมือนกับสิ่งที่ฉันได้บอกพวกท่านไปแล้วเกี่ยวกับมะซีฮฺ อัด ดัจญาล”
ท่านนบีกล่าวว่า “เขาบอกฉันว่าเขานั่งเรือมาพร้อมกับคนอื่นๆ อีกสามสิบคนจากเผ่าละคัม และเผ่าญุซาม เรือต้องเผชิญคลื่นลมเป็นเวลาหนึ่งเดือน หลังจากนั้น พวกเขาได้ไปขึ้นฝั่งที่เกาะแห่งหนึ่งในทะเล พวกเขาจึงนั่งเรือชูชีพเข้าไปในเกาะและพบสัตว์ตัวหนึ่งมีขนมากมายจนถึงขนาดที่ท่านไม่รู้ข้างหน้าของมันจากข้างหลัง พวกเขากล่าวว่า “ตายละแก แกเป็นใคร?” มันตอบว่า “ฉันคือ ณัชชาซะฮฺ” พวกเขาถามว่า “ณัชชาซะฮฺ คืออะไร?” มันกล่าวว่า “พวกท่าน ไปหาคนนั้นในอารามเพราะเขากำลังคอยที่จะได้ยินจากพวกท่านด้วยความกระวนกระวาย”
เขากล่าวว่า “เมื่อมันเอ่ยชื่อคนหนึ่ง เรารู้สึกกลัวเพราะคิดว่ามันอาจเป็นชัยฏอน ดังนั้น เราจึงรีบเข้าไปในอาราม เมื่อเข้าไปข้างใน เราได้เห็นคนรูปร่างดีคนหนึ่งถูกมัดมือไว้กับคอและมีตรวนเหล็กอยู่ระหว่างเขากับข้อเท้าของเขา เรากล่าวว่า “ให้ตายเถอะ ท่านเป็นใคร?” เขากล่าวว่า “ไม่ช้าพวกท่านจะรู้จักฉัน ดังนั้น พวกท่านบอกฉันซิว่าพวกท่านเป็นใคร?” เราตอบว่า “เราคือชาวอาหรับ เรานั่งเรือมาในความมืดท่ามกลางคลื่นลมแรงเป็นเวลาหนึ่งเดือนและมันพาเรามาที่นี่ เราเอาเรือเข้ามายังเกาะนี้และได้พบสัตว์มีขนหนาตัวหนึ่งซึ่งเราไม่รู้จักมัน เราถามมันว่ามันเป็นใคร? มันตอบว่ามันคือ ญัชชาซะฮฺ มันสั่งเราให้ไปหาคนในอารามที่กำลังคอยจะพบเรา ดังนั้น เราจึงรีบมาหาท่าน และกลัวว่ามันต้องเป็นชัยฏอนตัวหนึ่ง”
ชายคนนั้นกล่าวว่า “บอกฉันเกี่ยวกับต้นอินทผลัมบัยซานหน่อยซิ” เรากล่าวว่า “ท่าน ต้องการจะรู้เกี่ยวกับอะไร?” เขาถามว่า “ต้นไม้เหล่านี้ให้ผลไหม?” เราตอบว่า “ให้สิ” เขากล่าวว่า “พวกมันจะหยุดให้ผลระยะหนึ่ง” หลังจากนั้น เขาได้กล่าวว่า “บอกให้ฉันรู้เกี่ยวกับทะเลสาบเฏาะบะรียะฮฺหน่อยซิ” เรากล่าวว่า “ท่านจะถามเกี่ยวกับอะไร?” เขากล่าวว่า “มันมีน้ำในนั้นไหม?” เราตอบว่า “มีน้ำมากมาย” เขากล่าวว่า “ในไม่ช้า น้ำในทะเลสาบนั้นจะขาดแคลนและหมดไป
มีต่อหน้าถัดไป>>
หลังจากนั้น เขาถามอีกว่า “ในแอ่งน้ำซุฆ็อรฺ ยังมีน้ำอยู่หรือไม่ และยังมีคนใช้น้ำจากนั้นทำการเกษตรไหม?” เราตอบว่า “มีสิ มันมีน้ำมากและผู้คนยังใช้น้ำจากนั้นทำการเกษตร” หลังจากนั้น เขากล่าวว่า “บอกฉันเกี่ยวกับนบี ของคนที่ไม่รู้หนังสือหน่อยซิ เขาทำอะไรไปบ้าง” เรากล่าวว่า “เขาถูกส่งมาโดยอัลลอฮฺและออกจากมักกะฮฺไปยังยัษริบแล้ว” เขาถามว่า “พวกอาหรับต่อสู้เขาใช่ไหม?” เราตอบว่า “ใช่” เขาจึงถามว่า “แล้วเขาทำอะไร?” เราตอบว่า “เขาเชิญชวนชาวอาหรับบางคนที่อยู่ใกล้ชิดและเชื่อฟัง” เขาถามว่า “อย่างนั้นหรือ?” เราตอบว่า “ใช่”
เขากล่าวว่า “มันเป็นการดีสําหรับพวกเขาที่ทำตามเขา สำหรับฉัน ฉันจะบอกพวกท่านให้ก็ได้ว่า ฉันคืออัลมะซีฮฺ (อัดดัจญาล) และฉันจะปรากฏตัวขึ้นเมื่อได้รับอนุญาต ฉันจะไปยังแผ่นดินและทำให้เมืองทั้งหมด ล่มสลายภายใน 40 วัน ยกเว้นมักกะฮฺและมะดีนะฮฺ ที่ได้รับการคุ้มครองจากฉัน ถ้าฉันพยายามจะเข้าไปในสองเมืองนี้ มลาอิกะฮฺจะจับฉันไว้และในมือของมลาอิก๊ะฮฺมีดาบที่หยุดฉันไว้ รอบเมือง ทั้งสองนี้จะมีมลาอิก๊ะฮฺคอยปกป้องคุ้มครองไว้จากฉัน”
หลังจากนั้น ท่านรอซูลุลลอฮฺได้ฟาดไม้ท่อนหนึ่งที่แท่นเทศนาพร้อมกับกล่าวว่า “นี่คือ ฏ็อยบ๊ะฮฺ (อัลมะดีนะฮฺ) นี่คือฏ็อยบ๊ะฮฺ ฉันได้บอกพวกท่านมาก่อนแล้วมิใช่หรือ?” ผู้คนกล่าวว่า “ใช่ครับ” และท่านนบีได้กล่าวว่า “สิ่งที่ตะมีม บอกฉันตรงกับสิ่งที่ฉันบอกพวกท่าน และสิ่งที่ฉันพูดเกี่ยวกับมักก๊ะฮฺและมะดีนะฮฺ ดัจญาลอยู่ในทะเลซีเรีย (ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน) หรือใน ทะเลเยเมน (ทะเลอาหรับ) เปล่าเลย ในทางตรงข้าม มันอยู่ทางตะวันออก มันอยู่ทางตะวันออก มันอยู่ทางตะวันออก” หลังจากนั้น ท่านนบีได้มือของท่านไปทางตะวันออก
ฟาฏิมะฮฺ กล่าวว่า “ฉันจำมาจากท่านรอซูลุลลอฮฺ”
(ส่วนหนึ่งจากหะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 2942)
2. จากอนัส บินมาลิก : ท่านรอซูลุลลอฮฺ กล่าวว่า “ไม่มีเมืองใดที่ดัจญาลไม่ได้เข้าไปนอกจาก มักกะฮฺและมะดีนะฮฺ และบนเส้นทางเข้าเมือง ทั้งสองนี้จะมีมลาอิกะฮฺยืนเป็นแถวป้องกันมันมิให้เข้ามา หลังจากนั้นมะดีนะฮฺจะเกิดแผ่นดินไหวสามครั้ง และอัลลอฮฺจะทรงขับไล่บรรดาผู้ปฏิเสธ และพวกตลบตะแลงออกไปจากเมือง”
(หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 1881)
ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “พวกท่านจะเป็นอย่างไรเมื่อลูกชายของนางมัรยัมลงมายังพวกท่าน และปกครองพวกท่าน?”
นาฟิอฺกล่าวว่า อบูฮุร็อยเราะฮฺพูดว่า “และจะปกครองโดยกุรอาน” อิบนุอบูชิกล่าวว่า “จะปกครองโดยกุรอาน และซุนนะฮฺของท่านนบีมุฮัมมัด”
(หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 3449)
ท่านรอซูลุลลอฮฺ กล่าวว่า “ขอสาบานด้วยอัลลอฮฺ ลูกชายของนางมัรยัม (หมายถึงอีซา) จะลงมายังพวกท่านในไม่นานนี้ และจะพิพากษามนุษย์อย่างยุติธรรม เขาจะหักไม้กางเขน และจะฆ่าหมู และยกเลิกญิซยะฮฺ อูฐจะถูกทิ้งไว้ตามลำพังโดยไม่มีใครสนใจมัน หลังจากนั้น จะไม่มีความเกลียดชัง ไม่มีความอิจฉาริษยาหรือความขัดแย้ง เงินทองจะมีมากมาย และจะไม่มีใครรับสิ่งของที่ให้เป็นทาน"
(หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 2222)
ญิซยะฮ์ เป็นการเก็บภาษีต่อหัวรายปีที่เคยใช้สำหรับผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม ในรัฐที่ปกครองด้วยกฎหมายอิสลาม