อ่านเพิ่มเติมเรื่องดุอาอฺ
ดุอาอฺจำเป็นอย่างไร เวลาไหนควรขอ
รวมดุอาอฺของนบี
ดุอาอฺเมื่อกังวล สับสน กลุ้มใจ
มีดุอาอฺสำคัญที่ใช้พระนามอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ (อ่านเพิ่มเติม)
อัลลอฮฺเป็นผู้สร้างเรา และให้วิธีการรักษาที่ดีที่สุดมาให้ เราจึงควรเชื่อในพระองค์ อัลลอฮฺเท่านั้นที่ช่วยเราได้ ช่วยให้หาย ให้ดีขึ้น (ยา สมุนไพร หมอ หรือวิธีรักษา เป็นเพียงอัสบาบ สาเหตุ ทำหน้าที่ในการรักษา แต่ผลลัพธ์อยู่ที่อัลลอฮฺเท่านั้น) วัลลอฮุอะอฺลัม
1. ดุอาอฺทุกอาการ, ดุอาอฺกันไว้, ดุอาอฺแบบนบี
ไม่ใช่แค่ขอให้หายป่วย แต่ขอให้หายขาดจากทุกอาการเจ็บป่วย เจ็บป่วยเล็กน้อยก็ควรขอ
ขอดุอาอฺให้เจอวิธีการรักษาที่เหมาะสม หมอที่เหมาะสม ยาที่เหมาะสม วิธีรักษาที่เหมาะสม
ขอดุอาอฺแบบนบีอัยยูบ อัลลอฮฺให้หายป่วยจากโรครุมเร้า
หากมีอาการบ่อย ขอดุอาอฺล่วงหน้า เพราะอัลลอฮฺให้..ดุอาอฺยับยั้งเกาะฎออฺ และพ้นเกาะดัรฺได้
2. บริจาคเนียตรักษาโรค
ควรทำตั้งแต่เนิ่นๆ เมื่อเริ่มมีอาการป่วย
สัดส่วนของการบริจาคสำคัญ เช่น โรคร้ายแรง อาการหนัก ต้องใช้ยาแพง การบริจาคในสัดส่วน 1/2 หรือ 1/3 หรือ 1/4 ดีกว่าที่ต้องทานยาเป็นเวลานาน เพราะอัลลอฮฺให้หายเร็ว อินชาอัลลอฮฺ
คนในครอบครัวบริจาคแทนได้ สำคัญคือ ใจต้องหวังพึ่งอัลลอฮฺ และเชื่อมั่น (ยาเก็น) ว่าอัลลอฮฺช่วยได้เท่านั้น
อ่านเพิ่มเติมเรื่องสุขภาพ
ดูแลสุขภาพ กิน ดื่ม ตามนบี
การบริจาค การใช้สมุนไพรรักษาโรค
มีวิธีรุกยะห์ (วิธีปัดเป่ารักษา ใช้การอ่านซูเราะฮฺอัลฟาติหะฮฺ, ดุอาอฺที่อาจไม่ต้องใช้ยาตั้งแต่แรก (อ่านเพิ่มเติม)
ลองใช้วิธีนี้คู่กับยาแผนปัจจุบัน จะค่อยๆ ดีขึ้นเป็นลำดับ อินชาอัลลอฮฺ
3. ทานสมุนไพรตามนบี
น้ำมันมะกอก ทำหน้าที่ลดความดัน บำรุงหัวใจ เพิ่มพลังงาน ลดไขมัน แก้ริดสีดวง วิธีทาน วันละ 1 ช้อนโต๊ะ (ตามด้วยน้ำสมุนไพร น้ำหวาน) หรือผสมในน้ำสลัด สมุนไพรจะลดกลิ่นน้ำมันมะกอกได้ เช่น โหระพา เปเปอร์มินต์ หรือเป็นแคปซูล ทาน้ำมันแก้ปวดเมื่อย
น้ำผึ้ง รักษาภูมิแพ้ อ่อนเพลีย ท้องผูก โรคกระเพาะ วิธีดื่ม ดังนี้
1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำอุ่นก่อนอาหาร 3 มื้อ แก้โรคกระเพาะ
1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำเย็น แก้อาการท้องผูก
1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำ ตอนเช้าหรือก่อนนอน รักษาภูมิแพ้ แก้อ่อนเพลีย
1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำอุ่น และบีบมะนาวนิดนึง มีสรรพคุณแก้อ่อนเพลีย ตามแบบท่านหญิงฟาตีมะห์ บุตรีท่านรอซูล (หากเป็นกระเพาะ ไม่บีบมะนาวก็ได้ ใช้น้ำเย็นก็ได้)
ฟักทอง แก้ปวดเข่า ปวดเอว ปวดประจำเดือน
ฮับบะตุซเซาดาอ์ (น้ำมันเทียนดำ/เมล็ดยี่หร่าดำ) รักษาทุกโรค มีสรรพคุณคล้ายยาแผนไทย คือ ขับพิษ สร้างเซลล์ใหม่ ร่างกายแข็งแรง (อาการขับพิษ เช่น ปวดเมื่อย อ่อนเพลีย ปวดหัว ผื่นคัน มีกลิ่นตัว) เริ่มแรกควรบริจาคและขอดุอาอฺ เพราะบางรายอาจมีอาการขับพิษที่มาก หลังจากนั้นใช้สมุนไพรรักษาควบคู่กัน
น้ำซัมซัม เนียตรักษาโรค แก้ปวดฟัน แก้อ่อนเพลีย
อินทผาลัม แก้ปวดเมื่อย บำรุงเลือด
ไม้ซิวาก แก้ปวดฟัน เหงือกบวม เลือดออกตามไรฟัน
อ่านเรื่องผลบุญการละหมาดตะฮัดญุด
ผู้ที่ละหมาดเป็นประจำ อัลลอฮฺจะให้เขาปลอดภัยจากโรค บะลาอฺร้ายๆ ฟิตนะห์ร้ายๆ บาปใหญ่ๆ ปัญหาเดือดร้อนใหญ่ๆ จะไม่เกิดขึ้นกับคนละหมาดตะฮัดญุด (อ่านต่อ)
หากดีขึ้นแล้ว อย่ากลับไปเป็นแบบเดิม แต่กลับมาเป็นบ่าวที่ดีของพระองค์ ทำตามนบี จะได้ห่างไกลโรค และมีแรงทำอิบาดะห์ต่อเนื่อง
4. อ่านอัลกุรอาน ฟังตัฟซีร
การอ่าน/ฟังอัลกุรอานเนียตรักษาโรค ใจสงบ ลดความเครียด
อ่าน/ฟังตัฟซีร อรรถาธิบายอัลกุรอาน รักษาโรคทางใจได้ทุกโรค เจอสาเหตุและวิธีแก้ เจอบาปที่ต้องเตาบะฮฺ อินชาอัลลอฮฺ
5. รักษาน้ำละหมาด อ่านอัซการ ทานน้ำมันมะกอกไล่ชัยฏอน
ชัยฏอนอยู่ห่างคนที่รักษาน้ำละหมาด และอ่านอัซการ โดยเฉพาะสาวๆ ที่มาประจำเดือน ซิเกรบ่อยๆ อ่อนไหว เครียดจะลดลง อินชาอัลลอฮฺ
6. ก่อนนอนทำตามนบี
มีน้ำละหมาด, อ่าน 3 กุล ซูเราะฮฺละ 3 รอบ (อัลอิคลาศ, อัลฟะลัก, อันนาส) แต่ละรอบ อ่านบิสมิลลาฮฺ, เป่าฝ่ามือ, อ่าน 3 กุล, ลูบศีรษะ, ใบหน้า, ทั้งตัว เป็นการรักษาแบบนบี,ไล่ชัยฏอน
อ่านอายะฮฺกุรซีย์ (อัลลอฮฺทรงปกป้องบ้านเราและข้างบ้าน), ซิเกร 100 ครั้ง (กล่าวซุบฮานัลลอฮฺ 33 ครั้ง, อัลฮัมดูลิลลาฮฺ 33 ครั้ง, และอัลลอฮูอักบัร 34 ครั้ง) อ่านดุอาอฺก่อนนอน
7. ละหมาดตะฮัดญุด
ละหมาดยามค่ำคืน เป็นช่วงเวลาที่อัลลอฮฺทรงตอบรับทุกคำวิงวอน เป็นโอกาสในการขออภัยโทษและขอบคุณพระองค์ ใจสงบด้วย
ผลบุญเยอะมาก หนึ่งในนั้นคือ ผู้ที่ละหมาดเป็นประจำ อัลลอฮฺจะให้เขาปลอดภัยจากโรค แต่อย่าลืมว่าเเนียตละหมาดเพื่ออัลลอฮฺเป็นหลัก
ท่านรอซูลุลอฮฺกล่าวว่า "ทุกโรคมียารักษา ดังนั้น ถ้าหากยาถูกใช้ เขาก็จะได้รับการเยียวยารักษาโดยอำนาจของอัลลอฮฺ"
(หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 2204)
เป็นตัวอย่างของผู้ที่ใช้วิธีรักษาโรคตามหลักการอิสลาม ควบคู่กับรักษาตามแผนปัจจุบัน หากท่านใดที่ไม่มีหวังว่าจะหายจากโรคที่เป็น ลองมาใช้วิธีแบบอิสลาม
1. คนเป็นหลายโรค หาย 2 โรค
โรคที่หายไป 2 โรค คือ โรคความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวาน
ใช้วิธีรักษาแผนปัจจุบัน หาหมอคลินิค ควบคู่ไปกับการทานฮับบะตุซเซาดาอ์ (น้ำมันเทียนดำ/เมล็ดยี่หร่าดำ)
2. คนเป็นโรคไต ระยะที่ 4 (มี 5 ระยะ) แต่ไม่เหนื่อย
ป้าคนหนึ่งเป็นโรคไต แต่ดูแข็งแรง ไม่เหนื่อยง่าย
ตอนแรกไปหาหมอที่โรงพยาบาล ได้รับการวินิจฉัยว่า เป็นโรคไตต้องผ่าตัด จึงใช้วิธีบริจาคเนียตรักษาโรค แล้วไปหาหมอที่คลินิคเพื่อเช็คอีกครั้ง ปรากฏว่าไม่ต้องผ่าตัด รักษาตามอาการ และทานน้ำมันมะกอกวันละ 1 ช้อนเพียวๆ จึงไม่เหนื่อยง่าย
3. คนเป็นโรคริดสีดวงทวาร ท้องผูกเรื้อรัง
ท้องผูกนานจนเป็นริดสีดวงทวาร ก้อนริดสีดวงออก เนื่องจากผลข้างเคียงของยาทางจิตเวช หลังจากบริจาค อัลลอฮฺให้หมอเอาไส้เข้าไปอย่างรวดเร็ว ง่ายดาย ไม่ต้องผ่าตัดอย่างที่บอกตอนแรก
หมอให้ยาถ่ายมาทานต่อ ก็ถ่ายออก แต่เริ่มดีขึ้นหลังจากทานฮับบะตุซเซาดาอ์ อัลฮัมดุลิลาฮฺ
อาการยังไม่ดีขึ้น ต้องปรับพฤิตกรรมการกิน ไม่กินเยอะเกินไป ปรับเสื้อผ้าที่ใส่ ไม่ใส่กระโปรงคับแม้จะเป็นยางยืดแต่เอวเล็กกว่าเอวจริง เป็นสาเหตุของอาหารไม่ย่อย ทำให้ถ่ายยาก ยาที่ทานก็ไม่ถูกกับยา แต่พอทานมะละกอ ก็ขับถ่ายง่ายขึ้นกว่าเดิม เน้นผลไม้ ลดขนมปัง จากที่หลายวันจะขับถ่ายได้สักครั้ง ก็กลายเป็น 1-2 วัน ขับถ่ายได้แล้ว
ต่อมามีอาการท้องผูกนาน 6 วัน ทานยาแผนปัจจุบันก็ไม่ดีขึ้น พอทานขมิ้นชันให้อาหารย่อย และดื่มยาคูลท์ ก็กลับมาขับถ่ายได้ต่อเนื่องประมาณ 1 สัปดาห์ แล้วก็กลับมาท้องผูกนานเกือบ 2 สัปดาห์ ไม่รู้จะทำอย่างไร ขอดุอาอฺต่ออัลลอฮฺ พระองค์ทรงช่วยนำทางให้ อยู่ๆ พี่ชายก็พูดถึงงูที่ขับถ่ายอุจาระนานๆ ที ไปฟังตัฟซีรพูดถึงงู พอหาข้อมูลก็พบว่า งูเป็นสัตว์ที่ขับถ่ายอุจจาระเพียงไม่กี่ครั้งต่อปี ก็ไปค้นเจอสาเหตุของโรค พบกริชรูปงูที่พันเก็บไว้ในตู้ ไม่ได้ทำให้เสียคุณลักษณะอย่างที่รอซูลบอก จึงต้องทิ้งไป เพราะแข็ง หักยาก วันต่อมาก็ขับถ่ายได้เป็นปกติ ชัยฏอนเป็นสาเหตุของโรค ถ้าจะให้อาการป่วยหายขาด และดีขึ้น ต้องแก้ที่สาเหตุพร้อมๆ กับการบริจาคเนียตรักษาโรค และรักษาตามปกติ วัลลอฮุอะอฺลัม
4. คนเป็นโรคหัวใจเมื่อเป็นโควิด
เมื่อลูกรู้ว่าแม่เป็นโควิด รีบบริจาคโดยนำสินค้าที่ตนมีทั้งหมดบริจาคออกไป แม่หายจากอาการโควิดเร็วประมาณ 1 สัปดาห์ โดยที่ไม่มีอาการเหนื่อยใดๆ เมื่อตรวจภายหลัง หมอคลินิคบอกว่าไม่ได้มีปัญหาโรคหัวใจแต่อย่างใด จึงไม่ได้รักษาโรคหัวใจ กินอาหาร/ผลไม้บำรุงแทน หายด้วยพระองค์ (การบริจาคตั้งแต่แรก หรือตอนที่หมอยังวินิจฉัยไม่ได้ โอกาสหายมีสูง แต่กับบางคนที่บริจาคเมื่อเป็นโรคนานแล้ว อาจจะไม่หาย แต่เหมือนคนสุขภาพแข็งแรง วัลลอฮุอะอฺลัม)
ท่านรอซูลุลอฮฺกล่าวว่า "พวกท่านจงรักษาโรคของพวกท่านด้วยการบริจาคทาน (เศาะดะเกาะฮฺ)เถิด"
(หะดีษหะสัน
บันทึกโดยบัยฮะกีย์ เลขที่ 6593)
5. คนที่แพ้ยาปัจจุบัน กลับมารักษาตามหลักการอิสลาม โดยบริจาคตั้งแต่เริ่มมีอาการในทุกโรค
มีอาการร่างกายอ่อนแรง ลุกไม่ได้ เนียตบริจาคโดยตั้งใจจะทำพินัยกรรมนำสินค้าที่เหลือจากค้าขายทั้งหมดมาบริจาค อัลลอฮฺให้ลุกขึ้นมาได้เป็นปกติ (สัดส่วนบริจาคสำคัญ เช่น 1/2 หรือ 1/3 หรือ 1/4)
กล้ามเนื้ออักเสบ ไปกายภาพบำบัด ไม่ดีขึ้น ลองทานยาแผนปัจจุบัน แพ้จนปวดหัวทนไม่ไหว เนียตบริจาค จากที่ปวดทั้งหัว เหลืออาการปวดครึ่งหัว เมื่อไปบริจาค หายปวด หายมึนเป็นปลิดทิ้ง
เป็นริดสีดวงทวาร จนเลือดออก บริจาคตั้งแต่เนิ่นๆ ไปหาหมอบอกไม่ได้เป็นอะไรมาก และทานน้ำมันมะกอกขับถ่ายง่าย
เป็นกรดไหลย้อน ใช้วิธีบริจาคเนียตรักษาโรคเช่นกัน อาการดีขึ้นเร็วไม่ต้องทนหลายปี
เป็นภูมิแพ้ สาเหตุจากฝุ่น เคยหายใจไม่ค่อยออก หายใจไม่สุด เนียตบริจาค ดีขึ้นเร็ว ไปหาหมอ หมอบอกว่าไม่ได้เป็นหนัก
หูอักเสบ มีเสียงจิ้งหรีดในหู ไปหาหมอเชี่ยวชาญด้านหูก็ไม่ดีขึ้น แถมแพ้ยา แพ้วิตามินบี สุดท้ายมาทานฮับบะตุซเซาดาอ์ และทานสมุนไพรที่มีสรรพคุณลดเสียงในหู หูอื้อ เช่น ใบแปะก๊วย เสียงจิ้งหรีดในหูก็ลดลงไปมาก นานๆ ครั้งจะได้ยิน
สายตายาว ปวดตา มึนหัว เมื่อบริจาค อาการลดลง ใส่แว่นสายตา และทานฮับบะตุซเซาดาอ์ควบคู่กัน อาการปวดหายไปด้วยอนุมัติของพระองค์
6. คนที่เป็นโรคทางจิตเวช อาการดีขึ้นหลังบริจาค รุกยะห์
อาการกำเริบ หลังจากหมอปรับลดยาแผนปัจจุบัน เนื่องจากมีผลข้างเคียง ท้องผูกเรื้อรังจนเป็นริดสีดวงทวารหนัก และพฤติกรรมเปลี่ยนเป็นคนละคน
มีอาการคล้ายมีญิน/ชัยฏอนรบกวน พูดคนเดียว หัวเราะ ร้องไห้/หน้านิ่ง พูดจาแปลกๆ อาบน้ำบ่อย/นานผิดปกติ เก็บข้าวของเข้าห้องจนวุ่นวาย เดินเสียงดัง เปิด-ปิดสวิตซ์ไฟเล่น
รักษาโดยการปรับยา ปริมาณยาที่มากเกินไป เกิดผลข้างเคียงทางพฤติกรรม แพทย์ลดปริมาณยา ปรับยาใหม่ ส่วนยาสมุนไพรที่เป็นรูปหยดน้ำ เปลี่ยนเป็นแบรนด์อื่นแทน (หยดน้ำ มีความเชื่ออื่น)
จัดการยาที่มีชัยฏอน ยาเม็ดใหญ่-ตัดแบ่งยาให้ตัวอักษรแยกกัน ยาเม็ดเล็ก-ขูดตัวอักษรออก (อักษรเอ็ม, ที, เอ็กซ์ มีชัยฏอน) แกะยาออกจากซอง ใส่ในขวดโหลหรือซองยาเปล่า
ดุอาอฺเป็นสิ่งสำคัญลำดับแรก ขอดุอาอฺให้ได้หมอที่เหมาะสม ยาที่เหมาะสม วิธีการรักษาที่เหมาะสม จนกระทั่งพระองค์ทรงเปลี่ยนหมอที่เหมาะสมให้ ปรับยาที่เหมาะสมกว่าแทน และการขอดุอาอฺให้รู้สาเหตุ พระองค์ทรงให้เจอคลิปบรรยายศาสนาเรื่องสายตาริษยา และให้เห็นว่ามีสิ่งแปลกปลอมอยู่ตรงไหนในบ้านบ้าง
ควบคู่ไปกับการรักษาตามหลักการอิสลาม บริจาคเนียตรักษาโรคสัดส่วน 1 ใน 3 จากเงินของผู้ป่วย, อ่านอัลกุรอานในน้ำใส่ใบพุทรา รุกยะห์(ปัดเป่ารักษา)ให้ผู้ป่วยดื่ม โดยเริ่มอ่านรุกยะห์เดียวกับที่ญิบรีลเคยอ่านกุรอานเพื่อรักษาท่านรอซูลุลลอฮฺ (อ่านคำอ่าน) แล้วตามด้วย 4 ซูเราะฮฺ (อัลฟาตีหะฮฺ, อัลอิคลาศ, อัลฟะลัก, อันนาส, 1 อายะฮฺ (กุรซี) อาการดีขึ้น
ท่านรอซูลุลอฮฺกล่าวว่า "พวกท่านจงรักษาโรคของพวกท่านด้วยการบริจาคทาน (เศาะดะเกาะฮฺ)เถิด"
(หะดีษหะสัน
บันทึกโดยบัยฮะกีย์ เลขที่ 6593)
7. คนที่เป็นโรคทางจิตเวช อาการดีขึ้นหลังเคลียร์รูป ห้องนอน และในบ้าน
แก้ที่สาเหตุคือ เคลียร์แหล่งชัยฏอน ผู้ป่วยมีอาการกำเริบหนัก อาการขึ้นๆ ลงๆ เพราะอยู่ในที่ๆ มีแหล่งชัยฏอนนาน ภาพสิ่งมีชีวิตและสัญลักษณ์ความเชื่ออื่น เป็นแหล่งชัยฏอน ชัยฏอนมีสายตาริษยา และเป็นสาเหตุของความเจ็บป่วย ปัญหาความวุ่นวายในชีวิต ริสกีขาดบารอกะฮฺ จึงแก้ที่สาเหตุ เมื่อแก้สาเหตุแต่ละจุด จะสังเกตเห็นผู้ป่วยสงบลงอย่างเห็นได้ชัด และทำความสะอาดในจุดที่รกมากๆ จุดไหนที่ผู้ป่วยจ้องผิดปกติ มักจะมีชัยฏอน วัลลอฮุอะอฺลัม
ตัวอย่างแหล่งชัยฏอนที่เขาเคลียร์ ตอนแรกญาติผู้ป่วยยังไม่รู้สาเหตุที่ผู้ป่วยเป็นแบบนี้ นึกว่าเป็นเพราะไสยศาสตร์ตามที่หมอบ้านเคยบอกไว้ แต่รักษากี่สิบครั้งก็ไม่หาย จนกระทั่งขอดุอาอฺถามพระองค์ว่าเกิดจากอะไร พระองค์ทรงเมตตาให้ไปเจอคลิปบรรยายศาสนาเรื่องสายตาริษยา บรรยายโดย อ.หะดีษ เขาให้ไปลองดูว่า ในบ้านมีอะไรผิดปกติที่เป็นสาเหตุให้เขาป่วยหรือไม่ เมื่อเข้าไปดูในห้องนอนของผู้ป่วยจึงได้คำตอบ
สาเหตุที่ป่วยตั้งแต่สมัยเรียน เจอหัวเตียงรูปหัวเสือ (ดูยากมาก คล้ายเมอไลออน ที่ออสเตรเลีย) ในตอนนั้นจึงมีอาการคล้ายเสือ ทำลายตู้จนพัง และเสื่อน้ำมันสีเหลือง,ลายไทย เป็นสาเหตุของอาการคิดมาก
เจอรูปคริสตัลเด็กผู้หญิงจีน มีอาการเหมือนคนจีนในด้านไม่ดี เดินดัง-พูดดัง ชัยฏอนจะแสดงลักษณะในด้านไม่ดีตามรูปสิ่งมีชีวิต/ลายนั้น มีรูปสิ่งมีชีวิตแบบไหน ผู้ป่วยทางจิตจะมีอาการจะคล้ายสิ่งมีชีวิตนั้น วัลลอฮุอะอฺลัม
เหล็กดัดรูปดอกจันสี่แฉก (เครื่องหมายบวก) สาเหตุที่ผู้ป่วยยกมือขอพรแบบศาสนาอื่น และมีความเครียด กดดันตัวเอง เหมือนชาวตะวันตก
ที่วางสบู่ยี่ห้อมีอักษรรูปตัวที เป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยขอสบู่ก้อนใหญ่ไม่หยุด ทั้งๆ ที่สบู่ยังไม่ใช่ก้อนเล็ก ก็รีบขอแล้ว พอลองติดเทปกาวทับตัวที ผู้ป่วยเลิกขอเลย (ตอนแรกญาติผู้ป่วยก็ไม่แน่ใจ แต่เมื่อทดลองก็เห็นชัดว่า ชัยฏอนที่ตรงนั้นกระซิบกระซาบเขาจนมีอาการผิดปกติ)
อักษรภาษาอังกฤษ “เอ็ม, ที, เอ็กซ์” มีชัยฏอน อยู่ตามของใช้ ชื่อแบรนด์ รวมทั้งหลอดไฟ เปลี่ยนไปใช้ยี่ห้อที่ไม่มีตัวอักษรดังกล่าว และมีข้อความที่ขั้วหลอดไฟแทน (ติดเทปพันสายไฟได้) โดยเฉพาะหลอดไฟในห้องน้ำ
เปลี่ยนมุ้งลายเกล็ดปลาและที่มีสีเหลืองมาเป็นมุ้งผ้าฝ้ายแทน ติดวอลเปเปอร์แบบหนาทับผนังลายทาง (ลายทาง ลายขวาง ที่เป็นสาเหตุของการใช้ความรุนแรง)
เปลี่ยนการแต่งตัว สั่งตัดเย็บพิเศษ เย็บตะเข็บเดินเส้นปกติ ไม่เอาแซกริม (ซิกแซก เป็นลายฟันปลา) ใส่เสื้อผ้าสีพื้นและลายดอก แต่มาเจอปัญหาว่ามีอาการเพิ่มเพราะผ้าลายดอกมีดอกไม้ที่เหมือนเครื่องหมายบวกปน มีสีแดง สีเหลืองปน จึงต้องเคลียร์ทั้งหมด เหลือเสื้อผ้าสีพื้น ลายดอก ที่ไม่มีสีและเครื่องหมายดังกล่าว
7. คนที่เป็นโรคทางจิตเวช อาการดีขึ้นหลังเคลียร์รูป ห้องนอน และในบ้าน (ต่อ)
อาการกำเริบหนักมาก จนต้องเข้าโรงพยาบาลฉุกเฉิน เจอสาเหตุสำคัญ เนื่องจากมีอาการก้าวร้าว เริ่มทำร้ายคนรอบข้าง เสียงดังมากกลางดึก กระทืบเตียงเสียงดัง อาการดีขึ้นมากเมื่อพบสาเหตุสำคัญที่นอกจากจะต้องเคลียร์แหล่งชัยฏอนในบ้าน คือ
รูปถ่ายของผู้ป่วยที่มีถ่ายกับต้นไม้รูปช้าง กับรูปปั้นนางเงือก จึงเผารูปทุกอย่างที่มีเขาตั้งแต่เด็กจนโต เพราะท่านรอซูล (ซ.ล.) ได้กล่าวถึงโทษหนักของการทำภาพไว้
รอยมือที่ช่างทำบ้านทิ้งไว้โดยไม่ตั้งใจ เป็นสาเหตุที่ชอบหยิบจับไปทั่ว ส่วนรอยเท้าที่ติดอยู่บนเพดานตั้งแต่สร้างบ้าน ก็กลายเป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยเดินไปมาไม่หยุดนานหลายชั่วโมง
เสื้อทำจากผ้าสลาฟ (มีลายริ้วกับลายขวางอยู่ในลายเส้น) จึงมีอาการก้าวร้าว ทำร้ายคนรอบข้าง
เสื้อที่เย็บเดินเส้น/ตะเข็บ2-3เส้น (เป็นลายทาง2ลายขวาง) ทำให้มีอาการหน้านิ่ง หงุดหงิด กระสับกระส่าย เดินเสียงดังไปมาเป็นเวลานาน (เปรียบเทียบได้ชัด เมื่อใส่เสื้อที่เย็บแบบตะเข็บเข้าถ้ำ คือ เดินเส้นธรรมดา จะดูสงบกว่าเยอะ)
แจกันรูปหนูที่โชว์อยู่ เป็นสาเหตุที่ชอบเก็บของในบ้านไปทั่ว ไปซุกไว้ที่เตียงนอน ไม่นอนตอนกลางคืน และกินมูมมามผิดปกติ
สร้อยรูปหอย มีบุคลิกเหมือนหอย ที่ไม่นอนตอนกลางคืน มีน้ำลายไหล เคลื่อนไหวช้า
หลังจากเคลียร์สิ่งเหล่านี้ อาการก็สงบลง พฤติกรรมเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด ผู้ป่วยเริ่มรู้สึกตัว และได้กลับบ้าน ชัยฏอนจะยังไม่ไปจากผู้ป่วย หากเราไม่ช่วยเคลียร์แหล่งชัยฏอน
ภาพถ่าย เป็นสาเหตุเริ่มต้นของผู้ป่วยโรคทางใจส่วนใหญ่ เพราะเมื่อเครียด มักจะกลับไปดูรูปถ่ายของตัวเอง แล้วเจอสายตาริษยาของชัยฏอนในภาพนั้น อาการจึงยิ่งกำเริบ
อ่านดุอาอฺ หวังในความเมตตาของพระองค์ เมื่อไปโรงพยาบาลอาการทรุดตอนดึก ร้องลั่นห้อง เตะญาติและว่าผู้ป่วยคนอื่นในห้อง นั่นเพราะชัยฏอนยังไม่ได้ไปจากเขา วัลลอฮุอะอฺลัม จึงอ่านอายะฮฺกุรซีย์อย่างตั้งใจหลายรอบมาก (ตอนนั้นต้องนอนฟุบโต๊ะอ่านเพื่อเลี่ยงสายตาริษยาของชัยฏอนและจะได้มีสมาธิ เพราะในห้องผู้ป่วยมีแหล่งชัยฏอนเยอะ) หวังความเมตตาจากพระองค์ เนียตขอให้พระองค์ช่วยถอนเอาชัยฏอนและญินที่มีอิทธิพลออกไปจากเขาอย่างถาวร พระองค์ทรงเมตตายิ่ง อยู่ๆ ผู้ป่วยก็เงียบเหมือนนอนสลบไปตั้งแต่อ่านรอบแรก
หลังจากนั้นอาการก็ดีขึ้นเป็นลำดับ วันรุ่งขึ้นสามารถปล่อยเชือกที่ผูกมือ พาไปเดินเล่นนอกห้องได้ เนื่องจากป่วยนานหลายสิบปี ยังไม่รู้สึกตัวดี และละหมาดไม่ได้ การรักษาแผนปัจจุบันเพื่อปรับพฤติกรรมและรักษาคู่กับวิธีการตามหลักการอิสลามยังต้องทำไปพร้อมๆ กัน และใช้เวลา สุดท้ายได้กลับบ้าน อัลฮัมดุลิลลาฮฺ
บททดสอบนี้มีฮิกมะฮฺ อาการกำเริบเป็นสาเหตุให้ได้ปรับยาที่เหมาะสม บ้านเรียบร้อย ทำความสะอาดง่ายขึ้น แหล่งที่มีชัยฏอนก็ลดลงมาก ผู้ป่วยอาการดีขึ้น แม้ยังไม่หายขาด ส่วนห้องพักผู้ป่วยบางที่ตกแต่งเรียบง่าย ไม่มีแหล่งชัยฏอน เมื่อผู้ป่วยไปพัก อาการจึงไม่กำเริบ และดีขึ้นเร็ว แต่ห้องที่ไปพัก มีแหล่งชัยฏอนเยอะ อาการจึงคล้ายกับตอนอยู่บ้าน หมอจึงเห็นอาการเหมือนกับที่ญาติผู้ป่วยเล่า และอาจจะมากกว่าในบางครั้งที่ใส่ชุดผู้ป่วยที่มีเครื่องหมายบวกหรือรูปการ์ตูน หรือสีเหลือง สีส้ม (เป็นสีที่มีความเชื่อของศาสนาอื่น และสีเดียวกับการแต่งกายของนักบวชศาสนาอื่น)
อาการที่กำเริบนั้น หายไปเยอะมาก ดีขึ้นได้ด้วยพระองค์เท่านั้น และในการแก้ไขสาเหตุใหญ่ๆ อัลลอฮฺให้ริสกีมาอย่างรวดเร็ว เช่น ได้ค่าเช่าที่คนเช่าบ้านค้างจ่าย บ้านมีบารอกะฮฺขึ้น วัลลอฮุอะอฺลัม
8. คนที่มีอาการระแวง ใช้ความรุนแรง อาการดีขึ้นหลังเคลียร์รูปในห้องนอน
รักษาคู่กับแผนปัจจุบัน คนไข้ไม่รู้ตัวว่าตัวเองผิดปกติ จึงใช้วิธีรักษาแผนปัจจุบัน หมอให้ยาน้ำที่ไม่มีกลิ่น นำยาน้ำผสมในขวดน้ำดื่ม ตอนแรก ให้ยาในปริมาณ 2 ออนซ์ แรงไป จนปวดหัวหนัก ขยับปากไม่ค่อยได้ เมื่อลดลงมาที่ 1 ออนซ์ ก็ยังปวดหัว จึงลดเหลือประมาณ 0.8 ออนซ์ จึงไม่มีผลข้างเคียง
ขอดุอาอฺ ขอดุอาอฺขอพระองค์ทรงช่วยพลิกหัวใจให้เป็นคนที่เห็นอกเห็นใจคนในครอบครัว และจิตใจดี ดีกับคนในบ้านและนอกบ้าน อัลฮัมดุลิลลาฮฺ มีบททดสอบภายในครอบครัว ทำให้เขาได้เจอคนอื่นที่มีโรคทางจิตเวช ลักษณะคล้ายๆ กัน เขาจึงเริ่มรู้สึกตัว และกลับมาเป็นคนจิตใจดีเหมือนก่อนที่จะมีอาการ
แก้ที่สาเหตุ เจอพวกขยะในห้องนอนที่สะสมไว้ ทะยอยเก็บไปทิ้งไม่ให้เขารู้ และขอดุอาอฺอย่าให้เขาสังเกตเห็น จนไปเจอกระเป๋าลายช้าง และสติ๊กเกอร์รูปเสือเป็นโลโก้บนกล่องพลาสติกเก็บของ ก็จัดการเคลียร์ให้หมด คนไข้กลับมามีสติ รู้ตัวแล้วว่าการใช้กำลัง ไม่ดี วัลลอฮุอะอฺลัม
9. คนเป็นโรคกระเพาะ และอาหารไม่ย่อย
แก้ที่สาเหตุการแต่งกายไม่เหมาะสม กระโปรงที่คับเกินไป จะไปบีบกระเพาะ ทำให้อาหารไม่ย่อย และกระเพาะเกิดภาวะตึงเครียด หลั่งกรดมากเกินไป และทำให้อ่อนเพลียง่ายด้วย แม้จะเป็นกระโปรงที่ใช้ยางยืด หากเป็นเอวที่คับกว่าเอวคนใส่ ก็จะไปบีบกระเพาะเช่นกัน จึงควรใส่กระโปรงที่มีขนาดพอดีหรือหลวมกว่าขนาดเอว
แก้ที่สาเหตุของเสื้อผ้ามีชัยฏอน เมื่อลองใส่กระโปรงที่หลวมอยู่แล้ว แต่อาการกระเพาะก็ยังกำเริบ จึงแก้ที่สาเหตุ คือ ยางยืดมีเส้นสีแดง (สีแดงมีชัยฏอน เพราะมีความเชื่อทางศาสนาอื่น) เปลี่ยนไปใช้ยางยืดที่ไม่มีสีแดง อาการก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด วัลลอฮุอะอฺลัม
แก้ที่สาเหตุยาที่รักษา ขมิ้นชันแบบแคปซูล มีโลโก้บนแผงแคปซูลมีชัยฏอน (มีความเชื่ออื่น) ทานแล้วไม่ดีขึ้น จึงเปลี่ยนไปทานยาที่ไม่มีโลโก้ดังกล่าว ได้ยาถูกกับโรค จึงเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมยาบางตัว ใช้ไม่ได้กับบางคน วัลลอฮุอะอฺลัม
สะอี๊ด บินอับดุลฮะซัน รายงานว่า : ในขณะที่ฉันอยู่กับอิบนุอับบาส ชายคนหนึ่งได้เข้ามาและกล่าวว่า “ฉันทำภาพเหล่านี้” อิบนุอับบาส กล่าวว่า “เข้ามาใกล้ๆ ซิ” และเมื่อชายคนนั้นเข้ามาใกล้ อิบนุอับบาสได้เอามือของเขาวางไว้บนหัวของชายผู้นั้นและกล่าวว่า “ฉันบอกท่านเท่าที่ฉันได้ยินจากท่านรอซูลุลลอฮฺนะ ฉันได้ยินท่านกล่าวว่า ‘ผู้ทำรูปภาพทุกคนจะอยู่ในไฟ ทุกรูปภาพที่เขาทำจะกลายเป็นสิ่งที่ลงโทษทรมานเขาในนรก’ ดังนั้น ถ้าท่านทำรูปภาพ จงทำเป็นรูปต้นไม้และสิ่งที่ไม่มีชีวิต”
(หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 2225)
10. คนที่มีอาการแพนิค หายหลังบริจาคและอยู่กับศาสนา
สาเหตุของอาการแพนิค เนื่องจากกลัวเข็มวัคซีนโควิด ห่างไกลจากการรำลึกถึงอัลลอฮฺ อ่านหนังสือศาสนาที่ปกเป็นรูปสัตว์ ดูดีวีดีศาสนาที่เป็นหนัง ทำสิ่งไร้สาระจนเป็นนิสัย เช่น ฟังเพลง ดูซีรีย์ อยู่คนเดียวบ่อย ชัยฏอนจึงรบกวน มีอาการกลัว วิตกกังวล พูดคนเดียว คิดเองเออเอง คิดนอกกรอบศาสนา อ่อนเพลียมาก
เปลี่ยนวิธีการรักษาจากพบจิตแพทย์ เป็นอายุรกรรม ตอนแรกครอบครัวเล่าอาการให้จิตแพทย์ฟัง โดยไม่ได้ไปพบแพทย์เองเพราะเป็นหนัก หมอให้ยาซึ่งที่มีผลข้างเคียง เดินเซ ตาพร่า แต่ก็ไม่ดีขึ้น จึงไปหาหมอคลินิคแผนอายุรกรรม พบว่าเป็นโรคกรดไหลย้อน (เพราะเครียดและวิตกกังวลมากเกินไป)
หายดีเมื่อรักษาตามหลักการอิสลาม มีโรคกระเพาะตามมา เพราะยังเครียด ซึ่งก็ไม่หายขาด จนสุดท้ายดื่มน้ำผึ้งตามที่รอซูลบอกแทน ส่วนอาการนอนไม่หลับ กินยานอนไม่หลับยิ่งทรมาน แต่พอทานฮับบะตุซเซาดาอ์ หายดีด้วยพระองค์ อาการกังวลหายไป ลำดับความสำคัญใหม่ จากกลัวสิ่งอื่น เป็นกลัวเกรงพระองค์ อยู่กับศาสนา นึกถึงอัลลอฮฺบ่อยๆ โฟกัสอาคิเราะฮฺ ไม่วุ่นกับดุนยา
แก้สาเหตุสำคัญ ดีขึ้นด้วยพระองค์ ปิดเฟสบุ๊คที่เคยลงรูปที่เคยถ่ายไว้ทั้งหมด (การทำภาพมีโทษหนัก) และเผารูปทั้งหมด รูปตัวเองและรูปที่เคยถ่ายไว้ (การสั่งอัดภาพก็คือการทำภาพ) และเลิกทำภาพสิ่งมีชีวิต
เคลียร์แหล่งชัยฏอนในห้อง ในบ้าน และเลิกพฤติกรรมที่เรียกชัยฏอน เช่น จัดการรูปสิ่งมีชีวิตตามรอซูล เคลียร์สัญลักษณ์ศาสนาอื่น ไม่อยู่ในที่กึ่งแดดกึ่งร่ม ไม่หัวเราะเสียงดัง หาวปิดปาก เลิกฟังเพลง/ดูซีรีย์ พยายามเปลี่ยนการแต่งกายที่ไม่มีแหล่งชัยฏอน (สีพื้น ไม่มีการตัดเย็บแบบแซกริม เพราะแซกริมคือซิกแซกฟันปลา ส่วนหนึ่งของสิ่งมีชีวิต) สีเหลืองมีความเชื่ออื่น เมื่อเราอยู่กับแหล่งชัยฏอนนาน จะตามหลักการอิสลามยาก ทำตามซุนนะห์ก็ยาก เพราะถูกกระซิบกระซาบให้สนใจแนวคิดอื่นแทน
หายด้วยความช่วยเหลือของพระองค์ ขอดุอาอฺถามพระองค์ถึงสาเหตุที่เป็น รู้บาปของตัวเอง เตาบะฮฺตัว กลับมาเรียนศาสนา ฟังตัฟซีร ละหมาดให้คูชัวะ ให้ครบ เพิ่มละหมาดสุนัต ซิเกรให้บ่อย พระองค์ทรงให้ทางออกและวิธีการรักษาตามหลักการศาสนา เป็นรายวันผ่านการอ่าน/ฟังตัฟซีร
จนไปอ่านเจอในหะดีษที่กล่าวถึงโทษของการทำภาพ สาเหตุสำคัญของอาการป่วยซึ่งได้ทำไปก่อนหน้านี้โดยความช่วยเหลือของพระองค์ที่ให้ผู้ป่วยรู้สึกอยากจะปิดเฟสบุ๊ค แหล่งเพาะเชื้อของการโอ้อ้วด ตะกั๊บโบ๊ร (ชิริกเล็กแต่โทษหนักมาก) ซึมซับโดยไม่รู้ตัว และเผารูปทั้งหมดที่สั่งอัดภาพ ภาพดอกไม้ที่ถ่ายเป็นแบบมาโคร มีลักษณะเหมือนจุดไข่ปลา ก็เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งมีชีวิต ในตอนถ่ายก็มีความคิดอยากจะโชว์ในเฟสบุ๊ค ก็มีเนียตไม่ดี การลบทิ้งจึงเป็นการเคลียร์หัวใจตัวเองให้กลับมาบริสุทธิ์
ลำดับความสำคัญในชีวิตใหม่ เลิกให้ความสำคัญกับเพื่อน/งาน มาให้ความสำคัญกับพระองค์ลำดับแรก ตามด้วยรอซูล ตัวเองและครอบครัว ญาติ และเพื่อนอย่างสุดท้าย หาเพื่อนใหม่ที่มีอีมาน หัวใจอิคลาศ เมื่อมอบหมายชีวิตให้พระองค์ดูแลแทน พระองค์ทรงช่วยเหลือทุกอย่าง ชีวิตง่ายขึ้น มีความสุขขึ้น อดทนต่อบททดสอบได้ดีขึ้น และจากที่กลัวมาก เศร้ามาก กลายเป็นกลัวพระองค์เหนือสิ่งอื่นใด เพราะพระองค์เป็นผู้ให้บททดสอบที่ดีและให้ความช่วยเหลือ มีปัญหาน้อยใหญ่ ขอความช่วยเหลือพระองค์ พระองค์ทรงให้ทางนำทุกเรื่องได้ดีที่สุด (แนวคิดการพัฒนาตนเองแนวจิตวิทยาบางอย่างหมิ่นเหม่ชิริก แต่หลักการศาสนาให้แนวคิด หลักคำสอนที่ดีในการดำเนินชีวิตทุกเรื่อง) ทุกปัญหา อิสลามมีทางออก
บททดสอบนี้มีฮิกมะห์ พระองค์ทรงเมตตาให้ได้มีโอกาสกลับตัว เรียนรู้และเข้าใจศาสนา ไม่อยู่กับบาปนานไปมากกว่านี้ และได้ใช้ชีวิตตามซุนนะหฺนบี
ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ในฮับบะตุซเซาดาอ์มีการรักษาสำหรับทุกโรค ยกเว้นความตาย”
(หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 5688)
อ่านวิธีการใช้สมุนไพรรักษาคู่กับการใช้ฮับบะตุซเซาดาอ์ (อ่านบทความ)
11. คนที่แพ้ยาทุกแขนง กลับมารักษาตามหลักการอิสลาม ใช้สมุนไพรตามนบี
กล้ามเนื้ออักเสบ รักษาแผนไทย หมอวินิจฉัยเป็นโรคลม (ปวดตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย) อาการดีขึ้น แต่ไม่หายขาด ยังอ่อนเพลีย ไปแผนจีนก็ไม่ถูกกับโรค สุดท้ายกินฮับบะตุซเซาดาอ์ คู่กับการดื่มน้ำตะไคร้ใบเตย และน้ำมันพริมโรส แก้อักเสบ
มีผมหงอกเยอะ ขอดุอาอฺและทานฮับบะตุซเซาดาอ์ และทาน้ำมันมะกอกกับน้ำมันฮับบะตุซเซาดาอ์ หงอกลดลง
กลิ่นตัวลดลง หลังขอดุอาอฺและทานฮับบะตุซเซาดาอ์ (ไม่ต้องทาสารส้ม แต่ต้องไม่ลืมอาบน้ำเช้า-เย็น)
เป็นภูมิแพ้ ไปหาแผนไทย-จีนก็ไม่ดีขึ้นจนเมื่อได้ทานฮับบะตุซเซาดาอ์ คู่กับทายาดมกลิ่นเปเปอร์มินต์ ตากแดดตอนเช้า ทำงานบ้านเนียตออกกำลังกาย และทานน้ำผึ้ง อาการแพ้ลดลงมาก
ปวดประจำเดือน เพลีย หลังทานฮับบะตุซเซาดาอ์ อาการปวดลดลงมาก ทานคู่กับน้ำตะไคร้ใบเตย/อินทผาลัม/ฟักทอง
นอนไม่หลับ เครียดจนฮอร์โมนไม่สมดุล หลังทานฮับบะตุซเซาดาอ์ หลับง่าย (ใช้เวลารักษาขึ้นอยู่กับว่าเราเป็นนานแค่ไหน)
เป็นไข้ ตัวร้อน ปวดหัว มึนหัว หลังทานฮับบะตุซเซาดาอ์ไป 2 เม็ด อัลลอฮฺให้หายเร็วมาก
12. ใช้ยาแผนปัจจุบันไม่หายขาด ใช้อาหารเป็นยา และปรับพฤติกรรมการกินแบบนบี
เป็นโรคกระเพาะไม่หายขาด อาหารไม่ย่อย ปรับวิธีการกินและใช้อาหารเป็นยา
ลองดื่มน้ำผึ้งผสมน้ำอุ่นครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ เช้า-เที่ยง-เย็น ก่อนอาหาร อาการก็ดีขึ้น หายเป็นปี
อาการกำเริบเมื่อเจอเรื่องกดดัน เครียด และไปทานอาหารเพิ่มกรดอีก จึงหายยาก เช่น อาหารทอด ของหวาน น้ำเก็กฮวย งดอาหารพวกนี้ไปก่อน และทานอาหารที่ย่อยง่ายและอิ่มนานหลังอาหาร คือ เฉาก๊วย มังคุด และทานกับข้าวที่่มีกระหล่ำปี (เน้นสุก) อาการดีขึ้นเร็วมาก เพราะเป็นอาหารที่ดีต่อกระเพาะ (มังคุด หากทานมากจะส่งผลให้ท้องผูก กินทีละน้อยได้)
ทานขมิ้นชัน และยาหอม ตามคำแนะนำของแพทย์แผนไทย อาการดีขึ้น เพราะขมิ้นชันรักษาอาการอาหารไม่ย่อย ขับลบ และรักษากระเพาะ ส่วนยาหอมจะทำหน้าที่ขับลม ซึ่งเป็นสาเหตุของการปวดต่างๆ ในร่างกาย
ปรับวิธีการกินใหม่ตามแบบรอซูล คือ แบ่งกระเพาะเป็น 3 ส่วน ได้แก่ อาหาร น้ำ และอากาศ, ไม่ทานจนอิ่มเกินไป
หลังอาหารเปลี่ยนจากของหวานเป็นผลไม้แทน เช่น มะละกอ ทำหน้าที่ลดกรด ดีต่อคนเป็นโรคภูมิแพ้เพราะมีวิตามินซี ขับถ่ายง่ายด้วย
ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ไม่มีความเหนื่อยยากลำบาก โรคภัยไข้เจ็บ ความเศร้าโศก ความเสียใจ ความเจ็บปวด เกิดขึ้นกับมุสลิม นอกไปจากอัลลอฮฺทรงไถ่โทษบาปบางอย่างให้เขา”
(หะดีษเศาะฮีหฺ
บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 5641)
เชื่อมั่นว่า ทุกบททดสอบ หากไม่มีสิ่งดี อัลลอฮฺไม่ให้เกิด การเจ็บป่วยก็เช่นกัน ลองหาข้อดี/โอกาสในบททดสอบนี้
โอกาสในการทบทวนความผิดบาป จะได้รีบเตาบะฮฺ
โอกาสในการลดความผิดบาป ขอดุอาอฺ “ขอพระองค์ทรงลบความผิดที่บ่าวทำ เมื่อถึงอะญัล ขอให้ตายในสภาพที่ไม่มีบาปติดตัว”
โอกาสในการทำความดีระหว่างป่วย ได้ซิเกร บริจาค ทำตามซุนนะฮฺ เช่น ทานสมุนไพรตามนบี ใช้วิธีรักษาแบบนบี
ลดความตะกั๊บโบร โอ้อวด เวลาป่วยเราจะรู้ว่า ผู้ที่ให้เรามีแรง หายใจได้ มีสุขภาพดีคือ อัลลอฮฺ เท่านั้น
มีความอ่อนน้อม ถ่อมตน ชูโกร ดุอาอ์ขอต่อพระองค์มากขึ้น
โรคไม่หายขาด ถ้าไม่ปรับพฤติกรรม
เตาบะฮฺ เลิกทำบาปที่อาจเป็นสาเหตุของโรค เช่น โรคที่มีอาการทางหู ได้แก่ หูอักเสบ เลิกฟังคำนินทา/แอบฟัง/ฟังดนตรี
เลิกพฤติกรรมที่เป็นสาเหตุของโรค เช่น เลิกนอนดึก ตื่นสาย กินแล้วนอน อยู่เฉยไม่ทำอะไร กินอาหารซ้ำๆ ทานหวาน/เค็มมาก
ปรับความคิด/พฤติกรรมที่ดีกับโรค เช่น นอนเร็ว ตื่นเช้า ทานอาหารที่มีประโยชน์ คิดบวก รักษาความสะอาด ไ่ม่หงุดหงิดง่าย
อ่านเรื่องปัญหาชีวิต สุขภาพ ค้าขายซบเซา เพราะภาพเป็นเหตุ
ภาพสิ่งมีชีวิตและสัญลักษณ์ศาสนาอื่นมีอะไรบ้าง
ทำไมต้องเคลียร์ภาพ
เคลียร์ภาพตามแบบรอซูลทำอย่างไร (อ่านบทความ)
เมื่อรักษาแล้ว เป็นๆ หายๆ หรือมีโรคใหม่ตามมา หรืออยู่ดีๆ ก็เพลีย ลองมองหาสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้ “ภาพสิ่งมีชีวิตและภาพสัญลักษณ์ศาสนาอื่น มีชัยฏอนซึ่งมีสายตาริษยา สาเหตุของการเกิดโรค”
ภาพเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงภาพที่แขวน ยังรวมไปถึงภาพโลโก้หรือภาพประกอบในของใช้ เสื้อผ้า ของโบราณ ของตกแต่งบ้าน รวมทั้งภาพในโซเชียลด้วย เช่น คน สัตว์ มือ หัวใจ การ์ตูน
ภาพสิ่งมีชีวิต ใช้ไม่ได้ทั้งหมด เพราะรอซูลให้ทำภาพสิ่งที่ไม่มีชีวิตและต้นไม้เท่านั้น ยกเว้นว่าจัดการคุณลักษณะเหล่านั้นแล้ว
ภาพสัญลักษณ์ศาสนาอื่น เช่น เครื่องหมายบวก ลายไทย ลายจีน
ข้อควรระวังในการรักษาด้วยวิธีการอื่น
การรักษาตามหมอบ้านที่มีค่าครู เป็นวิธีการหมิ่นเหม่ชิริก
ซองยา หากมีโลโก้/ภาพสิ่งมีชีวิต หรือมีสัญลักษณ์ของศาสนาอื่น ควรเอาออก/ตัดให้แหว่ง/ติดสติ๊กเกอร์
ยาที่มีคำหมิ่นเหม่ต่ออากีดะห์ควรหลีกเลี่ยง เช่น ยาแผนโบราณ ที่มีคำว่า “เทพ”
หากที่โรงพยาบาลมีผ้าคลุมเตียงเป็นลายการ์ตูน ควรหาผ้าสีพื้นมาคลุมให้หมด เพราะมีผู้ป่วยที่อาการกำเริบเมื่ออยู่โรงพยาบาล