hasanah page เว็บไซต์สำหรับมุสลิมะห์
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ใครก็ตามที่ละเว้นจากการขอคนอื่น อัลลอฮฺจะทรงให้เขาพอเพียง และใครก็ตามที่พยายามทำให้ตัวเองเพียงพอ อัลลอฮฺจะทรงทำให้เขาเพียงพอ และใครก็ตามที่ยังคงอดทน อัลลอฮฺจะทรงทำให้เขาอดทน ไม่มีใครได้รับความโปรดปรานอะไรที่ดีกว่าและยิ่งใหญ่กว่าความอดทน” (ส่วนหนึ่งจากหะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดย บุคอรี เลขที่ 1469 และมุสลิม เลขที่ 1053)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ความร่ำรวยไม่เกี่ยวกับการมีทรัพย์สินมากมาย แต่ความร่ำรวย คือ ความพอใจในตัวเอง” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดย บุคอรี เลขที่ 6446 และมุสลิม เลขที่ 1051)
จน รวย ไม่สำคัญเท่าเป็นบ่าวที่ดี
– “อัลลอฮฺทรงตรัสแก่มูซาว่า “โอ้มูซา จงพอใจเถิด สักเพียงเศษขนมปังจากแป้งข่าวฟ่างซึ่งช่วยสกัดความหิวของเจ้า และเศษผ้าที่เจ้านำไปปกปิดร่างกายของเจ้า จงอดทนต่อภัยพิบัติต่างๆ และเมื่อเจ้าเห็นผลประโยชน์ทางโลกมุ่งมาหาเจ้า เจ้าก็จงกล่าวเถิดว่า ‘แท้จริงเราเป็นของอัลลอฮฺ และเราต้องกลับคืนสู่พระองค์’ นี้เป็นโทษหนึ่งซึ่งถูกเร่งรัดในโลกนี้ และเมื่อเจ้ามองเห็นผลประโยชน์ของโลกนี้ หันหลังไปจากเจ้าและความจนมุ่งมาแทน เจ้าก็จงกล่าวเถิดว่า ขอต้อนรับสัญลักษณ์แห่งคนทำดี” (หะดีษกุดซีย์ ฉบับแปลไทย ลำดับที่ 177/221 รายงานโดย อัดดัยละมี จากอะบิดดัรดาอฺ)
– “อัลลอฮฺทรงตรัสแก่นบีดาวุดว่า “โอ้ดาวุด แท้จริงบ่าวจะนำความดีมาในวันกิยามะฮฺ แล้วข้าก็ตัดสินให้เขาเข้าสวรรค์เพราะความดีนั้น” นบีดาวุดกล่าวว่า “โอ้ พระเจ้า ใครเล่าบ่าวคนนี้” (พระองค์) ทรงตรัสว่า “ผู้มีศรัทธาที่(เขา)ดำเนินการ(ช่วย)เพื่อพี่น้องมุอฺมินของเขา ในความจำเป็นของพี่น้องคนนั้น โดยชอบที่จะปลดเปลื้องความจำเป็นนั้น ไม่ว่าจะปลดเปลื้องสำเร็จไปด้วยมือของเขาเอง หรือมิได้ถูกปลดเปลื้องก็ตาม” (หะดีษกุดซีย์ ฉบับแปลไทย ลำดับที่ 179/221 รายงานโดย อัลคอตีบ จากอะลี)
เริ่มต้นเนียตดี ความสำเร็จอยู่ที่อัลลอฮฺ
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “การงานทั้งหลายถูกพิจารณาจากเจตนา และทุกคนจะถูกตอบแทนตามที่เขาเจตนา ใครที่มีเจตนาเพื่อทำให้อัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์พอใจ เขาจะได้รับรางวัลตอบแทนสำหรับการทำให้อัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์พอใจ และใครที่มีเจตนาเพื่อได้รับประโยชน์ทางโลกหรือผู้หญิง เขาก็จะได้รับตามที่เขาเจตนา” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 1)
– “และพวกเจ้าจะไม่สมประสงค์สิ่งใดเว้นแต่อัลลอฮฺพระเจ้าแห่งสากลโลกจะทรงประสงค์” (ตัฟซีร: พวกเจ้าจะไม่มีความสามารถในการกระทำสิ่งใด เว้นแต่ด้วยความประสงค์ของอัลลอฮฺ) (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัตตักวีร 29 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ ประเทศไทย)
การปฏิบัติหน้าที่การงาน แสวงหาปัจจัยยังชีพ
– ท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า "ความสุขุมไม่รีบร้อนต่อทุกๆ การงานนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เว้นแต่การงานที่เกี่ยวข้องกับอาคิเราะฮฺ" (หะดีษ บันทึกโดย อบูดาวูด เลขที่ 4810)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ความสุขุมรอบคอบมาจากพระองค์อัลลอฮฺ ส่วนความเร่งร้อน เร่งรีบ ลุกลี้ลุกลนมาจากชัยฏอน” (หะดีษเศาะฮีหฺ มุสนัด อบี 5 ยะอฺลา เล่มที่ 7 หน้า 247 เลขที่ 4256 อัล-อัลบานียฺระบุในหนังสืออัส-สิลสิละฮฺ อัศ-เศาะฮีหะฮฺ เล่มที่ 4 หน้า 404 เลขที่ 1795)
การทำงานร่วมกัน การทำงานเป็นทีม
– “และบรรดาผู้ตอบรับต่อพระเจ้าของพวกเขา และดำรงละหมาด และกิจการของพวกเขามีการปรึกษาหารือระหว่างพวกเขา และเขาบริจาคสิ่งที่เราได้ให้เครื่องปัจจัยยังชีพแก่พวกเขา” (ตัฟซีร: อัลบัยฏอวีย์กล่าวว่าอายะฮฺนี้ถูกประทานลงมาเพราะชาวอันศอร เมื่อท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เรียกร้องเชิญชวนไปสู่การศรัทธา พวกเขาก็ตอบรับปฏิบัติละหมาดครบถ้วนตามเงื่อนไขและรักษาเวลา ปรึกษาหารือกันในเรื่องดุนยาและศาสนา และบริจาคในสิ่งที่อัลลอฮฺประทานให้แก่พวกเขาไปในทางของอัลลอฮฺ) (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัชชูรอ 38 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ ประเทศไทย)
– รายงานจากอะบูซัรร์ (รอดิยัลลอฮุอันฮุ) ว่า ฉันได้ด่ากับชายคนหนึ่ง และฉันได้ด่าพาดพิงไปถึงแม่ของเขาด้วยคำพูดหยาบคาย ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวแก่ฉันว่า “โอ้ อะบูซัรร์ ท่านได้ด่าพาดพิงไปถึงแม่ของเขาด้วยคำพูดหยาบคายหรือ? ความจริงท่านเป็นคนที่ยังมีญาฮิลียะห์ (พฤติกรรมก่อนรับอิสลาม) หลงเหลืออยู่ พี่น้องของพวกท่าน(ที่เป็นทาส) คือ ผู้ที่อัลลอฮฺมอบพวกเขาให้อยู่ในปกครองของพวกท่าน ดังนั้นผู้ใดที่มีพี่น้องในปกครองของเขา จะต้องให้เขาได้รับอาหารจากที่เขารับประทาน ให้ได้สวมใส่จากสิ่งที่เขาสวมใส่ และพวกท่านอย่าบังคับพวกเขาให้ทำงานเกินกำลังของพวกเขา ถ้าหากพวกท่านใช้เขาให้ทำงาน พวกท่านจะต้องช่วยพวกเขาทำงานด้วย” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี)
– เล่าจากอับดิ้ลลาห์ บุตร ชิคคีร(ร.ด.)ว่า เขาได้กล่าวว่า:ฉันได้ไปหาท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ขณะที่ท่านกำลังอ่านอายะฮฺที่ว่า(การแข่งขันกันสะสม ทรัพย์สมบัติและบริวาร ทำให้พวกท่านหลงลืม)ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้พูดขึ้นว่า "มนุษย์จะพูดกันว่า ทรัพย์สมบัติของฉัน ทรัพย์สมบัติของฉัน : โอ้ มนุษย์ ไม่มีอะไรเป็นของเจ้าหรอก นอกจากที่เจ้าได้รับประทานเข้าไป และได้ย่อยสลายมันแล้ว หรือที่เจ้าสวมใส่และได้ทำให้มันขาดวิ่นไปแล้ว หรือที่เจ้าได้บริจาคและได้ให้ลุล่วงไปแล้ว" (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดย มุสลิม)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ญิบรีลได้มาแจ้งฉันในความคิดของฉันว่า ชีวิตหนึ่งจะยังไม่ตายจนกว่าจะได้ริสกีของมันครบถ้วนเสียก่อน ดังนั้นจงแสวงหามันอย่างสวยงาม(โดยไม่ผิดหลักการศาสนา)" (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดย ฏ็อบรอนีย์ เลขที่ 7694)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ฉันได้ยินว่า ท่านถือศีลอดต่อเนื่องการไม่หยุด และนมาซทั้งคืน อย่าทำเช่นนั้น ให้ส่วนแบ่งแก่ดวงตาของท่านบ้าง ให้ส่วนแบ่งแก่ครอบครัวของท่านบ้าง ดังนั้น จงถือศีลอดและงดถือบ้าง จงนมาซและหลับนอน จงถือศีลอดเป็นเวลาหนึ่งวันในสิบวัน และมีรางวัลตอบแทนสำหรับท่านในเก้าวันอื่น” (ส่วนหนึ่งจากหะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 1977)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “จงฉกฉวยโอกาสกระทำห้าประการก่อนที่อีกห้าประการจะมาถึง การมีชีวิตของท่านก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต 1.วัยหนุ่มของท่าน ก่อนที่ท่านจะแก่ชรา 2.สุขภาพที่ดีของท่าน ก่อนที่ท่านจะเจ็บป่วย 3.ความร่ำรวยของท่าน ก่อนที่ท่านจะยากจน 4.เวลาว่างของท่าน ก่อนที่ท่านจะมีภาระที่ยุ่งเหยิง" (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยอัลหากิม เลขที่ 7846)
– “คัมภีร์นี้ ไม่มีความสงสัยใดๆ ในนั้น เป็นคำแนะนำสำหรับบรรดาผู้ยำเกรงเท่านั้น คือบรรดาผู้ศรัทธาต่อสิ่งเร้นลับ และดำรงไว้ซึ่งการละหมาด และส่วนหนึ่งจากสิ่งที่เราได้ให้เป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเขานั้น พวกเขาก็บริจาค” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ 2-3)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ใช้เงินนี้ไปเพื่อตัวท่านเองก่อน หลังจากนั้นจึงใช้จ่ายสำหรับครอบครัว และถ้ามีสิ่งใดเหลือ ก็ใช้มันไปสำหรับญาติ ถ้ายังมีเหลือจากครอบครัวและญาติ ก็จงใช้ไปอย่างนี้และอย่างนี้” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 2141)
– “โอ้ ลูกหลานอาดัม! แท้จริงเราได้ให้ลงมาแก่พวกเจ้าแล้ว ซึ่งเครื่องนุ่งห่ม ที่ปกปิดสิ่งที่อันน่าละอายของพวกเจ้าและเครื่องนุ่งห่มที่ให้ความสวยงาม และเครื่องนุ่งห่มแห่งความยำเกรง นั่นคือสิ่งที่ดียิ่ง นั่นแหละคือส่วนหนึ่งจากบรรดาโองการของอัลลอฮฺ เพื่อที่ว่าเขาเหล่านั้นจะได้รำลึก” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-อะอฺรอฟ 26)
– “และจงกล่าวเถิดมุฮัมมัดแก่บรรดามุอ์มินะฮ์ให้พวกเธอลดสายตาของพวกเธอลงต่ำ และให้พวกเธอรักษาทวารของพวกเธอ และอย่าเปิดเผยเครื่องประดับของพวกเธอ เว้นแต่สิ่งที่พึงเปิดเผยได้ และให้เธอปิดด้วยผ้าคลุมศรีษะของเธอลงมาถึงหน้าอกของเธอ และอย่าให้เธอเปิดเผยเครื่องประดับของพวกเธอ เว้นแต่แก่สามีของพวกเธอ หรือบิดาของสามีของพวกเธอ หรือลูกชายของพวกเธอ หรือลูกชายสามีของพวกเธอ หรือพี่ชายน้องชายของพวกเธอ หรือลูกชายของพี่ชายน้องชายของพวกเธอหรือลูกชายของพี่สาวน้องสาวของพวกเธอ หรือพวกผู้หญิงของพวกเธอ หรือที่มือขวาของพวกเธอครอบครอง (ทาสและทาสี) หรือคนใช้ผู้ชายที่ไม่มีความรู้สึกทางเพศ หรือเด็กที่ยังไม่รู้เรื่องเพศสงวนของผู้หญิง และอย่าให้เธอกระทืบเท้าของพวกเธอ เพื่อให้ผู้อื่นรู้สิ่งที่พวกเธอควรปกปิดในเครื่องประดับของพวกเธอ และพวกเจ้าทั้งหลายจงขอลุแก่โทษต่ออัลลอฮฺเถิด โอ้ บรรดาผู้ศรัทธา เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับชัยชนะ” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอันนูรฺ 31)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “โลกนี้เป็นปัจจัยอย่างหนึ่ง และที่ดีที่สุดของปัจจัยแห่งโลกนี้ คือผู้หญิงที่ดี” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 1467)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ผู้หญิงถูกแต่งงานด้วยเหตุผลหนึ่งในสี่ประการนี้ คือ เพื่อทรัพย์สินของนาง สถานะ ความสวยงาม และศาสนาของนาง ดังนั้น จงเลือกหญิงที่มีศาสนา ขอให้มือของท่านเปรอะไปด้วยฝุ่น” (ขอให้มีความสุขนะ) (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 5090)
ฮูรุลอัยน์ (นางฟ้า) ตัวอย่างผู้หญิงที่ดี
– “ในสวนสวรรค์เหล่านั้นมีหญิงสาวพรหมจารี ผู้ลดสายตาลง (เฉพาะสามีของนางเท่านั้น) (ตัฟซีร: คือหญิงสาวพรหมจารีเหล่านั้นจะลดสายตาของนางลงเฉพาะแต่สามีของนางเท่านั้น นางจะกล่าวแก่สามีของนางว่า ด้วยเกียรติ และความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าของฉัน ในสวรรค์นี้ฉันไม่เห็นผู้ใดดียิ่งไปกว่าท่าน อัลฮัมดุลิลลาฮฺ ที่พระองค์ทรงให้ท่านเป็นสามีของฉัน และฉันเป็นภริยาของท่าน) ซึ่งไม่มีมนุษย์ และไม่มีญินแตะต้องพวกนางมาก่อนเลย” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัรเราะฮฺมาน 56 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
– “ในสวนสวรรค์เหล่านั้น มีหญิงสาวที่มีมารยาทดีสวย หญิงสาวผิวพรรณขาวผ่อง นัยน์ตาคม (ที่เก็บตัวเฉพาะสามีของนางเท่านั้น) อยู่ในกระโจม” (ตัฟซีร: หญิงสาวที่ประจำอยู่ในสวนสวรรค์นั้น เป็นหญิงสาวที่มีผิวพรรณผุดผ่อง นัยน์ตาคม เพราะนางเก็บตัวอยู่ในที่พักเฉพาะของนาง นางจะไม่ออกไปนอกที่พัก เพราะความมีเกียรติของนาง อบูฮัยยานกล่าวว่า สตรีจะได้รับการยกย่องชมเชยเช่นนั้น หากพวกนางอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนเป็นการบ่งชี้ถึงการรักษาตัว ซึ่งเป็นสมบัติประจำตัวของสตรี) (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัรเราะฮฺมาน 70-72 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
– “หากเขาหย่าพวกนาง บางทีพระเจ้าของเขาจะทรงเปลี่ยนแปลงให้แก่เขามีภริยาที่ดีกว่าพวกนาง เป็นหญิงที่นอบน้อมถ่อมตน เป็นหญิงผู้ศรัทธา เป็นหญิงผู้ภักดี เป็นหญิงผู้ขอลุแก่โทษ เป็นหญิงผู้มั่นต่อการอิบาดะฮฺ เป็นหญิงผู้มั่นต่อการถือศีลอด เป็นหญิงที่เป็นหม้าย และที่เป็นหญิงสาว” (ตัฟซีร: นี่เป็นการขู่สำทับแก่บรรดาภริยาท่านนบี และเป็นการอบรมที่ดีจากพระเจ้า กล่าวคือหากท่านนบีหย่าพวกนาง บางทีอัลลอฮฺจะทรงเปลี่ยนแปลงให้แก่ท่านนบีมีภริยาที่ดีกว่าพวกนาง เป็นมุสลิมะฮฺที่นอบน้อมถ่อมตน เป็นมุอฺมินผู้ศรัทธา เป็นกอนิตะฮฺผู้ภักดี เป็นตาอิบะฮฺผู้ขอลุแก่โทษ เป็นอาบิดะฮฺผู้มั่นต่อการอิบาดะฮฺ เป็นศออิมะฮฺผู้มั่นต่อการถือศีลอด หรือผู้มั่นต่อการอพยพเพื่อการใคร่ครวญ และบางคนเป็นหญิงหม้าย บางคนเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ แต่ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม มิได้หย่าพวกนาง และอัลลอฮฺก็มิได้ทรงเปลี่ยนภริยาให้แก่ท่าน เพราะพวกนางเป็นภริยาของท่านทั้งโลกดุนยาและโลกอาคิเราะฮฺ) (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัตตะหฺรีม 5 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “การแต่งงานที่ดี นั้น คือการแต่งงานที่สะดวกเรียบง่าย” (หะดีษเศาะฮีหฺ ในเศาะฮีห์อัลญาเมียะ บันทึกโดยอิบนุหิบบาน และอัลอัลบานีย์)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “บรรดาสตรีที่มีบะเราะกะฮฺ (ความจำเริญ)ที่ยิ่งใหญ่ คือ ความเรียบง่ายของพวกนาง(ในการใช้จ่าย)” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยอะหมัด อัลหากิม)
– “ในวันนั้นบรรดามิตรสหายจะเป็นศัตรูต่อกัน นอกจากบรรดาผู้ยำเกรง (อัลลอฮฺ)” (ตัฟซีร: ในวันกิยามะฮฺนั้นบรรดามิตรสหายและผู้รักใคร่กันจะกลายเป็นศัตรูต่อกัน เว้นแต่ผู้ที่ความเป็นมิตรสหายและความรักใคร่ต่อกันเป็นไปเพื่ออัลลอฮฺ) (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัซซุครุฟ 67)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “คนเรานั้นจะมีศาสนาตามเพื่อนที่เขาคบหา ดังนั้น คนหนึ่งคนใดของพวกท่านจงพิจารณาเถิดถึงผู้ที่เขาจะคบหาด้วย” (หะดีษหะสัน บันทึกโดยติรมิซีย์ เลขที่ 2378)
ทุกการกระทำ-คำพูด มีผู้จดบันทึก
– “จงรำลึกขณะที่มลาอิกะฮฺผู้บันทึกสองท่านบันทึก ท่านหนึ่งนั่งทางข้างขวา และอีกท่านหนึ่งนั่งทางข้างซ้าย” (ตัฟซีร: หมายถึง มะลัก 2 ท่าน เป็นผู้บันทึกการกระทำของมนุษย์หรือเป็นผู้สังเกตการณ์) (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺก็อฟ 17 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
– “ไม่มีคำพูดคำใดที่เขากล่าวออกมา เว้นแต่ใกล้ๆ เขานั้นมี (มะลัก) ผู้เฝ้าติดตาม ผู้เตรียมพร้อม (ที่จะบันทึก)” (ตัฟซีร: คือทุกๆ คำพูดที่มนุษย์กล่าวออกมาจะเป็นคำพูดที่ดี หรือคำพูดที่เลว ก็จะมีมะลักเป็นผู้เฝ้าติดตามและจดบันทึกทุกๆ คำพูด อัลหะซันกล่าวว่า เมื่อมนุษย์ได้ตายลง สมุดบันทึกของเขาจะถูกม้วนเก็บไว้ เมื่อถึงวันกิยามะฮฺก็จะมีเสียงกล่าวแก่เขาว่า “เจ้าจงอ่านบันทึกของเจ้า พอเพียงแก่ตัวเจ้าแล้ววันนี้ที่จะเป็นผู้ชำระบัญชีของตัวเจ้าเอง”) (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺก็อฟ 18 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
– “และทุกๆ สิ่งที่พวกเขากระทำมันนั้นมีอยู่ในบันทึก และทุกๆ สิ่งทั้งเล็กและใหญ่ก็ได้ถูกบันทึกไว้แล้ว” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลเกาะมัร 52-53)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “บ่าวคนหนึ่งย่อมยังไม่มีอีมานจนกว่าเขาจะศรัทธาต่อเกาะดัร (การกำหนดสภาวการณ์) ทั้งความดีและความชั่วของมันว่ามาจากอัลลอฮฺ และจนกว่าเขาจะรู้เสียก่อนว่า แท้จริงสิ่งที่ประสบแก่เขานั้น เขาย่อมไม่คลาดแคล้วมันไป และแท้จริงสิ่งที่เขาคลาดแคล้วไป เขาก็่ย่อมไม่ประสบมัน” (ส่วนหนึ่งของหะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 9, อะบูดาวูด เลขที่ 4075, อัล-ติรมีซีย์ เลขที่ 2070-2071, 2535 และอะหฺหมัด เลขที่ 719, 1057, 6416, 6690 (สำนวนที่อ้างเป็นของอัล-ติรมีซีย์)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ขอสาบานด้วยอัลลอฮฺ โลกนี้ในโลกหน้าเท่ากับสิ่งที่นิ้วชี้ของท่านได้มาจากทะเล (ท่านนบีได้ยกนิ้วชี้ของท่านขึ้นมา) ดูว่ามันได้อะไร?” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 2858)
– “ขอสาบานด้วยกาลเวลา แท้จริงมนุษย์นั้น อยู่ในการขาดทุน นอกจากบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลาย และตักเตือนกันและกันในสิ่งที่เป็นสัจธรรม และตักเตือนกันและกันให้มีความอดทน” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลอัศรฺ 1-3 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ ประเทศไทย)
– “แล้วผู้ใดเปลี่ยนแปลงพินัยกรรม หลังจากที่เขาได้ยินมันแล้ว โทษแห่งการเปลี่ยนแปลงพินัยกรรมนั้นก็ตกอยู่แก่บรรดาผู้เปลี่ยนแปลงพินัยกรรมนั้นเท่านั้น แท้จริงอัลลอฮ์ทรงได้ยิน ทรงรอบรู้” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮ 181)
– ซะอฺด์ บินอบูวักกอศ เล่าว่า : ในปีของการทำพิธีฮัจญ์สุดท้ายของท่านรอซูลุลลอฮฺ ฉันป่วยหนัก ท่านนบีได้มาเยี่ยมฉันและถามถึงสุขภาพของฉัน ฉันบอกท่านว่า “ฉันอยู่ในสภาพเช่นนี้เพราะการป่วย ฉันเป็นคนมั่งมี แต่ไม่มีทายาทนอกจากลูกสาวคนเดียว ฉันจะให้ทรัพย์สินสองในสามของฉันเป็นทานได้ไหม?” ท่านตอบว่า “ไม่ได้” ฉันจึงกล่าวว่า “ถ้าครึ่งหนึ่งล่ะ?” ท่านตอบว่า “ไม่ได้” และได้กล่าวว่า “หนึ่งในสามเท่านั้น แม้หนึ่งในสามก็มากเกินไปแล้ว ท่านควรจะทิ้งทรัพย์สินของท่านไว้ให้ทายาทของท่านดีกว่าที่จะปล่อยให้พวกเขายากจนและเที่ยวขอผู้คน ท่านจะได้รับรางวัลตอบแทนสำหรับสิ่งที่ท่านได้ใช้ไปในหนทางของอัลลอฮฺ หรือแม้แต่สิ่งที่ท่านใส่ปากภรรยาของท่าน” (ส่วนหนึ่งจากหะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดย บุคอรี เลขที่ 1295 และมุสลิม เลขที่ 1628)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺ กล่าวว่า “แท้จริงผู้ศรัทธาเมื่อความตายมาถึงเขา, เขาจะเห็นสิ่งที่จะได้เห็น เขาปรารถนาให้ (วิญญาณ) ของเขา (ออกจากร่าง) ไปพบพระองค์อัลลอฮฺ และพระองค์อัลลอฮฺทรงรักที่จะพบเขาเช่นกัน, แท้จริงวิญญาณของเขานั้นจะขึ้นไปสู่ฟากฟ้า (เวลานั้น) เหล่าวิญญาณของผู้ศรัทธาจะมาพบเขา, พวกเขาจะไถ่ถามเขาถึงผู้คน (ที่ยังมีชีวิต) ในโลกดุนยาที่พวกเขารู้จัก” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดย อิมามอัลบัซซารฺ)
– อบูฮุร็อยเราะฮฺเล่าว่า: “เมื่อวิญญาณของผู้ศรัทธาจะออกไป (จากร่างกาย) มลาอิกะฮฺสององค์จะรับมันไปยังชั้นฟ้าทั้งหลาย ฮัมมาด(หนึ่งในผู้รายงาน) ได้เอ่ยถึงความหวานของกลิ่นหอมและเอ่ยถึงชะมดเชียง (และกล่าวต่อไปว่า) ผู้อาศัยอยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายจะกล่าวว่า “วิญญาณที่ทรงคุณความดีจากส่วนหนึ่งของโลกมาแล้ว ขออัลลอฮฺโปรดประทานพรแก่ท่านและแก่ร่างกายที่ท่านครอบครองอยู่” และวิญญาณจะถูกนำไปยังพระผู้อภิบาลของเขา พระองค์จะทรงกล่าวว่า “นำมันไปยังจุดหมายที่กำหนดไว้ของมัน” สำหรับผู้ปฏิเสธ เมื่อวิญญาณของเขาออกจากร่างกาย ฮัมมาดได้เอ่ยถึงกลิ่นอันน่าสะอิดสะเอียนของมันและเอ่ยถึงการที่มันถูกสาปแช่ง ผู้อาศัยอยู่ในชั้นฟ้ากล่าวว่า “มาแล้ว วิญญาณชั่วจากโลก” และจะมีคำกล่าวว่า “เอามันไปยังจุดหมายที่ถูกกำหนดไว้สำหรับมัน” อบูฮุร็อยเราะฮฺเล่าว่า ในขณะที่เอ่ยถึงกลิ่นอันน่าสะอิดสะเอียนของวิญญาณของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา ท่านรอซูลุลลอฮฺได้เอาผ้าบางๆ ที่ติดตัวท่านปิดจมูกของท่าน” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 2872)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “อายะฮฺที่กล่าวว่า อัลลอฮฺจะทรงทำให้บรรดาผู้ศรัทธามีความมั่นคงด้วยคำพูดที่มั่นคง” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอิบรอฮีม 27) ได้ถูกประทานลงมาเกี่ยวกับการทรมานในหลุมศพ มันเป็นในตอนที่ผู้ตายถูกถามว่า “ใครคือพระเจ้าของเจ้า เขาจะกล่าวว่า “พระเจ้าของฉันคืออัลลอฮฺและนบีของฉันคือมุฮัมมัด” และนั่นเป็นสิ่งที่ตรงกับคำพูดของอัลลอฮฺที่ว่า “อัลลอฮฺจะทรงทำให้ผู้ศรัทธามีความมั่นคงด้วยคำพูดที่มั่นคงในโลกนี้และในโลกหน้า” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 1369 บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 2871)
– เกาะตาด๊ะฮฺ กล่าวว่า “เราได้ถูกบอกว่า หลุมศพของผู้ศรัทธาจะถูกขยายออกไปเจ็ดสิบศอกและจะถูกทำให้เต็มไปด้วยความเขียวขจีที่อุดมสมบูรณ์ไปจนกระทั่งถึงวันแห่งการฟื้นคืนชีพ” (ส่วนหนึ่งจากหะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดย บุคอรี เลขที่ 1338 และมุสลิม เลขที่ 2870)
ฟิตนะฮฺ (ความปั่นป่วนวุ่นวาย) ก่อนวันสิ้นโลก
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ยามอวสานจะยังไม่เกิดขึ้นจนกว่าพวกท่านจะต่อสู้กับพวกยิว และหินที่พวกยิวแอบอยู่ข้างหลังมันจะกล่าวว่า “โอ้ มุสลิม มียิวคนหนึ่ง แอบอยู่ข้างหลังฉัน มาฆ่าเขา” ยกเว้น ต้นฆ็อรกอด ซึ่งเป็นต้นไม้ของพวกยิว” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 3326)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ขอสาบานด้วยอัลลอฮฺ ลูกชายของนาง มัรยัม (หมายถึงอีซา) จะลงมายังพวกท่านในไม่นานนี้ และจะพิพากษามนุษย์อย่างยุติธรรม เขาจะหักไม้กางเขน และจะฆ่าหมู และยกเลิกญิซยะฮฺ อูฐจะถูกทิ้งไว้ตามลำพังโดยไม่มีใครสนใจมัน หลังจากนั้น จะไม่มีความเกลียดชัง ไม่มี ความอิจฉาริษยาหรือความขัดแย้ง เงินทองจะมีมากมาย และจะไม่มีใครรับสิ่งของที่ให้เป็นทาน (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 2222)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “พวกท่านจะเป็นอย่างไรเมื่อลูกชายของนางมัรยัมลงมายังพวกท่าน และปกครองพวกท่าน?” นาฟิอฺกล่าวว่า อบูฮุร็อยเราะฮฺพูดว่า “และจะปกครองโดยกุรอาน” อิบนุอบูชิกล่าวว่า “จะปกครองโดยกุรอาน และซุนนะฮฺของท่านนบีมุฮัมมัด” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 3449)
สัญญาณวันอวสาน (วันสิ้นโลก) (อ่านเพิ่มเติม <คลิก>)
– ฮุซัยฟะฮฺ บินอะซีด อัลมิฟารีย์ เล่าว่า : ครั้งหนึ่งท่านนบีเห็นเราในขณะที่เรากำลังคุยกันและท่านถามว่า “คุยอะไรกันอยู่?” เราตอบว่า “คุยกันเรื่องยามอวสานครับ” ท่านนบีกล่าวว่า “มันจะไม่เกิดขึ้นก่อน 10 สัญญาณปรากฏ” ท่านนบีกล่าวว่า “ควัน, ดัจญาล, สัตว์เดรัจฉานอย่างหนึ่งบนแผ่นดิน, ดวงอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตก, การลงมาของนบีอีซา, ยะอฺญูจญ์และมะอฺญูจญ์, แผ่นดินไหวรุนแรงสามครั้ง ครั้งหนึ่งในตะวันออก ครั้งหนึ่งในตะวันตก และครั้งที่สามในอาหรับ, สุดท้ายจะเป็นไฟที่จะมาจากเยเมนเพื่อขับไล่ผู้คนไปยังแผ่นดินที่ชุมนุมกันของพวกเขา” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 2901)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺ กล่าวว่า “จงรีบเร่งทำความดีก่อน 6 สิ่งจะปรากฏขึ้น นั่นคือ ดัจญาล ควัน สัตว์ร้ายชนิดหนึ่ง ดวงอาทิตย์ขึ้นจากทางตะวันตก ความชั่วโดยทั่วไป และความโลภของตัวท่านเอง” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 2947)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “อัลลอฮฺได้ทรงสร้างโลกในวันเสาร์ สร้างภูเขาในวันอาทิตย์ สร้างต้นไม้ในวันจันทร์ สร้างสิ่งน่ารังเกียจในวันอังคาร สร้างแสงสว่างในวันพุธ สร้างสัตว์ทั้งหลายในวันพฤหัส และอาดัมถูกสร้างในตอนเย็นของวันศุกร์ ในฐานะเป็นหนึ่งของการสร้างสุดท้าย สร้างวันอวสานของวันศุกร์ระหว่างตอนเย็นและตอนค่ำ” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 2789)
– เขากล่าวว่า ฉันได้ยินท่านรอซูลุลลอฮฺ ท่านกล่าวว่า “หลังจากนั้น แตรสัญญาณวันสิ้นโลกจะถูกเป่าโดยที่ไม่มีใครได้ยินเสียงแตร แต่มันจะโก่งคอของมันไปทางด้านหนึ่งและยกมันขึ้นจากอีกด้านหนึ่ง คนแรกที่ได้ยินมันจะเป็นคนที่กำลังซ่อมแซมบ่อน้ำสำหรับอูฐของเขา เขาจะตกใจตายและคนอื่นทั้งหมดก็จะตายด้วย หลังจากนั้น อัลลอฮฺจะทรงส่งฝน (หรือทำให้ฝนตกลงมา) ฝนนี้จะทำให้ร่างกายของมนุษย์เติบโต หลังจากนั้น การเป่าแตรครั้งที่สองจะตามมาเพื่อทำให้มนุษย์ทั้งหมดยืนขึ้นมอง หลังจากนั้นจะมีเสียงกล่าวว่า “โอ้มนุษย์ทั้งหลาย จงมาหาพระผู้อภิบาลของสูเจ้า” “และจงยับยั้งพวกเขาไว้ พวกเขาจะต้องถูกสอบสวน” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัศศ็อฟฟาต 24) หลังจากนั้นจะมีเสียงกล่าวว่า “เอากลุ่มที่จะเข้านรกออกมา” จะมีเสียงถามว่า “จำนวนเท่าใดจากนั้น?” เสียงตอบกล่าวว่า “999 จาก 1,000” ท่านนบีกล่าวว่า “นั่นเป็นวันที่จะทำให้เด็กมีผมขาวขึ้นมา และนั่นเป็นวันที่ได้ถูกกล่าวว่า “วันนั้น หน้าแข้งจะถูกเปิดเผยออกมา” (หมายถึง วันแห่งการพิพากษา) (ส่วนหนึ่งจากหะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 2940)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “มนุษย์จะถูกรวมเข้าด้วยกันในวันแห่งการฟื้นคืนชีพบนแผ่นดินสีขาวแดงเหมือนกับขนมปัง (ที่ถูกทำจากแป้งบริสุทธิ์ชั้นดี) แผ่นดินนั้นจะไม่มีเขตแดนของใคร” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 6521)
– ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า “มีคนเจ็ดคนที่อัลลอฮฺทรงให้ร่มเงาแก่เขาในวันที่ไม่มีร่มเงาใดๆ นอกจากร่มเงาแห่งบัลลังก์ของพระองค์ 1) ผู้ปกครองที่ยุติธรรม 2) เยาวชนที่ถูกเลี้ยงดูให้เติบโตมาในการเคารพภักดีอัลลอฮฺ 3) คนที่หัวใจของเขาผูกพันอยู่กับมัสญิด 4) ชายสองคนที่รักกันและกันเพื่ออัลลอฮฺ และพวกเขาพบกันและจากกันเพื่ออัลลอฮฺ 5) คนที่ปฏิเสธการเชิญชวนของหญิงสวยรวยเสน่ห์ (ให้ทำผิดประเวณีกับเธอ) และเขากล่าวว่า “ฉันกลัวอัลลอฮฺ” 6) คนที่ให้ทานอย่างลับๆ จนมือซ้ายของเขาไม่รู้ ว่ามือขวาของเขาให้อะไรไป และ 7) คนที่ระลึกถึงอัลลอฮฺเมื่ออยู่ตามลำพังแล้ว ดวงตาของเขาก็เอ่อนองไปด้วยน้ำตา” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดย บุคอรี เลขที่ 660 และมุสลิม เลขที่ 1031)
โลกอาคิเราะฮฺ ปลายทางความสำเร็จที่แท้จริง
– “สวนสวรรค์อันหลากหลายเป็นที่พำนักอันสถาพร พวกเขาจะเข้าไปอยู่ในนั้น ในสวนสวรรค์พวกเขาจะได้ประดับด้วยกำไลทองและไข่มุก และอาภรณ์ของพวกเขาในนั้นคือผ้าไหม” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺฟาฏิร 33)
– “แน่นอนบรรดาผู้ศรัทธาได้ประสบความสำเร็จแล้ว บรรดาผู้ที่พวกเขาเป็นผู้นอบน้อมถ่อมตนในเวลาละหมาดของพวกเขา และบรรดาผู้ที่พวกเขาเป็นผู้ผินหลังให้จากเรื่องไร้สาระต่างๆ และบรรดาผู้ที่พวกเขาเป็นผู้บริจาคซะกาต และบรรดาผู้ที่พวกเขาเป็นผู้รักษา (ไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ของ) ทวารของพวกเขา เว้นแต่แก่บรรดาภรรยาของพวกเขา หรือที่มือขวาของพวกเขาครอบครอง (คือทาสี) ในกรณีเช่นนั้นพวกเขาจะไม่ถูกตำหนิ ฉะนั้นผู้ใดแสวงหาอื่นจากนั้น ชนเหล่านั้นพวกเขาก็เป็นผู้ละเมิด และบรรดาผู้ที่พวกเขาเป็นผู้เอาใจใส่ต่อสิ่งที่ได้รับมอบหมายของพวกเขา และสัญญาของพวกเขา และบรรดาผู้ที่พวกเขาเป็นผู้รักษาการละหมาดของพวกเขา ชนเหล่านี้แหละพวกเขาเป็นทายาท ซึ่งพวกเขาจะได้รับมรดกสวนสวรรค์ชั้นฟิรเดาส์ พวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลมุอฺมินูน 1-11)
ผู้ศรัทธาได้รับผลของความดีทั้งดุนยาและอาคิเราะฮฺ
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “อัลลอฮฺจะไม่ทรงอธรรมต่อผู้ศรัทธากับความดีใดๆ ที่เขาได้กระทำไป โดยเขาจะได้รับผลของความดีนั้นในโลกดุนยา และยังจะได้รับผลบุญในอาคิเราะฮฺอีกด้วย ส่วนผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น คุณงามความดีใดๆ ที่เขากระทำไปในโลกดุยา เขาก็จะได้รับสิ่งที่ดีงามตอบแทนในโลกดุนยานั้นทันที กระทั่งเมื่อเขาไปยังโลกอาคิเราะฮฺแล้ว จะไม่เหลือผลบุญความดีใดๆ ให้เขาอีกต่อไป” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 2808)
– “ผู้ใดปรารถนาผลตอบแทนของปรโลกเราจะเพิ่มผลตอบแทนของเขาแก่เขา และผู้ใดปรารถนาผลตอบแทนของโลกดุนยา เราจะให้แก่เขาบางส่วนในสิ่งนั้น และสำหรับเขาจะไม่ได้ส่วนใดอีกในปรโลก” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัชชูรอ 20)