"และพวกเจ้าจงต่อสู้ในทางของอัลลอฮฺต่อบรรดาผู้ที่ทำร้ายพวกเจ้า และจงอย่ารุกราน แท้จริง อัลลอฮฺไม่ทรงชอบบรรดาผู้รุกราน"
(อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ 190)
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราฟังเรื่องเล่าจากสื่อหลักที่ตะวันตกคอยหนุนหลังมาตลอด คราวนี้สื่อเล็กๆ ผ่านมือถือเข้าถึงเราแล้ว เนื้อหาในนี้ เรียบเรียงจากการบรรยายของนักวิชาการมุสลิมไทยที่ศึกษาข้อเท็จจริงของทั้งสองประเทศ มีดังนี้ (คลิกเรื่องที่สนใจได้เลย)
"และจงรำลึกถึงขณะที่พวกเจ้ากล่าวว่า โอ้มูซา ! เราไม่สามารถจะอดทนต่ออาหารชนิดเดียวอีกต่อไปได้ ดังนั้นจงวิงวอนต่อพระเจ้าของท่านให้แก่เราเถิด พระองค์จะทรงให้ออกมาแก่เราจากสิ่งที่แผ่นดินให้งอกเงยขึ้น อันได้แก่พืชผัก แตงกวา กระเทียม ถั่ว และหัวหอม มูซาได้กล่าวว่าพวกท่านจะขอเปลี่ยนเอาสิ่งที่มันเลวกว่า ดัวยสิ่งที่มันดีกว่ากระนั้นหรือ? พวกท่านจงลงไปอยู่ในเมืองเถิด แล้วสิ่งที่พวกท่านขอก็จะเป็นของพวกท่าน และความอัปยศ และความขัดสนก็ถูกกระหน่ำลงบนพวกเขา”
(อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ 61)
อิสราเอลเป็นวงศ์วานที่อัลลอฮฺทรงเมตตาให้มีบรรพบุรุษเป็นศาสดาหลายท่าน แต่เพราะเขาอธรรมต่อตัวเอง ไม่ได้ชูโกร (ขอบคุณ) อัลลอฮฺที่ทรงช่วยเขาหลายครั้ง เมื่อไม่สำนึกในความเมตตาของพระองค์ จึงทะนงตน
บนีอิสรออีลเป็นลูกหลานนบียะกู๊บ ชื่อ “อิสรอเอล” เป็นฉายานามของนบียะกู๊บ (เป็นหลานนบีอิบรอฮีม ซึ่งมีลูกเป็นนบีอิสฮากและนบีอิสรออีล) มีลูก 12 คน หนึ่งในนั้นเป็นนบียูซุฟ ลูกๆ ให้คำสัญญากับพ่อ (นบียะกู๊บ) ว่าจะนับถือศาสนาของพ่อ ปู่ คือ ศาสนาอิสลาม ต่อมาหลานๆ ผิดสัญญา ถูกลงโทษ เป็นทาสในอียิปต์ ลูกหลานนบียะกู๊บเรียกในคัมภีร์อัลกุรอานว่า “บนีอิสรออีล” (วงศ์วานอิสรอเอล)
อัลลอฮฺทรงช่วยให้บนีอิสรออีลรอดพ้นจากฟิรเอาน์ บนีอีสรออีล ขอดุอาอฺต่ออัลลอฮฺให้ส่งคนมาช่วย อัลลอฮฺให้นบีมูซามาช่วย เอาไม้เท้าฟาดทะเลแหวกออก (ทะเลแดงในปัจจุบัน) บนีอิสรออีลเดินข้ามไปได้ ฟิร์เอาน์ (ฟาโรห์) และทหารจมน้ำตาย
กลับไปเคารพรูปปั้นรูปวัว ระหว่างที่รอนบีมูซารับบัญญัติ 10 ประการ บนีอิสรออีลทรยศต่อนบีมูซา อัลลอฮฺจึงให้พเนจรอยู่ในทะเลทรายมากกว่า 40 ปี
อัลลอฮฺทรงประทานของหวานและนกคุ่มจากฟากฟ้า ให้อิสรออีล แต่ไม่พอใจ ระหว่างที่บนีอิสรออีลอยู่ในทะเลทราย อัลลอฮฺทรงให้เมฆเป็นร่มเงา และประทานอัล-มันนะ (ของหวานคล้ายน้ำผึ้ง) และอัส-ซัลวา (นกคุ่ม) แต่กลับขอพืชผักแทน ดังอัลกุรอานข้างต้น
"และจงต่อสู้เพื่ออัลลอฮฺ ซึ่งเป็นการต่อสู้ที่แท้จริงเพื่อพระองค์ พระองค์ทรงคัดเลือกพวกเจ้า และพระองค์มิได้ทรงทำให้เป็นการลำบากแก่พวกเจ้าในเรื่องของศาสนา ศาสนา(ที่ไม่ลำบาก) คือศาสนาของอิบรอฮีม บรรพบุรุษของพวกเจ้า พระองค์ทรงเรียกชื่อพวกเจ้าว่ามุสลิมีน ในคัมภีร์ก่อนๆ และในอัลกุรอานเพื่อร่อซูลจะได้เป็นพยานต่อพวกเจ้า และพวกเจ้าจะได้เป็นพยานต่อมนุษย์ทั่วไป ดังนั้นพวกเจ้าจงดำรงการละหมาด และบริจาคซะกาต และจงยึดมั่นต่ออัลลอฮฺ พระองค์เป็นผู้คุ้มครองพวกเจ้า เพราะพระองค์คือผู้คุ้มครองที่ดีเลิศ และผู้ทรงช่วยเหลือที่ดีเยี่ยม”
(อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลฮัจญฺ 78)
5. วางแผนสังหารนบีซะกะรียา นบียะห์ยา
6. อาณาจักรอิสราเอลถูกตั้งขึ้นมา นบีดาวูดได้เป็นกษัตริย์ปกครองอาณาจักรอิสรอเอล เมื่อนบีดาวูด นบีสุไลมานจากไป อิสราเอลก็แตกเป็น 2 อาณาจักร ถูกชาติอื่นๆ ทำลาย และได้รับการปลดปล่อยให้กลับไปอยู่ในเยรูซาเล็มอีกครั้ง
7. ศาสนายูดาย (ยิว) เป็นดาว 6 แฉก (ดาวเดวิด) เกิดขึ้นในสมัยกษัตริย์เดวิด (นบีดาวุด) ได้สร้างเมืองเยรูซาเล็ม (ส่วนหนึ่งในพื้นที่ปาเลสไตน์) ขึ้นมา พวกเขาเชื่อว่ามีวิหารโซโลมอน (ของนบีสุไลมาน)อยู่ที่นี่ จึงคิดทำลายมัสยิดอัล-อักซอ เพราะเคยคิดว่าเดิมวิหารอยู่ใต้มัสยิดแห่งนี้ แต่ล่าสุดพิสูจน์แล้ว ไม่พบสิ่งใด
8. เข้าใจผิด คิดว่าฆ่านบีอีซาได้ ในคัมภีร์ซะบูร สมัยนบีดาวูด ได้กล่าวไว้ว่า จะมีผู้นำ บนีอิสรออีลคิดว่าเป็นนบีอีซา นบีอีซาบอกว่าไม่ใช่ จริงๆ คือ นบีมุฮัมมัด เขาไม่เชื่อและวางแผนกำจัดนบีอีซา
9. เมื่อนบีมุฮัมมัดมาเป็นนบีคนสุดท้าย เขาไม่ยอมรับ เพราะเข้าใจผิดว่าไม่ใช่ลูกหลานนบียะกู๊บ ทั้งที่จริงเป็นเชื้อสายของนบีอิบรอฮีม เมื่อนบีมุฮัมมัดประกาศอิสลาม อพยพไปมหานครยัษริบ (ปัจจุบันคือเมืองมาดีนะห์) ซึ่งตอนนั้นบนีอิสรอีลคุมเศรษฐกิจ การเมือง ชาวมาดีนะห์รับอิสลาม พอนบีมุฮัมมัดออกรบ บนีอิสรออีลร่วมด้วยแต่หนีกลับหลายครั้ง จึงขับไล่ออกไปอยู่ที่คอยบัร เกิดสงครามคอยบัร บนีอิสราอีลพ่ายแพ้ ค่ายถูกทำลาย บนีอิสราอีลได้รับการอภัยไม่ประหารชีวิตทั้งหมด กระจัดกระจายไปอยู่ในยุโรป
ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “จงเผยแผ่จากฉัน แม้จะเพียงหนึ่งอายะฮฺก็ตาม และจงรายงานจากบนีอิสรออีลและไม่ต้องกังวลใดๆ และผู้ใดโกหกต่อฉันโดยเจตนาก็จงเตรียมที่นั่งของเขาไว้ในไฟนรกเถิด”
(หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 3461)
1. ชาวอิสราเอล (ยิว) ไปอยู่ยุโรป สร้างปัญหาในประเทศต่างๆ
ยุยงให้ล้มล้างระบบกษัตริย์ (ตอนนั้นกษัตริย์เป็นเจ้าของที่ดิน) จนเกิดการปฏิวัติ รัฐประหารและยึดอำนาจกษัตริย์ แจกที่ดินให้ชาวนา ชาวนาขายที่ดินให้ชาวยิว ใช้เวลาสะสมความมั่งคั่ง ให้ประเทศต่างๆ กู้เงินไม่เอาคืน แต่ขอเก็บภาษีเพิ่ม (ระบบแบงค์ให้กู้ คืนพร้อมดอกเบี้ย ไม่มีคืนยึดทรัพย์ มาจากยิว)
ฝึกให้คนยิวมีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ นาน 300 ปี คือ ฝึกให้เป็นคนช่างสงสัย ช่างวิเคราะห์ ช่างถาม ไม่เชื่อตามข้อมูลเดิม ประวัติศาสตร์เขียนใหม่ เขียนตามข้อมูลจากการตรวจสอบทางวัตถุ
2. ความลับถูกเปิดเผย กษัตริย์รู้ความจริง
มีม้าเร็วจากโบลิเวียที่มีสาส์นลับแผนของยิวถูกฟ้าผ่าตายระหว่างขี่ม้า ความลับถูกเปิดเผย กษัตริย์รู้ความจริง
ยิวถูกขับไล่ ถูกฆ่า จากทุกประเทศ ใครไม่ถูกขับไล่ ต้องเปลี่ยนศาสนา ปลอมเป็นชาวยุโรป จึงเป็นที่มาของหมวกกะปิเยาะห์ที่เล็กลง ใส่ไว้ใต้หมวกปีกที่ฝรั่งกำหนดให้ใส่ ยุยงให้แค้นชาวคริสต์ มีแผนให้ชาวยุโรปอยู่ภายใต้คำสั่งของยิว จนเป็นที่มาของไซออนนิสต์
3. สร้างอเมริกา จนกลายเป็นมหาอำนาจ
พ่อค้าชาวยิว 5 คน ให้เงินสนับสนุนและไปกับโคลัมบัสในการหาดินแดนใหม่ (ทวีปอเมริกาเหนือปัจจุบัน) จึงตัดสินใจไม่กลับพร้อมโคลัมบัส ชาวอินเดียนแดงไม่ยอมเป็นทาส ถูกกักขังเหมือนกาซา
อยู่ต่อสร้างอาณาจักร ตั้งหลักแหล่งในนิวยอร์ค สร้างอเมริกา เมื่อมีสงครามโลก อเมริกาไม่ยุ่ง แต่พอสุดท้ายเข้าไปช่วย อเมริกาจึงขึ้นมามีอำนาจ กลายเป็นมหาอำนาจครอบครองยุโรป ที่สนับสนุนประเทศอิสราเอล ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่ได้รับแต่งตั้งต้องสนับสนุนอิสราเอลเท่านั้น
"และจงกล่าวเถิดมุฮัมมัด “สัจธรรมนั้นมาจากพระผู้เป็นเจ้าของพวกเจ้า” ดังนั้น ผู้ใดประสงค์ก็จงศรัทธา และผู้ใดประสงค์ก็จงปฏิเสธ"
(อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลกะฮฺฟฺ 29)
4. ต้องการครอบครองพื้นที่ปาเลสไตน์
จนปี 1947 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวยิวอพยพหนีมาจากยุโรป ถูกขับไล่โดยฮิตเลอร์ มาตั้งหลักแหล่งที่ปาเลสไตน์ ชาวปาเลสไตน์จึงดูแลช่วยเหลือชาวยิว (ยิวรุ่นนี้เป็นยิวที่ดี ไม่คิดร้ายต่อปาเลสไตน์)
ชาวยิวเข้ามาตั้งถิ่นฐานโดยผิดกฎหมาย เริ่มจากขอซื้อที่ดิน ที่เป็นหิน ชาวปาเลสไตน์คิดว่าที่ดินไม่มีประโยชน์ จนถูกกว้านซื้อไปเยอะ
5. ขอให้อังกฤษ ให้พื้นที่สำหรับอิสราเอล (ไม่ต้องซื้อ)
สมัยนั้นปาเลสไตน์เป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ ยิวจึงไปเจรจาอังกฤษ ขอแบ่งพื้นที่รัฐอิสราเอล โดยอ้างว่า เคยเป็นพื้นที่ของบรรพบุรุษ
ยิวตั้งกองกำลังป้องกันของอิสราเอลปะทะกองกำลังติดอาวุธปาเลสไตน์ อังกฤษปราบปราม
อังกฤษเสนอสหประชาชาติพิจารณา ซึ่งสมาชิก UN มีหลายประเทศที่เพิ่งได้เอกราช เห็นด้วยให้มีรัฐอิสราเอล ปกครองโดยไม่ชอบธรรม
6. อิสราเอลครอบครองระบบสื่อสารมวลชนและปลูกฝังความคิดทุนนิยม
อิสราเอลคุมสื่อกระแสหลัก 99% เป็นข่าวที่ถูกปั้นแต่งให้กับชาวโลก (แต่ยังไม่สามารถควบคุมสื่อเล็กที่แชร์ผ่านมือถือได้)
อิสราเอลสนับสนุนนักศึกษาต่างประเทศให้ไปศึกษาด้านการเกษตรที่นั่น ความรู้เกษตรเขาก้าวหน้าก็จริง แต่เขาปลูกฝังแนวคิดของการยึดครองพื้นที่ทำการเกษตร และมีความคิดว่าตัวเองดีที่สุด
“บรรดาผู้ที่หัวใจของพวกเขามีโรคคิดหรือว่าอัลลอฮฺจะไม่ทรงนำเอาความอิจฉาริษยาของพวกเขาออกมาให้เป็นที่ประจักษ์ และหากเราประสงค์แน่นอนเราจะเปิดเผยพวกเขาแก่เจ้า แล้วเจ้าก็จะรู้จักพวกเขาอย่างแน่นอนที่เครื่องหมายของพวกเขา และแน่นอนเจ้าจะรู้จักพวกเขาได้ในน้ำเสียงแห่งการพูด และอัลลอฮฺทรงรู้ดีถึงการงานของพวกเจ้า”
(อัลกุรอาน ซูเราะฮฺมุฮัมมัด 29-30)
1. วาทะผู้นำอิสราเอลตั้งแต่ก่อตั้งประเทศอิสราเอล
ผู้นำไซออนนิสต์ คือ ผู้นำอิสราเอลกล่าวว่า “เราจะต้องขับไล่พวกอาหรับและยึดแผ่นดินของพวกมัน” “เราจะต้องใช้การก่อการร้าย การลอบสังหาร การข่มขู่ การยึดที่ดินและการตัดบริการทางสังคมเพื่อขจัดประชากรอาหรับออกไปจากกาลิลี” (กาลิลี อยู่ในปาเลสไตน์)
ผู้นำไซออนนิสต์ มองว่าคนอื่นที่ไม่ใช่ยิวเป็นสัตว์ เขาทำความเดือนร้อนให้คนอื่นได้ แต่คนอื่นมาทำความเดือนร้อนให้พวกเขาไม่ได้
ลัทธิไซออนนิสต์ประกอบด้วย ลับใบเป็นพระชาวยิว นักธุรกิจที่ครอบครองระบบเศรษฐกิจทั่วโลก และนักรบ จัดตั้งขึ้นเพื่ออยู่ในพื้นที่ตัวเองและเพื่อครอบครองโลก
มีพันธมิตรเป็นอเมริกา คอยสนับสนุนเงินทุน และอาวุธยุทโธปกรณ์ส่งให้อิสราเอล อเมริกาสร้างมา 200 กว่าปีเพื่อครอบงำยุโรป เพราะยิวเคยโดนยุโรปทำลาย พอเกิดสงครามปาเลสไตน์ พวกเขามาสนับสนุนกลุ่มไซออนนิสต์หมด มุสลิมเป็นกลุ่มสุดท้ายที่พวกเขาพยายามทำลาย
2. มีแนวคิดล่าอาณานิคมและยึดครองพื้นที่
ปาเลสไตน์เป็นจุดยุทธศาสตร์ เชื่อมต่อแต่ละทวีป ยึดได้พื้นที่ไปเยอะ อิสราเอลเคยแพ้ปาเลสไตน์ เพราะทนแรงกดดันจากประชาชนไม่ไหว
ล่าสุดใช้วิธีปิดล้อมกาซ่า ไม่ให้ส่งยา อาหาร สาธารณูปโภคเข้าไป ทำให้ประชาชนที่นั่นลำบาก กลุ่มฮามาสจึงต้องฝ่าวงล้อมออกมา
ประเทศอิสราเอลคิดจะขยายออกไปถึงแม่น้ำไนล์ และแม่น้ำยูเฟรติส หน่วยทหารของเขานิยมความรุนแรง
3. ไซออนนิสต์ต้องการครอบครองระบบเศรษฐกิจ ครอบครองโลก
สามารถควบคุมระบบเศรษฐกิจโดยไม่ต้องใช้อาวุธ เช่น ระบบการเงิน ธนาคาร ทอง IMF ให้เงินกู้ สื่อสารมวลชน ภาพยนตร์ ยา และทุกอย่าง ทุกประเทศ
รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้นำทุกประเทศอยู่ภายใต้การควบคุมของยิว ยกเว้นปาเลสไตน์ แต่ยิวคุมได้แค่ผู้นำ ยังคุมประชาชนของประเทศนั้นๆ ไม่ได้
เขายังครองโลกไม่ได้ เพราะยังเหลือประเทศมุสลิม จึงเข้าไปมีปฏิสัมพันธ์กับประเทศมุสลิมเพื่อให้เสียหลักการ และครอบงำระบบน้ำมันในคาบสมุทรอาหรับ และต้องการไปตั้งประเทศอิสราเอล เพื่อไม่ให้คาบสมุทรอาหรับเป็นเอกภาพ
“และกี่เมืองมาแล้ว ที่มันมีพลังเข้มแข็งกว่าเมืองของเจ้า ซึ่งมันขับใสเจ้า(มุฮัมมัด)ออกไป เราได้ทำลายล้างพวกเขา ดังนั้น สำหรับพวกเขาจึงไม่มีผู้ช่วยเหลือ”
(อัลกุรอาน ซูเราะฮฺมุฮัมมัด 13)
4. มีแผนจะทำพิธีกรรมเชือดวัวสีแดง เดือนเมษายน พ.ศ. 2567
อยู่ระหว่างบูรณะวิหารโซโลมอน (เดิมคือคอกม้าของนบีสุไลมาน) ซึ่งมีแผนจะทำพิธีกรรมเชือดวัวสีแดง เดือนเมษายน ปีหน้า หากกาซ่าถูกยึด มุสลิมจะไม่ได้ใช้มัสยิดอัล-อักซอทำพิธีกรรมทางศาสนา (ช่วยกันขอดุอาอฺอย่าให้วัวที่อัลลอฮฺทรงสร้าง ถูกเชือดเพื่อสิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮฺ)
มีความเชื่อว่า ถ้าจะให้ดัจญาลมาปลดปล่อยให้พวกเขาเป็นผู้ปกครอง/เป็นอิสระ เพื่อจะให้ยิวครองโลก จะต้องให้ความชั่วมันถึงสุดๆ ทุกด้าน ดัจญาลจึงจะมาได้ (ไม่เป็นจริง อัลลอฮฺให้มีดัจญาล เพื่อจะทดสอบว่าใครศรัทธาในอัลลอฮฺหรือไปหลงเชื่อดัจญาล)
5. ข้อสรุปจากนักวิชาการอเมริกัน
มีนักวิชาการอเมริกันบอกว่า ก่อนเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค. อิสราเอลเป็นรัฐเหยียดผิว ซึ่งยุคนี้ไม่มีใครยอมรับแนวคิดนี้ มีทางออก 3 ทางคือ
1) เป็นรัฐประชาธิปไตยที่สิทธิความเป็นพลเมืองต้องเท่าเทียมทุกกลุ่ม แต่ผู้นำเอลจะให้ประชาธิปไตยกับยิวเท่านั้น
2) ต้องยอมรับ 2 รัฐ คือ ให้มีรัฐปาเลสไตน์ด้วย แต่ผู้นำเอลไม่ยอมรับ
3) กวาดล้างคนปาเลสไตน์ โดยใช้วิธี
ฆ่าให้ได้มากที่สุด เพื่อสร้างความหวาดกลัว
ทำให้กาซ่าเป็นพ.ท.ที่มนุษย์อยู่ไม่ได้..ก่อกำแพง ตัดช่องทางน้ำ อาหาร ยารักษา ถล่ม รพ.,รร.พัง และไม่ให้ส่งความช่วยเหลือพวกนี้เข้า
ถ้าเราไปสนับสนุนอิสราเอล ไปทำงานที่อิสราเอล เขาจะเห็นเราอยู่ในฐานะอะไร??
นักวิชาการมุสลิมให้ความเห็นว่า ในช่วงแรกชาวอาหรับยังไม่ได้เข้าไปช่วยเหลือมากนัก เป็นเพราะทางอเมริกาเตรียมกองทัพข่มขวัญ ถล่มคาบสมุทรอาหรับหากเข้าช่วยเหลือ ซึ่งนำโดยประธานาธิบดีคนปัจจุบันที่ประกาศตัวว่าเป็นยิว ไซออนนิสต์ และครอบงำผู้นำให้ประเทศใหญ่ๆ ร่วมสนับสนุน
"แท้จริงบรรดาผู้ที่ปิดบังสิ่งซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคัมภีร์ ที่อัลลอฮฺได้ทรงประทานลงมาและนำสิ่งนั้นไปแลกเปลี่ยนกับราคาอันเล็กน้อย ชนเหล่านั้นมิได้กินอะไรเข้าไปในท้องของพวกเขานอกจากไฟเท่านั้น และในวันกิยามะฮฺ อัลลอฮฺจะไม่ทรงพูดแก่พวกเขา และจะไม่ทรงทำให้พวกเขาบริสุทธิ์ และพวกเขาจะได้รับการลงโทษอันเจ็บแสบ"
(อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ 174)
สรุปเจตนารมย์ของไซออนนิสต์
ตั้งประเทศกำกับดูแล (อเมริกา) และตั้งอีกประเทศเป็นไข่แดงในคาบสมุทรอาหรับ เพื่อไม่ให้พื้นที่นี้เป็นเอกภาพ เพราะถ้าเป็นเอกภาพเขากลัวเป็นเช่นสมัยนบีมฮัมมัด (ซ.ล.)
สร้างเครือข่าย ไม่จำเป็นต้องมีประเทศ ไม่จำเป็นต้องให้ใครรู้ว่าฉันอยู่ประเทศไหน สร้างเครือข่ายทุกด้าน
เข้าครอบงำรัฐบาล ใช้อำนาจลับ (ใต้ดิน) และอำนาจเปิดเผย (ระบบเศรษฐกิจ)
ก่อสงคราม สร้างความวุ่นวายทุกที่ เพื่อขายอาวุธ ให้คนขัดแย้ง แบ่งแยกและปกครอง
สร้างระบบต่างๆ เพื่อให้เกิดความแตกต่าง แตกแยก สร้างลัทธิ ประชาธิปไตย คอมมิวนิสต์ นิกายต่างๆ ในศาสนาต่างๆ
ตั้งประเทศเพื่อให้เกิดสถานการณ์ในประเทศนั้น จากจุดเดียว คือ ประเทศอิสราเอล
ครอบงำโลกใบนี้ ตั้งตัวเองเป็นพระเจ้าบนหน้าแผ่นดิน เพราะเขารู้ว่าอนาคตเป็นอย่างไร มีโลกนี้-มีวันสิ้นโลก-โลกหน้า เขาจึงยื้อเวลาอยู่ในโลกนี้ให้นานที่สุด ประชากรทั่วโลกเป็นทาสรับใช้เขาเท่านั้น
อัลลอฮฺเท่านั้นที่เป็นเจ้าของโลกใบนี้ พระองค์เป็นผู้ทรงสร้างโลก จักรวาล และมนุษย์ เราอยู่แค่ชั่วคราว ไม่มีใครสามารถยื้อโลกนี้ให้นานได้ พระองค์ทรงกำหนดวันสิ้นโลกไว้แล้ว และไม่มีใครกำหนดอนาคตได้ นอกจากอัลลอฮฺ แต่ถ้าเราต้องการอยู่ในสวรรค์ รีบเตาบะฮฺ ทำความดีเพื่ออัลลอฮฺ อย่าตั้งภาคี (อธรรมต่อตนเอง) เพราะเป็นบาปหนักที่สุด วัลอิยาซุบิลลาฮฺ
ขอดุอาอฺให้ได้รับชัยชนะ
และได้รับการช่วยเหลือจากอัลลอฮฺ เช่นดุอาอฺที่ว่า
«اللَّـهُـمَّ مُنْزِلَ الكِتَابِ، وَمُـجْرِيَ السَّحَابِ، وَهَازِمَ الأَحْزَابِ، اهْزِمْهُـمْ وَانْصُرْنَا عَلَيْـهِـمْ»
ความว่า “โอ้ผู้ที่ประทานคัมภีร์ ผู้ที่เคลื่อนย้ายก้อนเมฆ และผู้ที่ทำให้กองทัพต่างๆ พ่ายแพ้ จงทำให้พวกเขาพ่ายแพ้และช่วยเหลือให้พวกเรามีชัยชนะเหนือพวกเขา”
(หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 2966, บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 1742)
สรุปข้อเท็จจริงสถานการณ์ปัจจุบัน
สงครามครั้งนี้ต่างกว่าที่ผ่านมา รุนแรงที่สุด เลวร้ายที่สุด ถึงขั้นสูญพันธุ์ ทำลายล้างเผ่าพันธุ์ ของนักต่อสู้ชาวปาเลสไตน์ และจะมีอีกกลุ่มหนึ่งของชาวปาเลสไตน์ พวกนี้จะไม่โดนทำลายล้าง
ประเทศอิสราเอลที่ถูกตั้งขึ้นมาใหม่ มีปาเลสไตน์ 2 กลุ่ม กลุ่มแรกอยู่ที่กาซา 1,800,000 กว่าคน ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งเฝ้าระวังอยู่ที่เวสต์แบงก์
เป็นครั้งแรกที่มีคนไทยเสียชีวิตจำนวนมาก และมีคนไทยถูกจับเป็นเชลย คนไทยในอิสราเอลตกงาน 10,000 กว่าคน จาก 30,000 กว่าคน
ข้อเท็จจริงด้านประวัติศาสตร์ (ดินแดนปลูกต้นไม้ยาก แต่คนอยากครอบครอง)
แผ่นดินนิดเดียว มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดบนหน้าแผ่นดินนี้ 6,000 ปี ก่อนท่านนบีอิบรอฮีม (อ.ล.) มีอาหรับโบราณคือ ชาวคานาอัน (คือบรรพบุรุษที่แท้จริงของท่านนบีมุฮัมมัด (ซ.ล.)
เยรูซาเล็ม หมายถึง “สันติ” แต่ไม่เคยสันติ มีการรบพุ่งกัน 50 กว่าครั้ง ถูกล้อม 40 กว่าครั้ง โดนทำลายไม่เหลืออะไรเลย 2 ครั้ง ซึ่งไม่เกี่ยวกับมุสลิม (ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่ 3) มุสลิมมาทีหลัง มุสลิมเพิ่งเข้าไปในแผ่นดินปาเลสไตน์ ในสมัยท่านอุมัร บิน ค็อฏฏอบ ครั้งที่ 2 คือ 1,400 กว่าปี
จากหนังสือของพลตรีวิลเลียม เป็นแม่ทัพเรือของแคนาดา หมดภายในไม่กี่เดือน เพราะถูกยิวเก็บ คนแปลโดนทำร้ายตกรถไฟเสียชีวิต เนื้อหาเกี่ยวกับเหตุผลว่าทำไมเยอรมันจึงแพ้สงครามโลกครั้งที่2 “แผ่นดินนี้โดนทำลายแบบไม่เหลือ 2 ครั้ง ไม่เหลือคน เป็นพื้นที่ราบ ปิดล้อมให้คนตายโดยไม่บุก 23 ครั้ง โดนโจมตี 52 ครั้ง ถูกยึดเปลี่ยนมือผู้ปกครอง 42 ครั้ง (ตั้งแต่สมัยบาบิโลน โรมัน ไบแซนไทน์ และออตโตมัน)
“บรรดาผู้ที่ถูกขับไล่ออกจากบ้านเรือนของพวกเขา โดยปราศจากความยุติธรรม นอกจากพวกเขากล่าวว่า “อัลลอฮฺคือพระเจ้าของเราเท่านั้น” และหากว่าอัลลอฮฺทรงขัดขวางมิให้มนุษย์ต่อสู้ซึ่งกันและกันแล้ว บรรดาหอสวด และโบสถ์ (ของพวกคริสต์) และสถานที่สวด (ของพวกยิว) และมัสยิดทั้งหลายที่พระนามของอัลลอฮฺ ถูกกล่าวรำลึกอย่างมากมาย ต้องถูกทำลายอย่างแน่นอน และแน่นอนอัลลอฮฺ จะทรงช่วยเหลือผู้ที่สนับสนุนศาสนาของพระองค์ แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงพลัง ผู้ทรงเดชานุภาพอย่างแท้จริง”
(อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลฮัจญฺ 40)
ด้านศาสนา (แม้มุสลิมมาทีหลัง แต่ไม่ใช่เรื่องนี้ที่เป็นประเด็นสงคราม เพราะแผ่นดินทั้งโลกเป็นของอัลลอฮฺ ใครจะอยู่ก็ได้ แต่อยู่แล้วช่วยเหลือ หรือทำลาย)
นบีมากมายเกิดที่นั่น โตที่นั่น เช่น นบีดาวุด (กษัตริย์เดวิด) นบีสุไลมาน (กษัตริย์โซโลมอน) นบีอิสฮาก (ไอแซ็ก)
ยิว (ยะฮูดี) เขาถือว่าที่นี่เป็นจุดกำเนิดของเขา กษัตริย์โซโลมอน (นบีสุไลมาน) สร้างวิหารโซโลมอนที่นั่น ถูกทำลาย 2 ครั้ง ครั้งแรกโรมันทำลาย ครั้งที่สองเปอร์เซียทำลาย (มุสลิมไม่เคยไปทำลาย เพราะเกิดทีหลัง)
ยิวถือว่านี่คือดินแดนของเขา เป็นดินแดนแห่งพันธะสัญญาที่ท่านนบีอิบรอฮีมได้รับพันธะสัญญาจากอัลลอฮฺ (ยิวเรียกอัลลอฮฺ เป็นพระยะโฮวา) เพราะนบีอิบรอฮีมขอดุอาอฺให้ลูกหลานของนบีอิบรอฮีมได้เป็นผู้ปกครองบนหน้าแผ่นดิน อัลลอฮฺรับดุอาอฺ แต่ให้เป็นเฉพาะคนที่ดีเท่านั้น ในนบี 25 คนมีเชื้อสายบนีอิสรออีล 22 คน
อิสฮากคือลูกของภรรยาคนแรกของนบีอิบรอฮีม เกิดทีหลังนบีอิสมาอีล ต่อมาเป็นนบียะกู๊บ นบียูซุฟ จนมาถึงนบีอีซา (เยซู) มียิวที่ไม่ดีคอยทำลายบรรดานบี นบีอิสมาอีลได้แต่งงานกับผู้หญิงชาวคานาอัน (มาจากปาเลสไตน์แล้วเดินทางไปมักกะห์เพื่อไปขอใช้น้ำจากพระนางฮาญัร (แม่นบี) คานาอันคือบรรพบุรุษของนบีมุฮัมมัด (ซ.ล.) ก่อนจะเป็นดินแดนพันธสัญญา ชาวคานาอันอยู่มาก่อน
นบีอีซาเกิดที่ดินแดนนี้ และถูกตรึงกางเขน (คนที่หน้าเหมือนนบีอีซา)
มัสยิดอัลอักซอเป็นมัสยิดที่ 2 เป็นสถานที่ที่นบีมูฮำมัด (ซ.ล.) อิสรออฺ-เมียอฺรอจ (ขึ้นสู่สรวงสวรรค์ เพื่อรับวะฮีย์การละหมาด 50 เวลา และขอลดจนเหลือ 5 เวลา) ซึ่งเดิมหันทิศละหมาดไปบัยตุลมักดิส (เยรูซาเล็ม) ก่อนจะเปลี่ยนเป็นทิศกะบะห์ (ในวันนั้นจึงละหมาด 2 ทิศ เรียกมัสยิด 2 กิบลัต)
“และเมื่อพวกเจ้าพบบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาก็จงฟันที่คอ (จงฆ่าเสีย) จนกระทั่งเมื่อพวกเจ้าปราบพวกเขาจนแพ้แล้ว ก็จงจับพวกเขาเป็นเชลยหลังจากนั้นจะปล่อยเป็นไทหรือจะเรียกเอาค่าไถ่ก็ได้ จนกระทั่งการทำสงครามได้สิ้นสุดลงด้วยการวางอาวุธ เช่นนั้นแหละ และหากอัลลอฮฺทรงประสงค์แน่นอน พระองค์จะทรงตอบแทนการลงโทษพวกเขา แต่ทั้งนี้เพื่อพระองค์จะทรงทดสอบบางคนในหมู่พวกเจ้ากับอีกบางคน ส่วนบรรดาผู้ที่ถูกฆ่าตายในทางของอัลลอฮฺ พระองค์จะไม่ทรงทำให้การงานของพวกเขาไร้ผลเป็นอันขาด” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺมุฮัมมัด 4)
ความมั่นคง การเมือง และเศรษฐกิจ
จุดยุทธศาสตร์สำคัญในโลกมี 2 พื้นที่ พื้นที่แรกคือ อัฟกานิสถาน (มหาอำนาจต้องการพื้นที่นี้ ทั้งๆ ที่พื้นที่นี้ปลูกต้นไม้ก็ไม่ดี แร่ก็ไม่มี เพราะเป็นรอยต่อระหว่างเอเชียและยุโรป
เช่นเดียวกับเยรูซาเล็ม ด้านหลังเป็นทะเล ข้างหน้าเป็นโลกมุสลิม ซึ่งพวกยะฮูดีและนะศอรอจะต้องยึดตรงนี้เป็นไข่แดงไม่ให้โลกมุสลิมสามารถรวมตัวกัน เพราะถ้ารวมตัวกันเหมือนสมัยนบีมุฮัมมัด (ซ.ล.) ไม่มีใครต้านทานได้
ปาเลสไตน์ 20 กว่าล้านคน ดินแดนนี้เป็นข่าวตลอด ไม่มีการรบที่ไหนจะมีผลต่อการผันผวนของเศรษฐกิจโลกเท่าที่นี่ พอรบกัน ราคาทองคำและน้ำมันขึ้น
ด้านมนุษยธรรม 6,000 ปี คนตายเป็นล้าน ทั้งๆที่สมัยก่อนคนนิดเดียว
ในขณะที่ยิวมีอำนาจ โรมันบุกยิว ยิวพยายามแทงข้างหลังตลอดจนในที่สุด โรมันปราบยิว ฆ่ายิว 60,000 คนในวันเดียว ที่เหลือหนีกระจัดกระจาย
ครั้งที่ 2 เปอร์เซียรบยิว ไม่มีมนุษยธรรมเลยที่นี่
ที่เลวร้ายที่สุด คือ สงครามครูเสดครั้งที่ 2 พวกนะศอรอบุกเพื่อยึดเยรูซาเล็ม ตอนนั้นมีมุสลิม คริสต์ ยิวอยู่แล้ว พวกนะศอรอ(ยิวในยุโรป) บุกเข้ายึด ฆ่าทุกคน ยิวและคริสต์โดนฆ่ามากที่สุด มุสลิมหนี
จนขุนศึกซอลาฮุดดีนมากอบกู้ เดิมประกาศว่าถ้าเข้าเยรูซาเล็มได้ จะฆ่าพวกนะศอรอที่เข้ามาบุกทุกคน ทันทีที่เหยียบเข้าประตูกรุงเยรูซาเล็มได้รับการดลใจว่า “การที่เราจะทำลายศพถือเป็นบาป” เขาจึงให้อภัย ปล่อยหรือเรียกค่าไถ่ ตามแบบรอซูล
สมัยที่ท่านอุมัร อิบน์ อัลค็อฏฏอบ เมื่อเข้าไปปกครองเมืองนี้ เมื่อเห็นว่าที่ใด ถูกเปลี่ยนจากมัสยิดเป็นโบสถ์แล้ว ก็ไม่ได้ทำลาย ไปสร้างมัสยิดใหม่ที่อื่นแทน เพราะจะไปทำร้ายความรู้สึกของยะฮูดีที่อยู่ที่นั่น
ด้านสื่อสารมวลชน
เป็นอาวุธร้ายที่สุดในยุคนี้ ข่าวสารเป็นข่าวลวง ถูกครอบงำโดยกลุ่มไซออนนิสต์ (ยิว) แต่ก็ยังมีคนรู้ความจริง ถ่ายออกไปและส่งผ่านมือถือไปทั่วโลก นักข่าวเสียชีวิตจากเหตุการณ์ล่าสุดไปแล้ว 57 คน ทั้งนักข่าวของปาเลสไตน์และยุโรป (การฆ่านักข่าวถือเป็นความผิดในสงคราม)
ในปี 1948 แผ่นดินนั้นเป็นของปาเลสไตน์ทั้งหมด พอหลังสงครามโลก อังกฤษกับอเมริกาก็ให้ไปตั้งเป็นประเทศอิสราเอล เป็นพื้นที่เล็กๆ เกิดสงครามทำให้ยิวยึดครองพื้นที่เกือบหมด เหลือที่ให้ปาเลสไตน์อยู่ 2 จุด และกั้นรั้วรอบสูง 4 เมตร มีประตูเข้าออก 2 ทาง จึงเรียกว่า “คุกฉนวนกาซา” พื้นที่เท่ากับจังหวัดสมุทรสงคราม มีคนอยู่ 1,800,000 คน 75% เป็นเด็กและผู้หญิง เพราะคนปาเลสไตน์หนีไปอยู่ประเทศอื่น คนที่อยู่ไม่รู้จะไปไหนแล้ว สถิติเด็กเกิดใหม่เสียชีวิตสูงที่สุดในโลกอยู่ที่นี่ เพราะไม่ให้ส่งเครื่องมือการแพทย์/ยา
ส่วนคนปาเลสไตน์ที่อยู่เขตเวสต์แบงค์ ทำตามนโยบายของอิสราเอล มัสยิดอัลอักซออยู่ที่นี่ หากอยู่ที่กาซาอาจถูกระเบิดแล้ว
ถ้าฮามาสไม่ออกมา ก็ตายแบบที่ไม่มีใครรู้ความจริง
กฎหมายสหประชาชาติออกมติมา 8 ฉบับ 1.รื้อรั้ว นิคมของชาวยิวที่ถูกสร้างให้รื้อ 2.ให้ส่งเวชภัณฑ์ ไม่ทำตาม เพราะในกลุ่มนี้ ประเทศมีอำนาจเพียงประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ จีน รัสเซีย
สงครามครั้งนี้ ประชาชนในทุกประเทศออกมาประท้วง รวมทั้งคนในอังกฤษและอเมริกาด้วย
“บรรดาผู้ที่เราให้พวกเขามีอำนาจในแผ่นดิน คือบรรดาผู้ที่ดำรงการละหมาด และบริจาคซะกาตและใช้กันให้กระทำความดี และห้ามปรามกันให้ละเว้นความชั่ว และบั้นปลายของกิจการทั้งหลายย่อมกลับไปหาอัลลอฮฺ” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลฮัจญฺ 41)
กลุ่มฮามาส คือประชาชนชาวปาเลสไตน์ ที่เป็นผู้ชายมาเป็นรัฐบาล มาจากเด็กๆ ที่พ่อแม่เสียชีวิตจากการถูกฆ่าเหมือนเช่นเหตุการณ์ปัจจุบัน อิสราเอลทำอย่างนี้มา 75 ปีแล้ว ฆ่าคนปาเลสไตน์แล้วยึดดินแดนมาเป็นของตัวเอง กลุ่มฮามาสทำหน้าที่ปกป้องประชาชนของเขามาโดยตลอด
ได้รับเลือกตั้งจากประชาชนอย่างโปร่งใส ประชาชนเรียกรัฐบาลขึ้นมาปกครองโดยคะแนนเสียงท่วมท้น ปัจจุบันปกครองอยู่ในพื้นที่กาซา กลุ่มฮามาสก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1987 ปกครองยาวนาน 36 ปี
พัฒนาทุกด้าน มีมหาวิทยาลัยที่มีคุณภาพ พยายามสร้างและพัฒนาทุกอย่าง ดูแลประชาชนในพื้นที่ทั้งหมด ผู้นำฮามาสพัฒนารัฐปาเลสไตน์ทุกด้าน ไม่ใช่แค่เรื่องทหาร มหาวิทยาลัยอิสลามกาซ่ามีความเจริญ เป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมอิสลาม และวิชาการด้านต่างๆ
ฝึกเยาวชนเตรียมเป็นพลทหารนักรบ ผู้นำฮามาสจัดตั้งกองทหารนักรบ ส่งไปฝึกทหารที่อิหร่าน (กลุ่มฮามาสเป็นมุสลิม ซุนนีย์ แม้อิหร่านจะเป็นมุสลิม ชีอะห์ แต่ก็ไม่ได้ให้เป็นชีอะห์ตามเขา) จะเป็นนักรบได้ต้องมีเงื่อนไข ละหมาดตะฮัดยุด ท่องจำอัลกุรอานได้ และมีเนียตทำเพื่ออัลลอฮฺเท่านั้น
ใช้วิธีรบแบบท่านรอซูล วิถีแบบบุรุษ วิธีรบแบบรอซูล คือ รบในพื้นที่ห่างไกลชุมชน แต่เมื่อถูกรุกรานก็ต้องปกป้องประชาชนให้ถึงที่สุด ในขณะเดียวกันเมื่อจับเชลยศึกได้ก็ต้องดูแลให้ดี ให้เกียรติ
เคยใช้วิธีระเบิดพลีชีพไป 1 ครั้ง ผ่านการฟัตวา (คำตัดสินที่เป็นทางการ) จากผู้รู้ที่เชี่ยวชาญกฎหมายชารีอะห์ (หลักกฎหมายอิสลาม) สาเหตุเพราะถูกรุกรานมากเกินไป และเลือกสถานที่ที่ทหารอยู่เยอะ แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้ใช้วิธีนี้อีกเลย
"และแท้จริง ไพร่พลของเรานั้น สำหรับพวกเขาจะเป็นผู้มีชัยชนะ" (ตัฟซีร: คือไพร่พลของเราที่เป็นมุอฺมินนั้น สำหรับพวกเขาจะได้รับชัยชนะทั้งในดุนยาและอาคิเราะฮฺ ในโลกดุนยาได้รับชัยชนะด้วยหลักฐานและข้อพิสูจน์ ส่วนในโลกอาคิเราะฮฺด้วยการเข้าสวนสวรรค์)
(อัลกุรอานซูเราะฮฺอัศศ็อฟฟาต 173
(ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ ประเทศไทย)
7. เป็นฝ่ายรุกเมื่อวันที่ 7 ต.ค.66 แต่ถูกมองว่าก่อการณ์ร้าย
ตอนนี้ประชาคมรู้แล้วว่า ปาเลสไตน์ถูกรุกราน 75 ปีไม่มีใครช่วยเขาได้เลย เขาจึงต้องปกป้องตนเอง จากการถูกกดดันของอิสราเอลที่ใช้วิธีสร้างกำแพงปิดล้อมกาซ่า ไม่ให้ส่งยา อาหาร สาธารณูปโภคเข้าไป มี 2 ประตู ประตูหนึ่งเข้าอียิปต์ อีกประตูเข้าอิสราเอล
ทหารอิสราเอลทำร้ายมุสลิมที่ไปทำอิบาดะห์ในมัสยิดอัลอักซอในขณะถือศีลอดเมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา ไม่ทำตามมติ UN ที่ห้ามสร้างบ้าน ห้ามสร้างนิคม ให้รื้อรั้ว เพราะสมาชิกความมั่นคงถาวรส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การนำของชาวยิว (ชาวปาเลสไตน์ถูกขังเหมือนอินเดียนแดงที่ถูกอเมริกันขัง)
คนไทยที่ไปทำงานที่อิสราเอล ยังมีที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากอิสราเอล เพราะเขาต้องการให้เป็นหนึ่งในตัวประกันเกิดกระแสต่อต้าน
กลุ่มฮามาสจำเป็นต้องใช้วิธีฝ่าวงล้อม และเพื่อรักษามัสยิดอัลอักซอให้สามารถทำอิบาดะห์ได้ จึงจำเป็นต้องดำเนินการรบ
8. ประชาชนไม่เคยโทษฮามาสที่มีสงคราม
เหตุการณ์ 7 ต.ค.66 และหลังจากนั้นเป็นผลให้มีเด็กเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เพราะขาดอาหาร ยา และสาธารณูปโภค
ประชาชนกาซาส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง คนป่วย คนแก่ เกิดการตายและถูกจับเป็นเชลยเป็นจำนวนมาก แต่พวกเขาไม่เคยตำหนิฮามาส และรู้ว่าเพราะวิธีการรบที่ไม่คำนึงถึงมนุษยชนของอิสราเอล จึงเป็นแบบนี้
"และจงกล่าวเถิด เมื่อความจริงปรากฏขึ้นและความเท็จย่อมมลายไป
แท้จริงความเท็จนั้นย่อมมลายไปเสมอ"
(อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลอิสรออฺ 81)
9. ข่าวเท็จไม่นาน ความจริงถูกเปิดเผย
ถูกใส่ร้ายว่ากลุ่มฮามาสไปที่คอนเสิร์ตแล้วไปฆ่าคน คนที่ยิงคือกองทัพอากาศอิสราเอล ที่เอาเฮลิคอปเตอร์มายิง จะมาไล่ยิงฮามาส แต่ยิงเข้าไปที่คน มีคนตายจำนวนมาก เพราะฮามาสบอกชัดเจนว่าเขาสู้กับใคร 500 ศพแรกคือ ทหารผ่านศึกของกองกำลังป้องกันอิสราเอล IDF ล้วนๆ
เหตุการณ์ล่าสุดที่จับเชลยรวมถึงคนไทย ซึ่งจะมีการปล่อยเชลยที่เป็นคนไทยทุกคน เพราะไม่เกี่ยว แต่ ณ ตอนมีสงคราม เขากวาดใครได้ เขากวาดเข้าไปหมด ที่เขายังไม่ปล่อยก่อนหน้านี้ เพราะเกรงว่าอิสราเอลจะยิงแล้วจะใส่ร้ายฮามาสอีก แล้วก็อ้างว่าเป็นผู้ก่อการร้าย
ทุกอย่างที่บอกว่าคนอื่นเป็นก่อการร้ายหมด เพราะว่ากลุ่มไซออนนิสต์ (อิสราเอล) และพรรคพวกคืออเมริกาและตะวันตกใส่ร้ายคนอื่นหมด ความจริงที่เราเห็นคือ การฆ่าเด็ก การถล่มโรงพยาบาลในกาซา คนพวกนี้ต้องการจะยึดโลก ไม่ใช่มุสลิม
รายงานจากท่านสะอัด บิน อบีวักกอศ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่าท่านได้ถามท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมว่า “ใครคือผู้ที่ถูกทดสอบมากที่สุด?”
ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมกล่าวว่า “คือบรรดานบีต่างๆ หลังจากนั้นก็คือผู้ที่ใกล้เคียงนบีที่สุดกับบรรดานบี
บุคคลหนึ่งจะถูกทดสอบตามระดับการยึดมั่นในศาสนาของเขา หากเขาเข้มแข็งในศาสนา เขาก็จะถูกทดสอบหนัก และหากการยึดมั่นของเขาอ่อน เขาก็จะถูกทดสอบตามระดับการยึดมั่นในศาสนาของเขา บะลาอฺ การทดสอบจะประสบแก่มนุษย์จนทำให้เขาเดินอยู่บนหน้าแผ่นดินโดยไม่มีบาปกรรมใดเหลืออยู่อีก”
(หะดีษ สุนัน อัต-ติรมิซีย์ เลขที่ 2398
อิมาม อัต-ตัรมิซีย์ กล่าวว่าเป็นหะดีษที่หะสันเศาะฮีหฺ)
10. นี่คือความจริงที่หลายคนยังไม่รู้ "สงสัยมั้ย..ทำไมสงครามนี้เลือกทำร้ายเด็ก??"
"พี่น้องชาวกาซ่า ถูกต่อต้าน เพราะเขาปกป้องรักษากุรอาน 2 ล้านกว่าคน เยาวชนชาวกาซ่าส่วนใหญ่เป็นฮาฟิซกุรอาน (ท่องจำอัลกุรอานทั้งเล่ม) ทำไมยิวต้องไปเข่นฆ่าเด็กที่ท่องจำอัลกุรอาน เด็กพวกนี้ 40 ปีที่แล้ว ยังไม่มีฮามาส เด็กๆ เขาถือก้อนหินขว้างรถถัง เพราะเขาเชื่อว่าเขาชนะได้ เพราะเขามีอัลกุรอาน ปัจจุบันคือแกนนำของฮามาส ทุกคนท่องจำอัลกุรอานทั้งเล่ม รวมทั้งผู้นำกลุ่มฮามาสที่เพิ่งเสียชีวิตไป มุสลิมทั่วโลกไม่ได้โดนบททดสอบขนาดนี้ เพราะในฉนวนกาซ่า เป็นพื้นที่ไม่มีสิ่งอบายมุข มุสลิมะห์ทุกคนแต่งชุดฮิญาบ ไม่มีใครกล้าขายยาเสพติด ทั้งชุมชนใส่ใจอัลกุรอาน"
ส่วนหนึ่งจากเนื้อหาในยูทูบ หัวข้อ สลามชาวกาซ่า (บรรยายเมื่อ 10/08/67)
ทำไมอัลกุรอานจึงสำคัญ??
เพราะในนั้นมีความจริงทั้งหมด ตั้งแต่ใครสร้างมนุษย์ ใครสร้างโลกและจักรวาล ธรรมชาติที่มนุษย์เรียก นั้นคือระบบที่พระเจ้าสร้าง ทำไมมีนักวิทย์หลายคนเมื่อทดลองแล้วมาอ่านอัลกุรอานจึงรับอิสลาม และความจริงอีกหลายข้อที่วิทยาศาสตร์ยังหาคำตอบไม่ได้
จริงๆ แล้วเราเกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน วิธีไหนที่จะปกป้องให้รอดพ้นจากนรก ทำดีแบบไหนจึงจะเข้าสวรรค์ และเหตุการณ์ก่อนวันสิ้นโลกมีอะไรบ้าง ในอัลกุรอานบอกหมด
และหนึ่งในนั้นที่ยิวกลัวคือ เขากลัวว่าคนจะรู้ว่า อิสลามคือศาสนาที่แท้จริงที่มีมาตั้งแต่แรก ตั้งแต่มีอาดัมมนุษย์คนแรกของโลก และยิวต้องการรบกับมุสลิมเพื่อล้างเผ่าพันธุ์ไม่ให้มีใครปกป้องอัลกุรอานได้ แต่ไม่มีใครเปลี่ยนกำหนดของพระเจ้าผู้สร้างโลกและจักรวาลใบนี้ได้
รีบค้นหาความจริง ก่อนที่จะถึงวันสิ้นโลก ซึ่งใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว อย่าเพิ่งตัดสินฮามาสหากยังไม่รู้ความจริง เพราะเราต้องรับผิดชอบในทุกการกระทำ แม้จะเป็นคำพูด/ข้อความลอยๆ ก็ตาม
ส่วนมุสลิมเดิม รีบเตาบะฮฺ (กลับเนื้อกลับตัว) ศึกษาอัลกุรอานและหะดีษ อย่าให้แพ้ชาวกาซ่าที่ท่องจำได้ อย่างน้อย เราก็ศึกษาแล้วปฏิบัติตามคำสั่งใช้เท่าที่มีความสามารถ ก่อนที่วันกิยามะฮฺเล็กจะมาถึง (วันเสียชีวิต กลับไปหาอัลลอฮฺ) และก่อนเหตุการณ์ใหญ่วันกิยามะฮ์ใหญ่ (วันสิ้นโลก) จะมาถึง ซึ่งตอนนั้นโอกาสในการศึกษาเรียนรู้ศาสนานั้นยากกว่าในตอนนี้
“โอ้ บรรดาผู้ศรัทธา ข้าจะชี้แนะแนวทางแก่พวกเจ้าไหมเล่า ถึงการค้าที่จะช่วยพวกเจ้าให้พ้นจากการลงโทษอันเจ็บปวด นั้นคือพวกเจ้าต้องศรัทธาต่ออัลลอฮฺและร่อซูลของพระองค์ และต่อสู้ดิ้นรนในทางอัลลอฮฺ ด้วยทรัพย์สินของพวกเจ้าและชีวิตของพวกเจ้า นั่นเป็นการดียิ่งสำหรับพวกเจ้าหากพวกเจ้ารู้
พระองค์จะทรงอภัยให้แก่พวกเจ้า ซึ่งการทำบาปของพวกเจ้า และจะทรงให้พวกเจ้าเข้าในสวนสวรรค์หลากหลาย มีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน ณ เบื้องล่างของสวนสวรรค์ และที่พำนักอันบรมสุขในสวนสวรรค์หลากหลายอันสถาพร นั่นคือชัยชนะอันใหญ่หลวง และสิ่งอื่นๆ อีกที่พวกเจ้ารักชอบมันการช่วยเหลือจากอัลลอฮฺและการพิชิตอันใกล้นี้และจงแจ้งข่าวดีแด่บรรดาผู้ศรัทธาเถิด”
(อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัศศ็อฟ 10-13)
นักวิชาการมุสลิมกล่าวว่า เราสามารถมีส่วนร่วมในการญิฮาดครั้งนี้ได้
ระดับการญิฮาด มี 3 ระดับ
1) ญิฮาดด้วยการต่อสู้ ด้วยกำลังและอาวุธ และตายชะฮีด
2) ประกาศมาจากการรู้ข้อมูล (อีมานเข้มแข็งระดับ 2)
3) ขอดุอาอฺ
ชีวิตของผู้ศรัทธา ถ้าไม่ได้ผูกพันไว้กับการต่อสู้การญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺ (ซ.บ.) เป็นชีวิตที่ไร้ความหมาย ต่อสู้ในทุกรูปแบบ แต่ต้องเป็นการต่อสู้ในหนทางของพระองค์ (ญิฮาด) เช่น
ต่อสู้ดิ้นรนทำมาหากินเพื่อแสวงหาริสกีที่ฮาลาล หลีกเลี่ยงจากริสกีที่หะรอม
ต่อสู้เพื่อดูแลครอบครัวตัวเอง เลี้ยงลูกให้อยู่ในกรอบของศาสนา
ต่อสู้ปกป้องอิสลาม ปกป้องชีวิตของตัวเอง ปกป้องศักดิ์ศรีเกียรติยศของตัวเอง มิให้ใครเสียดสีละเมิดล่วงเกิน
การต่อสู้เพื่อประกาศความจริง ถึงจะเสียชีวิต ถึงจะถูกรังแก ถูกเหยียดหยาม เพื่อให้ความจริงได้ปรากฏ
นบีมุฮัมมัด (ซ.ล.) กล่าวว่า “ผู้ใดเสียชีวิตเพราะปกป้องทรัพย์สินของตัวเอง เขาเหล่านั้นเป็นชะฮีด” และ “ญิฮาดที่ประเสริฐที่สุด สูงสุด คือ การพูดความจริงคนเดียว ต่อหน้าผู้นำ ผู้ปกครองที่อธรรม”
“คนที่ญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺ ถือว่าเป็นคนที่กำลังลงทุนทำธุรกิจ ทำการค้ากับอัลลอฮฺ” ลงทุนกับอัลลอฮฺ มีกำไรแน่นอน สิ่งที่เราจะได้ อัลลอฮฺได้สัญญาไว้กับผู้ศรัทธา
ได้ชัยชนะ ได้อยู่ข้างเคียงกับความจริงและสัจธรรม เท่ากับอยู่ข้างเคียงกับอัลลอฮฺ (ซ.บ.)
ถ้าสูญเสียสิ่งหนึ่งสิ่งใด เช่น ชีวิตของตัวเอง ทรัพย์สิน ลูกหลาน หรืออะไรก็ตาม สิ่งที่สูญเสียนั้น อัลลอฮฺจะทดแทน
“โอ้ บรรดาผู้ศรัทธา ! จงเป็นผู้ช่วยเหลือในทางของอัลลอฮฺ ดังเช่น อีซา อิบนฺมัรยัมได้กล่าวแก่บรรดาสาวกว่า ผู้ใดจะเป็นผู้ช่วยเหลือฉันไปยังอัลลอฮฺบ้าง? บรรดาสาวกได้กล่าวว่า พวกเราเป็นผู้ช่วยเหลือในทางของอัลลอฮฺ ดังนั้นกลุ่มหนึ่งจากวงศ์วานของอิสรออีลได้ศรัทธา และอีกกลุ่มหนึ่งได้ปฏิเสธศรัทธา แต่เราได้ช่วยเสริมสร้างกำลังแก่บรรดาผู้ศรัทธาให้เหนือกว่าศัตรูของพวกเขา แล้วพวกเขาก็กลายเป็นผู้มีชัยชนะ”
(อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัศศ็อฟ 14)
อัลลอฮฺ (ซ.บ.) สัญญาไว้ ผู้ที่จะมาแถลงความจริงของสัญญาของอัลลอฮฺ คือ อิบลีส ในวันกิยามะฮฺ “โอ้ มนุษยชาติทั้งหลาย แท้จริงพระเจ้าของพวกเรา คือ อัลลอฮฺ ได้สัญญาที่สัจจริง”
ในเหตุการณ์ปาเลสไตน์-มัสยิดอัลอักซอ อัลลอฮฺได้ทรงสัญญาไว้
อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ยืนยันว่า “บ่าวของพระองค์จะกลับมาพิชิตมัสยิดอักซอ และเข้าไปละหมาดที่มัสยิดอักซอ แล้วจะสังหารยิวให้สิ้นซาก” (อายะห์อัลกุรอานนี้ถูกประทานลงมาตอนสมัยนบีมุฮัมมัด (ซ.ล.) ซึ่งตอนนั้นยังไ่ม่ได้ถูกพิชิต ถูกพิชิตครั้งแรกในยุคอุมัร อิบน์ อัลค็อฏฏอบ หลังจากนั้นถูกยึดไปอีก เช่น คริสต์ ยิว)
“บ่าวของพระองค์จะทำให้พวกเขา (ยิว) อับอาย ขายหน้าชาวโลกทั้งหมด และให้พวกเขาเข้ามัสยิดอักซอ เฉกเช่นที่เขาเข้าครั้งแรกตอนถูกพิชิตครั้งแรก” (ทหารอันดับ 4 ของโลก กลุ่มถืออาวุธเล็กๆ สามารถจะสังหารกองทัพหน่วยหนึ่ง 3,000 คน สื้นซาก ซึ่งเป็นหน่วยทหารที่เก่งที่สุดของยิว เก่งที่สุดในโลก)
เพียงชาวปาเลสไตน์คนหนึ่งที่ยังยืนหยัดบนแผ่นดินปาเลสไตน์ ไม่ยอมถูกขับไล่ เขาเหล่านั้นกำลังเฝ้าระวัง เป็นตำแหน่งญิฮาดที่สูงส่ง และนบีมุฮัมมัด (ซ.ล.) กล่าวว่า “เพียงเวลาชั่วคราว ดีกว่าได้ผลบุญของลัยลาตุลกอดรฺต่อหน้ากะบะห์”
หากเราอยู่ที่นั่นเอง แล้วรู้ว่า มุสลิมที่อยู่ตามมุมต่างๆ ทั่วโลก ไม่ได้ทำอะไรให้เราในฐานะพี่น้องมุสลิมเลย เราจะรู้สึกอย่างไร อย่าให้เวลาผ่านไป แล้วเสียใจที่ไม่ได้ทำความดีอะไรเพื่ออัลลอฮฺเลย
ภาพนี้เป็นเพียงภาพประกอบ ไม่มีต้นฆ็อรกอดในภาพ
“แท้จริง ความรู้เรื่องยามอวสานอยู่ที่อัลลอฮฺ พระองค์ทรงส่งฝนลงมาและทรงรู้ว่าอะไรอยู่ในครรภ์ ไม่มีใครรู้ว่าตัวเองจะได้อะไรในวันพรุ่งนี้ และไม่มีใครรู้ว่าตัวเองจะตายที่ใด แท้จริง อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง ผู้ทรงตระหนัก”
(อัลกุรอาน ซูเราะฮฺลุกมาน 34)
1. มุสลิมจะต่อสู้กับทหารยิว
ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ยามอวสานจะยังไม่เกิดขึ้นจนกว่าพวกท่านจะต่อสู้กับพวกยิว และหินที่พวกยิวแอบอยู่ข้างหลังมันจะกล่าวว่า “โอ้ มุสลิม มียิวคนหนึ่ง แอบอยู่ข้างหลังฉัน มาฆ่าเขา” ยกเว้น ต้นฆ็อรกอด ซึ่งเป็นต้นไม้ของพวกยิว” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 3326) ยิวรู้เรื้องนี้ ปลูกต้นไม้นี้ไว้แล้ว เพื่อเป็นที่หลบ
2. นบีอีซา จะลงมาจากฟากฟ้า หักไม้กางเขน และฆ่าหมู
ท่านรอซูลุลลอฮฺ กล่าวว่า “ขอสาบานด้วยอัลลอฮฺ ลูกชายของนาง มัรยัม (หมายถึงอีซา) จะลงมายังพวกท่านในไม่นานนี้ และจะพิพากษามนุษย์อย่างยุติธรรม เขาจะหักไม้กางเขน และจะฆ่าหมู และยกเลิกญิซยะฮฺ อูฐจะถูกทิ้งไว้ตามลำพังโดยไม่มีใครสนใจมัน หลังจากนั้น จะไม่มีความเกลียดชัง ไม่มี ความอิจฉาริษยาหรือความขัดแย้ง เงินทองจะมีมากมาย และจะไม่มีใครรับสิ่งของที่ให้เป็นทาน" (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 2222)
3. ชาวคริสต์เข้ารับอิสลาม เมื่อนบีอีซา (เยซู) ประกาศสัจธรรม
ชาวคริสต์จะได้รู้ความจริงจากนบีอีซาว่า เยซูที่เขานับถือคือ นบีอีซา ณ ตอนที่ถูกตรึงไม้กางเขน อัลลอฮฺให้คนที่มีใบหน้าคล้ายนบีอีซาถูกตรึงแทน และยกนบีอีซาขึ้นไปบนสวรรค์โดยไม่ได้เสียชีวิต และเขาไม่ใช่พระเจ้า เป็นเพียงศาสดาเผยแพร่อิสลาม แต่คัมภีร์ใบเบิล (เดิมคือคัมภีร์อินญีล) ถูกบิดเบือนผิดจากความจริง
“และในทำนองนั้นเราได้เปิดเผยแก่พวกเขาเพื่อพวกเขาจะได้รู้ว่าสัญญาของอัลลอฮฺนั้นเป็นจริง และแท้จริงวันสิ้นโลกนั้นมีจริง ไม่ต้องสงสัยเลย”
(อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลกะฮฺฟฺ 21)
4. จะปกครองโดยกุรอาน และซุนนะฮฺนบีมุฮัมมัด
ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “พวกท่านจะเป็นอย่างไรเมื่อลูกชายของนางมัรยัมลงมายังพวกท่าน และปกครองพวกท่าน?” นาฟิอฺกล่าวว่า อบูฮุร็อยเราะฮฺพูดว่า “และจะปกครองโดยกุรอาน” อิบนุอบูชิกล่าวว่า "จะปกครองโดยกุรอาน และซุนนะฮฺของท่านนบีมุฮัมมัด" (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 3449)
5. เมื่อความจริงปรากฏ ความเท็จมลายไป คนรับอิสลามจำนวนมาก
“เมื่อความช่วยเหลือของอัลลอฮฺ และการพิชิตได้มาถึงแล้ว และเจ้าได้เห็นประชาชนเข้าในศาสนาของอัลลอฮฺเป็นหมู่ๆ ดังนั้นจงแซ่ซ้องสดุดีด้วยการสรรเสริญพระเจ้าของเจ้า และจงขออภัยโทษต่อพระองค์เถิด แท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษเสมอ” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอันนัศรฺ 1-3)
6. ฟิตนะฮฺ (ความปั่นป่วนวุ่นวาย) ก่อนวันสิ้นโลก และสัญญาณใหญ่วันอวสาน (วันสิ้นโลก) (อ่านเพิ่มเติม)
อ้างอิง ถอดเทปและสรุปจากคลิปบรรยาย
การทำลายปาเลสไตน์ ก่อตั้งรัฐยิว (18 มี.ค.2555) วาทะผู้นำอิสราเอล
สารคดีปาเลสไตน์ (คลิปสั้นจากบรรยายข้อ 3)
การสิ้นสุดของรัฐยิว สู่อรุณรุ่งของโลกใบใหม่ (2 ธ.ค.2560)
มิติซ่อนเร้น ยิว-ปาเลสไตน์ (8 พ.ย. 2566)
ปาเลสไตน์ จะอยู่ในแผนที่โลกหรือไม่ (12 พ.ย.2566)
คุก...ฉนวนกาซ่า (19 พ.ย. 2566)
24/11/2023 (รายการโตตาล)
สถานการณ์โลกมุสลิม โดย ดร ศราวุฒิ อารีย์ (2 พ.ย. 2567)
“และบรรดาวันเหล่านั้นเราได้ให้มันหมุนเวียนไประหว่างมนุษย์ (ตัฟซีร: ทรงให้แต่ละฝ่ายชนะบ้าง แพ้บ้าง ทั้งนี้เป็นไปตามกฎสภาวการณ์ของพระองค์) และเพื่ออัลลอฮฺจะได้ทรงรับรู้บรรดาผู้ที่ศรัทธา”
อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอาลิอิมรอน 140
(ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ ประเทศไทย)
เป็นโอกาสในการรีบเตาบะฮฺตัว เป็นเหมือนสัญญาณเตือนใกล้ถึงวันกิยามะฮฺ ละทิ้งวัฒนธรรมตะวันตก กลับมาศึกษาอัลกุรอาน-หะดีษ เลิกทำบาป
ช่วยกันเตือน ก่อนจะสายไป หากเราอยู่ในชุมชนที่มีฟิตนะห์ หากรู้สาเหตุ เห็นคนทำผิด ช่วยบอกเขา หากเราไม่ทำหน้าที่มุสลิมที่ดี อัลลอฮฺอาจให้คนอื่นมาทำหน้าที่แทน วัลอิยาซุบิลลาฮฺ มีคนเข้ารับอิสลามที่ทำหน้าที่ดูแลสังคมได้ดี
อย่าตัดสิน หรือวิจารณ์แรง หากไม่รู้จริง เพราะเป็นพระประสงค์ของอัลลอฮฺ ทุกเหตุการณ์ที่เกิด มีฮิกมะห์ (ความดี วิทยปัญญา) ซ่อนอยู่ อยู่ในความรอบรู้ของพระองค์ ความจริงคืออะไร ดูที่การกระทำ อย่าฟังที่คำคน
ช่วยกันดุอาอฺให้มุสลิมได้รับชัยชนะ สัจธรรมปรากฏ ช่วยกันดุอาอฺตามข่าวรายวันให้ผ่านพ้นไปในแต่ละสถานการณ์ เรามุสลิมควรมีความหวังเหนือบรรดาศัตรูผู้รุกราน เพราะเรามีอัลลอฮฺ มีดุอาอฺที่อัลลอฮฺให้เป็นอาวุธ อย่าไปดุอาอฺสาปแช่งถึงครอบครัวเขา เพราะบางครอบครัวอาจมีทั้งคนต่างศาสนิก มุสลิม และมุนาฟิก บางคนไม่รู้ตัว หรือกรณีคนยิวไม่ดี เขาอาจได้รับฮิดายะห์ (ทางนำ) อินชาอัลลอฮฺ ดุอาอฺสำคัญ อัลลอฮฺจะทรงให้ทางนำ ว่าทำอะไรได้บ้าง
ญิฮาดในแบบที่ทำได้ ความช่วยเหลือจากอัลลอฮฺมาตลอด หวังให้ชนะ ก็ต้องทำอัสบาบ(สาเหตุ) หรือแชร์ข้อเท็จจริงแต่ไม่มีภาพสิ่งมีชีวิต/ไม่มีภาพสัญลักษณ์ศาสนาอื่น ไม่ใส่ธงหรือโลโก้เพราะมีการให้ความหมาย หมิ่นเหม่ชีริค ก็เป็นการญิฮาด รบแบบไม่ลงสนาม ใช้ข้อความ-ความจริงแทน ถูกต้องตามหลักการศาสนา ไม่มีชัยฏอนแทรก
ถ้าทำความดี อัลลอฮฺจะทรงให้ง่ายดาย ความช่วยเหลือของอัลลอฮฺจะมา เมื่อเราทำตามหลักการศาสนา เช่น ไอเดีย/ทางออกที่เหมาะสม ความร่วมมือของมุสลิม อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเป็นเจ้าของหัวใจมนุษย์ จะพลิกหัวใจ หรือจะให้มุสลิมมีหัวใจเป็นหนึ่งเดียวกัน ลงสนามรบอย่างกล้าหาญ เป็นไปได้หมด วัลลอฮุอะอฺลัม อ่านเป้าหมายที่แท้จริงของการญิฮาด <คลิก>
"ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลาย และศรัทธาในสิ่งที่ถูกประทานแก่มุฮัมมัด และว่าอัลกุรอานนั้นเป็นสัจธรรมมาจากพระเจ้าของพวกเขา พระองค์จะทรงลบล้างความชั่วของพวกเขา ให้ออกไปจากพวกเขาและจะทรงปรับปรุงสภาพของพวกเขาให้ดีขึ้น"
(อัลกุรอาน ซูเราะฮฺมุฮัมมัด 2)
นักวิชาการอิสลามมองว่า ในวิกฤตคือโอกาส การที่อิสราเอลเข้ามาอยู่ใกล้มุสลิม ทำร้ายมุสลิม นั่นคือ
โอกาสที่มุสลิมจะได้ง่ายต่อการต่อสู้ และประกาศสัจธรรม เราไม่ได้ประกาศด้วยคำพูด แต่ใช้การกระทำ ดังเช่นรอซูล เพราะคนเราถ้าดีจริง เขาจะไม่พูด แต่ลงมือทำ จะไม่วิจารณ์คนอื่นให้เขาเสียหาย จะไม่มาบอกว่าตัวเองดีอย่างไร เพราะกลัวว่าที่ทำไปจะฟาล์ว ถ้าทำเพื่ออัลลอฮฺหัวใจต้องอิคลาศ ไม่งั้นทำไปก็ไม่ได้ผลตอบแทน และเสี่ยงตกนรก เพราะโอ้ออวด วัลอิยาซุบิลลาฮฺ
โอกาสที่จะได้รู้จักตัวตนกลุ่มฮามาส คนไทยที่ยังไม่ได้กลับ ที่อาจถูกจับเป็นเชลย เป็นโอกาสที่จะได้รู้จักตัวตนว่าเขาปฏิบัติต่อเชลยดีจริงอย่างที่เห็นในข่าวหรือไม่
โอกาสสำหรับทุกคนในการเตาบะฮฺตัว เตือนให้รีบทำความดีเพื่ออัลลอฮฺ
เพื่อจะได้ไม่เจอกับวันแห่งความเสียใจ วันแห่งการสอบสวน ที่บ่าวที่ดีจะเสียใจที่ไม่ได้ทำดีมากกว่านั้น ผู้ที่ไม่ศรัทธาจะเสียใจ ไม่สำนึกในความเมตตาของพระองค์ วัลอิยาซุบิลลาฮฺ
เพื่อจะได้ไม่เสี่ยงต่อการเจออะซาบ (การลงโทษของพระองค์) เพราะในชุมชนทำความผิดมาก ไม่ได้เตือนกัน ขอดุอาอฺให้ห่างไกลจากอะซาบ อัลลอฮฺให้ดุอาอฺทำหน้าที่ยับยั้งเกาะฎออฺ พ้นเกาะดัรฺได้
ทำไมขอดุอาอฺไป ยังไม่ถูกตอบรับ กลับมาเช็คว่า บาปใด เรายังไม่เตาบะฮฺ บาปเล็กทำบ่อยเป็นบาปใหญ่ ซื้อของหะรอมก็มีผลกับดุอาอฺ
“และผู้ใดผินหลังจากการรำลึกถึงพระผู้ทรงกรุณาปราณี เราจะให้ชัยฏอนตัวหนึ่งแก่เขา แล้วมันก็จะเป็นสหายของเขา และแท้จริง พวกมันจะขัดขวางพวกเขาออกจากทางที่ถูกต้อง แต่พวกเขาคิดว่า พวกเขานั้นอยู่ในแนวทางที่ถูกต้องแล้ว จนกระทั่งเมื่อเขาได้มายังเรา (ในวันกิยามะฮฺ) เขาจะเปรยขึ้นว่า อนิจจา ถ้าระหว่างฉันกับเจ้ามีระยะทางห่างกันเช่นทิศตะวันออกกับทิศตะวันตกก็จะดี ชั่วช้าแท้ ๆ สหายเช่นนี้ และในวันนี้มันจะไม่เกิดผลอันใดเลยแก่พวกเจ้า เพราะพวกเจ้าได้อธรรม (แก่ตัวเอง) แม้ว่าพวกเจ้าจะมีหุ้นส่วนร่วมกันในการได้รับโทษก็ตาม”
(อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัซซุครุฟ 36-39)
1. สาเหตุของความปั่นป่วนวุ่นวายมาจากชัยฏอน
เรามองไม่เห็นชัยฏอน แต่ชัยฏอนเห็นเรา และมีความสามารถทำอันตรายร่างกายและสมอง สายตาริษยาของชัยฏอนมีผลต่อชีวิตทุกด้าน เหมือนคนที่มีสายตาริษยาอยากจะให้คนหนึ่งป่วยจนทำงานไม่ได้ วัลอิยาซุบิลลาฮฺ
บางคนเจ็บป่วยทั่วไป แต่บางคนป่วยทางใจหรือมีบุคลิกเปลี่ยนไป นั่นคือบททดสอบวัดใจ จะเลือกไปทางไสยศาสตร์ หรือจะเข้าหาศาสนา เป็นความเมตตาของพระองค์ที่จะให้เราบริสุทธิ์ กลับตัวเร็วๆ วัลลอฮุอะอฺลัม
ชัยฏอนชอบกระซิบกระซาบในใจเราซ้ำๆ ให้คนๆ หนึ่งจากจิตใจดีกลายเป็นคนตะกั๊บโบ๊ร โอ้อวด (ชิริคซ่อนเร้น) พูดวิจารณ์ใส่ร้ายคนอื่นโดยไม่คิด และถึงขั้นวิจารณ์หลักการศาสนา และก็บอกว่าที่ทำน่ะถูกแล้ว หลอกล่อให้เราไม่เตาบะฮฺตัว ไม่ให้เราเข้าใกล้ศาสนา
ชัยฏอนชอบยุแยงใส่ร้าย ให้ระแวง ไม่ไว้ใจคนอื่น ให้ในครอบครัวทะเลาะกัน ทำงานไม่เป็นระบบ เล่นพรรคเล่นพวกในที่ทำงาน และยุแยงให้สร้างความปั่นป่วนในจังหวัด ประเทศ ไปจนถึงยุแยงใส่ร้ายข้ามประเทศ
ชัยฏอนชอบให้เราทำผิดหลักการศาสนา ถ้าเราไม่เรียนรู้ว่าศาสนาห้ามอะไรบ้าง ก็เข้าทางชัยฏอน เช่น การค้าขาย มันเริ่มตั้งแต่ยุให้ออกแบบสวยๆ แพคเกจดีๆ ใส่ภาพสิ่งมีชีวิต ติดป้ายใส่รูปคน สร้างแบรนด์ ใส่โลโก้แทนความหมาย พอค่าออกแบบแพง ก็ขึ้นราคาสิ ขายธรรมดาไม่ได้ ต้องใช้หลักการตลาดที่ไม่ซื่อตรง มีของแถม ให้รางวัล คอนเทนต์เกินจริง หมิ่นเหม่ชิริก แรกๆ ขายได้ เป็นบททดสอบ จากนั้นก็ขายไม่ได้ เพราะไม่มีบารอกะห์ ไม่ได้ทำอัสบาบให้ดี ไม่ทำให้สินค้ามีคุณภาพจริง และไม่ได้ขายในราคาที่เหมาะสม ที่สำคัญไม่ได้ทำหน้าที่หลักให้ดี นั่นคือ ทำอิบาดะห์อย่างสม่ำเสมอ (อิบาดะห์เป็นสาเหตุริสกี บารอกะห์ใหญ่อยู่ในอัลกุรอาน)
แบบทดสอบที่มาจากชัยฏอน จะเกิดได้ภายใต้อนุมัติของอัลลอฮฺเท่านั้น นั่นแสดงว่ามีฮิกมะห์ มีความดี มีเหตุผลซ่อนอยู่อย่างแน่นอน วัลลอฮุอะอฺลัม
“แท้จริงบรรดาผู้ผินหลังกลับของพวกเขาหลังจากที่แนวทางที่ถูกต้องเป็นที่ประจักษ์แก่พวกเขาแล้ว ชัยฎอนมารร้ายได้ล่อลวง พวกเขาได้ให้ความหวังแก่พวกเขา (ว่าจะมีชีวิตยืนนาน)”
(อัลกุรอาน ซูเราะฮฺมุฮัมมัด 25)
2. ภาพสิ่งมีชีวิตและภาพสัญลักษณ์ทางศาสนาคือที่อยู่ชัยฏอน
ชัยฏอนมีอยู่ทุกที่ แต่พอจะเดาได้ว่าเยอะมั้ยดูที่ภาพที่ศาสนาห้าม ยิ่งภาพเยอะ ชัยฏอนก็เยอะ ปัญหาความวุ่นวายก็เยอะตามมา และถ้าไม่แก้ที่ภาพสิ่งมีชีวิตนี้ ปัญหาก็ไม่จบ
ภาพสัญลักษณ์ศาสนาอื่น โดยเฉพาะเครื่องหมายบวก เริ่มแรกให้คนเห็นบ่อยจนชินว่าเป็นเรื่องปกติ ใส่เข้าไปในสินค้า พอเห็นบ่อยเข้า เราอาจเผลอเอามาใส่ในสินค้าเรา หรือกลายเป็นโลโก้ติดหน้าร้าน อันนี้ต้องระวัง เพราะชัยฏอนอยู่ในภาพนั้น
ภาพสิ่งมีชีวิตทุกภาพ แม้จะดูสวย น่ารัก เช่น ภาพการ์ตูน แต่มันมีชัยฏอน เราไม่ได้แค่สะสมภาพ แต่มันจะกลายเป็นดงชัยฏอนด้วย วัลอิยาซุบิลลาฮฺ ถ้าคิดงานไม่ได้ ปริ๊นท์งานไม่ออก ทำงานแล้วเกิดขัดข้อง ลองหันไปดูข้างๆ ว่ามีภาพพวกนี้มั้ย รีบเคลียร์นะ จะได้มีบารอกะห์ อินชาอัลลอฮฺ (ไอเดียดีๆ อัลลอฮฺจะให้มา เมื่อไม่มีชัยฏอนแทรก)
3. ลองสังเกตเสื้อผ้าที่เราใส่ ในห้องเรา บ้านเรา เจอของใช้มีภาพ จัดการภาพแบบรอซูล
หากเราสังเกตเห็นแล้วว่า ในบ้าน เมืองเรา มีฟิตนะห์ วุ่นวาย เพราะมีชัยฏอน มีภาพสิ่งมีชีวิตเยอะ ก็ไม่ใช่เวลามาโทษใคร เป็นเวลาที่ควรปรับปรุงแก้ไขเท่าที่ทำได้ รู้แล้วช่วยเตือนเพื่อพระองค์หรือยัง
ท่านหญิงอาอิชะฮฺ เล่าว่า : ท่านรอซูลุลลอฮฺกลับมาในตอนที่ฉันได้ติดม่านที่มีรูปบางอย่างไว้เหนือประตูห้องของฉัน เมื่อท่านรอซูลุลลอฮฺเห็น ท่านได้ดึงมันออกมาและกล่าวว่า “คนที่จะได้รับการลงโทษอย่างรุนแรงที่สุดในวันแห่งการฟื้นคืนชีพคือคนที่พยายามจะทำสิ่งถูกสร้างของอัลลอฮฺ” ดังนั้น เราจึงได้ตัดม่านนั้นมา เปลี่ยนเป็นหมอนหนึ่งหรือสองใบ
(หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 5954)
4. ลองสังเกตที่ทำงานเรา ร้านค้า ชุมชน และประเทศของเขา มีภาพเยอะหรือไม่
ที่ทำงาน ในบ้านเมืองเรา ใช้ภาพสิ่งมีชีวิตเป็นสื่อเยอะหรือไม่ ร้าน/สินค้าเราใช้โลโก้แบบไหน ประเทศเราใช้ธนบัตรรูปอะไร และใช้ธงที่มีสัญลักษณ์ศาสนาอื่นหรือไม่
ภาพสัญลักษณ์ศาสนาอื่น คือ สาเหตุของความปั่นป่วนวุ่นวายในโลกนี้ ภาพธงชาติที่เป็นสัญลักษณ์ศาสนาอื่น ยิ่งเป็นสาเหตุของความวุ่นวาย โดยเฉพาะประเทศที่ใช้ธงรูปเครื่องหมายบวก รูปดาว 6 แฉก นอกจากภายในประเทศเขาจะมีปัญหากันเองแล้ว ชัยฏอนก็จะยุให้ทำสงครามกับประเทศมุสลิม
การมีรูปปั้น (เจว็ด) เป็นสาเหตุให้เกิดความวุ่นวายในประเทศ เช่น ประเทศที่มีรูปปั้นของประธานาธิบดีเก่า ผู้นำไม่ให้อิสระในการนับถือศาสนา ให้เคารพรูปปั้นของเขาแทน หรือมีรูปปั้นเป็นกริชวางตระหง่านใจกลางเมือง ซึ่งกริชเป็นสัญลักษณ์ศาสนาอื่น มีความเชื่อแฝง จึงเกิดสงครามกลางเมือง บ้านเมืองไม่สงบ มีคนประท้วงมากมาย วัลลอฮุอะอฺลัม
ชัยฏอนเป็นศัตรูของมุสลิม อิจฉาริษยา ทะนงตนตั้งแต่แรกที่อัลลอฮฺทรงสร้างนบีอาดัม ไม่ยอมเคารพตามคำสั่งของอัลลอฮฺ มีเจตนาที่จะให้มุสลิมฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮฺและลงนรกตามพวกมันให้มากที่สุด วัลอิยาซุบิลลาฮฺ
เครื่องหมาย/โลโก้ที่แทนค่าสัญลักษณ์/สี ก็มีชัยฏอน เช่น บางองค์กรใช้โลโก้มีรูปอาวุธ บางประเทศให้ความหมายสีในธงชาติ หรือแทนค่าสัญลักษณ์เป็นรัฐ เช่น ดาว 6 ดวงแทนเขตปกครอง 6 เขต การให้ความหมายหรือแทนค่า ในสิ่งที่ศาสนาไม่ได้กำหนดนั้น เป็นสิ่งไม่ดี มีชัยฏอน อาจเป็นสาเหตุให้สงครามยืดเยื้อ วัลลอฮุอะอฺลัม
สะอี๊ด บินอับดุลฮะซัน รายงานว่า : ในขณะที่ฉันอยู่กับอิบนุอับบาส ชายคนหนึ่งได้เข้ามาและกล่าวว่า “ฉันทำภาพเหล่านี้” อิบนุอับบาส กล่าวว่า “เข้ามาใกล้ๆ ซิ” และเมื่อชายคนนั้นเข้ามาใกล้ อิบนุอับบาสได้เอามือของเขาวางไว้บนหัวของชายผู้นั้นและกล่าวว่า “ฉันบอกท่านเท่าที่ฉันได้ยินจากท่านรอซูลุลลอฮฺนะ ฉันได้ยินท่านกล่าวว่า ‘ผู้ทำรูปภาพทุกคนจะอยู่ในไฟ ทุกรูปภาพที่เขาทำจะกลายเป็นสิ่งที่ลงโทษทรมานเขาในนรก’ ดังนั้น ถ้าท่านทำรูปภาพ จงทำเป็นรูปต้นไม้และสิ่งที่ไม่มีชีวิต”
(หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 2225)
บางคนอาจจะยังไม่เชื่อ เพราะไม่เจอกับตัว แต่การเชื่อสิ่งที่ศาสนาสอน คือ การศรัทธา โดยไม่ต้องรอการพิสูจน์
5. หยุดแพร่ภาพสิ่งมีชีวิต/คลิปวิดีโอการต่อสู้ และภาพสัญลักษณ์ศาสนาอื่น ลบภาพเก่าๆ ออก เพราะค้นหาได้
เจ้าหน้าที่อาวุโสขององค์การสหประชาชาติได้บอกไว้ว่า สถานการณ์ในดินแดนเขตกาซ่า ปาเลสไตน์ มันเป็นครั้งแรกของโลกที่เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แล้วมีการถ่ายทอดสดให้คนทั่วโลกได้ดูกัน ที่มันรุนแรง ที่มันเป็นวิกฤตเพราะอย่างนี้ ซึ่งในสมัยก่อนมีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในหลายดินแดง เช่น ในกัมพูชา, ระวันดา อาฟริกา และในบอสเนีย แต่ในสมัยก่อนไม่มีการถ่ายทอดสด เพราะเทคโนโลยีการสื่อสารไม่เหมือนปัจจุบัน เราจึงเห็นภาพคนเสียชีวิต ความเสียหายเป็นครั้งแรก และนี่เป็นครั้งแรกที่เป็นสงครามที่เหยื่อของสงครามไม่รู้จะหนีไปที่ไหน เพราะอิสราเอลทำรั้วกั้นรอบกาซ่า
ลักษณะการเผยแพร่ภาพสงครามในเขตกาซ่า ถูกทำเหมือนหนังและเกมส์ เช่น ภาพจากฝั่งอิสราเอลนำภาพผู้นำปาเลสไตน์เสียชีวิตมาถ่ายวนซ้ำหลายรอบและตกแต่งภาพให้ดูเป็นเรื่องขำขัน เอาภาพซากปรักหักพังของบ้านเรือนในกาซ่ามาถ่ายย้ำๆ เหมือนในหนัง หรือทางฝั่งปาเลสไตน์ที่มีภาพขณะซุ่มยิงตอบโต้ทหารอิสราเอล โดยมีลูกศรชี้ไปที่เป้าหมาย เช่น รถถัง หรือทหาร แล้วยิงใส่ ยังดีที่เซนเซอร์ภาพไว้ แต่นั่นก็เป็นการเผยแพร่ภาพสิ่งมีชีวิตที่ไม่ควรทำ เพราะรอซูลสั่งห้ามไว้ไม่ให้ทำภาพสิ่งมีชีวิต ขณะเดียวกันคนบางคนอาจมีสายตาริษยา เมื่อชมแล้วอาจคิดสาปแช่งชาวกาซ่า ยิ่งเป็นสาเหตุให้สถานการณ์ในกาซ่ายิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก (ทุกสิ่งเกิดขึ้นภายใต้อนุมัติของอัลลอฮฺ ซึ่งมีฮิกมะห์ซ่อนอยู่)
จะทำการญิฮาดด้วยการประกาศสัจธรรม ก็ต้องทำตามหลักการศาสนา ทำภาพตามรอซูลบอกในหะดีษ เลือกภาพที่จะแชร์ดีๆ มีหัวใจ มือก็ไม่ได้นะ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย หากใครคิดว่า ไม่เต็มตัวน่าจะได้ ทบทวนหะดีษหน้านี้อีกที เพราะมีคนที่อยู่กับอัลกุรอาน เป็นโรคทางใจ (อัลกุรอานบางเล่มมีลายรูปหัวใจ ปกลายเถาวัลย์เหมือนหน้าสัตว์ สาเหตุที่อ่านอัลกุรอานไม่จบเล่มง่ายๆ เปลี่ยนใจไปมา เพราะมีชัยฏอนในภาพ ชัยฏอนจะยุแยงให้ทำภาพสิ่งมีชีวิตแบบเนียนๆ ผ้าถุงก็มี) หรือคนที่โพสต์รูปลูก/แมวบ่อยๆ ลูก/แมวก็ป่วย
ภาพนักรบ ภาพเด็กๆ โดยเฉพาะภาพมุสลิมะห์ต้องปกปิด จะแชร์ภาพ คิดให้ดี ถ้าปล่อยออกไป ชัยฏอนก็กระจายไปตามที่ต่างๆ คนที่มีอคติก็ยิ่งมีแรงริษยาเพิ่มไปอีก พวกเขาอาจจะไม่ปลอดภัย และการรบยิ่งยืดเยื้อ ไม่จบง่ายๆ และยิ่งบาดเจ็บ ล้มตายเพิ่ม สมัยรอซูลไม่มีภาพเหล่านี้ สงครามจบเร็ว ด้วยความช่วยเหลือของอัลลอฮฺ วัลลอฮุอะอฺลัม
อย่าใช้ภาพสัญลักษณ์ศาสนาอื่น เพราะเป็นดาบสองคม
1) เป็นการเผยแพร่ศาสนาเขา ยิ่งถ้าในร้านค้า สินค้าเราใช้ภาพเหล่านี้ นั่นคือเรากำลังส่งเสริมเขาอยู่ เป็นเหตุให้ค้าขายซบเซา ขาดบารอกะฮฺ
2) เป็นการเพิ่มชัยฏอนในภาพ อันตรายกับคนทำภาพ และคนที่ดูภาพ ถ้าเป็นรูปเราเอง เราจะยอมให้เขาแชร์ไหม สายตาริษยาเยอะนะ
“แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธา และบรรดาผู้ที่เป็นยิว และบรรดาผู้ที่เป็นคริสเตียน และอัศ-ซอบิอีน ผู้ใดก็ตามที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันปรโลก และประกอบสิ่งที่ดีแล้ว พวกเขาก็จะได้รับรางวัลของพวกเขา ณ พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา และไม่มีความหวาดกลัวใด ๆ แก่พวกเขา และทั้งพวกเขาก็จะไม่เสียใจ”
(อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ 62)
หากทำภาพเหล่านี้ไปแล้ว เตาบะฮฺ ปรับปรุงแก้ไขด่วน
ไม่ต้องรอวันกิยามะฮฺ คนทำภาพจะได้รับบททดสอบในดุนยานี้เลย เช่น เจ็บป่วย ร้องไห้ไม่มีสาเหตุ ชีวิตมีปัญหา การค้าซบเซา อาจจะยังไม่เจอตอนนี้ เพราะอัลลอฮฺทรงเมตตาให้เวลากลับตัว
อัลลอฮฺทรงเมตตาให้มีบททดสอบหนัก เราจะได้กลับตัวเร็ว เช่น เป็นโควิดได้อยู่บ้านทบทวน เศรษฐกิจซบเซาเพราะเราใช้ภาพเยอะ ประเทศมุสลิมได้รับบททดสอบภัยพิบัติ เช่น ที่เกิดแผ่นดินไหวในอียิปต์ มีมุสลิมเตาบะฮฺตัว บ้านเขาพัง จนคิดได้ว่า วันๆ เอาแต่ทำงาน ไม่สนใจทำอิบาดะห์ อัลฮัมดุลิลาฮฺ อัลลอฮฺทรงเปิดใจ
ความปั่นป่วนวุ่นวาย มุสลิมถูกใส่ร้าย แต่มีคนรับอิสลามมาก คนต่างศาสนิกได้ค้นหาข้อเท็จจริง และเมื่อรู้ว่าศาสนาเดียวที่จะรอดพ้นจากการลงโทษในนรกคือ ศาสนาอิสลาม ที่มีศาสนาเดียวมาตั้งแต่แรกนบีอาดัม มีศาสดา มีคัมภีร์เป็นทางนำ แต่เพราะมนุษย์ตามชัยฏอน จนบิดเบือนหลักการ กลายเป็นหลายศาสนา
ผู้ศรัทธาที่แท้จริงมีเส้นทางเดียวที่จะได้เข้าสวรรค์ คือ ปฏิบัติตามคำสั่งใช้ของอัลลอฮฺ ทำตามซุนนะฮฺนบี หากใครกำลังทำตามบรรพบุรุษ ซึ่งรอซูลไม่ได้สั่ง กลับตัวเถอะนะ เพราะอาจไม่ได้ดื่มน้ำเกาซัรจากท่านรอซูลในวันกิยามะฮฺ วัลอิยาซุบิลลาฮฺ กลับมาอ่านอัลกุรอานและหะดีษ ฟังตัฟซีร และใช้วิจารณญาณในการฟังศาสนา เพราะอาจารย์บางท่านอาจสอนไม่ครบ หรือจำผิด ไม่มีหลักฐานอ้างอิง
อ่านอัลกุรอานแปลไทยออนไลน์ <คลิก> ภาษาเข้าใจง่าย คนต่างศาสนิกจึงอ่านแล้วได้รับฮิดายะหฺ (ทางนำ) จากอัลลอฮฺ และเข้ารับอิสลามไปหลายคน อัลลอฮุอักบัร อ่านบทความ ความหมายของคำว่า ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ <คลิก>