การค้าขาย และการตลาดในปัจจุบัน มีหลายอย่างที่ขัดกับหลักการอิสลาม ซึ่งวิธีการเหล่านั้นจะมีผลต่อบารอกะฮฺ (ความจำเริญ) ในชีวิต ถ้าอยากขายดี ขายได้เรื่อยๆ และชีวิตก็ดีมีบารอกะฮฺ ต้องสวนกระแสการตลาดสมัยใหม่ หันมาค้าขายแบบอิสลามกัน เนื้อหาทั้งหมด ประกอบด้วย ทบทวนการค้าขาย การตลาดในปัจจุบัน วิธีขายออนไลน์ และการค้าขายตามหลักการอิสลาม คลิกหัวข้อที่สนใจได้เลย
ลองเปิดใจอ่านเนื้อหานี้ การตลาดปัจจุบัน วิธีการขายบางอย่างไม่เหมาะสม ไม่ตรงตามหลักการอิสลาม จึงขาดบารอกะฮฺ (ความจำเริญ) วัลลอฮุอะอฺลัม
1. การใช้ภาพที่ผิดหลักการศาสนา นำมาตกแต่งร้าน/ทำป้าย/โลโก้/สินค้า
ภาพสินค้า/ฉลากสินค้า โลโก้/ป้ายร้าน มีรูปสิ่งมีชีวิต (ภาพคน สัตว์ การ์ตูน เป็นการเพิ่มชัยฏอน สาเหตุความเจ็บป่วย ปัญหาชีวิต ขาดบารอกะฮฺ) ทั้งขายออนไลน์/ออฟไลน์
มีหุ่นตุ๊กตาเรียกลูกค้า หุ่นโชว์สินค้า (ลูกค้า อัลลอฮฺให้มา)
ไลฟ์สดมีภาพคน การ์ตูน (ทุกส่วนของผู้หญิงเป็นเอาเราะฮฺ ต้องปกปิด รวมทั้งเสียง)
ลายที่เลียนแบบสิ่งมีชีวิต เช่น ลายจุดไข่ปลา ลายซิกแซกหรือแซกริม ลายลูกน้ำ ลายเสือ ลายวัว
2. การใช้สัญลักษณ์/สี/ลายที่มีความเชื่ออื่นแฝง มีชัยฏอน และเป็นการเผยแพร่ศาสนาอื่น/ความเชื่ออื่นโดยไม่รู้ตัว
สัญลักษณ์ศาสนา เช่น เครื่องหมายบวก ดอกบัว วงกลม
ลายที่มีความเชื่ออื่นแฝง เช่น ลายทาง ลายไทย ลายจีน ลายตาราง ลายสก็อต ลายเมฆ (ลายซอแก๊ะ เป็นการนำลายที่มีความเชื่ออื่นมารวมกัน)
สีมงคลของศาสนาอื่น เช่น สีแดง, เหลือง
อักษรภาษาอังกฤษ “เอ็ม, ที, เอ็กซ์” มีความเชื่ออื่น มีชัยฏอน
ตัวเลขที่มีความเชื่ออื่น คือ 8, 9, 11 เลี่ยงเลขนี้ในการตั้งชื่อร้าน/ราคา นอกจากนั้นในการตลาดยังมองว่า เลข 9 ถ้าตั้งแล้ว ลูกค้าจะรู้สึกว่ายังไม่แพง เช่น 99 บาท ยังไม่ถึง 100 บาท ลูกค้าจะเลือกราคาที่ 99 มากกว่า
“สินค้าที่เน้นสิ่งเหล่านี้ มักจะมีคุณภาพไม่ดี เพราะเน้นออกแบบและมีชัยฏอน”
3. วิธีการค้าขายที่ไม่ซื่อตรง
ภาพสวยเกินจริง สินค้า/อาหารจริงไม่ตรงปก , แพคเกจ/ร้านดูดี (อาจลืมใส่ใจคุณภาพ การเน้นแพคเกจทำให้ต้นทุนสูง)
ใช้ influencer (คนดัง) รีวิวให้ อาจคิดว่าขายได้เพราะคนดัง (จริงๆ แล้วผลลัพธ์อยู่ที่อัลลอฮฺ) ให้ลูกค้ารีวิวเอง น่าเชื่อถือกว่า
ข้อมูลไม่โปร่งใส ไม่ชัดเจน เช่น ไม่ติดป้าย ไม่บอกราคา รอแชท, ติดป้ายหน้าร้าน ทุกอย่าง...บาท แต่ในร้านมีหลายราคา
4. การตลาดหมิ่นเหม่ชิริก
เน้นภาพลักษณ์ เช่น personal brand (เสี่ยงโอ้อวด ชิริกเล็ก)
คอนเทนต์หมิ่นเหม่ เกินจริง เช่น “สินค้านี้จะช่วยให้...” (อาจลืมว่าอัลลอฮฺเท่านั้นที่ช่วย) “ดีที่สุด, เพอร์เฟค, พรีเมี่ยม, ที่หนึ่งใน..” (ไม่มีดีที่สุด)
ติดอายะฮฺอัลกุรอานในร้าน เพราะเชื่อว่ามีบารอกะฮฺ (จะนำไปสู่การคิดว่า ติดจึงมีบารอกะฮฺ แต่จริงๆ แล้ว ค้าขายตามอัลกุรอาน-หะดีษ จึงจะมีบารอกะฮฺ)
5. ใช้วิธีการขาย/การตลาดที่ผิดหลักการศาสนา
การขายแบบมีของแถม/รางวัล เพราะไม่ยุติธรรมต่อร้านอื่น/สินค้าอื่น (การลดราคาเป็นวิธีการที่ยุติธรรม)
ซื้อขายหลังจากมีการอะซานครั้งที่ 2 สำหรับคนที่ต้องละหมาดวันศุกร์ มุสลิมส่วนใหญ่จึงปิดร้านในวันศุกร์ เพื่อป้องกันเหตุดังกล่าว
โปรเลขซ้ำ เช่น 11:11 (เป็นความเชื่ออื่น) โปรปีใหม่ (อิสลามไม่เน้นปีใหม่)
6. ใช้วิธีการขายที่นำไปสู่การขาดบารอกะฮฺ
ลดราคาแค่ช่วงโปรโมชั่น ต้องคิดโปรอยู่ตลอด (ยอดขายได้ไม่ดีเท่าขายถูก กำไรน้อย ไม่เสียเวลาคิดโปรด้วย)
โพสต์คอนเทนต์ทุกวัน (ใจจะคิดแต่เรื่องขาย คิดถึงอัลลอฮฺน้อยลง)
7. วิธีการค้าขายที่ไม่เหมาะสม
เทคนิครีบปิดการขาย ควรให้เวลาลูกค้าได้ตัดสินใจ ไม่เร่งรัดลูกค้า (ริสกีจะมาในเวลาที่เหมาะสม)
คิดต้นทุนละเอียด ราคาจึงสูง เมื่อต้องการกำไรเร็ว กลัวขาดทุน ทำให้คิดราคาไม่เหมาะสม (คิดกำไรน้อย ช้า แต่อัลลอฮฺให้มีรายได้ที่มั่นคง พอเพียง มีบารอกะฮฺ อินชาอัลลอฮฺ)
ถ้าทำสิ่งเหล่านี้ คิดว่าไม่เป็นไร ก็ยังขายได้อยู่ นั่นอาจเป็นบททดสอบว่าคุณจะเลือกที่จะหยุดขายหรือไม่ หรือมีครอบครัว จึงยังคงได้ริสกีมีรายได้อยู่ แต่เมื่อใดที่ถึงเวลาที่กำหนด เช่น ลูกโตทำงานได้แล้ว หรือมีอายุเหมาะสมที่จะถึงเวลาเตาบะฮฺตัว อาจจะได้รับบททดสอบที่ทำให้กลับมาฉุกคิดได้ว่า สิ่งที่เราได้รับคำเตือนผ่านใครสักคน นั่นคือสิ่งที่เรามองข้ามและต้องรีบแก้ไขลำดับแรก
จะเกิดอะไรขึ้น
หากคุณขายเสื้อผ้าที่มีลายต้องห้าม แล้วเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนๆ นั้นปวดเส้นตามร่างกาย อ่อนเพลียไม่ทราบสาเหตุ อาการป่วยกำเริบ ลูกค้าบางคนแค่เห็นผ้าลายแปลกๆ ก็ตาลาย จะอาเจียนแล้ว
ซื้อของที่มีภาพต้องห้ามเข้าบ้าน แล้วในบ้าน อยู่ๆ ก็ทะเลาะกัน
การใช้สี/ลายที่มีความเชื่ออื่นแฝง นั่นเป็นสาเหตุให้ชัยฏอนกระซิบกระซาบให้ยอมรับในความเชื่ออื่น มีบุคลิกแบบชนกลุ่มนั้น และไม่สนใจในหลักการอิสลาม ไม่ปฏิบัติตามซุนนะฮฺนบีง่ายๆ วัลอิยาซุบิลลาฮฺ
ชัยฏอนเป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพ ความวุ่นวายในชีวิต ริสกีขาดบารอกะฮฺ ถ้าขายได้ 1 คน เพิ่มชัยฏอน 1 บ้าน แล้วถ้าขายได้มากๆ จะวุ่นวายแค่ไหน
ลองเปลี่ยนจากวิธีการตลาดปัจจุบัน มาขายตามหลักการอิสลาม ที่จะมีแต่บารอกะฮฺในชีวิต อัลลอฮฺจะทรงให้ทางนำ สังเกตเห็นสิ่งที่ควรปรับปรุง เน้น “คุณภาพสินค้า วิธีการถูกต้อง” อินชาอัลลอฮฺ
การค้าขายตามหลักการอิสลาม
เนียตทำเพื่ออัลลอฮฺ ขอดุอาอฺทุกขั้นตอน
ตะวักกัล (มอบหมายต่ออัลลอฮฺ)
ประสบการณ์จากคนที่ขายดี มีบารอกะฮฺ วัลลอฮุอะอฺลัม
ร้านขายอาหาร ขายดี ขายถูก มีลูกค้าตลอด
เน้นทำหน้าที่หลัก (อิบาดะห์) ละหมาดฟัรฎู ละหมาดสุนัตไม่ขาด
อ่านอัลกุรอานสม่ำเสมอ ชอบศอดะเกาะฮฺ
ขายชามละ 25 บาท ที่ปริมาณเหมือนกับ 40 บาท ไม่ได้คิดกำไรต่อชาม หวังกำไรในอาคิเราะฮฺ
ร้านสะอาด วัตถุดิบดี ไม่มีป้ายมาตรฐานร้านรับรองใดๆ
ปริมาณเหมาะสม, ของแพงขึ้น ไม่ขึ้นราคาตาม
ร้านซ่อมรถ ลูกค้าเยอะมาก บริการดี ราคาถูก บางรายการไม่คิดค่าซ่อม
ติดป้ายร้านที่ไม่มีภาพสิ่งมีชีวิต
คิดดีต่ออัลลอฮฺ เช่น เมื่อมีบททดสอบ คิดว่าอัลลอฮฺจะให้ทางอื่นแทน
ร้านขายพลาสติก ของใช้ ปรับปรุงร้านใหม่
ขายถูก มีป้ายราคาชัด บริการดี ลูกค้าหาของไม่เจอ ก็พาไป ไม่วีน
ส่วนใหญ่ขายสินค้าที่ไม่มีรูปการ์ตูน ลายการ์ตูนจะขายได้น้อย
ร้านตัดเสื้อ-เจ้าของขายเอง
คิดค่าตัดเสื้อไม่แพง รอคิวไม่นาน ขายราคาส่ง ใช้กระจกแทนกล้องวงจรปิด ถึงเวลาพัก ติดป้ายพัก ทิ้งเสื้อผ้าที่แขวนอยู่นอกร้านได้ ไม่กังวล ตะวักกัลจริงๆ
ลองปรับปรุงสินค้า หรือปรับวิธีการขาย ทำให้ดี มีคุณภาพ
1. เรียนรู้วิธีการขายตามหลักการอิสลาม
เรียนวิธีการขายจากอัลกุรอานและหะดีษ
สินค้าและเงินทุนเมื่อรวมแล้วถึงเกณฑ์ ต้องจ่ายซะกาตครบปี (ไม่ได้คิดแค่กำไรอย่างเดียว)
2. ศึกษากฎหมาย จะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง
เริ่มค้าขาย-จดทะเบียนพาณิชย์ภายใน 30 วัน
เลิกขาย-ยกเลิกทะเบียนพาณิชย์ภายใน 30 วัน
ขายออนไลน์ต้องจดทะเบียน DBD
สินค้าจะต้องมีฉลาก ตามที่กฎหมายกำหนด
กฎหมายกำหนดให้ออกใบเสร็จรับเงินทุกครั้ง เมื่อราคาสินค้าหรือบริการมีมูลค่าตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป
3. ยิ่งขายออนไลน์ ยิ่งต้องเคลียร์บ้าน จะได้มีบารอกะฮฺ
เคลียร์ภาพในบ้านที่มีภาพสิ่งมีชีวิต บนกรอบรูป ของใช้
ทำความสะอาดบ้านตามความเหมาะสม
หากมีใครขออนุญาตติดป้ายโฆษณา เลือกเฉพาะป้ายที่ไม่มีรูปสิ่งมีชีวิต หรือไม่มีสัญลักษณ์ศาสนาอื่น อย่าปล่อยให้ป้ายไวนิลที่มีรูปสิ่งมีชีวิตอยู่นานจนซีดจาง บารอกะฮฺอาจจางหายไปด้วย วัลลอฮุอะอฺลัม
อ้างอิง ข้อมูลจากหนังสือ
“ซะกาต ในคัมภีร์กุรอานและซุนนะฮฺ จากมุมมองสมัยใหม่”
ผู้แปล บรรจง บินกาซัน
“โอ้ บรรดาผู้ศรัทธา จงใช้จ่ายในหนทางของอัลลอฮฺจากสิ่งที่ดีที่สูเจ้าหามาได้ และจากที่เราได้ทำให้งอกเงยจากพื้นดินสำหรับสูเจ้า และจงอย่าได้เอาสิ่งที่ไม่มีค่าที่สูเจ้าเองก็ไม่อยากที่จะได้มาให้เป็นทาน จงเข้าใจไว้ให้ดีว่า อัลลอฮฺทรงมั่งคั่งและมิได้ทรงต้องการสิ่งใด และทรงมีคุณลักษณะที่ควรแก่การได้รับการสรรเสริญทั้งปวง” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ 267)
หลายคนเข้าใจผิดว่า การจ่ายซะกาตครบปีสำหรับซะกาตค้าขายนั้น จะคำนวณแค่กำไรอย่างเดียว จริงๆ แล้วนำทรัพย์สินจากการค้าขายมาคำนวณทั้งหมด ดังนี้
สูตรคำนวณการจ่ายซะกาตทรัพย์สินทางการค้า
จำนวนซะกาต = [มูลค่าของสินค้าคงเหลือ บวก เงินสด (ไม่ว่าจะอยู่ในมือ หรือในธนาคาร) บวก หนี้ที่จะได้รับชำระ ลบ หนี้ที่ต้องจ่าย] คูณ 2.5%
มูลค่าของสินค้าคงเหลือ คิดบนพื้นฐานของราคาตลาดปัจจุบัน พ่อค้าขายปลีกใช้ราคาขายปลีกเป็นฐาน การกำหนดมูลค่าสินค้าขายส่งใช้ราคาขายส่งเป็นฐาน (สรุปคือ คิดตามราคาที่ขายไป) สำหรับผู้ที่ขายทั้งปลีกและส่ง อาศัยค่าเฉลี่ยของราคาปลีกและส่ง
(หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 2225)
ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ผู้ใดที่เลียนแบบกลุ่มชนใด เขาก็เป็นส่วนหนึ่งของพวกเขา”
(หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดย บุคอรีและมุสลิม)
ลองเปลี่ยนใหม่ มาใช้วิธี “ขายสินค้าและแพคเกจฮาลาล ตามหลักการอิสลาม”
1. เลือกสินค้าเหมาะสม
สินค้าเดิมที่มีภาพสิ่งมีชีวิต หรือสัญลักษณ์ศาสนาอื่น เคลียร์ภาพตามแบบนบี
สินค้าใหม่ เลือกที่ไม่มีภาพสิ่งมีชีวิต หรือมีแต่น้อยที่สุด เล็กที่สุด
2. ตั้งชื่อร้าน และชื่อสินค้าเหมาะสม
อย่าตั้งชื่อร้านโดยใช้พระนามของอัลลอฮฺ หรือขึ้นต้นว่า “อัล”
ไม่ควรตั้งชื่อสินค้าที่หมิ่นเหม่ เช่น ใช้เลขซ้ำ หรือใช้คำเกินจริง
ตั้งชื่อร้าน/สินค้า เลี่ยงอักษรภาษาอังกฤษ “เอ็ม ที เอ็กซ์” มีความเชื่ออื่น มีชัยฏอน
3. ทำภาพและลงข้อมูลสินค้าเหมาะสม
โลโก้ ภาพสินค้า ภาพประกอบ ทำรูปภาพต้นไม้ หรือสิ่งไม่มีชีวิตมาประกอบเท่านั้น อย่าให้ความหมายกับโลโก้ เพราะหมิ่นเหม่ชิริก และอาจคิดว่าขายได้เพราะแบรนด์ แต่จริงๆ แล้ว ขายได้เพราะอัลลอฮฺให้เท่านั้น
ข้อมูลสินค้าชัด ใส่ข้อมูลที่จำเป็น เช่น ทำจากอะไร มีสรรพคุณ หน้าที่อะไร ตัดคำว่า “ช่วย” ออกไป อย่าใช้คำหมิ่นเหม่ เกินจริง
ไม่เน้นผลลัพธ์ ลูกค้าแต่ละคนชอบสินค้าไม่เหมือนกัน ผลลัพธ์ก็แตกต่างกัน
4. เลือกช่องทางรับเงินที่เหมาะสม
ใช้บัญชีธนาคารที่ไม่มีดอกเบี้ย มีบารอกะฮฺ (ไม่เป็นสาเหตุให้เกิดดอกเบี้ย) ธกส. มีให้เปิดบัญชีร้านค้าในนามบุคคลธรรมดาและฝากแบบวาดิอะฮฺได้
ให้ลูกค้าชำระเงินผ่านบัญชีธนาคาร แทนแจ้งเบอร์โทรพร้อมเพย์จะปลอดภัยกว่า แล้วให้ลูกค้าส่งสลิปการโอน เพราะเมื่อมีการเชื่อมต่อข้อมูลในอินเทอร์เน็ตจะไม่ปลอดภัย
ใช้ qr code ไม่ปลอดภัยมีชัยฏอน เพราะใช้จุดสี่เหลี่ยมในการออกแบบ ซึ่งมีแพทเทิร์นจากลายทาง ลายสก็อต ตารางหมากรุก
เลี่ยงการใช้แอพธนาคาร เพราะโลโก้แอพส่วนใหญ่มีรูปสิ่งมีชีวิต หรือสัญลักษณ์ศาสนาอื่น ซึ่งมีชัยฏอน แฮกเกอร์มีวิธีค้นหาเลขบัตรประชาชน/เบอร์โทร เจาะเข้าระบบอินเทอร์เน็ต เข้าถึงข้อมูลส่วนตัว/บัญชีธนาคารได้ง่าย
หมายเหตุ ข้อมูลอัพเดท ปี พ.ศ. 2567
กฎหมายเกี่ยวกับการค้าขาย เมื่อเวลาผ่านไป อาจมีการเปลี่ยนแปลง ตรวจสอบอีกครั้ง
แต่หลักการอิสลาม เรียบง่าย ทันสมัย ไม่มีเปลี่ยนแปลง
การตลาดออนไลน์ยุคนี้เป็นแบบนี้ แล้วจะทำอย่างไร คำเดียวคือ “ยืนหยัดบนหลักการอิสลาม” เพราะผู้ให้ริสกีคือ อัลลอฮฺ เท่านั้น หากเจอฟิตนะห์ในการขายบนโซเชียล ลองย้ายที่ค้าขาย
5. ทำเว็บไซต์ เป็นหน้าร้านหลัก
ทำเว็บจาก wordpress ฟรีและง่าย ค้นเจอใน google ง่าย
ใส่ไอคอน ลิงค์ไปที่ช่องทางติดต่อ เช่น line ส่วนช่องทางการติดต่ออื่นนั้น ไม่ปลอดภัย มีฟิตนะห์เยอะ เพราะใช้ภาพเยอะ
เลี่ยงเว็บไซต์ฟรีที่มีคำหมิ่นเหม่ หรือแอพที่เป็นรูปการ์ตูน เพราะค้าขายจะขาดบารอกะฮฺ หากอยู่ในที่ไม่เหมาะสม
ถ้าไม่มีไอเดียในการออกแบบ ใช้ canva ร่างแบบก่อน มีแม่แบบ/ภาพกราฟิก/ภาพประกอบให้เลือกเยอะ แต่ต้องเลือกดีๆ เพราะหลายรูปมีชัยฏอน เช่น ภาพซูมที่มีลายพื้นหลังเป็นวงกลม ที่เรียกว่า ลายโบเก้ เป็นลายจุดไข่ปลา มีชัยฏอน
6. เลือกแพลตฟอร์ม ช่องทางการขายที่เหมาะสม เช่น shopee
มีระบบการชำระเงินที่ปลอดภัย เข้าระบบก่อนเข้าบัญชีธนาคาร แถมไม่ต้องแจ้งเลขที่บัญชีโดยตรง
ระบบขนส่งติดตามได้ ลูกค้าสะดวกในการติดตามพัสดุ เลือกบริษัทขนส่งที่เหมาะสม ไม่มีโลโก้สิ่งมีชีวิต
ข้อมูลสินค้าขึ้นในผลการค้นหา Google ไม่ต้องทำคอนเทนต์การตลาดให้เสียเวลา
7. ใช้แอพชีตส์ ของ Google บันทึกแทนสมุด เช่น จัดสต๊อค บัญชี ข้อมูลลูกค้า เช็คลิสต์งานค้าง สะดวกและง่ายดาย (คลิกดาวน์โหลดฟรี ใช้ออฟไลน์ได้)
การค้าขายตามหลักการอิสลาม มีระบุในอัลกุรอานและหะดีษ ดังนี้
1. วันที่พ่อค้าแม่ค้าได้กำไรดีที่สุด ไม่ใช่วันที่ขายดีที่สุด แต่คือวันที่เขาออกไปค้าขายแล้วเขาไม่ลืมอัลลอฮฺ เมื่อหัวใจอยู่กับอัลลอฮฺตลอด บารอกะฮฺมา ความสบายใจมา และเขาไม่มีวันกล้าคดโกง
“โอ้ บรรดาผู้ศรัทธา เมื่อได้มีเสียงร้องเรียก (อะซาน) เพื่อทำละหมาดในวันศุกร์ก็จงรีบเร่งไปสู่การรำลึกถึงอัลลอฮฺ และจงละทิ้งการค้าขายเสีย นั่นเป็นการดีสำหรับพวกเจ้าหากพวกเจ้ารู้ ต่อเมื่อการละหมาดได้สิ้นสุดลงแล้ว ก็จงแยกย้ายกันไปตามแผ่นดิน และจงแสวงหาความโปรดปรานของอัลลอฮฺและจงรำลึกถึงอัลลอฮฺให้มากๆ เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับชัยชนะ และเมื่อพวกเขาได้เห็นการค้าและการละเล่นพวกเขาก็กรูกันไปที่นั้น และปล่อยเจ้าให้ยืนอยู่คนเดียว จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดสิ่งที่มีอยู่ ณ อัลลอฮฺนั้นดีกว่าการละเล่น และการค้าและอัลลอฮฺนั้นทรงเป็นเลิศ ยิ่งในหมู่ผู้ประทานปัจจัยยังชีพ“ (อัลกุรอานซูเราะฮฺอัลญุมุอะฮฺ 9-11)
2. พยายามจนสุดความสามารถในการค้าขาย และมอบหมาย (ตะวักกัล) บรรดานบี และเศาะฮาบะฮฺ ต่างก็ทำงานค้าขาย
“ไม่มีอาหารใดที่คนๆ หนึ่ง รับประทานแล้ว จะมีความประเสริฐมากไปกว่าอาหารที่ได้มาจากการทำงานด้วยน้ำพักน้ำแรงของตน และแท้จริงดาวูดผู้เป็นศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺเอง ก็เป็นผู้ที่เลี้ยงชีพโดยการทำงานด้วยตัวเอง” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี)
3. ค้าขายสินค้าฮาลาล ดุอาอฺถูกตอบรับ ขายของหะรอม วิธีการขายหะรอม ดุอาอฺไม่ถูกตอบรับ
ท่านรอซูลุลลอฮฺ กล่าวว่า “พวกท่านทั้งหลาย อัลลอฮฺผู้ทรงสูงส่ง เป็นผู้ทรงบริสุทธิ์และพระองค์ทรงรับแต่เฉพาะสิ่งที่สะอาด อัลลอฮฺทรงบัญชาบรรดาผู้ศรัทธา เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงบัญชาบรรดารอซูลของพระองค์ว่า “โอ้ บรรดารอซูล จงกินจาก สิ่งที่ดี และจงทำการงานที่ดี แท้จริง ฉันรู้ดี ว่าพวกเจ้าทำอะไรอยู่” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลมุอฺมินูน 51) และ พระองค์ทรงกล่าวว่า “โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงกินสิ่งดีๆ ที่เราได้ประทานแก่สูเจ้าเป็นปัจจัยยังชีพ” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ 172) หลังจากนั้น ท่านได้เอ่ยถึงผู้ชายคนหนึ่งที่เดินทางตามลำพังคนเดียวใน สภาพผมเผ้ารุงรังและเสื้อผ้าที่เขรอะไปด้วยฝุ่น เขาได้ยกมือขึ้นไปบนท้องฟ้าและวิงวอนว่า “โอ้ พระผู้อภิบาลของข้าพระองค์ โอ้พระผู้อภิบาลของข้าพระองค์” ในขณะที่อาหารการกิน เครื่องดื่ม และเสื้อผ้าของเขาเป็นที่ต้องห้าม คำวิงวอนของเขาจะถูกตอบรับได้อย่างไร?” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 1015)
4. ประนีประนอมในการค้าขาย
“อัลลอฮฺจะทรงเมตตาแก่ชายผู้หนึ่งที่มีความประนีประนอมเมื่อยามที่เขาขาย เมื่อยามเขาซื้อ และเมื่อยามที่เขาเรียกเก็บหนี้” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 2076)
5. ผู้ที่มีตักวา (ยำเกรง) ค้าขายตามหลักการอิสลาม อัลลอฮฺจะทรงให้ทางออก
“ผู้ใดยำเกรงอัลลอฮฺ พระองค์ก็จะทรงหาทางออกให้แก่เขา และจะทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่เขา จากที่ที่เขามิได้คาดคิด” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัฏเฏาะลาก 2-3)
“และอัลลอฮฺนั้นทรงอนุมัติการขาย และทรงห้ามการเอาดอกเบี้ย” (ส่วนหนึ่งจากอัลกุรอานซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ 275)
ผู้ศรัทธาค้าขายไม่ได้หวังแค่ตัวเงิน แต่หวังบารอกะฮฺ (ความจำเริญ) จากอัลลอฮฺ (ซ.บ.) คือ แม้จะมีนิดเดียว แต่ใช้พอเพียง เงินที่ได้มาแล้วไม่มีบารอกะฮฺ คือใช้แป๊บเดียวก็หมดเร็ว ซึ่งการค้าขายที่จะมีบารอกะฮฺนั้นจะต้องถูกต้องตามหลักการอิสลาม เงื่อนไขของการค้าขายที่ถูกต้อง ถ้ามีครบ 7 เงื่อนไขนี้ ฮาลาล
จะต้องมีความพึงพอใจของผู้ซื้อและผู้ขาย คือ เลือกสินค้าได้ ดูได้เต็มที่ ไม่มีหมกเม็ด/ปิดบัง มีตำหนิก็บอกลูกค้า
คนที่จะค้าขาย เมื่อมีการทำสัญญา ให้คนที่บรรลุศาสนภาวะมาทำสัญญา
สินค้าที่จะทำการซื้อขาย ต้องเป็นสิ่งที่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างไม่มีเงื่อนไข ไม่อนุญาตให้ทำการซื้อขายสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์หรือสิ่งต้องห้าม (หะรอม) เช่น สิ่งที่กินไม่ได้ ก็ขายไม่ได้
สินค้าที่จะทำการซื้อขายนั้น ต้องเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ขาย หรือได้รับอนุญาตให้ทำการซื้อขายเวลาที่ทำการตกลงซื้อขายกัน คือ มีของในสต๊อค สามารถส่งมอบได้ แล้วค่อยประกาศขาย
วัตถุสินค้าที่จะทำการซื้อขายนั้น ต้องเป็นที่รู้กันอย่างชัดเจนระหว่างทั้งสองฝ่าย ด้วยการมองเห็นหรือรู้ลักษณะของมัน คือ เห็นสินค้า หรือมีรูป มีข้อมูลสินค้าชัดเจน
ราคาของสินค้าต้องมีการระบุอย่างชัดเจน เช่น ติดป้ายราคาชัด ไม่ใช่ขายเงาะติดป้าย ครึ่งกิโล 10 บาท แต่คำว่า “ครึ่ง” ตัวอักษรเล็กนิดเดียว คนซื้อก็เข้าใจผิด คิดว่ากิโลละ 10 บาท
สินค้าต้องเป็นสิ่งที่สามารถส่งมอบได้ ดังนั้น จึงไม่อนุญาตให้ทำการซื้อขายปลาในทะเล นกที่บินในท้องฟ้า เพราะมีการหลอกลวง
เนื้อหาจากการบรรยายในยูทูบ
จะค้าขายให้จำเริญต้องทำอย่างนี้
สอนโดย อ.ยาซีน สลักเพชร
อิสลามมีหลักคำสอนที่ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ได้วางมาตรการที่สร้างความพึงพอใจให้กับผู้ซื้อและผู้ขาย ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า
"ผู้ขายและผู้ซื้อมีสิทธิ์ที่จะเก็บหรือคืนสินค้า ตราบใดที่ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้แยกจากกันหรือจนกระทั่งทั้งสองฝ่ายแยกจากกัน
ถ้าทั้งสองฝ่ายพูดความจริงและอธิบายข้อบกพร่องและคุณสมบัติของสินค้า
ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายจะได้รับความจำเริญในการค้าของพวกเขา
และถ้าพวกเขาโกหกหรือปกปิดบางสิ่งไว้ ความจำเริญในการค้าของพวกเขาก็จะหายไป" (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 2079)
1. อิสลามสอนว่า บารอกะฮฺ (ความจำเริญ) อัลลอฮฺเป็นผู้ให้
บารอกะฮฺจะไม่เกิดขึ้น หากมีการโกหก หลอกลวง เช่น สินค้าไม่ตรงปก ปิดบัง ซ่อนเร้น พูดเกินจริง เวอร์ในการโปรโมท
เมื่อทำไม่ดี ค้าขายได้ไม่นาน สินค้าและการค้าขายของเขา ความจำเริญจะถูกถอดไป ผู้ที่เป็นเจ้าของธุรกิจนั้นจะขาดทุนทั้งโลกนี้และโลกหน้า เครดิตความน่าเชื่อถือหายไป วัลอะยาซุบิลลาฮฺ
2. หลักสำคัญคือ “สัจจะ”
พูดความจริง ตรงไปตรงมา พรีเซนต์สินค้าทั้งประโยชน์และข้อบกพร่องในสินค้า ดูเหมือนว่ากำไรน้อย แต่ในระยะยาว ความดีจะเกิดขึ้น สินค้าจะดีขึ้น ความจำเริญจะเกิดขึ้น
ถ้าเราเนียตทำตามหลักการอิสลาม เป็นผลบุญ ในตาชั่งวันกิยามะห์ ตาชั่งจะเพิ่มขึ้น
3. กรณีต่อไปนี้ อนุญาตให้ยกเลิก/เปลี่ยนสินค้าได้
มีเหตุให้ยกเลิก เช่น สินค้าไม่ตรงปก มีตำหนิ คืนได้
มีเงื่อนไข เช่น ผู้ขายกำหนดไว้ว่า ถ้าสินค้ามีตำหนิ เปลี่ยน/คืนได้
เพื่อที่ผู้นั้นจะได้พิจารณาไตร่ตรอง จะซื้อขาย ต้องระวัง
4. มุสลิมที่แท้จริง เขาจะเชื่อศรัทธาว่า บารอกะฮฺ (ความจำเริญ) มาจากอัลลอฮฺ
มันไม่ได้อยู่ที่กำไรเยอะ เพราะมันพร้อมที่จะหมดไป ถูกโกงไปเมื่อใดก็ได้
แต่ความบารอกะฮฺ (ความจำเริญ) ที่เกิดขึ้นมา ไปทำอะไรมันก็มีความจำเริญ ลงทุนอะไรก็จะได้กำไร
เรื่องจริงที่พ่อค้าฉายภาพ อิสลามที่แท้จริง เป็นแบบนี้
ตรงไปตรงไป ไม่เอารัดเอาเปรียบ อะลุ่มอล่วย กำไรพอประมาณ
เรื่องจริงเกิดขึ้นที่ประเทศแทนซาเนีย สมัยก่อนไม่ได้เป็นมุสลิม ประชาชนส่วนใหญ่อยู่ในป่าเขา มีพ่อค้ามุสลิมเป็นกองคาราวานไปขายสินค้าที่นั่น วันนั้นเจ้าของไม่อยู่ มอบให้ลูกน้องค้าขาย
มีลูกค้าชาวเขาเผ่าต่าง ๆ มาซื้อ มีคนหนึ่งไม่มีเงิน จ่ายเป็นอัญมนี เป็นเพชร พลอย ลูกน้องก็รับไป
เจ้าของกลับมา เช็คดูว่าเพชรมีมูลค่าสูง สอบถามลูกน้องได้ความว่าไม่ได้ทอนเงิน จึงไปตามหาว่ามาจากเผ่าใด ไปจ้างลูกหาบ เดินทางไกล อันตราย นานเป็นเดือน
จนไปเจอหัวหน้าเผ่าถามว่ามาทำอะไร พ่อค้าบอก “เอาเงินมาคืน” หัวหน้าเผ่าถามว่าใครสั่งให้คุณทำแบบนี้ พ่อค้าบอกว่า “พระเจ้าฉันสั่งให้ฉันทำแบบนี้” หัวหน้าเผ่าถามว่า “พระเจ้าคุณคือใคร” พ่อค้าก็อธิบายว่า พระเจ้าของเขาคือ “อัลลอฮฺ”
เป็นเหตุให้สะพานของฮิดายะห์เกิดขึ้น หัวหน้าเผ่ารับอิสลาม คนในเผ่ารับอิสลามตาม ซึ่งเป็นเผ่าที่มีพาวเวอร์ในแทนซาเนีย จนเผ่าอื่น ๆ ก็รับอิสลาม ปัจจุบันแทนซาเนียเป็นประเทศอิสลาม
เนื้อหาจากการบรรยายในยูทูบ
หัวข้อ ธุรกิจดุนยาเพื่ออาคีเราะฮฺ
สอนโดย อาจารย์อับดุลฮากีม มังเดชะ
1. รักษาสัญญา มีอมานะฮฺ (ความรับผิดชอบ) อย่าหลอกลวงคนอื่นที่เขาหลอกลวงท่าน (อย่าเอาคืน) ออกห่างจากการบิดพลิ้ว คดโกง การกล่าว “อินชาอัลลอฮฺ” หมายความว่า เรามั่นใจแล้วว่าจะทำได้ตามที่สัญญา 90-99%
2. พูดจริง มีสัจจะ พูดความจริงตามเนื้อผ้า อย่าโกหก การสาบานเท็จ แม้ว่าจะขายได้ แต่บั่นทอนบารอกะฮฺ
3. มีมารยาท ตามซุนนะฮฺนบี
ออกห่างจากสิ่งคลุมเคลือ หะลาลชัด หะรอมชัด สิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสองคือสิ่งคลุมเคลือ ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ผู้ใดก็ตามที่ระแวดระวังและปกป้องตัวเขาจากสิ่งคลุมเคลือ แท้จริงเขาได้ทำให้ศาสนา ให้เกียรติของเขานั้นใสสะอาด ปลอดมลทิน”
4. มีเท่าไหร่ พอแค่นั้น อย่าโลภ
เริ่มต้นค้าขาย
กล่าวบิสมิลลาฮฺ
ตะวักกัล มอบหมายต่อพระองค์
การค้าขาย ทำธุรกิจดุนยาเพื่ออาคิเราะฮฺ จะได้รับผลกำไร แม้จะได้กำไรน้อย แต่สบายใจ พระองค์จะทรงให้สิ่งดีๆ ตามมาในชีวิต เมื่อทำตามหลักการศาสนาเหล่านี้ ริสกีจะไหลมาเทมา อินชาอัลลอฮฺ