6E 3 Workplace Violence
E 3: Workplace Violence
Goal
ป้องกันความรุนแรงในห้องฉุกเฉิน (Prevent violence in emergency room)
Why
ความรุนแรงในห้องฉุกเฉินเป็นปัญหาที่ส าคัญ จากการศึกษา Emergency Department
Violence Study ในประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า พยาบาลห้องฉุกเฉิน 54.5% ประสบกับ
เหตุการณ์ความรุนแรงในที่ท างาน (Workplace Violence) และ 95.5% ของพยาบาลเชื่อว่า
ความรุนแรงในที่ท างานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 26.6% ของพยาบาลไม่มีความสุขและมีความคิดจะ
ลาออกหรือย้ายงานเนื่องจากความรุนแรงในที่ท างาน 38.5% และ 76.9% ของเหตุการณ์ความ
รุนแรงเกิดที่บริเวณจุดคัดแยก(Triage) และ เตียงผู้ป่วย (ตามล าดับ)
ความรุนแรงในห้องฉุกเฉินมี 3 ประเภทคือ การถูกท าร้ายด้วยวาจา (Verbal threat)
การถูกท าร้ายร่างกาย (Physical assault) และการสะกดรอยตาม (Stalking)1
Process
Emergency Nurse Association, Occupational Safety and Health Administration (OSHA)
และ Joint Commission แนะน ามาตรการและแนวทางในการป้องกันความรุนแรงในห้องฉุกเฉิน
ดังนี้
1. ระยะป้องกัน
ผู้บริหารต้องก าหนดนโยบายความปลอดภัยบุคลากรและการป้องกันความรุนแรงใน
ห้องฉุกเฉิน
จัดท านโยบาย ไม่ยอมรับความรุนแรง (Zero tolerance policy) ประชาสัมพันธ์ให้
ผร ู้ บั บรก ิ ารทราบถง ึ สท ิ ธข ิ ์ องผใ ู้ หบ ้ รก ิ าร และโรงพยาบาลที่จะด าเนินการตามแนว
ปฏิบัติที่โรงพยาบาลก าหนดทันที กรณีเกิดความรุนแรงทั้งร่างกาย วาจา
Environment Control เช่น ประตู access control ในห้องฉุกเฉิน, กล้องวงจรปิด, มี
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจ าห้องฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ระบบ Scan อาวุธ
จัดสถานที่หรือห้องรอคอย ที่สะดวกสบาย มีสิ่งอ านวยความสะดวก เช่น โทรทัศน์
น ้าดื่ม เป็นต้น
จัดท าแนวปฏิบัติกรณีเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงที่ส่งผลต่อความปลอดภัยของ
บุคลากรและผู้รับบริการรายอื่น เช่น กรณียกพวกตีกัน การใช้อาวุธ ในห้องฉุกเฉิน
เป็นต้น
ประสานงานกับต ารวจ ทหาร เพื่อก าหนดแนวทางร่วมกันในการป้องกันและลด
ความเสี่ยงกรณีเกิดความรุนแรง
จัดท าแนวทางการประเมินความเสี่ยงผู้ป่วยและญาติที่มีแนวโน้มจะก่อความรุนแรง
(Behavioral emergency screening)
จัดตั้ง Behavioral Emergency Response Team(BERT) ซึ่งควรจะประกอบไป
แพทย์ พยาบาลที่ได้รับการฝึกอบรม เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
2. ระยะเกิดเหตุ
ขอความช่วยเหลือด่วน (Call for help early)
หลีกหนีจากเหตุการณ์ความรุนแรง
ประสานงานกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ต ารวจ ทหาร
ประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ถ้าความเสี่ยงสูง พิจารณาปิดบริการ
บันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและรายงานต่อผู้บริหารทันที
3. ระยะหลังเกิดเหตุหรือระยะฟื้นฟู
รายงานเหตุการณ์ตามแนวปฏิบัติที่โรงพยาบาลก าหนด
ค้นหาสาเหตุ(Root Cause Analysis) และแนวทางป้องกัน
จัดท ามาตรการเยียวยาบุคลากรที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรง
Training
1. อบรม Behavioral Emergency Screening
2. อบรมการจัดการกับความรุนแรงในห้องฉุกเฉิน
3. มีการซ้อมแผน
Monitoring
1. จ านวนครั้งการเกิดอุบัติการณ์ความรุนแรงในห้องฉุกเฉิน
2. ระดับความส าเร็จในการด าเนินงานตามมาตรฐานการป้องกันความรุนแรงในห้องฉุกเฉิน
Pitfall
1. ขาดการบริหารจัดการเชิงนโยบายและเชิงระบบเพื่อป้องกันภาวะความรุนแรงในห้องฉุกเฉิน
2. บุคลากรขาดประสบการณ์ในการจัดการกับความรุนแรงในห้องฉุกเฉิน
3. บุคลากรไม่รายงานเหตุการณ์ เพราะรู้สึกว่ารายงานไปก็ไม่มีประโยชน์
มาตรฐาน HA
การปฎิบัติตามแนวทางข้างต้น คือการปฏิบัติตามมาตรฐาน โรงพยาบาลและบริการสุขภาพ
ฉบับที่ 4 ตอนที่ I หมวดที่ 5 ข้อ 5.1 สภาพแวดล้อมของก าลังคน (WKF.1) ค. สุขภาพและความ
ปลอดภัยของก าลังคน (1), ตอนที่ II หมวดที่ 3 ข้อ 3.1 สิ่งแวดล้อมทางกายภาพและความ
ปลอดภัย (ENV.1) ก. ความปลอดภัยและสวัสดิภาพ (1), (2), (4), และ (5) ค. การจัดการกับ
ภาวะฉุกเฉิน (1), (2) cละ (3)