แด่ครูด้วยดวงใจ

คำนำ

เมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๖ ถึง ๒๕๕๘ ผมป่วยหนักมาก ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลและคลินิกเป็นประจำ ผมป่วยหลายโรค เมื่อรับประทานยาโรคนี้เข้าไปก็มีผลกระทบกับอีกโรคหนึ่งและอีกโรคหนึ่ง อาหารก็มีส่วนสำคัญ ผมต้องเลือกรับประทาน จนกระทั่งร่างกายขาดธาตุอาหารบางอย่างไป ที่มันเป็นเช่นนี้ ก็เพราะมันเป็นไปตามกฎอิทัปปัจจยตา ที่กล่าวว่า เพราะสิ่งนี้มีสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงมี กอปรสังขารของผมมันเสื่อมไปตามสภาพของกฎไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มันจึงเป็นเช่นนี้เอง

ในระหว่างนอนให้น้ำเกลือหรือให้ออกซิเจนอยู่นั้น ผมจะพยายามรวบรวมความคิดให้มันนิ่งเท่าที่มันจะนิ่งได้ พอจิตนิ่งได้ในระดับหนึง ความคิดที่ซ่อนอยู่ภายในก็ผุดออกมา เป็นความคิดสั้นๆ ผมจะพยายามทบทวนให้จำใส่ใจ พอสร่างไข้ก็จะจดบันทึกไว้ ทำอยู่บ่อยๆ จนครบ ๓ ปี ก็ได้หนังสือหนึ่งเล่ม

ขึ้นปี พ.ศ.๒๕๕๙ ปีใหม่ชีวิตผมก็ใหม่ขึ้น โรคภัยไข้เจ็บที่รุกรุมผมมาตลอด ๓ ปี ทุเลาเบาบางลงมาก จนผมสามารถเดินทางไกลไปไหนๆ ได้ ผมจึงหยิบสมุดบันทึกมาอ่าน แล้วอยากจะแบ่งปันเพื่อครู แด่ครูด้วยดวงใจ เล่มนี้จึงเกิดขึ้นมา

ความคิดทั้งหมดที่ปรากฎในหนังสือเล่มนี้ เกิดจากการอ่านหนังสือหลายๆ เรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับแนวคิดการสอนและหลายๆ ความคิด เกิดจากการตกตะกอน ความคิดที่ผ่านการกระทำการสอนของผมแบบปฎิบัติ สู่ปฎิเวช แล้วในที่สุดก็สามารถสรุปเป็นปริยัติ ซึ่งปรากฎการณ์แบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ถ้าฝึกฝนได้เสมอ

หลายเรื่องหลายความคิดอาจจะไม่ตรงใจนักวิชาการท่านอื่นหรือใครคนใดคนหนึ่ง ผมก็ต้องขออภัย แต่ทุกข้อความที่ผมเขียนมันตรงใจผมและอยากบอกกับทุกคนว่า ผมคิดอย่างนี้ ผมเห็นมาอย่างนี้ ผมสำนึกเสมอว่า “การกระทำของคนหนึ่งย่อมมีผลต่อผู้อื่นเสมอ” แต่ผมเชื่อว่า ถ้าทุกคนใจกว้าง อ่านเพื่อรู้ และยอมรับความคิดที่แตกต่างกันได้ก็คงอภัยกันนะครับ ผมเขียนแรงไปบ้าง

ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่าน แด่ครูด้วยใจรัก

ชาตรี สำราญ

ครูรางวัลคุณากร

จาก มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าอยู่หัวมหาจักรี ปี ๒๕๕๘

๗๙ ภ.คุปตาสา อ.เมืองยะลา ๙๕๐๐๐

๐๘๑-๙๕๗-๖๑๓๖