Hernia history

History of inguinal hernia

Hernia มาจากคำภาษาละตินว่า ‘ a rupture “

v รายงานครั้งแรกๆ ประมาณ 1500 BC การรักษาในยุคนั้นเป็นการรักษาโดยการรัด พันหรือกดเอาไว้

การผ่าตัดครั้งแรกมีขึ้นประมาณศตวรรษที่หนึ่ง(first century AD) การผ่าตัดนั้นเป็นการผ่าเปิดผ่านทาง scrotum ร่วมกับตัดอัณฑะด้านนั้นออกไปด้วย

v ราวๆ 700 AD ได้เริ่มมีการตระหนักถึงการทำ ligation และตัดแบบ en blog ของถุงไส้เลื่อน, cord และ testis ที่บริเวณ external ring

v ศษวรรษที่ 14 เริ่มมีการรายงานการแบ่งชนิดไส้เลื่อนตามความผิดปกติทาง antomy เช่น แยกเป็น inguinal กับ femoral

v ปี 1559 ได้มีการอธิบายแยกระหว่าง direct กับ indirect hernia

v ปี 1884 Bassini ได้มีการปฏิวัติการผ่าตัดไส้เลื่อนและอธิบายเกี่ยวกับ anatomical dissection และสามารถลดอัตรากับเป็นซ้ำหลังการผ่าตัดได้ โดยตีพิมพ์รายงานเมื่อปี 1889 ได้ติดตามผู้ป่วยเป็นเวลา 5 ปี มีผู้ป่วยเป็นซ้ำ 5 ราย จากการผ่าตัด 250 คน อัตราการเกิดซ้ำที่น้อยนี้เป็นจุดเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของการผ่าตัดเย็บซ่อมไส้เลื่อนในปัจจุบัน Bassini ได้ทำ high ligation ของ hernial sac บริเวณ inguinal ring ร่วมกับการเย็บซ่อมด้าน posterior inguinal canal โดยการเปิด trasversalis fascia แล้วเย็บซ่อมแบบ interrupted suture ระหว่าง transversalis fasciaกับ inguinal ligament และเย็บปิด external oblique aponeurosis และหลังจาก Bassini ได้นำเสนอเกี่ยวกับการผ่าตัด ต่อมาได้มีการพัฒนาการผ่าตัดอย่างต่อเนื่องโดยศัลยแพทย์เป็นจำนวนมาก

v ปี 1898 Lotheissers เป็นบุคคลแรกที่ได้ทำการผ่าตัด Cooper’s ligament repair ซึ่งเป็นส่วนที่ยื่นต่อมาจาก pectineal ligament กับPoupart’s ligament และด้วยวิธีนี้ได้นำมาเย็บซ่อมทั้ง inguinal และ femoral hernia ต่อมา McVay ได้ทำให้วิธี Cooper’s ligament repairนั้นเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยการทำร่วมกับ relaxing incision เพื่อลดความตึงจากการผ่าตัดที่เพิ่มขึ้น

v ความก้าวหน้าในการผ่าตัดต่อๆมา จะเน้นการลดอัตราเป็นซ้ำของไส้เลื่อนเป็นหลัก โดยมีความพยายามในการลด tension ให้มากที่สุดด้วยการนำสิ่งต่างๆเข้ามาเย็บส่วนที่เป็น defect

v ศตวรรษที่ 20 ได้มีการเสนอวิธีการเย็บซ่อมแบบ Darn repair เพื่อลด tension โดยการใช้ autologous tissue หรือ synthetic suture อื่นๆเพื่อเป็นสะพานเชื่อมในช่องว่างของ fascial

v ปี 1918 เป็นครั้งแรกที่ Handley แนะนำการใช้ silk เป็น prosthetic darn และในหลายๆปีต่อมาก็นำ Nylon มาใช้แทน อย่างไรก็ตามการใช้prosthetic material เป็นจำนวนมากทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และการใช้ไหมเย็บเมื่อเวลาผ่านไปความตึงของไหมก็จะลดลง ต่อมาการใช้ประยุกต์การใช้ autologous หรือ synthetic patch ต่างๆในการลด tissue tension และลดอัตราการเกิดซ้ำมากมาย

v ตอนต้นศตวรรษที่ 20 ได้มีการนำ patch มาใช้เป็นครั้งแรก โดยการนำแผ่นสานจากเส้นเงินมาวางตาม inguinal canal เมื่อเวลาผ่านไปแผ่นsheet เสื่อมลงจาก metal fatique ทำให้เกิดการเป็นซ้ำขึ้นมาอีก ได้มีรายงานว่า wire patch ได้มีการ erode โครงสร้างบริเวณ inguinal และทะลุเข้าถึง peritoneal cavity ทำให้มีการกังวลกันเกี่ยวกับการใช้วิธีนี้

v ปี 1958 The modern synthetic patch โดย Usher มีการสร้าง patch ที่ทำมาจาก plastic monofilament (polyethylene) และ Lichtensteinได้นำมาใช้โดยพัฒนาการเย็บซ่อมแบบ sutureless hernia repair โดยใช้ plastic mesh patch มาว่างบน inguinal floor ซี่งต่อมาได้เป็นที่นิยมกันมาก

v ในการค้นหาวิธีการผ่าตัดในการลดโอกาสเป็นซ้ำและเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการใช้ prosthetic mesh ได้มีการผ่าตัดที่ละเอียดและพิถีถิถันมากตามมา โดย Shouldice technique เป็นวิธีที่ใช้กันมาก เริ่มในปี 1958 และเป็นการประยุกต์การผ่าตัดแบบ Bassini ที่สำคัญ การผ่าตัดวิธีนี้จะเลาะinguinal floor ทั้งหมด และเย็บปิด inguinal canal เป็น 4 ชั้น โดย trasaversalis fascia เย็บเป็น 2 ชั้น ทบกันแบบ interrupted suture ไกล้เคียงกับของ Bassini ในขณะที่เทคนิกการผ่าตัดจะค่อนข้างยากในผู้เริ่มต้น ในระยะยาวการผ่าตัดแบบนี้จะให้ผลดีและโอกาสเป็นซ้ำต่ำมาก

v ปัจจุบันตั้งแต่ 1990 การทำ laparoscopic techniques มีการทำอย่างแพร่หลายแตกต่างกันมากมาย