ชื่อวิทยาศาสตร์ Ampelocissus martini Planch.
ชื่อวงศ์ Vitaceae
ชื่อทั่วไป กุ่ย (อุบลราชธานี), เครืออีโกย อีโก่ย (นครราชสีมา), เถาเปรี้ยว (กรุงเทพมหานคร), เถาวัลย์ขน (ราชบุรี), ส้มกุ่ย (สระบุรี), ส้มออบ (นครศรีธรรมราช), ส้มกุ้ง(ประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช), องุ่นป่า
ลักษณะทางพฤษศาสตร์
ไม้เถาเลื้อย มักเกาะพันต้นไม้อื่น ไม่ผลัดใบ มีมือเกาะออกตามข้อมักออกตรงข้ามกับใบ เถาเป็นปล้อง กิ่งอ่อนยอดอ่อนมีขนสีน้ำตาลอ่อนปกคลุม เถาแก่สีน้ำตาลแดง มักมีร่องยาวตามแนวยาวของเถา เถาแก่แข็งมีเนื้อไม้
ใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปหัวใจ หยักเว้า 3-5 แฉก กว้างประมาณ 10-13.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 12 เซนติเมตร โคนใบเว้ารูปหัวใจ ปลายใบแหลมหรือมน ขอบใบหยักซี่ฟันแหลม ขอบใบเว้าเป็น 3-5 แฉก ผิวใบด้านบนเกลี้ยง ผิวด้านล่างมีขนสั้นหนานุ่มสีแดงปกคลุม ก้านใบมีขน เส้นใบหลักออกมาจากจุดเดียวกันที่ฐานใบ
ดอกช่อ แบบช่อแยกแขนงขนาดใหญ่ ออกตรงข้ามกับใบและโคนเถา ยาวประมาณ 7.5 เซนติเมตร เถาที่ออกดอกและติดผล ใบจะร่วงหมด ดอกย่อยจำนวนมาก ขนาดเล็ก กลีบรวมสีชมพู กลางดอกสีแดงเข้ม เกสรเพศผู้มี 5 อัน เกสรเพศเมียอยู่เหนือวงกลีบ
ผลสด รูปทรงกลม เป็นพวงแน่นคล้ายพวงองุ่น เส้นผ่านศูนย์กลางผล 2-3 เซนติเมตร ผลอ่อนสีเขียว เมื่อสุกสีแดงคล้ำ
เมล็ดมี 1-2 เมล็ด มีเปลือกหุ้มแข็ง พบตามป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ป่าผลัดใบ ออกดอกราวเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม ติดผลราว เดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม ยอดอ่อนและผลอ่อนรับประทานเป็นผัก
สรรพคุณ
ตำรายาไทย ใบ เป็นยาแก้ไอ แก้ช้ำใน แก้หอบหืด ขับฟอกโลหิตระดู
เถา ขับฟอกโลหิตระดู เป็นยาระบายอ่อนๆ และแก้ไอ
ราก เป็นยาถ่ายพรรดึก (แก้ท้องผูก) แก้ช้ำในและแก้ไอ
ยาพื้นบ้านอีสานใช้ ราก ฝนน้ำดื่ม แก้ไข้ ผสมลำต้นหรือรากรสสุคนธ์ เหง้าสับปะรด ลำต้นไผ่ป่า ลำต้นไผ่ดง งวงตาล
แหล่งอ้างอิง