หัวข้อเรื่อง
ความสำคัญของใบคำขอเอาประกันชีวิต
ข้อควรปฏิบัติเมื่อต้องการทำ ประกันชีวิต
ช่องทางการซื้อประกันชีวิต
หน้าที่ของผู้เอาประกันชีวิต
หน้าที่และความรับผิดชอบของ
ผู้รับประกันชีวิต
การติดตามการขายประกันภัย
การขอรับประโยชน์
การยกเว้นการจ่ายเงินเอาประกันชีวิต
กองทุนประกันชีวิต
สาระสำคัญ
ในการทำประกันชีวิต ผู้ขอทำประกันชีวิตจะต้องกรอกใบคำขอเอาประกันชีวิตซึ่งบริษัทจะพิจารณารับประกันชีวิตจากข้อมูลในใบคำขอฯ ฉะนั้นผู้ขอทำประกันชีวิตจึงต้องกรอกใบคำขอฯตามความเป็นจริงทุกประการ หากผู้ขอทำประกันชีวิตไม่กรอกข้อมูลตามความเป็นจริงและข้อมูลนั้นเป็นสาระสำคัญที่ทำให้บริษัทจะต้องเพิ่มเบี้ยประกันภัยหรืปฏิเสธการรับประกันภัยเมื่อบริษัทสืบทราบภายหลัง บริษัทมีสิทธิ์บอกยกเลิกกรมธรรม์ประกันชีวิตแต่ถึงอย่างไรก็ตามในกรมธรรม์ประกันภัยกำหนดให้บริษัทสามารถใช้สิทธิ์ในการบอกยกเลิกกรมธรรม์ในกรณีนี้ได้ภายในเวลา 2 ปี นับจากวันทำสัญญาหรือวันต่ออายุสัญญา
ความสำคัญของใบคำขอเอาประกันชีวิต
ใบคำขอเอาประกันชีวิตถือเป็นส่วนหนึ่งของกรมธรรม์ประกันชีวิตและเป็นข้อมูลเบื้องต้นของบริษัทในการพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ดังนี้
1. รับ/ปฏิเสธการขอทำประกันชีวิตหรือสัญญาเพิ่มเติมแนบท้ายกรมธรรม์ฯ
2. ถ้ารับประกันชีวิตจะรับในอัตราเบี้ยประกันภัยเท่าใด
3. หากเกิดข้อสงสัยบริษัทสามารถนำข้อมูลในใบคำขอฯ มาประกอบการพิจารณาจ่ายค่าสินไหม
4. บอกยกเลิกกรมธรรม์ประกันชีวิตหากผู้ขอทำประกันชีวิตไม่กรอกข้อมูลตามความจริงและข้อมูลนั้นเป็นสาระสำคัญที่ทำให้บริษัทต้องเพิ่มเบี้ยประกันภัยหรือปฏิเสธการทำประกันภัย
ปัจจุบันสำนักงาน คปภ. กำหนดรูปแบบใบคำขอฯ ไว้ 3 แบบ คือ ในใบคำขอเอาประกันชีวิตชนิดไม่มีคำถามสุขภาพ ชนิดมีคำถามสุขภาพอย่างสั้น และชนิดมีคำถามสุขภาพอย่างละเอียด เพื่อเป็นมาตรฐานให้บริษัทเลือกใช้ตามความเหมาะสมกับกรมธรรม์ประกันชีวิตแต่ละแบบที่จะนำออกจำหน่ายทั้งนี้ก่อนที่บริษัทจะนำใบคำขอเอาประกันชีวิตให้ผู้สนใจทำประกันชีวิตกรอกข้อมูลจะต้องได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน คปภ. ก่อน
ข้อควรปฏิบัติเมื่อต้องการทำประกันชีวิต
1. ติดต่อบริษัทประกันชีวิตโดยตรงหรือผ่านตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัย
2. เลือกแบบประกันชีวิตที่เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของตนเอง
3. กำหนดวงเงินเอาประกันภัยที่ต้องการโดยพิจารณาประกอบกับรายได้ประจำที่ได้รับและกำลังความสามารถในการส่งเบี้ยประกัน
4. กรอกรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเองในแบบคำขอเอาประกันชีวิตโดยแถลง
ความจริงทุกประการโดยเฉพาะอย่างยิ่งประวัติการรักษาพยาบาลและคำแถลงเกี่ยวกับ
สุขภาพเพราะการปิดบังในสาระสำคัญเหล่านี้จะเป็นเหตุให้ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์
5. ในกรณีที่ตัวแทนเป็นผู้กรอกแบบคำขอเอาประกันชีวิตแทนผู้เอาประกันชีวิต
ผู้เอาประกันชีวิตต้องตรวจสอบความถูกต้องก่อนลงชื่อในแบบคำขอ เมื่อได้รับกรมธรรม์
หากพบข้อมูลที่ผิด เช่น ชื่อผู้รับประโยชน์ หรือชื่อผู้เอาประกันภัยผิดพลาด ฯลฯ ให้ทักท้วงบริษัทเพื่อแก้ไขให้ถูกต้อง
6. ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิตตามกำหนดทุกครั้งโดยติดต่อชำระที่บริษัท สาขาหรือทางไปรษณีย์ลงทะเบียนหรือผ่านธนาคาร ในกรณีชำระผ่านตัวแทนของบริษัท ให้เรียกใบเสร็จรับเงินตามแบบพิมพ์ของบริษัทเก็บไว้เป็นหลักฐานทุกครั้ง (ตามกฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่ของผู้เอาประกัน)
7. แจ้งให้ผู้รับประโยชน์ตามที่ระบุชื่อในกรมธรรม์หรือบุคคลในครอบครัวทราบถึงการทำประกันชีวิตและสถานที่เก็บกรมธรรม์
8. เมื่อมีปัญหาติดต่อสำนักงาน คปภ. หรือ สำนักงาน คปภ. ภาคหรือสำนักงานคปภ. จังหวัด
ในกรณีที่บริษัทหนึ่งปฏิเสธคำขอทำประกันชีวิตไม่ใช่ว่าทุกบริษัทจะไม่รับประกันชีวิตของผู้ที่ต้องการเอาประกันชีวิตรายนั้น เนื่องจากแต่ละบริษัทจะพิจารณารับทำประกันชีวิตด้วยการรับความเสี่ยงภัยที่แตกต่างกัน กล่าวคือในภัยลักษณะเดียวกันบางบริษัทอาจปฏิเสธการรับประกันภัยแต่บางบริษัทอาจรับประกันภัยโดยการคิดเบี้ยประกันภัยเพิ่มขึ้นดังนั้นผู้ที่ต้องการเอาประกันชีวิตสามารถยื่นขอเอาประกันชีวิตกับบริษัทอื่น ๆ ได้ เช่นผู้ขอเอาประกันชีวิตเป็นคนมีความดันโลหิตสูงซึ่งต้องควบคุมด้วยยา บริษัทหนึ่งอาจปฏิเสธขณะที่อีกบริษัทหนึ่งอาจรับประกันชีวิตด้วยเบี้ยประกันภัยที่สูงขึ้น เป็นต้น
ช่องทางการซื้อประกันชีวิต
ปัจจุบันสำนักงาน คปภ. ให้ความเห็นชอบเกี่ยวกับการขายประกันชีวิตไว้หลายช่องทางเพื่อความคล่องตัวทั้งของผู้เอาประกันภัยและบริษัทผู้รับประกันภัยที่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้นผู้ที่ต้องการซื้อประกันชีวิตสามารถเลือกช่องทางที่สะดวกและพอใจได้ ดังนี้
1. ผ่านตัวแทนประกันชีวิต (Insurance Agent)
2. ผ่านนายหน้าประกันชีวิต (Insurance Broker)
3. ผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร (Bancassurance)
4. ผ่านทางโทรศัพท์ (Telemarketing)
5. ผ่านทางไปรษณีย์ (Direct Mail) ปัจจุบันบริษัทประกันภัยสามารถเสนอขายโดยวิธีการส่งเอกสารการขายผ่านทางไปรษณีย์ได้
หน้าที่ของผู้เอาประกันชีวิต
หน้าที่ของผู้เอาประกันภัยที่ต้องปฏิบัติ คือ เป็นความรับผิดชอบของผู้เอาประกันซึ่งการละเลยหรือไม่ปฏิบัติอาจเป็นเหตุให้ไม่ได้รับความคุ้มครอง หรือสัญญาประกันภัยถูกยกเลิกได้
1. หน้าที่เปิดเผยความจริงหลักพื้นฐานที่สำคัญของการประกันภัยประการหนึ่งคือ หลักสุจริตต่อกันอย่างยิ่ง เนื่องจากผู้รับประกันภัยจำเป็นต้องทราบขอเท็จจริงบางประการเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาว่าจะรับประกันภัยรายใดหรือไม่
2. หน้าที่ส่งเบี้ยประกันภัย ผู้เอาประกันชีวิตมีหน้าที่ต้องชำระเบี้ยประกันภัยตามสัญญาแต่มีสิทธิ์ที่จะได้รับการผ่อนผันการชำระเบี้ยประกันหรือยืดระยะเวลาการชำระเบี้ยประกันได้ประมาณ 30 วัน หรือ 60 วัน ถ้าผู้เอาประกันชีวิตไม่ส่งชำระเบี้ยประกันภัยมีผลเท่ากับผู้เอาประกันชีวิตบอกเลิกสัญญาประกันชีวิต (มาตรา 894)
กรณีสัญญาประกันภัยถูกยกเลิกเนื่องจากผู้เอาประกันภัยบอกเลิกสัญญา หรือไม่ส่งชำระเบี้ยประกันภัย หากผู้เอาประกันภัยได้ส่งเบี้ยประกันภัยมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีมีสิทธิ์ได้รับเงินค่าเวนคืนกรมธรรม์ประกันภัยหรือได้รับกรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จจากผู้รับประกันภัย
หน้าที่และความรับผิดชอบของผู้รับประกันชีวิต
บริษัทผู้รับประกันชีวิตมีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อคู่สัญญา ดังนี้
1. ต้องส่งมอบกรมธรรม์ประกันชีวิตแก่ผู้เอาประกัน (มาตรา 867)
2. เมื่อบอกล้างสัญญาต้องคืนค่าไถ่ถอนกรมธรรม์ (มาตรา 892, 895) หรือต้องคืนเบี้ยประกัน (มาตรา 893) หรือต้องใช้เงินค่าเวนคืนกรมธรรม์ประกันภัย หรือส่งมอบกรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จ (มาตรา 894)
3. ต้องใช้เงินตามสัญญาตามเงื่อนไขแห่งกรมธรรม์ประกันภัย
การติดตามการขาย
เมื่อผู้เอาประกันภัยกรอกใบคำขอเอาประกันภัยและบริษัทประกันภัยได้พิจารณาตกลงรับประกันภัย บริษัทประกันภัยต้องจัดทำกรมธรรม์ประกันภัยที่มีเนื้อหาตามที่ตกลงกัน มอบให้ผู้เอาประกันหนึ่งฉบับ หลังจากนั้นจะต้องมีการติดตามหลังการขาย เพื่อให้บริการด้านต่างๆ เช่น ให้คำปรึกษา เป็นต้น นอกจากนั้นการติดตามหลังการขายยังเป็นวิธีการกับลูกค้า เดิมและเพิ่มยอดขายที่สร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าได้ด้วยวิธีการติดตามการขายที่นิยม มีดังนี้
1. การโทรศัพท์หรือแวะเยี่ยมเยียนโดยทั่วไปประมาณ 3 เดือน/ครั้ง หรือตามเทศกาล
2. เข้าพบลูกค้าเพื่อทบทวนกรมธรรม์ให้ลูกค้าเมื่อกรมธรรม์ครบ 1 ปี
การขอรับประโยชน์
ในการขอรับประโยชน์ตามกรมธรรม์ หรือที่เข้าใจกันโดยทั่วไปว่าเป็นการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน ผู้เอาประกันภัยสามารถทราบรายละเอียดของเอกสารที่ต้องใช้และระยะเวลาของการจ่ายค่าสินไหมทดแทนและผลประโยชน์อื่นได้จากบันทึกสลักหลังที่แนบกับกรมธรรม์ประกันภัยทุกฉบับ ซึ่งสามารถสรุปขั้นตอนและหลักฐานที่ต้องใช้ในการดำเนินการดังนี้
1. ติดต่อบริษัทประกันภัยที่เป็นผู้รับประกันภัยให้เร็วที่สุด
2. ในกรณีการเวนคืนกรมธรรม์และการกู้ยืมเงินตามกรมธรรม์
ผู้เอาประกันภัยจะต้องนำกรมธรรม์ประกันภัยไปติดต่อกับบริษัทและกรอกใบคำขอเวนคืนกรมธรรม์ประกันภัย หรือใบคำขอกู้ยืมแล้วแต่กรณี โดยบริษัทจะใช้เวลาไม่เกิน 20 วัน สำหรับการเวนคืน และไม่เกิน 15 วัน สำหรับการกู้ยืมเงินตามกรมธรรม์ประกันภัย
3. ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตซึ่งจะแยกเป็นกรณีตามสาเหตุของการเสียชีวิต ดังนี้
3.1 การเสียชีวิตจากการเจ็บป่วยจะต้องแจ้งให้บริษัทผู้รับประกันภัยทราบภายใน 14 วัน และผู้รับประโยชน์ต้องนำเอกสารต่าง ๆ ไปดำเนินการขอรับประโยชน์ที่บริษัทผู้รับประกันภัย ดังนี้
3.1.1 กรมธรรม์ประกันภัยของผู้เอาประกันภัย (ถ้าหายต้องแจ้งความนำสำเนารายงานประจำวันรับแจ้งเอกสารหายไปแสดงแทน)
3.1.2 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับประโยชน์
3.1.3 สำเนาทะเบียนบ้านของผู้รับประโยชน์โดยต้องนำต้นฉบับมาแสดงด้วย
3.1.4 สำเนาใบมรณะบัตรของผู้เอาประกันโดยต้องนำต้นฉบับมาแสดงด้วย
3.1.5 สำเนาทะเบียนบ้านที่มีการจำหน่ายการตายของผู้เอาประกันภัยโดยต้องนำต้นฉบับมาแสดงด้วย
3.1.6 ใบยินยอมของผู้รับประโยชน์หรือทายาทในการเปิดเผยประวัติ
3.1.7 ใบรายงานแพทย์กรณีเสียชีวิตที่โรงพยาบาลหรือสถานพยาบาล
3.1.8 ผู้รับประโยชน์ทุกคนกรอกใบเรียกร้องสิทธิ์
3.2 การเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย ผู้รับประโยชน์ต้องนำเอกสารตาม
3.1.1 - 3.1.8 และเพิ่มเติม ดังนี้
3.2.1 สำเนาบันทึกประจำวันรับแจ้งเหตุของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
3.2.2 ใบชันสูตรพลิกศพ
3.3 การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุผู้รับประโยชน์ต้องนำเอกสารตาม 3.1.1 - 3.1.5และ 3.2.1- 3.2.2 และเพิ่มเติม ดังนี้
3.3.1 สำเนาบันทึกประจำวันหลังกลับจากสถานที่เกิดเหตุของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้บริษัทจะใช้เวลาไม่เกิน 15 วัน โดยค่าใช้จ่ายในการขอเอกสารหรือหลักฐานต้องเป็นค่าใช้จ่ายของผู้รับประโยชน์
4. ในกรณีการเรียกร้องประโยชน์อุบัติเหตุกรณีไม่เสียชีวิต เช่น สูญเสียอวัยวะและทุพพลภาพ ผู้เอาประกันภัยต้องกรอกใบคำขอเรียกร้องค่าทดแทนและนำใบรายงานแพทย์ตามแบบที่บริษัทกำหนดมาแสดงด้วยโดยบริษัทจะใช้เวลาไม่เกิน 15 วัน
5. ในกรณีการเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลผู้เอาประกันภัยต้องกรอกใบคำขอเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลพร้อมแสดงใบรายงานแพทย์ของสถานพยาบาล ใบเสร็จรับเงินต้นฉบับและใบสรุปหน้างบโดยบริษัทจะใช้เวลาไม่เกิน 15 วัน
6. ในกรณีการเรียกร้องผลประโยชน์ครบกำหนดสัญญา ผู้เอาประกันภัยต้องนำกรมธรรม์ประกันภัย สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้เอาประกันภัยมาแสดงโดยบริษัทจะใช้เวลาไม่เกิน 15 วันในการพิจารณาจ่ายเงินผลประโยชน์กรณีเสียชีวิต อุบัติเหตุ และค่ารักษาพยาบาลหากบริษัทพบเหตุอันควรสงสัย บริษัทอาจขยายเวลาได้ไม่เกิน 90 วัน แต่บริษัทจะต้องแจ้งผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ให้ทราบ
ในกรณีที่บริษัทจ่ายล่าช้ากว่าระยะเวลาที่กำหนดโดยไม่มีเหตุอันควรบริษัทต้องรับผิดชอบดอกเบี้ยในระหว่างเวลาที่จ่ายล่าช้าด้วยอัตราดอกเบี้ยผิดนัด 15% ต่อปี
การยกเว้นการจ่ายเงินเอาประกันชีวิต
บริษัทประกันชีวิตมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินเอาประกันชีวิตให้ผู้รับประโยชน์ถ้าผู้เอาประกันภัยถึงแก่ความตายในขณะที่กรมธรรม์มีผลบังคับแต่ถ้าผู้เอาประกันชีวิตถึงแก่ความตายด้วยสาเหตุดังต่อไปนี้ บริษัทประกันชีวิตจะไม่จ่ายจำนวนเงินเอาประกันชีวิตให้แต่จะคืนเบี้ยประกันชีวิตที่ได้ชำระแล้วทั้งหมด คือ
1. ผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตจากเหตุถูกผู้รับประโยชน์ฆ่า
2. ผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตจากเหตุฆ่าตัวตายภายในเวลา 1 ปีนับจากวันทำสัญญาหรือวันต่ออายุสัญญาครั้งสุดท้าย
กองทุนประกันชีวิต
“กองทุนประกันชีวิต” จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 มีฐานะเป็นนิติบุคคลที่ไม่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ
วัตถุประสงค์ของกองทุนประกันชีวิต
การจัดตั้งกองทุนประกันชีวิตมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
1. เพื่อคุ้มครองเจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิ์ได้รับชำระหนี้ที่เกิดจากการเอาประกันภัยในกรณีบริษัทที่ได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจประกันชีวิตล้มละลายหรือถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันชีวิต
2. เพื่อพัฒนาธุรกิจประกันชีวิตให้มีความมั่นคงและเสถียรภาพแหล่งที่มาของเงินกองทุนประกันชีวิต
แหล่งที่มาของเงินกองทุนประกันชีวิตที่สำคัญ ๆ ได้แก่
1. เงินที่บริษัทประกันชีวิตนำส่งตามอัตราที่คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยกำหนด
2. เงินตามสัญญาประกันภัยที่ผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ไม่ได้ใช้สิทธิ์เรียกร้องจนขาดอายุความ
คณะกรรมการบริหารกองทุนประกันชีวิต
กองทุนประกันชีวิตมี “คณะกรรมการบริหารกองทุน” เป็นผู้กำกับ กำหนดนโยบายและออกระเบียบต่าง ๆ เกี่ยวกับการดำเนินงานของกองทุน คณะกรรมการประกอบด้วย
1. ปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานกรรมการ
2. เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยเป็นรองประธานกรรมการ
3. ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นกรรมการ
4. ผู้แทนสมาคมประกันชีวิตไทยจำนวน 2 คน เป็นกรรมการ
5. ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจำนวนไม่เกิน 4 คน เป็นกรรมการในกิจการกองทุนประกันชีวิตที่เกี่ยวข้องกับบุคคลภายนอกมีผู้จัดการกองทุนประกันชีวิตเป็นผู้แทนนิติบุคคล
สิทธิ์ของเจ้าหนี้ที่เกิดจากการเอาประกันชีวิต
ในกรณีที่บริษัทประกันชีวิตล้มละลายหรือถูกเพิกถอนใบอนุญาตและทรัพย์สินของบริษัทประกันชีวิตนั้นมีไม่เพียงพอ เจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิ์ได้รับชำระหนี้ที่เกิดจากการเอาประกันภัยจากกองทุนประกันชีวิตไม่เกินหนึ่งล้านบาท (โดยรวมกับจำนวนเงินที่ได้รับชำระจากบริษัทประกันชีวิตมาก่อนแล้ว)
สรุป
วิธีการในการเอาประกันชีวิต ผู้ขอทำประกันชีวิตจะต้องกรอกใบคำขอเอาประกันชีวิตในวันที่ผู้ขอเอาประกันชีวิตกรอกใบคำขอเอาประกันชีวิตจะต้องชำระเบี้ยประกันภัยงวดแรกทันทีและผู้ขอเอาประกันชีวิตจะต้องได้ใบรับเงินชั่วคราวของบริษัทประกันชีวิตที่ระบุจำนวนเงินเบี้ยประกันภัยตรงกับจำนวนเงินที่จ่ายไปจริง
ใบคำขอเอาประกันชีวิตถือเป็นส่วนหนึ่งของกรมธรรม์ประกันชีวิตและเป็นข้อมูลเบื้องต้นของบริษัทในการพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
1. รับ/ปฏิเสธการขอทำประกันชีวิตหรือสัญญาเพิ่มเติมแนบท้ายกรมธรรม์ฯ
2. ถ้ารับประกันชีวิตจะรับในอัตราเบี้ยประกันภัยเท่าใด
3. หากเกิดข้อสงสัยบริษัทสามารถนำข้อมูลในใบคำขอฯ มาประกอบการพิจารณาจ่ายค่าสินไหม
4. บอกยกเลิกกรมธรรม์ประกันชีวิตหากผู้ขอทำประกันชีวิตไม่กรอกข้อมูลตามความจริง
ใบคำขอเอาประกันชีวิตในปัจจุบันมี 3 แบบ คือ
- ใบคำขอเอาประกันชีวิตชนิดไม่มีคำถามสุขภาพ
- ใบคำขอเอาประกันชีวิตชนิดมีคำถามสุขภาพอย่างสั้น
- ใบคำขอเอาประกันชีวิตชนิดมีคำถามสุขภาพอย่างละเอียด
ช่องทางการซื้อประกันชีวิตมี ดังนี้
1. ผ่านตัวแทนประกันชีวิต
2. ผ่านนายหน้าประกันชีวิต
3. ผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร
4. ผ่านทางโทรศัพท์
5. ผ่านทางไปรษณีย์
หน้าที่ของผู้เอาประกันชีวิต
1. เปิดเผยความจริง
2. ส่งเบี้ยประกันภัย
หน้าที่และความรับผิดชอบของผู้รับประกันชีวิต
1. ต้องส่งมอบกรมธรรม์ประกันชีวิตแก่ผู้เอาประกัน
2. เมื่อบอกล้างสัญญาต้องคืนค่าไถ่ถอนกรมธรรม์
3. ต้องใช้เงินตามสัญญาตามเงื่อนไขแห่งกรมธรรม์ประกันภัย
การขอรับประโยชน์
การขอรับประโยชน์ต้องติดต่อบริษัทประกันภัยให้เร็วที่สุดเพื่อทราบข้อปฏิบัติตามกรณีของภัยที่เกิดขึ้น
การยกเว้นการจ่ายเงินเอาประกันชีวิต
ถ้าผู้เอาประกันชีวิตถึงแก่ความตายด้วยสาเหตุ ดังนี้
1. ผู้ประกันชีวิตถึงแก่ความตายจากเหตุถูกผู้รับประโยชน์ฆ่า
2. ผู้ประกันชีวิตถึงแก่ความตายจากเหตุฆ่าตัวตายภายในเวลา 1 ปีนับจากวันทำสัญญาหรือวันต่ออายุสัญญาครั้งสุดท้าย
กองทุนประกันชีวิต
จุดประสงค์ของการจัดตั้งกองทุน มีดังนี้
1. คุ้มครองเจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิ์ได้รับชำระหนี้ที่เกิดจากการเอาประกันภัย
2. เพื่อพัฒนาธุรกิจประกันภัย