แนวคิด
จากแนวความคิดเศรษฐกิจพอเพียงจึงนำามาพัฒนาเป็นวิสาหกิจชุมชน ซึ่งจะช่วยให้ชุมชนได้เรียนรู้มีการทำงานอย่างเป็นระบบ ลดรายจ่ายเพิ่ม รายได้สามารถพึ่งพาตนเองได้ หากชุมชนมีความสามัคคี ร่วมมือกันทำงาน จะทำให้วิสาหกิจชุมชนนั้นมีความเจริญเติบโต ขยายเป็นเครือข่าย และหากมี การจดทะเบียน จะทำให้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลมากขึ้นอีกด้วย
สาระการเรียนรู้
1. ความรู้เกี่ยวกับวิสาหกิจชุมชน 2. ความพร้อมของชุมชนเพื่อการทำวิสาหกิจชุมชน
3. เครือข่ายวิสาหกิจชุมชน 4. วิสาหกิจชุมชนกับโครงการของรัฐบาล
5. แนวทางการดำเนินการวิสาหกิจชุมชน
ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
1. แสดงความรู้เกี่ยวกับวิสาหกิจชุมชนได้
2. แสดงความรู้เกี่ยวกับความพร้อมของชุมชนเพื่อการทำวิสาหกิจชุมชนได้
3. แสดงความรู้เกี่ยวกับเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนได้
4. แสดงความรู้เกี่ยวกับวิสาหกิจชุมชนกับโครงการของรัฐบาลได้
5. แสดงความรู้เกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการวิสาหกิจชุมชนได้
เป็นการนำแนวทางเศรษฐกิจขุมขน หรือแนวเศรษฐกิจพอเพียงมาพัฒนาอย่าง ต่อเนื่องและเป็นระบบ มีชุมชนเป็นเจ้าของ มีการดำเนินการที่มิได้มุ่งแสวงหากำไร แต่เน้นการพึ่งพาอาศัยกัน วิสาหกิจชุมชนเป็นกิจกรรมของชุมชนที่เกิดขึ้นจากการเรียนรู้ เป็นกิจกรรมที่ไม่ซับซ้อน กระทำเพื่อทดแทน การซื้อจากตลาดทำให้ชุมชนลดค่าใช้จ่าย ส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศเข้มแข็งขึ้น วิสาหกิจชุมชน มีความสำคัญในการสร้างรากฐานของประเทศ กล่าวคือหากขุมขนในประเทศเข้มแข็ง ก็จะทำให้ประเทศ มีความมั่นคงตามไปด้วย
อานันท์ ตะนัยศรี กล่าวถึงความหมายของวิสาหกิจชุมชน ดังนี้
- วิสาหกิจชุมชน หมายถึง การประกอบการซึ่งรวมกระบวนการคิด การจัดการผลผลิต และ ทรัพยากรทุกขั้นตอนโดยมีภูมิปัญญาขององค์กร ชุมชน หรือเครือข่ายขององค์กรชุมชน เพื่อพัฒนา เศรษฐกิจ สังคม และการเรียนรู้ของชุมชน โดยมิได้หวังเพื่อสร้างกำไรทางการเงินเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการให้เกิดความเข้มแข็งทางสังคมด้วย
- วิสาหกิจชุมชน หมายถึง การประกอบการโดยชุมชนที่มีสมาชิกในชุมชนเป็นเจ้าของ ปัจจัยการผลิตทั้งทางด้านการผลิต การค้า การเงิน และต้องการให้ปัจจัยการผลิตนี้ให้เกิดดอกผล ทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม ด้านเศรษฐกิจคือ การสร้างรายได้และอาชีพ ด้านสังคมคือ การยึดโยงร้อยรัด ความเป็นครอบครัวและชุมชนให้ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับผิดชอบ แบบทุกข์แบ่งสุขซึ่งกันและกัน โดยผ่าน กระบวนการของชุมชน
- วิสาหกิจชุมชน หมายถึง การประกอบการขนาดเล็กและขนาดจิ๋ว เพื่อจัดการทุนของชุมชน อย่างสร้างสรรค์ เพื่อการพึ่งพาตนเอง และความเพียงพอของครอบครัวและชุมชน การจัดการทุน ไม่ได้ หมายถึงการจัดการเงินแต่เพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงการจัดการทรัพยากร ผลผลิต ความรู้ ภูมิปัญญา ทุนทางวัฒนธรรม ทุนทางสังคมให้เกิดประสิทธิภาพและยั่งยืน ยังประโยชน์ให้ชุมชนผู้เป็นเจ้าของวิสาหกิจ
นั้นเป็นหลัก
- วิสาหกิจชุมชน ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน พ.ศ. 2548 หมายถึง กิจการของ ชุมชนเกี่ยวกับการผลิตสินค้า การให้บริการหรือบริการอื่นๆ ที่ดำเนินการโดยคณะบุคคลที่มีความผูกพัน มีวิถีชีวิตร่วมกัน และรวมตัวกันประกอบกิจการดังกล่าว ทั้งในรูปนิติบุคคลและไม่ใช่นิติบุคคล เพื่อ สร้างรายได้และเพื่อการพึ่งพาตนเองของครอบครัว ชุมชนระหว่างชุมชน ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ การส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนประกาศกำหนด
จากความหมายของวิสาหกิจชุมชนดังกล่าวข้างต้น สามารถสรุปได้ว่า “วิสาหกิจชุมชนเป็นการ รวมตัวกันของชุมชน อาจอยู่ในรูปของนิติบุคคล หรือไม่เป็นนิติบุคคล การรวมตัวกันมีจุดประสงค์ เพื่อการนำทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชน ทั้งเงินทุน ความรู้วัฒนธรรม มาจัดการสร้างสรรค์เพื่อให้ชุมชน สามารถพึ่งพาตนเองได้ ตลอดจนการสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวและชุมชน สามารถสร้างความเข้มแข็ง แก่ชุมชนได้”
ลักษณะของวิสาหกิจชุมชน
วิสาหกิจชุมชนมีลักษณะสำคัญ ดังนี้
1. ชุมชนเป็นเจ้าของ โดยอาจมีคนนอกมีส่วนร่วมด้วยจากการถือหุ้นเพื่อการมีส่วนร่วม ร่วมมือ และให้ความช่วยเหลือ แต่ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ
2. ผลผลิตมาจากกระบวนการในชุมชน อาจนำวัตถุดิบมาจากภายนอกบ้างแต่เน้นการใช้ทรัพยากร ในท้องถิ่นให้มากที่สุด
3. ริเริ่มสร้างสรรค์ เป็นนวัตกรรมของชุมชน เพื่อการพัฒนาศักยภาพของชุมชน ซึ่งมีความรู้ภูมิปัญญา หากมีกระบวนการเรียนรู้ที่เหมาะสม
เกิดมีความเชื่อมั่นในตนเอง ก็จะริเริ่ม สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้ด้วยตนเอง
4. มีการประยุกต์ใช้ฐานภูมิปัญญาท้องถิ่นให้ทันสมัย ผสมผสานกับความรู้ภูมิปัญญาสากล จากที่อื่น
5. มีการดำเนินการแบบบูรณาการเชื่อมโยงกิจกรรมต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ แต่เป็นกิจกรรม ประสานผนึกกำลัง และเกื้อกูลกัน
6. มีกระบวนการเรียนรู้เป็นหัวใจหลัก กล่าวคือ วิสาหกิจชุมชนจะต้องมีการเรียนรู้ การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ
7. มีการพึ่งพาตนเองเป็นเป้าหมาย กล่าวคือ วิสาหกิจชุมชนมีเป้าหมายหลักที่สำคัญที่สุด คือให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้
ประเภทของวิสาหกิจชุมชน
การแบ่งประเภทของวิสาหกิจชุมชน สามารถมองได้หลายมิติ กล่าวคือ สามารถแบ่งได้ตามลักษณะ การประกอบกิจการเป็นหลัก และแบ่งตามการจัดการระดับและขั้นตอนการพัฒนาการประกอบการของ วิสาหกิจชุมชน
แบ่งตามลักษณะการประกอบกิจการเป็นหลัก ได้ 2 ประเภท ดังนี้
1. วิสาหกิจชุมชนพื้นฐาน เป็นการผลิตเพื่อใช้ในท้องถิ่นเป็นหลัก มี 5 ชนิด ได้แก่ ข้าว อาหาร สมุนไพร ของใช้ และปุ๋ย เป็นของที่กิน ใช้ในชีวิตประจำวัน อยู่ในขีดความสามารถของชาวบ้านที่ผลิตได้
มีมูลค่ามากกว่าครึ่งของค่าใช้จ่ายทั้งปีของแต่ละครัวเรือน ที่ชาวบ้านทั่วไปต้องซื้อมากินและใช้
2. วิสาหกิจชุมชนก้าวหน้า เป็นวิสาหกิจชุมชนที่สามารถนำออกสู่ตลาดใหญ่ มีเอกลักษณ์ท้องถิ่น เป็นลักษณะเฉพาะตัว มีคุณภาพระดับมาตรฐานสามารถแข่งขันกับผลิตภัณฑ์ทั่วไปได้ ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น หรือสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ คือหนึ่งในวิสาหกิจชุมชนก้าวหน้า
แบ่งตามการจัดการระดับและขั้นตอนการพัฒนาการประกอบการของวิสาหกิจชุมชน ได้ 2 ประเภท ดังนี้
1. ระดับครอบครัว เป็นวิสาหกิจชุมชนแบบพึ่งตนเอง ประกอบกิจกรรมเพื่อกิน ใช้ในครัวเรือน ทดแทนการพึ่งพาจากภายนอก เช่น การนำปลามาตากแห้ง เพื่อเก็บไว้กิน เป็นต้น
2. ระดับชุมชนและเครือข่าย เป็นวิสาหกิจชุมชนแบบพอเพียง เป็นการประกอบกิจการโดยกลุ่ม เพื่อสนองการอุปโภคบริโภคในชุมชนและเครือข่าย สามารถพัฒนาเป็นวิสาหกิจชุมชนแบบก้าวหน้า เพื่อแข่งขันกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้
ทุนของวิสาหกิจชุมชน
ทุนของวิสาหกิจชุมชนมีทั้งทุนที่เป็นเงิน และทุนที่เป็นทรัพยากรธรรมชาติ ดิน ป่า น้ำ ความรู้ ภูมิปัญญา วัฒนธรรม ความเป็นพี่น้องและความไว้ใจกันของชุมชน ทั้งนี้เครือข่ายความสัมพันธ์ของสมาชิก ชุมชนวิสาหกิจจะใช้ทุนตนเองเป็นหลัก แต่ยังรับเงินทุนจากภายนอกด้วย กรณีที่ชุมชนต้องการเงินทุนเพิ่ม สามารถขอกู้ได้จากธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ซึ่งธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตรมีการจัดสรรงบประมาณสำหรับรองรับวิสาหกิจชุมชนด้วย
ความแตกต่างของวิสาหกิจชุมชนกับสิ่งที่ชุมชนทำมาก่อน
วิสาหกิจชุมชนมีความแตกต่างจากสิ่งที่ชุมชนกระทำกันมาก่อน ดังนี้
1. วิสาหกิจชุมชนมีการดำเนินการอย่างเป็นแบบแผน มีระบบ ขั้นตอน เริ่มต้นจากการเรียนรู้ก่อน แล้วจึงลงมือทำ การทำกิจกรรมต่าง ๆ เน้นความร่วมมือเพื่อให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ แตกต่างจาก อุตสาหกรรมชุมชนและธุรกิจชุมชนที่เน้นการผลิต การแปรรูป การจัดการที่มุ่งสู่ตลาดใหญ่
2. วิสาหกิจชุมชนมีความหลากหลายของกิจกรรม เป็นการสร้างสรรค์จากความรู้ ภูมิปัญญา วัฒนธรรม และทรัพยากรที่มีอยู่ สำหรับการพึ่งพาตนเองของครอบครัวและชุมชน และระหว่างชุมชน โดยมุ่งประโยชน์ทางสร้างสรรค์แก่สังคมแก่ชุมชนมากกว่าการแสวงหากำไรสูงสุด ทั้งยังมุ่งรักษาระบบนิเวศ ของสังคมโดยรวม หากเปรียบเทียบกับอุตสาหกรรมชุมชนและธุรกิจชุมชนมักทำการเกษตร ก็คล้ายกับ การทำการเกษตรเชิงเดียว ขณะที่วิสาหกิจชุมชนเป็นการปลูกพืชแบบผสมผสาน
3. วิสาหกิจชุมชนเน้นเรื่องวิธีคิดและกระบวนการเรียนรู้มากที่สุด สามารถผลิตสินค้าได้จำนวนมาก แต่ไม่มีตลาดรองรับ ขายไม่ได้ส่งผลให้ขาดทุน เพราะเริ่มต้น จากการทำเลียนแบบจากสิ่งที่มีอยู่ การทำวิสาหกิจชุมชนจึงควรเริ่มต้นจากการจัดทำให้พอกินพอใช้ ทดแทนสิ่งที่ต้องซื้อ แล้วจึงพัฒนาสู่การจัดการเชิงธุรกิจ เมื่อเพียงพอและพึ่งตนเองได้แล้วจึงพัฒนาสู่ การจัดการเชิงธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ที่นำออกสู่ท้องตลาดจะต้องมีเอกลักษณ์ท้องถิ่นที่มาจากการรู้จักใช้ประโยชน์ จากความหลากหลายทางชีวภาพหรือทรัพยากรในท้องถิ่นบวกกับความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยี สมัยใหม่ที่เหมาะสม โดยเริ่มจากเล็กไปหาใหญ่เพื่อสร้างรากฐานเศรษฐกิจชุมชนให้เข้มแข็งก่อน นอกจากนี้ การนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด ควรเรียนรู้การจัดการและกลไกทางการตลาดเป็นอย่างดี
การจัดการการผลิตและการตลาดของวิสาหกิจชุมชน
การจัดการการผลิตของวิสาหกิจชุมชน จะต้องมีการวางแผนการผลิต สร้างวงจรเศรษฐกิจ ขึ้นมาใหม่ เชื่อมโยงทุกเรื่องที่ทำให้ได้อาหาร เครื่องใช้ และต้องทำแบบประสานพลังให้เกิดผลทวีคูณ ไม่ใช่ทำเพื่อแข่งขันกันขาย
ด้านการจัดการการตลาด วิสาหกิจชุมชนจะต้องมีเป้าหมายในการผลิตก่อนว่า ต้องผลิตเพื่อ การบริโภคในครอบครัว ในชุมชนหรือระหว่างชุมชน ผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการและจัดการผลผลิตให้ได้ก่อน หากการผลิตนั้นได้ผลดีจึงค่อยเพิ่มปริมาณการผลิต ซึ่งผลิตภัณฑ์นั้นมีความโดดเด่นมีคุณภาพดี มีลักษณะเฉพาะตัว จะสามารถนำออกสู่ท้องตลาดได้ ตลาดของวิสาหกิจชุมชน แบ่งออกได้ดังนี้
1. ตลาดพอเพียง หมายถึง ตลาดท้องถิ่น ตลาดภายในชุมชนและระหว่างชุมชน หรือในเครือข่าย
2. ตลาดผูกพัน หมายถึง ตลาดที่มีการตกลงหรือเซ็นสัญญาซื้อขายระหว่างองค์กร หน่วยงานนอกชุมชน เช่น หน่วยงานรัฐบาลแห่งหนึ่งตกลงซื้อผ้าลายแตงโมจากชุมชนปีละ 5,000 เมตร เพื่อตัดชุดพนักงาน เป็นต้น
3. ตลาดทั่วไป หมายถึง ตลาดที่ต้องแข่งขันกับคนอื่น ในเมือง หรือส่งออกไปต่างประเทศ
ความพร้อมของชุมชนเพื่อการทำวิสาหกิจชุมชน
ชุมชนที่จะรวมตัวดำเนินกิจกรรมเพื่อการทำวิสาหกิจชุมชน ควรมีความพร้อม และมีจุดแข็ง ดังนี้
1. มีความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นชุมชนที่ยังมีป่า ดิน น้ำ และธรรมชาติที่ประกอบด้วย สิ่งที่มีคุณค่าต่อชีวิต เป็นทั้งอาหารและยา
เครื่องใช้ต่าง ๆ มีการค้นพบสิ่งที่มีอยู่ให้เกิดมูลค่า เช่น การพบว่า หญ้าหวานที่ขึ้นอยู่ในหมู่บ้าน มีสรรพคุณช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน แก่นตะวันช่วยลดระดับไขมันที่ให้โทษต่อร่างกาย ป้องกันไขมันในเลือดสูง เป็นต้น
2. ภูมิปัญญาท้องถิ่น ปัจจุบันภูมิปัญญาท้องถิ่นหายไปกับคนรุ่นใหม่ แต่พบว่ายังมีภูมิปัญญา บางส่วนที่ชุมชนนำมาประยุกต์และผสมผสานกับความรู้ใหม่เพื่อให้เกิดสิ่งที่มีคุณค่า และมูลค่า
3. เครือข่ายความสัมพันธ์ระหว่างคนในชุมชน คนในชุมชนต้องมีความร่วมมือร่วมใจ จัดการชุมชนและเครือข่าย ให้พึ่งพาอาศัยกัน ร่วมกันจัดสรรทรัพยากร รวมถึงผลผลิตต่าง ๆ แบ่งกันผลิต และร่วมกันบริโภค ให้สามารถเป็นชุมชนที่พึ่งตนเองได้
จากความหมายของวิสาหกิจชุมชนที่กล่าวมาข้างต้น วิสาหกิจชุมชน หมายถึง กลุ่มคนที่ รวมตัวกันเพื่อประกอบการวิสาหกิจชุมชน ขณะที่ชาวบ้านทั่วไป และองค์กรพัฒนาเอกชน กล่าวถึง วิสาหกิจชุมชนว่า หมายถึง องค์กรชุมชนต่างๆ ที่สัมพันธ์กันเป็นเครือข่าย ถึงแม้ว่าจะให้ความหมายที่ต่างกัน แต่เนื้อหาสำคัญจะเหมือนกัน คือ ความสัมพันธ์ระหว่างคนหรือองค์กรในท้องถิ่น เกิดขึ้นจากการที่บุคคล เชื่อมโยงกันเป็นเครือข่าย
เครือข่ายของวิสาหกิจชุมชน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
1. เครือข่ายภายใน เป็นเครือข่ายที่มีการจัดการความสัมพันธ์ในระดับหมู่บ้าน และตำบล
2. เครือข่ายภายนอก เป็นเครือข่ายที่มีความสัมพันธ์ในระดับอำเภอ จังหวัด ภาค แต่เนื่องจาก ในปัจจุบันผู้คนไม่ค่อยเอื้ออำนวยความสัมพันธ์ การช่วยเหลือเกื้อกูล ต่างกับในสมัยก่อน จึงจำเป็น ต้องมีการเชื่อมคน เชื่อมองค์กร เพื่อให้ผู้คนมีความสัมพันธ์กัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ซึ่งได้มีการพัฒนา รูปแบบอย่างเหมาะสม
เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนมีความสำคัญมาก ก่อให้เกิดพลังและความเข้มแข็ง เนื่องจากการรวมตัวกัน เป็นเครือข่าย จะทำให้สามารถจัดการเรื่องการผลิต การบริโภค ได้กว้างและคล่องตัวขึ้น
วิสาหกิจชุมชนกับโครงการของรัฐบาล
วิสาหกิจชุมชนเกี่ยวข้องกับการดำเนินการของรัฐบาลหลายโครงการ ได้แก่ โครงการ กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง 1 ล้านบาท โครงการ
หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ โครงการพักชำระหนี้ เป็นต้น
วิสาหกิจชุมชนเกี่ยวข้องกับโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ กล่าวคือ วิสาหกิจชุมชนทำให้ ชุมชนมีกระบวนการคิดอย่างมีระบบ จากทรัพยากรที่มีอยู่ เริ่มจากการผลิตเพื่อกิน ใช้ในครัวเรือน ทดแทนการซื้อจากภายนอก เมื่อเพียงพอและมีเหลือ มีการพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้มีความเด่น เป็นเอกลักษณ์ สามารถนำออกสู่ท้องตลาดได้ เป็นสินค้า “หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์”
วิสาหกิจชุมชนกับโครงการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง 1 ล้านบาท เป็นโครงการที่ชุมชน สามารถจัดหาเงินทุนสำหรับนำไปเสริมความเข้มแข็ง โดยการใช้เงินทุนดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพ ชุมชนจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจ มิใช่มุ่งเพียงการผลิตเพื่อการจำหน่ายแต่อย่างเดียว ชุมชนจะต้องเรียนรู้ การรู้จักตนเอง ชุมชน โลก รวมถึงการพัฒนาศักยภาพของตนเอง สามารถลดรายจ่ายและทำให้รายได้ สูงขึ้นด้วย
แนวทางการดำเนินการวิสาหกิจชุมชน
ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน พ.ศ. 2548 กำหนดให้กรมส่งเสริมการเกษตรเป็น แกนกลางในการดำเนินการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน ทำหน้าที่เป็นผู้ให้การรับรองสถานภาพของวิสาหกิจ ชุมชนและเครือข่าย และเป็นสำนักงานเลขานุการ คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน มีบทบาทหน้าที่ ดังนี้
1. รับจดทะเบียน/เพิกถอนวิสาหกิจชุมชนและเครือข่าย และเลิกกิจการ
2. เป็นสำนักงานเลขานุการ คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน
3. ดำเนินการให้เกิดการส่งเสริม สนับสนุน วิสาหกิจชุมชนและเครือข่ายอย่างครบวงจรและเป็นเอกภาพ
แนวทางการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน มีดังนี้
1. การส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนและเครือข่าย จะมีการบูรณาการทั้งภายในและภายนอก หน่วยงาน มีการร่วมกับภาคีทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง และพึ่งตนเองได้ โดยมีกรมส่งเสริมการเกษตรทำหน้าที่เป็นแกนกลาง ทำให้เกิดพลังในการขับเคลื่อน การทำงานร่วมกับภาคีต่างๆ
2. การยื่นขอจดทะเบียนวิสาหกิจชุมชนและเครือข่าย ให้เป็นไปโดยความสมัครใจและ ความพร้อมของชุมชน ไม่มีการตั้งเป้าหมายเกี่ยวกับจำนวนวิสาหกิจชุมชนที่จะต้องยื่นจดทะเบียนในแต่ละปี แต่จะให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้าใจให้ประชาชนและชุมชนได้ทราบถึงสิทธิประโยชน์ วิธีการและ ขั้นตอนในการขอจดทะเบียน ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน พ.ศ. 2548 อย่างทั่วถึง
3. เจ้าหน้าที่ของทั้งภาครัฐและเอกชน ควรมีบทบาทเป็นผู้เชื่อมประสานกับวิสาหกิจชุมชน ในเรื่องการเชื่อมประสานให้เกิดการเรียนรู้ (Facilitator) เกิดกระบวนการเปลี่ยนแปลง (Catalyst) และ การเชื่อมประสานเพื่อให้เกิดเครือข่าย (Networker)
4. การส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน จะมุ่งเน้นกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของชุมชน ในการบริหารจัดการทุนของชุมชน ทั้งที่เป็นเงิน ทรัพยากร ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมเพื่อการพึ่งพาตนเอง และเกื้อหนุนกิจการของชุมชนมากกว่าการสนับสนุนในรูปของปัจจัย และเงินให้เปล่า
5. พัฒนาระบบข้อมูลวิสาหกิจชุมชนและเครือข่าย เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงข้อมูล ข่าวสารและ ความรู้ในระหว่างวิสาหกิจชุมชนกับเครือข่าย และเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างวิสาหกิจชุมชนกับหน่วยงาน สนับสนุนที่เกี่ยวข้อง
6. พัฒนาวิสาหกิจชุมชนต้นแบบทุกจังหวัด ตามเวลาที่กำหนด
การจดทะเบียนวิสาหกิจชุมชน
วิสาหกิจชุมชนที่จดทะเบียนแล้วจะได้รับประโยชน์หลายประการ ซึ่งวิสาหกิจชุมชนที่สามารถยื่น จดทะเบียนได้ จะต้องมีคุณสมบัติต่อไปนี้
1. เป็นกิจการที่เกี่ยวกับการผลิตสินค้า หรือบริการอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดการพัฒนาและแก้ไขปัญหา ของชุมชน
2. เป็นกิจการที่ดำเนินการ หรือประสงค์จะดำเนินการร่วมกันในชุมชน โดยคณะบุคคลที่เป็น นิติบุคคลหรือไม่เป็นนิติบุคคล ประกอบด้วยสมาชิกที่อยู่ร่วมกันในชุมชนไม่น้อยกว่า 7 คน โดยบุคคล ดังกล่าวต้องไม่อยู่ในครอบครัวเดียวกัน
3. เป็นกิจการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างรายได้เพื่อพึ่งพาตนเอง และเพื่อประโยชน์สุข ของคนในชุมชน
4. เป็นกิจการที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ทั้งนี้วิสาหกิจชุมชนจะต้องมีคำว่า “วิสาหกิจชุมชน" อยู่หน้าชื่อด้วย
เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนที่จดทะเบียนได้จะต้องมีวิสาหกิจชุมชนตั้งแต่ 2 วิสาหกิจชุมชนขึ้นไป รวมตัวกันโดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดทำกิจกรรมอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อประโยชน์ในการดำเนินงานของ วิสาหกิจชุมชนในเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนนั้น โดยการดำเนินงานของเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนอาจมี บุคคลภายนอกมาร่วมดำเนินการด้วย ซึ่งเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนที่ประสงค์จะจดทะเบียน ต้องมีข้อบังคับ ในการบริหารจัดการเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน ทั้งนี้เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนที่จดทะเบียนจะต้องมีคำว่า “เครือข่ายวิสาหกิจชุมชน” อยู่หน้าชื่อด้วย
เมื่อวิสาหกิจชุมชนได้จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน พ.ศ. 2548 แล้ว จะได้รับประโยชน์ ดังนี้
1. เป็นวิสาหกิจชุมชน/เครือข่ายวิสาหกิจชุมชน ที่มีสถานะรับรองได้ถูกต้องตามกฎหมาย
2. มีสิทธิในการขอรับการส่งเสริมหรือสนับสนุนความต้องการที่แท้จริงจากคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน
3. มีสิทธิในการได้รับการส่งเสริมหรือสนับสนุนการพัฒนากิจการตามมาตรการที่คณะกรรมการ ส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนกำหนด