แนวความคิด
การดำเนินการตามโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์พบว่ายังมีปัญหาหลายประการ รวมถึงปัญหาการขาดองค์ความรู้ด้านต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการขยายการผลิตและการจำหน่าย เพื่อสร้างรายได้และความเข้มข้นของชุมชน โครงการส่งเสริมกระบวนการเครือข่ายองค์ความรู้(Knowledge-Based OTOP:KBO) จึงมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการโอทอปมีความสามารถในการดำเนินการมากขึ้น นอกจากนี้กรมการพัฒนาชุมชนยังมีการแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ง่ายต่อการพัฒนาอีกด้วย
สาระการเรียนรู้
1. การส่งเสริมกระบวนการเครือข่ายนองค์ความรู้
2. การพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามการจัดกลุ่ม Ouadrant (A B C D)
3. การจัดกลุ่ม OTOP Segmentation
ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
1. แสดงความรู้เกี่ยวกับการส่งเสริมกระบวนการเครือข่ายองค์ความรู้ได้
2. แสดงความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามการจัดกลุ่ม Ouadrant (A B C D)
3. แสดงความรู้เกี่ยวกับการจัดกลุ่ม OTOP Segmentation
การส่งเสริมกระบวนการเครือข่ายองค์ความรู้
เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นให้มีคุณภาพ มาตรฐาน เป็นที่ยอมรับในตลาดที่กว้างขึ้นกรมการพัฒนาชุมชนจึงได้จัดทำโครงการส่งเสริกระบวนการเครือข่ายองค์ความรู้ (Knowledge-Based OTOP : KBO) ขึ้น การดำเนินการตามโครงการมีการมีการนำร่องใน 4 ภาค ภาคละ 1 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ อุดรธานี ราชบุรี และสงขลา เพื่อศึกษาหารูปแบบการดำเนินงานของเครือข่ายองค์ความรู้ KBO จังหวัด ในการพัฒนาขีดความสามารถแก่ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP โดยโครงการนี้จะต้องดำเนินการให้ทั่วประเทศในปี พ.ศ. 2550 ภายใต้แนวคิด การเชื่อมโยงสถาบันการศึกษาในท้องถิ่นกับชุมชน ด้วยการจัดตั้งเครือข่ายเป็นศูนย์พี่เลี้ยง/ฝึกวิชาชีพ OTOP ออกแบบหลักสูตรให้สอดรับกับภูมิปัญญาในแต่ละท้องถิ่นโดยต้องการส่งเสริมให้เครือข่ายองค์ความรู้ KBO จังหวัด เป็นศูนย์กลางในการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP พัฒนาขีดความสามารถในการประกอบการ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP ให้มีคุณภาพ มาตรฐาน เป็นที่ต้องการของตลาด สามารถจำหน่ายได้ทั้งในและต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายให้ชุมชนสามารถพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน
จากผลการดำเนินงานตามโครงการต่าง ๆ เพื่อการจัดการผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ทำให้กรมการพัฒนาชุมชนทราบรายละเอียด จำนวน และศักยภาพของผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP มากขึ้น จึงง่ายต่อการดำเนินการสำหรับการพัฒนาในลำดับขั้นต่อไป
การดำเนินงานโครงการ
กรมการพัฒนาชุมชนได้ดำเนินงานตามโครงการส่งเสริมกระบวนการเครือข่ายองค์ความรู้โดยมีการกำหนดแนวทาง ขั้นตอน และวิธีการดำเนินงานตามโครงการ ดังนี้
1. แต่งตั้งคณะกรรมการเครือข่ายองค์ความรู้ KBO เพื่อกำหนดโครงสร้างและบทบาทหน้าที่การดำเนินงาน
2. จัดทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ร่มกันระหว่างคณะกรรมการเครือข่ายองค์ความรู้ KBO จังหวัด
3. จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเครือข่ายองค์ความรู้ KBO จังหวัด เพื่อเป็นสถานที่พบปะพูดคุยของเครือข่ายองค์ความรู้ KBO จังหวัด จัดเก็บข้อมูล องค์ความรู้ และเป็นสถานที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้แก่ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP
4. จัดทำฐานข้อมูลผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP จังหวัด
5. จัดทำฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ ปราชญ์ชาวบ้าน
6. สำรวจความต้องการ การพัฒนาขีดความสามารถของผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP
7. จัดทำแผนปฏิบัติการพัฒนาขีดความสามารถของผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP
8. คัดเลือกของผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP เข้าร่วมดครงการ
9. จัดทำหลักสูตรพัฒนาขีดความสามารถตามความต้องการของของผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP
10. พัฒนาขีดความสามารถตามความต้องการของของผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ตามแผนปฏิบัติการ OTOP และ KBO จังหวัด พิจารณารองรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของกลุ่มเป้าหมาย
11. เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงาน และร่วมประกวด KBO จังหวัดดีเด่นระดับประเทศ
รูปแบบการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP โดยเครือข่ายองค์ความรู้ KBO จังหวัด
การพัฒนาผลิตภัณฑ์ มีรูปแบบดังนี้
1. การพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์
2. การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์
3. การพัฒนารูปแบบของผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย
4. การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์
5. การสร้างสรรคืผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาประยุกต์ร่วมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในกระบวนการผลิต
6. การพัฒนาลักษณะของผลิตภัณฑ์ เช่น สี กลิ่น รส เนื้อสัมผัส เป็นต้น
ผลการดำเนินงานตามโครงการ
การดำเนินงานตามโครงการดำเนินทั่วประเทศ ตั้งแต่ พ.ศ. 2549 และในปี พ.ศ. 2550-2557 เครือข่ายองค์ความรู้ KBO จังหวัด ดำเนินการพัฒนาขีดความสามารถในการเป็นผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP และพัฒนาผลิตภัณฑ์ การสร้างมูลค่าเพิ่ม การพัฒนาทักษะการผลิต การออกแบบผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ การสร้างตราสินค้า การเพิ่มมูลค่าสินค้าจากเรื่องราวผลิตภัณฑ์ รวมถึงการพัฒนาศักยภาพ การเป็นผู้ประกอบการที่ดีแก่กลุ่มผู้ผลิตชุมชนด้านการบริหาร การจัดการต้นทุน การจัดทำบัญชี การผลิตสินค้าเพื่อส่งออก การจัดแสดงสินค้า การหาตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ เป็นต้น
ในปี พ.ศ. 2557 ดำเนินการจัดประกวดและเผยแพร่ผลการดำเนินงานเครือข่ายองค์ความรู้ KBO จังหวัด ซึ่งจังหวัดที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ คือ จังหวัดสมุทรปราการ รองชนะเลิศอันดับ 1 คือ จังหวัดเพชรบุรี รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 คือ จังหวัดชลบุรี และรางวัลชมเชย ได้แก่ จังหวัดมุกดาหาร เชียงใหม่ ลำพูน พะเยา อุทัยธานี ประจวบคีรีขันธ์ และสงขลา
ในปี พ.ศ. 2558 มีการคัดเลือกผลิตภัณฑ์เด่นจำนวน 3 ผลิตภัณฑ์ มาพัฒนา และคัดเลือกจำนวน 1 ผลิตภัณฑ์ เข้าร่วมกิจกรรมการประกวดและเผยแพร่ผลการดำเนินงาน จะดำเนินการร่วมกับการจัดงาน OTOP ศีลปาชีพประทีปไทย OTOP ก้าวไกล ด้วยพระบารมี และหลังจากปี พ.ศ. 2558 เป็นต้นไปจะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อการจัดจำหน่ายได้ในตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
การพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามการจัดกลุ่ม Quadrant (A B C D)
จากการดำเนินงานตามโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์มาตั้งแต่ พ.ศ. 2544 จนถึงปัจจุบัน เพื่อต้องการสร้างอาชีพ กระจายรายได้ และแก้ไขปัญหาความยากจน อันนำไปสู่ความเข้มแข็งทาง เศรษฐกิจของประเทศ รัฐบาลได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริหารจัดการโครงการ งบประมาณดำเนินการ กลไกการดำเนินงานให้เข้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป สำหรับผลการพัฒนาที่ผ่านมายังมีปัญหาสรุปได้ดังนี้
1. ขาดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ทันสมัย ทำให้ขาดความน่าสนใจ
2. การผลิตไม่คำนึงถึงความต้องการของตลาด
3. ผลิตภัณฑ์ขาดเอกลักษณ์
4. คุณภาพของสินค้าไม่คงที่ โดยเฉพาะเมื่อมีคำสั่งซื้อจำนวนมาก
5. ผู้ประกอบการมีข้อจํากัดด้านทักษะและความรู้ด้านการบริหารจัดการ ด้านการผลิตสินค้า ให้ได้มาตรฐาน
6. ผู้ประกอบการขาดการนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมเข้ามาใช้
7. ผู้ประกอบการขาดความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน
8. ผู้ประกอบการมีข้อจํากัดในการรับรู้และปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบ
9. ผู้ประกอบการขาดความสามารถในการออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ให้สอดคล้องกับ ความต้องการของตลาด
10. ไม่สามารถขยายตลาดให้โตขึ้นได้ เนื่องจากขาดการรวมกลุ่มที่เข้มแข็ง
การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถปรับตัวทันต่อการเปลี่ยนแปลง และสามารถดำเนินธุรกิจให้ สามารถอยู่รอดได้ท่ามกลางการแข่งขันที่มีความรุนแรงมากขึ้น จะต้องใช้ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และมีการดำเนินการอย่างเป็นกระบวนการ มีการกำหนดกลยุทธ์ในการพัฒนาที่มีความชัดเจนเฉพาะกลุ่ม (Segmentation) โดยแนวทางการพัฒนาให้ความสำคัญใน 3 ด้าน ดังนี้
1. ขับเคลื่อนการพัฒนา โดยเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการพัฒนาจาก “ผลิตภัณฑ์” เป็นศูนย์กลาง สู่การมุ่งเน้นที่ “เครือข่าย” (Commนnity Cluster) เป็นศูนย์กลาง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ระยะยาว
2. ขยายตลาดเชื่อมโยงการท่องเที่ยว รวมทั้งการขยายโอกาสสู่อาเซียนและสากล
3. เสริมสร้างคุณค่า ตราสินค้า OTOP (Branding Thailand) โดยการเสริมสร้างภาพลักษณ์สินค้า OTOP ที่สะท้อนถึงความมีนวัตกรรม ความทันสมัยและทรงคุณค่าทางวัฒนธรรม
การจัดกลุ่ม OTOP Segmentation
แนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์เฉพาะกลุ่ม ใช้กลยุทธ์การแบ่งผลิตภัณฑ์ออกเป็นกลุ่มอย่างชัดเจน โดยจำแนกได้ 4 กลุ่ม ได้แก่
• กลุ่ม A ดาวเด่นสู่สากล เป็นกลุ่มสินค้ามีคุณภาพ ราคาสูง ผลิตได้ปริมาณมาก
• กลุ่ม B อนุรักษ์สร้างคุณค่าในกลุ่มลูกค้าเฉพาะ เป็นกลุ่มสินค้ามีคุณภาพราคาสูงและ ผลิตในปริมาณน้อย เพื่อตอบสนองลูกค้าเฉพาะราย
• กลุ่ม C พัฒนาเข้าสู่ตลาดการแข่งขัน เป็นกลุ่มสินค้าที่มีคุณภาพและราคาต่ำผลิตได้ ในปริมาณมาก
• กลุ่ม D ปรับตัวเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานการผลิต เป็นกลุ่มสินค้าที่มีคุณภาพต่ำราคาต่ำผลิตได้ ในปริมาณน้อย
กลุ่ม A ดาวเด่นสู่สากล
กลุ่มสินค้าคุณภาพดี ราคาสูง และสามารถผลิตได้ในปริมาณมาก จึงควรส่งเสริม มุ่งเน้นการเพิ่ม โอกาสเข้าถึงตลาดเป้าหมาย ดังนี้
1 ด้านการตลาด กรมการพัฒนาชุมชนพยายามเพิ่มช่องทางการจำหน่ายและโอกาสทางการตลาด โดยดำเนินการดังนี้
1.1 ส่งเสริมการทำวิจัยตลาด และพฤติกรรมผู้บริโภคในตลาดเป้าหมายเพื่อให้สามารถกำหนด ยุทธศาสตร์การผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมีความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจได้
1.2 ผลักดัน เชื่อมโยงเครือข่ายทางการตลาดผ่านสมาคมการค้าทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดส่งออก ผ่านร้านค้าปลีกสมัยใหม่ที่มีสาขาในต่างประเทศด้วย
1.3 สนับสนุนให้มีโอกาสในการขยายตลาดสู่สากลในกลุ่มประเทศอาเซียน ในประเทศคู่ค้าใหม่ เช่น รัสเซีย แอฟริกา ตะวันออกกลาง โดยการเข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติ การเจรจาจับคู่ธุรกิจ Road show OTOP การจัดกิจกรรมร่วมกับร้านอาหารไทยในต่างประเทศ ฯลฯ
1.4 พัฒนาช่องทางการตลาดที่เข้าถึงลูกค้าเป้าหมาย เช่น การจำหน่ายสินค้าทางรายการ โทรทัศน์ การส่งแค็ตตาล็อกสินค้าทางอีเมล เป็นต้น
2 ด้านเสริมสร้างองค์ความรู้แก่ผู้ประกอบการ ดำเนินการดังนี้
2.1 จัดให้มีศูนย์จำหน่ายสินค้า OTOP ในต่างประเทศ (Mini Thailand Plaza) เพื่อเป็นแหล่ง จำหน่ายสินค้าในต่างประเทศ และจัดแสดงสินค้า OTOP เพื่อรับคำสั่งซื้อ
2.2 เสริมสร้างความรู้การดำเนินธุรกิจต่างประเทศ เช่น ความรู้เกี่ยวกับภาษี กฎระเบียบ ธุรกรรมระหว่างประเทศ พฤติกรรมผู้บริโภค แนวโน้มสินค้าในอนาคต สถานการณ์การแข่งขัน เป็นต้น
3 ด้านการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเครือข่าย ดำเนินการดังนี้
3.1 ส่งเสริมการรวมกลุ่มเครือข่าย การเชื่อมโยงเครือข่ายเพื่อให้สามารถผลิตได้ในปริมาณ ที่มากขึ้นสำหรับรองรับคำสั่งซื้อจำนวนมาก
3.2 เสริมสร้างความเข้มแข็งของเครือข่าย โดยผลักดันให้มีการจัดทำยุทธศาสตร์และ แนวทางการดำเนินงานของเครือข่าย พัฒนาผู้นำหรือผู้ประสานงานเครือข่ายให้มีความรู้และเป็นที่ยอมรับ ของกลุ่มเครือข่าย ตลอดจนเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการ และการประสานประโยชน์ของ เครือข่าย สนับสนุนให้เครือข่ายมีกิจกรรมร่วมกัน
4 ด้านการยกระดับผลิตภัณฑ์สู่สากล ดำเนินการดังนี้
4.1 พัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ให้มีเอกลักษณ์เฉพาะเพื่อ
สร้างความแตกต่าง และสร้างมูลค่าเพิ่มให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด
4.2 พัฒนาผลิตภัณฑ์สู่มาตรฐานสากล เพื่อสร้างความเชื่อถือ และเพิ่มโอกาสให้สามารถส่งออก ไปยังประเทศคู่ค้าหลัก
5 ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต ดำเนินการดังนี้
5.1 ส่งเสริมให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP จดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อประโยชน์ ในการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา และป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์
5.2 ส่งเสริมให้มีการทำวิจัย เพื่อพัฒนาวัตถุดิบ คุณภาพผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิต เพื่อให้แข่งขันได้ในระดับสากล
5.3 ส่งเสริมการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เหมาะสมมาใช้ในการบริหารจัดการกระบวนการ ผลิตและคำนึงถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และให้เป็นไปตามข้อกำหนดของประเทศคู่ค้า ซึ่งขณะนี้ประเทศต่าง ๆ ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
5.4 ส่งเสริมการเข้าสู่ตลาดเงิน ตลาดทุน เพื่อเพิ่มโอกาสในการพัฒนาการผลิต และ การแข่งขันทางการตลาดส่งออก
กลุ่ม B อนุรักษ์สร้างคุณค่าในกลุ่มลูกค้าเฉพาะ
กลุ่มสินค้าคุณภาพดี ราคาสูง ผลิตปริมาณน้อย จึงควรส่งเสริม มุ่งเน้นการสร้างคุณค่ามูลค่าเพิ่ม ในตลาดเฉพาะ ดังนี้
1 ด้านการตลาด ดำเนินการดังนี้
1.1 จัดงานและร่วมงานแสดงสินค้าแสดงเรื่องราว ความเป็นมาของสินค้า (Story Product) นำเสนอภูมิปัญญาวัฒนธรรม (Wisdom) ความเชื่อในสังคม องค์ความรู้ จัดแสดงผลงานความสำเร็จ และผลงานเด่น เพื่อให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเฉพาะรับรู้ในคุณค่าของสินค้า ทั้งในความมีคุณค่าทางจิตใจ และความคุ้มค่าด้านราคา
1.2 ส่งเสริมการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้สำหรับการตลาด และการจำหน่ายสินค้า
1.3 เข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาดที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น การเข้าร่วมงานนิทรรศการ และจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศ ร่วมกับสถานทูตไทยในต่างประเทศ ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าเฉพาะกลุ่ม สินค้าอนุรักษ์
2 ด้านเสริมสร้างองค์ความรู้แก่ผู้ประกอบการ ดำเนินการดังนี้
2.1 เสริมสร้างระบบถ่ายทอดองค์ความรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่คนรุ่นใหม่ เพื่อการสืบทอด ให้คงอยู่ต่อไป
2.2 พัฒนาระบบการจัดการคำสั่งซื้อตามลำดับ (Queuing System)
2.3 เสริมสร้างความรู้การดำเนินธุรกิจ เช่น ความรู้เกี่ยวกับภาษี กฎระเบียบ การ ทางธุรกิจที่เชื่อถือได้ การควบคุมคุณภาพสินค้า เป็นต้น
2.4 สนับสนุนการพัฒนาทักษะฝีมือร่วมกับศูนย์ศิลปาชีพฯ
3 ด้านยกระดับคุณค่าผลิตภัณฑ์ ดำเนินการดังนี้
3.1 ตอกย้ำคุณค่าของสินค้าด้วยเรื่องราวของผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญา เพื่อเพิ่มมูลค่าของสินค้า สร้างความคุ้มค่าในการรอคอย มีการผลิตจำนวนจํากัด (Limited Edition) และสร้างตราสินค้าให้เป็น ที่รู้จักแก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
3.2 พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ได้รับมาตรฐาน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือแก่ลูกค้า
4 ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต ดำเนินการดังนี้
4.1 ส่งเสริมการทำวิจัยและพัฒนา รวมถึงการศึกษาเชิงวิชาการ เพื่อเป็นข้อมูลสนับสนุน องค์ความรู้และภูมิปัญญา
4.2 ส่งเสริมการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อปกป้องการละเมิดสิทธิรวมถึงส่งเสริม การขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ เพื่อประโยชน์ทางการตลาด
กลุ่ม C พัฒนาเข้าสู่ตลาดการแข่งขัน
กลุ่มสินค้าคุณภาพต่ำ ราคาต่ำ ผลิตได้ในปริมาณมาก จึงควรส่งเสริม มุ่งเน้นการเพิ่มผลิตภาพและ ประสิทธิภาพสู่การแข่งขัน ดังนี้
1 ด้านการตลาด ดำเนินการดังนี้
1.1 เชื่อมโยงผลิตภัณฑ์เข้ากับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมภาพยนตร์ทั้งในระดับ ภายในท้องถิ่น และระหว่างส่วนกลางกับท้องถิ่น
1.2 เชื่อมโยงผลิตภัณฑ์กับแหล่งจำหน่ายในท้องถิ่น ทั้งแหล่งเดิมโดยการพัฒนาศูนย์จำหน่าย สินค้าประจำจังหวัด ท้องถิ่นให้มีการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ พัฒนาหมู่บ้านโอทอปเพื่อการท่องเที่ยว และพัฒนาแหล่งจำหน่ายใหม่ ซึ่งเป็นสถานที่ศูนย์รวมการเดินทาง หรือสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เช่น สถานีขนส่ง สนามบิน เป็นต้น
1.3 ส่งเสริมการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายที่เข้าถึงมือลูกค้าเป้าหมาย เช่น สื่อออนไลน์ โทรทัศน์ และสื่อประชาสัมพันธ์อื่น ๆ
1.4 ส่งเสริมให้มีกิจกรรมภายในท้องถิ่นหรือกิจกรรมเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว เช่น การจัดงาน ปีใหม่ที่สอดคล้องกับวิถีชีวิต ขนบธรรมเนียมของท้องถิ่น เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาซื้อสินค้าท้องถิ่นในพื้นที่มากขึ้น
1.5 ส่งเสริมการเข้าร่วมแสดงและจำหน่ายสินค้าในระดับท้องถิ่น ระดับกลุ่มจังหวัด ระดับประเทศ รวมถึงการเจรจาจับคู่ธุรกิจด้วย
1.6 ส่งเสริมการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ซึ่งมีสาขาจำหน่าย ทั่วประเทศ
1.7 เชื่อมโยงบริการของรัฐเพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่าย เช่น เว็บไซต์ของรัฐ บริการรับสั่ง และขนส่งสินค้าของบริษัทไปรษณีย์ไทย เป็นต้น
1.8 ส่งเสริมการทำวิจัยตลาด และพฤติกรรมผู้บริโภคในตลาดเป้าหมายเพื่อการพัฒนาสินค้า
2 ด้านการเสริมสร้างองค์ความรู้แก่ผู้ประกอบการ ดำเนินการดังนี้
2.1 พัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน/สมาชิกกลุ่ม ให้สามารถผลิตได้ตามมาตรฐานที่กำหนด และได้คุณภาพสม่ำเสมอ
2.2 ส่งเสริมความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และสนับสนุนการนำเทคโนโลยีสารสนเทศ มาใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจ
2.3 เสริมสร้างความรู้ในการดำเนินธุรกิจ เช่น พฤติกรรมผู้บริโภค ธุรกรรมทางธุรกิจ ภาษีและกฎระเบียบ สถานการณ์การแข่งขัน เป็นต้น
2.4 เสริมสร้างความรู้ และพัฒนาระบบการบริหารจัดการธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับความเสี่ยงทางธุรกิจ
3 ด้านการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเครือข่าย ดำเนินการดังนี้
3.1 ส่งเสริมการรวมกลุ่มเครือข่ายและการเชื่อมโยงเครือข่ายในรูปแบบเครือข่ายต่าง ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับคำสั่งซื้อปริมาณมาก
3.2 เสริมสร้างความเข้มแข็งของเครือข่าย โดยผลักดันให้มีการจัดทำยุทธศาสตร์และแนวทาง การดำเนินงานของเครือข่าย พัฒนาผู้นำหรือผู้ประสานงานเครือข่ายให้มีความรู้ และเป็นที่ยอมรับของ กลุ่มเครือข่าย เสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการ และการประสานประโยชน์ของ
เครือข่าย สนับสนุนให้เครือข่ายมีกิจกรรมร่วมกัน
4 ด้านยกระดับมาตรฐานและสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผลิตภัณฑ์ ดำเนินการดังนี้
4.1 เสริมสร้างอัตลักษณ์และความแตกต่างของสินค้า ด้วยเรื่องราวภูมิปัญญาเพื่อสร้าง มูลค่าเพิ่ม (Value added) สร้างคุณค่าและสร้างความน่าสนใจในตัวสินค้า
4.2 ปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ทั้งในด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ การส่งเสริมและเชื่อมโยงนักออกแบบผลิตภัณฑ์ให้เข้ามาช่วยเหลือด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ ผลิตภัณฑ์มีความหลากหลายและสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย
4.3 ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ ผลักดันให้เข้าสู่กระบวนการรับรองมาตรฐาน ตลอดจนการรักษาไว้ซึ่งคุณภาพตามมาตรฐาน
4.4 ส่งเสริมให้มีตราสินค้าเป็นของตนเอง (Individual Brand) เพื่อให้เป็นที่รู้จักของลูกค้า รวมถึงส่งเสริมการใช้ตราสินค้าระดับท้องถิ่นหรือจังหวัดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพมาตรฐานของ สินค้าแก่ลูกค้า
5 ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต ดำเนินการดังนี้
5.1 พัฒนากระบวนการผลิตอย่างเป็นระบบ และเพิ่มประสิทธิภาพลดต้นทุน ลดความสูญเสีย
จากการผลิต โดยคำนึงถึงชุมชนและสิ่งแวดล้อม
5.2 เชื่อมโยงเทคโนโลยี/งานวิจัยท้องถิ่น เพื่อแสวงหาเทคโนโลยีในระดับที่เหมาะสมมาใช้ ในการผลิต รวมทั้งส่งเสริมการผลิตโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่คำนึงถึงการรักษาสิ่งแวดล้อม
5.3 ส่งเสริมการทำวิจัยและแผนพัฒนา เพื่อปรับปรุงคุณภาพและกระบวนการผลิต
กลุ่ม D ปรับตัวเข้าสู่
ห่วงโซ่อุปทานการผลิต กลุ่มสินค้าคุณภาพต่ำ ราคาต่ำ ผลิตได้ปริมาณน้อย จึงควรมุ่งเน้นการปรับช่วงการผลิตโดยคำนึงถึง ทักษะฝีมือเดิม
และเพิ่มทางเลือกการมีอาชีพเสริม ดังนี้
1 ด้านการตลาด ดำเนินการดังนี้
1.1 ส่งเสริมให้มีการจับคู่ระหว่างผู้รับจ้างผลิตกับผู้จำหน่ายสินค้า
1.2 ส่งเสริมการเข้าร่วมงานแสดงและจำหน่ายสินค้าในระดับท้องถิ่น
2 ด้านการเสริมสร้างองค์ความรู้ ดำเนินการดังนี้
2.1 เสริมสร้างทักษะฝีมือแรงงาน และเพิ่มทางเลือกด้วยการส่งเสริมอาชีพ
2.2 ส่งเสริมให้มีระบบพี่เลี้ยง คอยให้คำแนะนำ ปรึกษาในการวิเคราะห์ศักยภาพการดำเนิน ธุรกิจ เสริมสร้างความรู้ด้านธุรกิจ
3 เสริมสร้างความเข้มแข็งของเครือข่าย โดยมุ่งเน้นการรับช่วงการผลิตเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของ ห่วงโซ่อุปทานโดยส่งเสริมการเข้าร่วมเป็นกลุ่มเครือข่ายและการเชื่อมโยงเครือข่ายในรูปแบบเครือข่ายต่าง ๆ เพื่อการมีรายได้จากการรับจ้างผลิต หรือการผลิตเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าในชุมชน
4 ด้านการยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ โดยส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้เข้าสู่ กระบวนการรับรองมาตรฐาน และรักษาคุณภาพให้ได้ตามมาตรฐาน
5 ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต โดยพัฒนากระบวนการผลิตอย่างเป็นระบบ และเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน ลดความสูญเสียจากการผลิต โดยคำนึงถึงชุมชนและสิ่งแวดล้อม