การขนส่งมีความสำคัญสำหรับการประกอบธุรกิจ การขนส่งช่วยให้โรงงานมีวัตถุดิบและเครื่องมือสำหรับการผลิตและทำให้ผู้บริโภคได้ใช้สินค้าทันทีเมื่อเกิดความต้องการ การขนส่งทำให้เกิดต้นทุนผู้ผลิตจึงจำเป็นต้องศึกษารายละเอียดของการขนส่งแต่ละรูปแบบ เพื่อการเลือกใช้อย่างเหมาะ ก่อให้เกิดต้นทุนต่ำสุด
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. แสดงความรู้เกี่ยวกับความรู้เกี่ยวกับการขนส่งได้
2. แสดงความรู้เกี่ยวกับบทบาทของการขนส่งที่มีต่อการจัดจำหน่ายได้
3. แสดงความรู้เกี่ยวกับประเภทของการขนส่งได้
4. แสดงความรู้เกี่ยวกับการขนส่งโดยบุคคลที่สามได้
5. แสดงความรู้เกี่ยวกับการใช้บริการภายนอกกับการขนส่งได้
6. แสดงความรู้เกี่ยวกับต้นทุนค่าขนส่งสำหรับรูปแบบการขนส่งต่าง ๆ ได้
7. แสดงความรู้เกี่ยวกับการพิจารณาเลือกวิธีการขนส่งได้
8. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้สำเร็จการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ที่ครูสามารถสังเกตได้ขณะทำการสอนในเรื่อง
8.1 ความมีมนุษยสัมพันธ์ 8.2 ความมีวินัย
8.3 ความรับผิดชอบ 8.4 ความซื่อสัตย์สุจริต
8.5 ความเชื่อมั่นในตนเอง 8.6 การประหยัด
8.7 ความสนใจใฝ่รู้ 8.8 การละเว้นสิ่งเสพติดและการพนัน
8.9 ความรักสามัคคี 8.10 ความกตัญญูกตเวที
สมรรถนะรายวิชา
1. แสดงความรู้เกี่ยวกับหลักการและกระบวนการจัดจำหน่ายสินค้าและบริการ
2. แสดงความรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการตลาด และตลาดเป้าหมาย
3. แสดงความรู้เกี่ยวกับกฎหมาย และองค์การที่เกี่ยวข้องกับการจัดจำหน่ายสินค้าและบริการ
4. วางแผนและจัดจำหน่ายสินค้าและบริการตามหลักการ
5. ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการจัดจำหน่ายสินค้าและบริการ
ความรู้เกี่ยวกับการขนส่ง และบอกหน้าที่ของการขนส่ง มีดังนี้
1) ทำให้เกิดการผลิตและการบริโภค ด้านการผลิต การขนส่งช่วยให้ปัจจัยการผลิตซึ่งอยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ มารวมกันเพื่อก่อให้เกิดการผลิต และด้านการบริโภค การขนส่งช่วยเคลื่อนย้ายสินค้าสำเร็จรูปจากแหล่งผลิตออกสู่ตลาด ตามความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งทำให้ได้รับความสะดวกด้านเวลาและสถานที่
2) ทำให้เกิดการเชื่อมต่อระหว่างสถานที่ การขนส่งช่วยให้สถานที่หรือพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลกัน สามารถติดต่อกันได้ ด้วยการเดินทางหรือการขนส่ง ก่อให้เกิดการเชื่อมต่อกันได้อย่างสะดวก
3) ทำให้เกิดอรรถประโยชน์ด้านเวลาและสถานที่ อรรถประโยชน์ด้านสถานที่ คือการขนส่งทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายสินค้าที่มีราคาต่ำในที่หนึ่ง ไปยังแหล่งที่มีคนต้องการสินค้า ทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้น
บทบาทของการขนส่งที่มีต่อการจัดจำหน่าย โดยการขนส่งมีบทบาทสำคัญในการจัดจัดหน่ายและการกระจายสินค้า ดังนี้
1) การขนส่งช่วยให้เกิดการเคลื่อนย้ายวัตถุดิบ รวมถึงเครื่องมือที่ใช้ในการผลิตไปยังแหล่งผลิต ก่อให้เกิดการผลิตสินค้าเพื่อการจำหน่ายตามความต้องการของผู้บริโภค
2) การขนส่งช่วยให้เกิดการเคลื่อนย้ายสินค้าสำเร็จรูป จากแหล่งผลิต ไปยังสถานที่หรือแหล่งผู้บริโภคที่มีความต้องการสินค้า
3) การขนส่งทำให้เกิดต้นทุนการจัดจำหน่าย ต้นทุนการจัดจำหน่ายทางตรงคือค่าใช้จ่ายในการขนส่ง หรือค่าระวางขนส่ง ส่วนค่าใช้จ่ายทางอ้อมจะเกิดขึ้นกรณีที่สินค้าสูญหายหรือเสียหายระหว่างการขนส่ง ก่อให้เกิดความล่าช้า และเสียเวลา
ประเภทของการขนส่ง โดยการขนส่งแบ่งออกได้ ดังนี้
1) การขนส่งทางถนน (Road Transportation) ปัจจุบันภายในประเทศมีการพัฒนาและปรับปรุงถนนเพื่อให้มีความพร้อม และสะดวกในการคมนาคม จึงทำให้การขนส่งมีความคล่องตัวในการให้บริการมากขึ้น การขนส่งทางถนน สามารถให้บริการได้ถึงที่ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการยกขน และขนถ่ายสินค้าเพื่อให้ถึงที่ของผู้รับเหมือนกับการขนส่งประเภทอื่น ที่จะส่งสินค้าถึงสถานี แล้วจึงมีการขนส่งต่ออีกครั้งหนึ่ง เช่น การขนส่งทางเครื่องบิน ที่ส่งถึงสนามบิน แล้วผู้ซื้อจะต้องนำยานพาหนะอื่นไปขนถ่ายอีกครั้งหนึ่ง เป็นต้น
จุดเด่นของการขนส่งทางถนน มีดังนี้
1.สามารถให้บริการได้ถึงที่ ช่วยให้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย
2.มีความรวดเร็ว
3.มีความยืดหยุ่นสูงสามารถเปลี่ยนแปลงเส้นทางและจำนวนในการขนส่งได้ตามความเหมาะสม
4.มีความคล่องตัวสูง ขนส่งได้ในอาณาเขตที่กว้าง
5.ไม่ต้องมีต้นทุนในการยกขนสินค้า และขนถ่ายสินค้า
จุดด้อยของการขนส่งทางถนน มีดังนี้
1. ต้นทุนการขนส่งสูง โดยเฉพาะการขนส่งทางไกล
2. มีข้อจำกัดด้านกฎหมาย กรณีที่ต้องขนส่งสินค้าชิ้นใหญ่ และมีน้ำหนักมาก
3. อาจมีการหยุดชะงัก เมื่อรถเสีย หรือสภาพถนนอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อม เช่น น้ำท่วม ถนนทรุด
เป็นต้น
4. ขนส่งสินค้าได้จำนวนไม่มาก
2) การขนส่งทางรถไฟ (Rail Transportation) การขนส่งทางรถไฟ ช่วยขนส่งสินค้าได้ทีละมากๆ โดยสามารถเพิ่มตู้รถไฟ ตามที่ผู้ขนส่งต้องการ ต้นทุนต่ำ และมีความปลอดภัยสูง การขนส่งทางรถไฟเหมาะกับการขนส่งขนาดใหญ่ สินค้าที่ขนส่งเช่น น้ำมัน ปูนซีเมนต์ เป็นต้น การขนส่งทางนี้มีข้อจำกัดคือ รถไฟจะต้องวิ่งบนรางเท่านั้น หากในพื้นที่ใดไม่มีรางรถไฟ ไม่สามารถเข้าถึงได้ จะต้องใช้การขนส่งประเภทอื่นมาขนถ่ายสินค้าไป
จุดเด่นของการขนส่งทางรถไฟ มีดังนี้
1. ค่าใช้จ่ายในการขนส่งต่ำ
2. เหมาะกับสินค้าที่มีขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก
3. สามารถขนส่งสินค้าได้ครั้งละมาก ๆ
4. ปลอดภัยสูง
จุดด้อยของการขนส่งทางรถไฟ มีดังนี้
1. ใช้เวลาในการขนส่งนาน
2. ไม่สามารถให้บริการได้ถึงที่
3. ไม่มีความยืดหยุ่น สามารถวิ่งเฉพาะเส้นทางที่ทีรางรถไฟเท่านั้น
3) การขนส่งทางน้ำ (Water Transportation) เป็นการขนส่งโดยใช้เรือเป็นยานพาหนะ ตามแม่น้ำ ลำคลอง ทั้งภายในประเทศ และระหว่างประเทศ การขนส่งทางเรือมักใช้เรือขนาดใหญ่ ขนส่งได้ทีละมากๆ มีความปลอดภัย เพราะใช้ความเร็วต่ำ ทำให้โอกาสในการเกิดอุบัติเหตุมีน้อย
จุดเด่นของการขนส่งทางเรือ มีดังนี้
1. ขนส่งสินค้าได้ทีละมากๆ
2. อัตราค่าขนส่งถูก
3. เหมาะกับการขนส่งสินค้าที่มีน้ำหนักมาก และระยะไกล
จุดด้อยของการขนส่งทางเรือ มีดังนี้
1. มีความล่าช้า
2. ไม่สามารถเข้าถึงที่ได้ ต้องอาศัยการขนส่งอื่นเพื่อนำสินค้าให้ถึงปลายทาง
3. มีข้อจำกัดด้านเส้นทางเดินเรือ ซึ่งเส้นทางเรือบางแห่งสามารถใช้ได้บางฤดูกาลเท่านั้น
4. การขนส่งขึ้นอยู่กับธรรมชาติ เช่น ช่วงที่เกิดมรสุม หรือน้ำแห้ง จะไม่สามารถขนส่งได้
เป็นต้น
4) การขนส่งทางอากาศ (Air Transportation) เป็นการขนส่งโดยใช้เครื่องบิน เป็นยานพาหนะ มีความรวดเร็วกว่าการขนส่งทางอื่น และสามารถส่งสินค้าได้ในระยะไกล การขนส่งทางอากาศต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง การบรรจุหีบห่อเป็นแบบง่ายๆ เนื่องจากการขนส่งไม่ต้องมีการวางซ้อนกันหลายชั้น สินค้าที่ส่งทางอากาศ กำหนดระวางบรรทุกลงในตู้สินค้าเฉพาะของสายการบิน จึงสามารถป้องกันอันตรายและความสูญเสียได้เป็นอย่างดี
จุดเด่นของการขนส่งทางอากาศ มีดังนี้
1. มีความรวดเร็ว
2. สามารถขนส่งสินค้าไปยังถิ่นธุรกันดารได้
3.ส่งสินค้าไปยังจุดหมายที่อยู่ไกล ภายในเวลาอันสั้น
จุดด้อยของการขนส่งทางอากาศ มีดังนี้
1. ค่าใช้จ่ายสูง
2. บรรทุกสินได้จำนวนน้อย
3. การขนส่งขึ้นอยู่กับสภาพดินฟ้าอากาศ
5) การขนส่งทางท่อ (Pipe Transportation) สำหรับการขนส่งสินค้าประเภทของเหลว หรือก๊าซ การขนส่งทางท่อในปัจจุบันมีข้อจำกัดเรื่องเส้นทาง และปริมาณการขนส่ง เนื่องจากลักษณะสำคัญคือ ท่อมีขนาดจำกัด และจำกัดประเภทของสินค้า แต่อย่างไรก็ดี การขนส่งทางท่อเป็นการขนส่งที่สินค้ามีความปลอดภัย และขนส่งได้ตลอดเวลาอย่างต่อเนื่อง ไม่มีวันหยุด การขนส่งทางท่อโดยปกติผู้ขนส่งจะเป็นผู้ลงทุนดำเนินการเอง
จุดเด่นของการขนส่งทางท่อ มีดังนี้
1. สามารถขนส่งได้ตลอดเวลา
2. ต้นทุนการดำเนินงานต่ำ
3. มีความแน่นอน ปลอดภัย สินค้าถึงปลายทางตามกำหนดเวลา
จุดด้อยของการขนส่งทางท่อ มีดังนี้
1. การลงทุนเริ่มแรกมีค่าใช้จ่ายสูง
2. ต้องระวังการรั่วของท่อ
3. ขนส่งสินค้าเฉพาะที่เป็นของเหลวหรือก๊าซเท่านั้น
6) การขนส่งรูปแบบอื่นๆ นอกจากรูปแบบการขนส่งดังที่กล่าวมาแล้ว ยังมีการขนส่งรูปแบบอื่นๆ ดังนี้
6.1 การขนส่งโดยตู้คอนเทนเนอร์ โดยใช้ตู้คอนเทนเนอร์ บรรจุสินค้า ตู้คอนเทนเนอร์ เป็นตู้สี่เหลี่ยมผืนผ้า ทำจากเหล็กหรืออลูมิเนียมอย่างดี กันน้ำได้ มีทั้งตู้สินค้าทั่วไป ตู้ที่ควบคุมอุณหภูมิ และตู้คอนเทนเนอร์ที่ออกแบบขึ้นมาเป็นพิเศษมีหลายประเภท และหลายรูปแบบ ขนาดต่างกันเพื่อให้เหมาะสมกับสินค้าที่ทำการขนส่ง เช่น สำหรับสินค้าที่เป็นหีบห่อ ชิ้น ง กล่อง หรือสินค้าที่ไม่มีหีบห่อ เป็นต้น ตู้คอนเทนเนอร์ สามารถเคลื่อนย้ายจากจุดเริ่มต้นไปยังปลายทางโดยอาศัยการขนถ่าย โดยรถบรรทุก เครื่องบิน รถไฟ และเรือ โดยใช้การเคลื่อนย้ายทั้งตู้
6.2 การขนส่งทางไปรษณีย์ สินค้าที่ขนส่งทางไปรษณีย์ เหมาะกับสินค้าที่มีน้ำหนักน้อย และได้รับห่อหุ้มอย่างดี น้ำหนักห่อละไม่เกิน 20 กิโลกรัม การขนส่งทางไปรษณีย์ อาจใช้การขนส่งทางเครื่องบิน เรือ รถไฟ หรือรถบรรทุก แล้วแต่กรณี โดยคิดค่าบริการตามน้ำหนักและรายะทาง เหมาะกับการขนส่งทางไกล และปริมาณสินค้าไม่มาก
6.3 การขนส่งพัสดุทางอากาศ มีบริการทั้งในและต่างประเทศ เหมาะกับสินค้าหีบห่อเล็กๆ ปัจจุบันบริการขนส่งพัสดุทางอากาศ มีบริษัทเอกชนเข้ามาดำเนินการ ซึ่งสร้างอรรถประโยชน์แก่ผู้ใช้บริการทั้งด้านเวลาและสถานที่ จึงทำให้ได้รับความนิยมมาก อัตราค่าธรรมเนียมขึ้นอยู่กับ น้ำหนักและระยะทาง ตัวอย่างบริษัทที่ให้บริการ เช่น Federal Express (FedEx) DHL Airways เป็นต้น
6.4 การขนส่งโดยฝากกับรถทัวร์ เป็นการฝากส่งสินค้ากับบริษัทรถทัวร์ ที่รับส่งผู้โดยสารในพื้นที่ต่างๆ คิดค่าขนส่งตามน้ำหนักและระยะทาง ผู้รับสินค้าจะต้องไปรับที่บริษัททัวร์ในแต่ละพื้นที่ปลายทาง
6.5 การขนส่งแบบต่อเนื่องหลายรูปแบบ เป็นการขนส่งสินค้าโดยมีการขนส่งตั้งแต่ 2 รูปแบบขึ้นไป เช่น ทางถนน ทางรถไฟ ทางน้ำ ทางอากาศ ภายใต้สัญญาการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ ฉบับเดียว ขณะจนส่งจะไม่มีการนำสินค้าออก ปัจจุบันผู้ให้บริการขนส่งพยายามหาทางเพื่อให้การขนส่งมีประสิทธิภาพ ขนส่งสินค้าให้ถึงปลายทางภายในระยะเวลารวดเร็ว ปลอดภัย และค่าระวางต่ำ เพื่อให้ผู้ใช้บริการเกิดความพอใจสูงสุด การขนส่งแบบต่อเนื่อง
การขนส่งโดยบุคคลที่สาม โดยบุคคลที่สาม จัดตั้งในรูปของบริษัททำหน้าที่ให้บริการในการประสานระหว่างผู้ส่งสินค้า กับผู้ขนส่ง บุคคลที่สามที่ให้บริการด้านการขนส่ง มีดังนี้
1) นายหน้าการขนส่ง จัดตั้งบริษัททำหน้าที่ให้บริการแก่ผู้ส่งสินค้าและผู้ขนส่ง นายหน้าการขนส่งไม่มียานพาหนะเป็นของตนเอง ทำหน้าที่รับจัดการจองเวลา และประสานกับผู้ขนส่ง ได้รับค่าตอบแทนในรูปของค่าธรรมเนียมตามรายรับที่เรียกเก็บจากผู้ส่งสินค้าตามข้อตกลง
2) ตัวแทนรับจัดการขนส่งสินค้า เป็นบริษัทที่รับบริการด้านการขนส่งสินค้า ทำการเลือกและนำเสนอเส้นทางการขนส่ง รูปแบบการขนส่ง และยานพาหนะที่เหมาะสมให้กับผู้ส่งสินค้า รวมถึงทำหน้าที่ในการจองเรือ นำสินค้าลงเรือ และดำเนินการด้านเอกสารพิธีการศุลกากรต่าง ๆ ตัวแทนรับจัดการขนส่งสินค้า จะติดตามการเดินทางของสินค้าจนกว่าสินค้าจะถึงมือผู้รับ พร้อมทั้งมีส่วนร่วมกรณีสินค้าได้รับความเสียหายด้วย
3) ตัวแทนผู้ส่งสินค้า ทำหน้าที่ประสานการขนส่งตามที่ผู้ส่งสินค้าต้องการ ตัวแทนผู้ส่งสินค้ามักมีประสบการณ์และมีความเชียวชาญในการขนส่ง ทำการซื้อระวางเรือคราวละมาก ๆ แล้วมาแบ่งให้กับผู้ส่งสินค้ารายย่อยที่ต้องการ
4) ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ตามสัญญา จัดตั้งในรูปบริษัทให้บริการด้านโลจิสติกส์แทนผู้ส่งสินค้า ผู้ให้บริการมีความรู้ ความชำนาญ และประสบการณ์เป็นอย่างดี ให้บริการด้านการขนส่ง การกระจายสินค้า การรวบรวม การคลังสินค้า ข้อมูลข่าวสารทางธุรกิจ ฯลฯ โดยทำสัญญารับจ้างบริการและจัดการโลจิสติกส์ให้กับผู้ส่งสินค้า
การใช้บริการภายนอกกับการขนส่ง โดยผู้ประกอบธุรกิจในปัจจุบัน มักจะไม่ลงทุนซื้อรถสำหรับการขนส่งสินค้าเอง แต่มักใช้บริการจากผู้ประกอบการภายนอก ซึ่งมีความชำนาญเฉพาะทางเกี่ยวกับการขนส่งในแต่ละพื้นที่ โดยพิจารณาเกี่ยวกับต้นทุนที่เกิดขึ้น ระหว่างการจัดส่งด้วยตนเองกับการจ้างผู้ขนส่งภายนอก
ผู้ประกอบการขนส่งในอดีต ไม่ได้คำนึงถึงสภาพความเสียหายของสินค้าระหว่างการขนส่ง พนักงานขับรถไม่มีทักษะ และบางครั้งส่งของได้ไม่ตรงตามกำหนด ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายทั้งต่อผู้ซื้อสินค้า และผู้ขายสินค้า ปัจจุบันผู้ว่าจ้าง ร่วมมือกับผู้ประกอบการขนส่ง ทำการขนส่งสินค้าโดยให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัย และคำนึงถึงสภาพแวดล้อม ผู้ประกอบการภายนอกไม่ได้มีหน้าที่ขนส่งสินค้าแต่เพียงอย่างเดียว แต่จะรับจัดการ วางแผนเรื่องการขนส่งทั้งหมด เช่น บริษัทน้ำมันเชลล์ seven eleven บริษัทไทยน้ำทิพย์ เป็นต้น มีศูนย์กระจายสินค้าของตนเอง และมีสาขาที่จำหน่ายสินค้าแก่ผู้บริโภคจำนวนมาก สินค้าหมุนเวียนเร็ว ต้องบริหารด้านสินค้าคงคลัง และต้องควบคุมต้นทุน เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ จึงต้องมีการวางแผนเกี่ยวกับการขนส่ง เพื่อให้สินค้าสนองความต้องการของผู้ซื้อได้ทันเวลา จึงต้องการการขนส่งที่สามารถควบคุมได้ และมีประสิทธิภาพให้มากที่สุด
ข้อควรพิจารณาในการเลือกใช้บริษัทจัดส่งสินค้า เนื่องจากการจัดส่งสินค้าต้องลงทุนสูง ผู้ว่าจ้างจึงต้องพิจารณารายละเอียดของบริษัทภายนอกที่รับขนส่งสินค้าเป็นอย่างดี โดยควรพิจารณาเลือกบริษัทที่ให้บริการจัดส่งสินค้า ดังนี้
1) ข้อมูลของบริษัท ก่อนตัดสินใจเลือกบริษัทสำหรับจัดส่งสินค้า ควรหาข้อมูลของบริษัทนั้นเสียก่อน ข้อมูลที่ควรศึกษา ได้แก่ ความสามารถในการจัดส่งสินค้าได้ตรงเวลา ความสามารถของบุคลากรขับรถ การตรวจสภาพรถที่ใช้ในการขนส่ง ความชำนาญทางของพนักงานขับรถ ฯลฯ
2) การเจรจาต่อรอง ผู้ว่าจ้างจะต้องมีการเจรจาต่อรอง กับบริษัทขนส่ง เพื่อหาข้อสรุปที่ดีที่สุด
3) คุณภาพการให้บริการ เกี่ยวกับความสามารถในการจัดหายานพาหนะในการขนส่ง ความสามารถในการขนส่งสินค้าได้ตรงตามเวลา สินค้าอยู่ในสภาพสมบูรณ์รวมถึงเรื่องต่าง ๆ ด้านการบริหารคุณภาพ
4) ความรวดเร็ว สินค้าที่เน่าเสียง่าย จำเป็นต้องใช้การขนส่งที่รวดเร็ว ผู้จัดส่งสามารุจัดส่งสินค้าได้รวดเร็ว และดูแลสินค้าได้ดีหรือไม่
5) ความตรงต่อเวลา จัดส่งสินค้าได้ตามระยะเวลาที่ตกลงกันหรือไม่ มีการรับประกันการส่งมอบอย่างไร
6) วิธีการรับคืนสินค้า สินค้าที่มีปัญหาต้องส่งคืน จะมีวิธีการจัดส่งสินค้าที่มีปัญหาอย่างไร มีขั้นตอน และระยะเวลานานเท่าไร
7) ระบบการติดตาม บริษัทมีระบบการจัดส่งสินค้าที่ติดตามอย่างไร
8) การรับประกัน มีการรับประกันสินค้าที่จัดส่งอย่างไร หากสินค้ามีมูลค่าสูงจะเพิ่มการรับประกันหรือไม่
9) เทคโนโลยี บริษัทนำเทคโนโลยีมาใช้ในการขนส่งอย่างไร
ต้นทุนค่าขนส่งสำหรับรูปแบบการขนส่งต่าง ๆ โดยการใช้บริการขนส่งรูปแบบต่าง ๆ มี
ต้นทุนแตกต่างกัน ดังนี้
1) การขนส่งทางถนน การขนส่งด้วยรถบรรทุกทางถนน มีต้นทุนการขนส่งต่ำที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับการขนส่งรูปแบบอื่นๆ เนื่องจาก ถนนเป็นสาธารณูปโภคที่รัฐบาลจัดสร้าง รถบรรทุกใช้เงินลงทุนไม่มาก เมื่อเปรียบเทียบกับเรือ เครื่องบินและรถไฟ นอกจากนี้ในด้านของการขนถ่ายสินค้านั้น การใช้อุปกรณ์การยกขนสินค้าจากรถบรรทุกอาจต้องใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ ขณะที่การขนส่งทางเรือ ทางเครื่องบิน และทางรถไฟ ต้องใช้อุปกรณ์ในการช่วยยกราคาสูง เช่น ปั้นจั่น รถยก เป็นต้น
2) การขนส่งทางน้ำ ต้นทุนคงที่ของการขนส่งทางน้ำคือเรือ และอุปกรณ์ที่ใช้ในการยกสินค้า ส่วนค่าใช้จ่ายในการขนส่งทางเรือที่ผู้ใช้บริการต้องจ่าย ได้แก่ ค่าเช่าเรือ ค่าเช่าอุปกรณ์ยกขน ค่าภาระท่าเรือผ่านร่องน้ำ และอื่น ๆ ซึ่งจัดว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ส่วนต้นทุนผันแปรค่อนข้างต่ำ การขนส่งทางเรือสามารถบรรทุกสินค้าได้ทีละจำนวนมาก ทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด ดังนั้นการขนส่งทางเรือจึงเป็นการขนส่งที่มีต้นทุนต่ำ ภายใต้เงื่อนไข ต้องเป็นการขนส่งระยะไกล และในปริมาณมาก
3) การขนส่งทางรถไฟ มีต้นทุนคงที่ค่อนข้างสูง ได้แก่ ต้นทุนรถไฟ การสร้างเส้นทาง และค่าใช้จ่ายในการบริหาร แต่มีต้นทุนผันแปรค่อนข้างต่ำ การขนส่งทางรถไฟเหมาะกับการขนส่งครั้งละมากๆ
4) การขนส่งทางอากาศ การขนส่งทางอากาศมีต้นทุนคงที่สูง ตัวเครื่องบิน และอุปกรณ์ในการขนยกสินค้ามีราคาสูง ผู้ใช้บริการต้องเสียค่าใช้ท่าอากาศยาน ค่าลงจอด ฯลฯ ซึ่งเหล่านี้เป็นค่าใช้จ่ายที่สูง ต้นทุนผันแปรที่เกิดขึ้นคือระยะทาง หากขนส่งทางไกลจะเสียค่าใช้จ่ายสูงกว่าการขนส่งในระยะใกล้
การพิจารณาเลือกวิธีการขนส่ง โดยต้นทุนด้านการขนส่งเป็นต้นทุนค่าใช้จ่ายที่สำคัญ ผู้
ประกอบธุรกิจจึงควรเลือกรูปแบบการขนส่งที่เหมาะสมกับสินค้าของตนให้มากที่สุด เพื่อให้เกิดค่าใช้จ่ายต่ำสุด ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงประสิทธิภาพของการขนส่ง ความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และประหยัดด้วย