ใครเรียกมึงว่าไอ่โรคจิต แต่กูเรียกมึงเพื่อน

เจสัน สเตแธม มีชีวิตคาบเกี่ยวกับความเป็นนักกีฬา และนักแสดง ชีวิตเขาหักเห กับเรื่องกีฬาหลายครั้งมาก

เริ่มจากการที่เขาชื่นชอบกีฬาไม่เหมือนเด็กอังกฤษทั่วไปที่คลั่งฟุตบอล แต่เขาชื่นชอบกีฬาที่ต้องตีต่อย เขาเริ่มฝึกชกมวย กังฟู คาราเต้ ในวัยมัธยม แต่เมื่อเขาได้รู้จักกับเพื่อนสนิทอย่าง วินนี่ โจนส์ เขาก็เลิกเอาดีทางด้านตีต่อย แล้วหันมาเอาจริงเอาจังกับการเตะฟุตบอลแทน ความสัมพันธ์ของ เจสัน สเตแธม กับ วินนี่ โจนส์

ตั้งแต่วัยเด็กพวกเขาถึงไหนถึงกัน วินนี่แก่กว่า 2 ปี ในยามที่มีเรื่องชกต่อย จึงรับประกันได้ว่าจะไม่มีใครสามารถทำอะไรเจสันได้ วินนี่ทั้งปกป้อง และสอนเทคนิคการเล่นฟุตบอล ให้เพื่อนรักจนเจสันได้เป็นนักฟุตบอลดาวรุ่งที่น่าจับตา แต่วันหนึ่งเขาได้เจอ ดูหนังฟรี นักกีฬากระโดดน้ำตัวเป็นๆ ระหว่างไปเที่ยวอเมริกา การกระโดดน้ำให้เขาเห็นในวันนั้น นั่นทำให้เขาคิดว่ามันเจ๋งเป็นบ้า และอยากเป็นแบบนั้นให้ได้ เขาจึงเริ่มฝึกกระโดดน้ำอย่างหนักหน่วง ฝึกไปฝึกมา ก็ติดทีมชาติอังกฤษ อย่างที่เขาเองก็ไม่คาดคิด ทว่าเหตุการณ์ที่ทำให้เขาผิดหวังอย่างหนักคือการแข่งขันกีฬาเครือจักรภพอังกฤษ ที่เมืองออคแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ ในปี 1990 เขาทำผลงานย่ำแย่ ส่งผลให้ไม่ได้ติดทีมชาติไปโอลิมปิก บวกกับอายุที่เยอะขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาหยุดเอาดีทางกีฬากระโดดน้ำ แต่ด้วยรูปร่างหน้าตาที่ดูดี ทำให้เขาก้าวสู่วงการแฟชั่น โดยรับงานถ่ายแบบ พร้อมๆกับที่ช่วยคุณพ่อขายของข้างถนนไปด้วย วันหนึ่งในขณะที่ผู้กำกับ กาย ริตชี่ ไปพูดคุยกับ วินนี่ โจนส์ ที่ไม่ได้เล่นฟุตบอลอาชีพแล้ว และกำลังหาหนทางเข้าสู่วงการบันเทิง Lock, Stock and Two Smoking Barrels คือหนังเรื่องที่ว่าที่ กาย ริตชี่ พยายามหยิบยื่นบทให้ วินนี่ โจนส์ ทว่าระแวกนั้น เจสัน สเตแธม ก็ขายของอยู่แถบๆนั้นพอดี กาย ริตชี่ แวะซื้อกระเป๋าใบหนึ่งจากเขา แล้วค้นพบว่าไอ้หมอนี่หน่วยก้านมันใช้ได้ กาย ริตชี่ จึงชักชวนเขามาร่วมแสดงหนังทุนต่ำเตี่ยเรื่องนี้ด้วยกันแบบไม่ได้นัดหมายกับเพื่อนเก่าอย่าง วินนี่ โจนส์ เลย เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ


ดูหนังฟรี


เจสัน สเตแธม ได้ค่าจ้างเป็นเงิน 5000 ปอนด์ กับการแสดงหนังเรื่องแรก

เขาได้เล่นหนังกับเพื่อนเก่าอย่าง วินนี่ โจนส์ และอย่างที่เห็นนั่นแหละ Lock, Stock and Two Smoking Barrels คือหนังที่กรุยทางให้ทั้งผู้กำกับและนักแสดงในหนัง ต่างก็เริ่มมีชื่อเสียงไปตามๆกัน เพราะมันคืองานขวัญใจนักวิจารณ์ที่ค่อนข้างมีสไตล์ หนังเรื่องต่อมาของ กาย ริตชี่ อย่าง Snatch นั้นไม่ธรรมดา เขาได้รับเกียรติจาก แบรด พิตต์

ดาราดังจากฮอลลีวู้ดมาร่วมแสดงด้วยแบบที่ กาย ริตชี่ เองก็ยังอึ้งๆว่าชีวิตนี้กูจะได้กำกับหนังให้ดาราดังขนาดนี้ นั่นเพราะ แบรด พิตต์ ชอบหนังเรื่องแรกของกายมาก และแน่นอนว่า ทั้งเจสัน สเตแธม และ วินนี่ โจนส์ ก็ได้กลับมาร่วมงานกับ กาย ริตชี่ เช่นเดิม ก่อนการถ่ายทำ Snatch นั้น แบรด พิตต์ ต้องเข้ารับการฝึกฝนชกมวยอย่างจริงจัง หนังใหม่ชนโรง เจสัน สเตแธม เองก็ต้องเข้าเรียนรู้ร่วมกันไปด้วยเพราะในเรื่องพวกเขาต้องรับบทนักมวยและหุ้นส่วนค่ายมวยตามลำดับ การได้เห็น แบรด พิตต์ ต่อยมวยจริงจัง นั่นทำให้ไฟในตัวของ เจสัน สเตแธม กลับมาลุกโชนอีกครั้งในทางตีต่อย เขาพูดกับตัวเองว่ากูก็สามารถทำได้ เอาล่ะกูจะกลับไปฝึกมวย และศิลปะการต่อสู้ เพื่อที่จะเป็นดารานักบู๊ให้ได้ หลังจากหนัง Snatch ประสบความสำเร็จทั้งเงินและคำวิจารณ์ ชื่อของ เจสัน สเตแธม ก็เริ่มมีคนรู้จัก ในปีต่อมาเมื่อเข้าเริ่มกลับมาฝึกศิลปะการต่อสู้อย่างจริงจัง เขาก็เปิดตัวในฐานะดารานักบู๊ในหนังแนวมาเชี่ยล อาร์ท อย่าง The One ที่เขาต้องปะมือกับ เจ็ต ลี จนกระทั่งมาเปิดตัวเป็นพระเอกสายบู๊เต็มๆใน The Transporter ในที่สุด ย้อนกลับไปมองกีฬาชนิดแรกๆที่เขาชื่นชอบนั่นคือการชกมวย หรือจะเป็นกังฟู คาราเต้ ก็ตามที เด็กชายเจสันในวันนั้นคงไม่ล่วงรู้หรอกว่าที่เขาชื่นชอบมันตั้งแต่แรกน่ะถูกทางมาตั้งแต่ต้นแล้ว แม้จะต่างมีหนทางของใครของมัน สลับกันรุ่งสลับกันร่วง

แต่ปัจจุบัน เจสัน สเตแธม กับ วินนี่ โจนส์ ก็ยังเป็นเพื่อนรักกัน ยังไปไหนมาไหนด้วยกันบ้างตามประสาซี้วัยเด็ก แถมตอนโตยังมีผลงานแสดงด้วยกัน และหากในวันนั้นผู้กำกับ กาย ริตชี่ ไม่ได้ผ่านไปหา วินนี่ โจนส์ แถวๆนั้น เราอาจไม่ได้เห็นนักบู๊อย่าง เจสัน สเตแธม ในวันนี้ก็เป็นได้