เมื่อสังคมเลวมราม ฆ่าความเป็นมนุษย์ ของอาเธอร์ ใน Joker

ถอนหายใจ...อยากจุดบุหรี่สูบในโรงให้รู้แล้วรู้รอด หนังบีบอารมณ์ กดคนดูให้ตรึงอยู่กับความพังทลายในจิตใจของตัวละคร และการแสดงของ วาคีน ฟีนิกซ์


หนังท้าทายศีลธรรมจิตใจคนดู หลายครั้งที่เรารู้สึกสงสาร ต่อต้านการถูกกดขี่ และลึกๆ รู้สึกยินยอมให้อาเธอร์ทำแบบนั้นเพื่อเอาคืนคนรอบข้างที่สมควรโดนบ้าง (แต่ในหนังรุนแรงมากกก) เพราะในโลกแห่งความจริง ไม่มีความยุติธรรมให้กับคนจน ไม่มีความยุติธรรมให้กับคนป่วยที่พยายามดิ้นรนจะมีชีวิต แม้คนรอบข้างจะพยายามทำเหมือนคุณเป็นคนปกติ


ไม่มีความยุติธรรมให้กับคนที่โดนดูถูกย่ำยีความฝัน หรือโดนตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอก และอาการเจ็บป่วยทางจิต แต่ในความเวทนาจากที่อาเธอร์โดนกระทำ หนังก็ตบหน้าเราจนชาด้วยฉากความรุนแรงแบบไม่ทันตั้งตัว จุดนี้โคตรเซอร์ไพรส์ เพราะทุกๆ การลั่นไกของอาเธอร์ เหมือนเส้นอารมณ์ของเขามันขาดจนทุกอย่างพร้อมระเบิดออกมา เปรี้ยง! เราจึงดึงสติกลับมาว่า ดูหนัง สิ่งที่เขาทำมันโคตรจะเลวร้าย และเมื่ออาเธอร์ได้ลงมือฆ่าคนแล้ว เขาก็ยิ่งตกหลุมรักการตั้งตนเป็นศาลเตี้ยตัดสินชีวิตคนอื่น เอาคืนคนที่กระทำใส่เขามากขึ้น ตรงนี้แหละที่ทำให้เรารู้สึกถึงความน่ากลัวของการ Lose Control และการเชิดชูคนทำผิดที่หนังนำเสนอ การแสดงระดับ Method Acting ของ วาคีน ฟีนิกซ์ ช่วยยกระดับหนังไปไกลมากๆ ด้วยความที่หนังเล่าเรื่องเป็นเส้นตรง ดูง่าย ไม่ได้ซับซ้อน แต่ขับเคลื่อนไปด้วยบรรยากาศ และตัวละครกว่า 90% การแสดงจึงสำคัญมาก เขาขับมันออกมาทั้งเสียงหัวเราะที่แสดงถึงความเจ็บปวด รอยยิ้ม การเก็บซ่อนความรู้สึกที่ทะลักล้นออกมาทางแววตา สีหน้า ท่าทางการเดิน วิ่ง ร่ายรำ ทุกอย่างมีพลังและส่งผลทางอารมณ์กับคนดูอย่างมาก เขาไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็น Joker หรือควรเอาไปเปรียบเทียบกับเวอร์ชั่นไหน เพราะวาคีนได้สร้างแนวทางตัวละครนี้ขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ในแบบของเขา หนังไม่เพียงแต่พาไปสำรวจจิตใจของคนป่วย แต่ยังทำให้รู้สึกเข้าใจมากขึ้น จากกระจกสะท้อนความห่วยแตกของสังคม และผู้คนที่คิดว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่น หรือไม่เห็นค่าคนที่ชนชั้นต่ำกว่าตัวเอง นี่จึงเป็นหนังที่สวยงามบนรอยแผล ความเจ็บปวดของอาเธอร์ โดยส่วนตัวมองว่า หนังไม่ได้ชวนจิตตกขนาดนั้น แต่มันกดทับในแง่อารมณ์ ความรู้สึก ดำดิ่งไปกับการโดนกระทำซ้ำๆ ของตัวละครจนเกิดอาการเครียด อึดอัดตามไปด้วย ซึ่งหนังทำออกมาได้สุดทาง

ดูหนัง

***มีการเปิดเผยเนื้อหาหนัง***

ตัวละครอาเธอร์ ถือกระจกบานใหญ่ไปเจอกับผู้คนที่ตั้งคำถามกับอาการป่วยของเขา ที่แสดงอารมณ์ไม่สัมพันธ์กับความรู้สึก หัวเราะแบบควมคุมไม่ได้ แม้ภายในใจรู้สึกกดดัน ทุกครั้งที่หัวเราะ นั่นแสดงว่าเค้ากำลังเจ็บปวดที่ต้องฝืน หรือการถูกมองเป็นตัวประหลาดที่จะอยู่ร่วมกัน หรือไม่น่าไว้วางใจ บางคนที่กลั่นแกล้งคนที่ดูผิดแผกแปลกแยก


ท่าทางไม่เหมือนเรา เป็นตัวตลก ทั้งที่พื้นฐานอาเธอร์คือคนป่วย พิธีกรรายการตลก Murray Franklin ที่อาเธอร์เชิดชูมองเป็นต้นแบบ กลับเชือดความฝันของเขาด้วยการนำคลิปเดี่ยวมาล้อเลียนเชิงขบขันเป็นตัวตลก เพื่อสร้างความสนุก นั่นคือความเจ็บปวดที่ไม่ต่างจากโดนเหยียบย่ำความฝันด้วยเท้าของคนที่ศรัทธา และที่ตลกร้ายก็คือ รายการของเขายังต้องพึ่งเรทติ้งจากความนิยมด้วยการตบหัวแล้วลูบหลัง เชิญอาเธอร์มาออกรายการ แม้แต่งานตัวตลกที่เขารัก โปรแกรมหนัง ในจิตใจอันบุบสลายของอาเธอร์ การได้สวมหน้ากาก ขีดเขียนใบหน้าเพื่อปกปิดความเศร้าในใจ ได้เต้น ได้ร้อง ได้เล่าเรื่องที่เขาคิดว่ามันตลก สร้างความสุขให้กับคนรอบข้าง กลับยิ่งทำลายเขาลงด้วยเพื่อนร่วมงาน แม้กระทั่งเสียงหัวเราะจอมปลอมจากผู้คน ที่หัวเราะเยาะเย้ย ดูถูก มองเขาเป็นไอ้บ้าคนหนึ่ง หรือแม้แต่คนดูเอง ที่บางซีนอาจขำไปกับความแปลกประหลาด นั่นคือคุณกำลังกระทำใส่ตัวละครนี้อยู่ ไม่ต่างจากคนในห้องส่ง หรือคนที่กำลังชมเดี่ยวอยู่ในหนังหรือเปล่า? แต่แผลที่กรีดลึกถึงหัวใจ คงเป็นการโดนแม่ของตัวเอง คนที่เขาคิดว่าเข้าใจและอยู่เคียงข้างหลอกมาโดยตลอด และพ่อบุญธรรมที่ทำร้ายเขามาตั้งแต่เด็ก ทุกอย่างค่อยๆ ถาโถม กดทับให้อาเธอร์ เริ่มตอบโต้อย่างรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนการปลิดชีวิตใครบางคนเป็นเรื่องปกติ และเมื่อสัญลักษณ์การต่อต้านระบบ การต่อต้านการถูกกดขี่ การต่อต้านการโดนกระทำถูกส่งผ่านออกไป กลายเป็นว่า เขาอยู่ในแสงไฟ ได้รับการยอมรับอย่างที่ฝัน เสียงหัวเราะ เสียงโห่ กลายเป็นเสียงชื่นชม นี่คือความสวยงามบนความโศกเศร้า กระอักกระอ่วนชวนเจ็บปวด สุดท้าย...สังคม ระบบที่เลวทราม ได้ฆ่าความเป็นมนุษย์ของคนหนึ่งคนลงไป แต่อาจเป็นเพราะสังคม หรือคนเลวทรามรอบข้าง ไม่เคยมองอาเธอร์ด้วยสิ่งที่เขาเป็น แต่บีบให้เขาต้องแสดงออกอย่างปกติ แม้ภายในจะเจ็บป่วยแค่ไหน หนังสะท้อนอย่างรุนแรงว่า เมื่อสังคมเรามีคนป่วย คนรอบข้างควรเปิดใจ เรียนรู้ที่จะปฏิบัติและอยู่กับผู้ป่วยอย่างไร ให้ความสำคัญ ซัพพอร์ตอย่างถูกวิธี แม้กระทั่งภาครัฐ ที่หนังเองจิกกัดว่า งบประมาณถูกตัดจนต้องยุบกระทรวง เพราะไม่เคยเห็นค่าของผู้ที่ป่วยทางจิต หรือคนที่ทำอาชีพตรงนี้ ไปจนถึงการให้ความสำคัญของชนชั้นกลางถึงล่าง ไม่ต่างจากการระบบตัดหางปล่อยวัดอย่างเลือดเย็น หรือครอบครัว ที่ไม่เคยมอบความรักให้แก่อาเธอร์เลยจนตัวเขารู้สึกไร้ค่า ไร้ตัวตน


เหมือนอย่างที่อาเธอร์เขียนในสมุดบันทึกว่า "สิ่งที่แย่ที่สุดของการเจ็บป่วย คือคนอื่นจะทำเหมือนว่าไม่เป็นอะไร" แล้วคุณล่ะ รู้สึกอย่างไรกับหนัง JOKER และตัวละคร อาเธอร์ กันบ้างฮะ มาแชร์กันหน่อย