20 กรกฎาคม คือวันที่เราสูญเสีย ปรมาจารย์นักบู๊ถึง 2 คน

พันนา ฤทธิไกร เลือกเรียนวิทยาลัยพลศึกษามหาสารคาม เพราะชื่นชอบการต่อสู้ของ บรูซ ลี ในหนัง ก่อนหน้านั้น

ยามว่างเว้นจากการเรียน อ.พันนา มักดูหนังแล้วเลียนแบบท่าทางการต่อสู้ของ บรูซ ลี และหนังกังฟูในยุค ชอว์ บราเธอร์ คนรอบข้างมองว่าพันนาบ้า แต่เขามีศรัทธา จนเข้าเรียนวิทยาลัยพลศึกษาเพื่อที่จะใช้ร่างกายได้ให้เหมือนในหนัง เราคงไม่ต้องสาธยายว่าหนังของ อ.พันนา ไม่ว่าจะเป็นในยุคที่สร้างชื่อกับหนังสายต่างจังหวัด


หรือไม่ว่าจะเป็นการทำหนังแอ็คชั่นกับสตูดิโอใหญ่อย่าง สหมงคลฟิล์ม ล้วนแล้วแต่เป็นงานมาสเตอร์พีชทั้งสิ้น แม้ว่าจะอยู่ในหนังที่ห่วย แต่ก็ยังมีคิวบู๊อันบ้าบิ่นของ อ.พันนา ที่ทำให้คนดูได้ทึ่งเสมอ องค์บาก คืออีกงานสร้างชื่อในยุคที่ ดูหนังฟรี อ.พันนา ผันตัวมาเป็นคนเบื้องหลังแล้ว ในฐานะเด็กต่างจังหวัดแล้ว ตั๋วร้อนโตมากับหนังกลางแปลงของ อ.พันนา นึกย้อนกลับไปสมัยเด็กๆ อยากเป็นพันนานี่ไม่ยากเลย มึงแค่ชวนเพื่อน 4-5 คน ไปกลางทุ่งนาแล้วตกลงกันว่าใครแม่งจะเล่นเป็นใคร สมัยโน้นหนังจีนหนังฝรั่งไม่ค่อยไปฉายแถวบ้านนอกสักเท่าไหร่ หนังกลางแปลงต้องนี่เลย หนังของ เพชรพันนา ล้อมผ้าเก็บห้าบาทสิบบาท แล้วฉายกันบ่อยมาก เพราะจะชอบเอาหนังเก่าเก็บมาฉาย สองเรื่องควบ สามเรื่องยันเช้า(ภาษาลาวเรียก ซอดแจ้ง) ยุคที่ไอ้ตั๋วยังทันๆก็มี เกิดมาลุย , ปลุกมันขึ้นมาฆ่า , พยัคฆ์ร้าย เชี่ยงชุน , พี่นักร้องน้องนักเลง(เล่นกับนักร้องหมอลำ เฉลิมพล มาลาคำ อันนี้จำได้ว่าตอนจบแม่งซึ้งเหี้ยๆพันนาตาย) ฯลฯ และอีกหลายๆเรื่องที่เป็นหนังแอ็คชั่นล้วนๆเล่นจริงเจ็บจริง จนดูแล้วต้องร้องอุทาน เฮ้ย! ตลอดทั้งเรื่อง เพราะบางช็อตนี่เหมือนแม่งจะฆ่าจะแกงให้ตายกันจริงๆ ไม่รู้ครูพันนาแกรอดมาได้ไงจนแก่ ทีนี้กลับมาเรื่องกองฟางต่อ พอตกลงกันว่ามึงเป็นใคร ไอ้นี่เป็นใคร ไอ้นั่นเป็นใคร แล้วก็ใส่กันเลยที่กองฟางนั่นแหละ เด็กอย่างไอ้ตั๋วร้อนนี่ต้องถูกวางตัวให้เป็นพันนาอยู่ร่ำไป เพราะอะไรน่ะเหรอ กูหน้าเหี้ยสุดในกลุ่ม เอ๊า จริงๆอันนี้ไม่ได้ตลก ไม่ได้เหยียด อ.พันนา เพราะคนอื่นแม่งได้เป็น สรพงษ์ , บิณฑ์ และ เอกพันธ์ บรรลืฤทธิ์ , สามารถ พยัคฆ์อรุณ , ฉัตรชัย เปล่าพานิช , เผ่าพันธ์ กับ เผ่าไท พรพิสิฐ หรือกระทั่ง เป้า ปรปักษ์ ก็ตาม ซึ่งกูกับเพื่อนกูอีกคนจะต้องได้เป็น เป้า หรือไม่ก็ พันนา นี่แหละ คือตอนสมัยเด็กมันยังไม่รู้อะไรมากหรอก รู้แค่อยากเป็นตัวหล่อกับเขามั่ง แต่ก็ได้เป็นพันนาทุกที แต่หารู้ไม่ว่าไอ้ตัวที่ได้เป็นเนี่ย เก่งสุดในบรรดานักบู๊เมืองไทยแล้ว เออ...แล้วขำตรงอีพวกผู้หญิงแม่งแย่งกันเป็น จารุณี นี่แหละสัส เป็นจารุณี แต่เสือกไปนั่งใต้ต้นไม้เล่นหม้อข้าวหม้อแกงกัน

ดูหนังฟรี

กูด่ามันบ่อยๆว่าเป็นจารุณีต้องเตะๆ ต่อยๆกับพวกกูบนกองฟางสิวะ (คือมันเป็นแผนหลอกจับนมของกูนั่นแหละ)

ตอนต่อสู้กันนี่จะแยกฝั่งแบ่งข้างจำนวนเท่าๆกันก็ได้ หรือจะตีกันมั่วไปเลยก็ได้ ซึ่งสามารถทำได้หมด แล้วการต่อสู้อันดุเดือดก็เริ่มขึ้น ไม่ว่าจะลอยตัว ตีลังกา หรือกระโดดกันสูงแค่ไหนมึงก็ไม่มีทางเจ็บตัว นอกเสียจากจะมีนอกกติกา เล่นจริงตีจริงจนเลยเถิดได้ชกต่อยกันจริงๆจนโดนแม่ฟาดก็มี แต่รวมๆแล้วเป็นช่วงเวลาที่สนุก


เพราะเราได้สวมบทบาทเป็นคนที่เราอยากเป็น(?) คือตอนนั้นยอมรับเลยว่าตัวเองได้รับแต่บทเป็นพันนาๆๆเอะอะก็พันนาจนกูร้องไห้ เพราะตอนเด็กๆเป็นประเภทลูกไล่ ลิ่วล้อไง โดนเด็กโตกว่าข่มตลอด แต่พอโตขึ้นมาได้เห็นความยิ่งใหญ่ของ หนังใหม่ชนโรง อ.พันนา แล้วก็ยังมานั่งคิดภูมิใจอยู่เลยว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตกูนี่แหละได้รับบทเป็น อ.พันนา โคตรภูมิใจเลยจริงๆ ยิ่งตอนที่แกทำ องค์บาก ออกมานะ แล้วชื่อพันนาก็กลับมาผงาดในวงการสตั๊นท์แมนอีกครั้ง น้ำตากูแทบไหล ฝรั่งกับคนจีนแถวๆนี้ก็รู้จักแกเป็นอย่างดี ผู้ชายคนนี้ยิ่งใหญ่มากๆ แม้จะไม่เท่า เฉินหลง บรู๊ซ ลี แต่เชื่อเลยว่า เอาฝรั่งยุคใหม่มานั่งดูหนังเก่าๆของครูพันนาตอนนี้ ตาโตเป็นไข่ห่านกันทุกคนแน่นอน สมัยนั้นระบบเซฟตี้อะไรๆก็ไม่ทันสมัยเหมือนเดี๋ยวนี้ด้วย มีสิทธิ์ตายได้ตลอดเวลา แต่แกกับเหล่าลูกน้องแกก็รอดมาได้ กระดูกเหล็กของจริง จากประสบการณ์เคยเล่นหนังจีนมาแล้วมีโอกาสได้ฟัง อ.ตุงเหว่ย ผู้ออกแบบคิวบู๊ชื่อดังในหนัง Hero ที่ เจ็ต ลี นำแสดง แกบอกว่าคิวบู๊ไทยนี่โคตรดี แต่น่ากลัวมาก ไม่สามารถรับประกันได้เลยเพราะเล่นกันแรง เล่นกันบ้ามาก ไม่กล้าร่วมงาน กูก็เลยถึงบางอ้อว่าทำไมสตั๊นท์แมนไทยจึงถูกคนต่างชาติเอาไปใช้งานในวิธีของเขา ไม่ใช่วิถีบู๊ระห่ำแบบของเรา เพราะตายห่ามามันไม่คุ้ม


แต่ อ.ตุงเหว่ย แกบอกว่าคิวบู๊ไทยเป็นเอกลักษณ์มหัศจรรย์มาก ก็สมกับที่ อ.พันนา ฤทธิไกร แกชื่นชอบ บรูซ ลี นั่นแหละ เพราะเลือกวันจากไปได้มีกิมมิคมากๆ เพราะเสียในวันเดียวกันกับไอดอลแกอย่าง บรูซ ลี เลยคือ 20 กรกฎาคม