ความรู้สึกแรกหลังจากได้ดู ฉากยกพลขึ้นบกใน Saving Private Ryan

ดูหนังฟรี

ฉากวัน D-day ในหนัง Saving Private Ryan นั้นโหดสัสมาก


ผู้คนในโรงหนังค่อนข้างตกใจ แน่นิ่ง อึ้ง ทึ่ง หวาดเสียว ไม่นึกไม่ฝันว่านี่คือผู้กำกับฯคนๆเดียวกับที่ทำหนังอย่าง E.T. มึงบ้าไปแล้ว ไอ้ฉากไส้ทะลัก ขาแขนกระจุย หรือกระสุนวิ่งผ่านน้ำทะเลลงไปเจาะร่างทหารนั่นมันน่ากลัวจนไมเกรนขึ้น


ฉากนี้ สตีเว่น สปีลเบิร์ก ทุ่มงบไปทั้งสิ้น 12 ล้านเหรียญ ในฉากเดียว จากงบทั้งหมดของหนัง 70 ล้านเหรียญ เขาต้องการนำเสนอความน่ากลัวขีดสุดคลั่งของสงคราม ผ่านฉากยกพลขึ้นบกที่ นอร์มังดี ในวันที่ 6 มิถุนายน ปี 1944 เป็นวันที่โลกจดจำการสูญเสียครั้งใหญ่และความโหดร้ายของสงครามอีกเหตุการณ์หนึ่งได้ดี


สปีลเบิร์กถูกสดุดีจากทหารกล้าทุกๆคนที่รอดชีวิตมาจากเหตุการณ์นั้น และฉากนี้ยังเป็นการจำลองเหตุการณ์อย่างสมจริงให้ลุกหลานทหารผ่านศึกในครานั้นดูว่าคุณปู่คุณตาต้องเจอะเจอกับอะไรในสงครามครั้งนั้นบ้าง หนึ่งในทหารผู้รอดชีวิตจากนอร์มังดีคือ เจมส์ ดูฮาน หรือคอหนังเก่าๆ รู้จักกันดีในบท สก็อตตี้ จากหนัง Star Trek ยุคเก่า(เขานิ้วกลางขาดจากเหตุการณ์นี้)


เขาขอบคุณสปีลเบิร์กทั้งน้ำตา และบอก ดูหนังฟรี สปีลเบิร์กว่าเขาร้องไห้ และสะเทือนใจกับบรรยากาศในหนัง ที่เหมือนวันวานอันโหดร้ายได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง บนจอแบบสมจริง สมจริงจนน่ากลัว และมันเป็นอุทาหรณ์แห่งภัยสงครามอย่างแท้จริง


ก็ถ้ามันเป็น หนังสงครามเอาเท่ มีวีรบุรุษ ยิงกันสนั่นจอระเบิดตูมตาม ทอม แฮ้งคส์ คงไม่รับแสดง เขาต่อต้านอาวุธปืนสุดฤทธิ์ ข้อแม้ในอาชีพการแสดงเขาคือ การที่จะให้เขายอมจับปืนในหนังมันต้องเป็นหนังที่มีเนื้อหาต่อต้านอาวุธ และหากเป็น หนังสงคราม มันต้องไม่ใช่หนังที่สร้างภาพใส่ไฟให้ชาติไหนดูแย่


และ Saving Private Ryan ตอบโจทย์นั้น ทอม แฮ้งคส์ จึงยอมจับปืนร่วมรบไปกับสปีลเบิร์ก มันคือหนังเรื่องแรกที่สุดยอดผู้กำกับและสุดยอดนักแสดงโคจรมาเจอกัน ในขณะที่ แม็ตต์ เดม่อน นั้นเข้ามาในโปรเจ็คตามคำแนะนำของ โรบิน วิลเลี่ยมส์ ที่บอกสปีลเบิร์กว่าเด็กนี่มันมีของ ในทีแรกสปีลเบิร์กสนใจ


แต่ก็ต้องปฏิเสธไปเพราะแม็ตต์ดันไปได้สวยกับหนัง Good Will Hunting สปีลเบิร์กต้องการพลทหารไรอันที่ไม่มีใครรู้จัก ไม่ใช่นักแสดงดาวรุ่งแบบนี้ แต่ท้ายที่สุดสปีลเบิร์กก็เปลี่ยนใจ เพราะเขาคิดว่าเขาชอบบทของแม็ตต์ในหนัง Courage Under Fire กับ The Rainmaker มากๆ


นักแสดงประกอบกว่า 1000 คนถูกเกณฑ์มาร่วมแสดงในฉากยกพลขึ้นบก หลายคนในนั้นคือคนที่แขนขาขาดจริงๆมาก่อนแล้ว และรัฐบาลฝรั่งเศสไม่อนุญาต ให้ทีมงานถ่ายทำในสถานที่จริง บนหาดนอร์มังดีได้ สปีลเบิร์กจึงยกกองไปถ่ายทำที่ไอร์แลนด์แทน อันเป็นโลเคชั่นคล้ายคลึงกัน


ความรุนแรงของฉาก D-Day นั้นทำให้รัฐบาลอินเดียแบน เว็บสตรีมหนัง ทว่ารัฐมนตรีกลาโหมของอินเดียบังเอิญได้ดูมัน ก่อนที่เขาจะสั่งให้ปลดแบนเพราะเนื้อหาข้างในหนังมันคือหนังต่อต้านสงครามอย่างแท้จริง แต่ในมาเลเซีย หนังยังคงถูกแบนมาจนทุกวันนี้ อีกหนึ่งวีรกรรมความรุนแรงของฉากนี้คือ มีรอบพิเศษที่


สตีเฟ่น แอมโบรส นักประวัติศาสตร์ทางทหาร และนักเขียนชื่อดังได้จัดขึ้น แต่เมื่อหนังฉายไปได้ 20 นาที เขาต้องสั่งให้หยุดฉายชั่วขณะเพราะฉากรุนแรงนั้น และเมื่อเขาออกไปทำใจนอกโรงได้ เขาก็กลับมาดูหนังได้ตามเดิมและยกย่องว่านี่คือหนังสงครามที่ดีที่สุดเท่าที่เคยดูมา


สตีเว่น สปีลเบิร์ก มอบส่วนหนึ่งของรายได้ที่ไม่เปิดเผยจำนวนให้แด่อนุสรณ์สถานวัน D-Day อุทิศแด่พ่อของเขาที่เป็นทหารประจำการในพม่าในช่วงสงครามโลกเช่นกัน