The Invisible Man (2020)

หากมองในแง่มุมของความรักอันพังพินาศ


หนังอาจมีสถานะไม่ต่างจาก Enough ปี 2002 ที่ เจ.โล.นำแสดง แต่เมื่อหนังถูกยกระดับให้มันเป็นความรักอันขมขื่นของหญิงบ้านๆกับชายผู้มีอำนาจเหนือสิ่งมองเห็นทั้งปวงที่ลงมือแก้แค้น เอาคืนความไม่ภักดี ความพยศ ของอดีตคนเคยรักด้วยอำนาจทุกอย่างที่เขามีทั้งที่มองเห็น และมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า

หนัง HD

มันจึงกลายเป็นหนังที่เหมือนเป็นภาพทับซ้อนชีวิตจริงที่เราๆท่านๆได้รู้ได้เห็นกันแต่พูดไม่ได้ไอไม่ดัง ในทางเขย่าขวัญสั่นประสาท หนังทำงานกับความหวาดระแวงได้ดีแม้ไม่ได้มี Jump scare อัดใส่คนดูทั้งเรื่องแบบหนัง เจมส์ วาน แต่การแพนกล้องมุมกว้างในสถานที่อันไม่น่าไว้ใจให้คนดูหลอนไปกับตัวละครว่าจะมีอะไรผิดปรกติในซีนนี้หรือเปล่า หนัง HD เป็นไม้เด็ดที่เอาตายมากกว่าหนังผีหน้าเละหลายๆเรื่อง รู้ทั้งรู้ว่าถึงมึงโผล่มาทำอะไรน่ากลัวๆกูก็ไม่ได้กลัวมึงแบบที่กลัวหนังผีแน่ๆ แต่นั่นแหละ ไอ้สิ่งที่มองไม่เห็นนี่แหละน่ากลัวกว่ามากๆ เหมือนเราโดดน้ำในห้วยหนองคลองบึงโดยที่ไม่รู้ว่าจะมีเหี้ยอะไรอยู่ด้านล่างรึเปล่า หนังเล่นกับความบรรลัยอันเกิดจากการล่องหนได้ดี คือไม่ใช่เอะอะก็ล่องหนมาไล่ฆ่าหรือมาทำอะไรให้กลัวโดยตรง แต่มันรวมถึงการทำลายชีวิตด้านอื่นๆที่ไม่ใช่การทำร้ายร่างกายด้วย นี่แหละอำนาจที่มองไม่เห็นที่น่ากลัวของจริง พอมันกลายมาเป็นหนังทุนต่ำที่แทบไม่ใช้ CG เลย เล่นกับอารมณ์หวาดหวั่นของนักแสดง เล่นกับความไม่มีตัวตนของมนุษย์ล่องหน มันจึงเป็นการนำเสนอที่ชาญฉลาด ยิ่งได้รับรู้มาว่าสตูดิโอ Blumhouse เว็บสตรีมหนัง ใช้เงินแค่ 9 ล้านเหรียญ ในการสร้าง The Invisible Man ฉบับนี้ ยิ่งทำให้ชักอยากเห็นมอนสเตอร์ตัวอื่นๆมารวมจักรวาลกันอย่างที่ Universal เคยวางแผนไว้ อาทิ แดร็กคิวล่า , แฟรงเก็นสไตน์ , มัมมี่ ฯลฯ โดยที่ทุกๆเรื่องสร้างจากสตูดิโอ Blumhouse และใช้ทุนน้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้ แต่ไอ้สามตัวที่ว่ามา ยังนึกไม่ออกว่ามึงจะสร้างออกมายังไงให้ไม่ใช้CGเยอะ แต่ถ้ามึงเสือกทำได้ คิดเอาแค่นี้ก็น่าสนุกแล้ว


มาคอยดูกันต่อไปว่า Universal จะเอาไง จะให้มนุษย์ล่องหนตัวนี้เป็นเอกเทศ หรือจะสร้างเพื่อเปิดจักรวาลมอนสเตอร์ หักคะแนนครึ่งกับบางประเด็นที่มันจะไม่ลุกลามเลยถ้ามึงรู้จักเช็คกล้องวงจรปิด