เขาขีดขว้างทุวิธีทาง ไม่ให้แม่ของเขา ได้ดูหนัง American Pie ทุกภาค

ฌอน วิลเลี่ยม สก็อตต์ เป็นคนปากกัดตีนถีบมาตั้งแต่วัยรุ่น


เขาทำงานจิปาถะทั้งซ่อมห้องน้ำ เป็นเซลแผนกท่อน้ำ เป็นเทรนเนอร์ยิม เป็นคนโกยขี้สัตว์ในสวนสัตว์ในตอนเช้า ตกเย็นก็ไปทำงานร้านพิซซ่า(โกยขี้แล้วไปทำพิซซ่า โอ้ว..) และงานอื่นๆอีกมากมายขอให้ได้เงิน เข้าวงการครั้งแรกจากการมีบทเล็กๆในทีวีซีรี่ส์ และ MV เพลง Hole In My Soul ของวง Aerosmith


แต่ชีวิตก็ไม่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่ เขาทำงานประจำที่แผนกท่อน้ำในร้าน Home Depot และพยายามไปแคสบทหนังใหญ่แต่ไม่เป็นผล จนกระทั่งเขาได้มีโอกาสแคสบทหนังจัญไร เกรดรอง ทุนน้อยเรื่องหนึ่ง ชื่อเรื่องว่า Unfinished Teenage Sex Comedy และแน่นอน เขาฉายแววความจัญไรจนเข้าตา หนัง HD และเขาได้บทนี้มา ชื่อตัวละครของเขาคือ สตีฟ สตีฟเลอร์ เขาใส่ตัวตนห่ามๆของเขาเองลงไปในตัวละครนี้ ทั้งที่เดิมทีนั้นตัวละครตัวนี้ก็ดูเป็นแค่ตัวประกอบในกลุ่มเพื่อนตัวหนึ่งเท่านั้น เงินเพียง 8,000 เหรียญ คือค่าจ้างสำหรับการแสดงหนังเรื่องนี้ เขาคิดว่าได้เท่านี้ก็ดีถมเถไปแล้ว

หนัง HD

แต่กลายเป็นว่าถ้าจะพูดถึงหนังสัปดนเรื่องนี้


อันดับแรกที่ทุกคนมักนึกถึงคือไอ้สตีฟเลอร์ ผู้เสียแม่ให้เพื่อนในกลุ่ม มุกระยำตำบอนต่างๆก็ได้ ฌอน วิลเลี่ยม สก็อตต์ นี่แหละที่ใส่ไอเดียลงไป จนบางมุกมันโหดและอุจาดเกินรับ อย่างเช่นมุกกินเบียร์ผสมน้ำว่าว คือไม่รุ่งก็ร่วงนั่นแหละถ้าใส่อะไรแบบนี้ในหนัง และเมื่อหนังภาคแรกเข้าฉาย ปรกติดาราที่พอได้บทเด่นๆในหนังเรื่องแรก


ก็มักพาคนในครอบครัวไปเจิม พ่อแม่พี่น้องเพื่อน แต่ฌอนพยายามขัดขวางทุกวิถีทางไม่ให้คุณแม่ไปดูหนังเรื่องนี้ แต่คุณแม่ไม่ยอม นอกจากจะไม่ยอมจะดูให้ได้แล้ว คุณแม่แพทริเซีย ยังพาบรรดาเพื่อนๆแม่เข้าไปดูด้วย และคุณแม่มักบอกกับใครต่อใครว่า " ยัยนั่นมันคุณแม่สตีฟเลอร์ตัวปลอม ดูหนังผ่านเน็ต ฉันสิคุณแม่สตีฟเลอร์ตัวจริง " จากค่าตัว 8,000 เหรียญ เพราะทุนสร้างภาคแรกน้อยนิดเพียง 11 ล้านเหรียญ มันทำรายได้สูงถึง 235 ล้าน เขากลับมาในภาคต่อและได้ค่าตัว 5 ล้านเหรียญ และภาคต่อๆไปเขาก็ได้ค่าตัวเพิ่มขึ้นตามลำดับรายได้.oแต่ละภาค ซึ่งเป็นหนังแฟรนไชส์ที่ทำรายได้มโหฬารบานตะไทเมื่อเทียบกับทุนสร้าง ผู้สร้างต้องยอมควักให้เขา เพราะถ้าหนังเรื่องนี้ไม่มีสตีฟเลอร์ ก็ไม่การันตีว่าหนังจะทำรายได้เยอะเท่ากับการมีเขาทำหน้าเจ้าเล่ห์อยู่ในหนังรึเปล่า เดิมที่หนังใช้ชื่อยาวเหยียดว่า Unfinished Teenage Sex Comedy แต่เพราะในหนังมีซีนที่จิมพระเอกของเรื่องต้องกระเด้าพาย


ก็เป็นฌอนนี่แหละที่เสนอให้เปลี่ยนชื่อหนัง ฌอนพูดคุยกับ อดัม เฮิร์ซ มือเขียนบทเรื่องเกี่ยวกับการแสวงหาการเสียความบริสุทธิ์ มันเปรียบเหมือนการเจาะพายที่เพิ่งออกจากเตาใหม่ๆ หนังจึงเปลี่ยนมามาเป็นชื่อ American Pie นั่นเอง