คนไฟบิน (ฅนไฟบิน) Dynamite Warrior

ดูหนัง

ที่สุดแห่งการดีไซน์ตัวละครแบบบ้าระห่ำ กาวสิบกระป๋อง


พูดถึงหนังยำใหญ่ใส่สารพัดที่เข้าข่ายหนังซูเปอร์ฮีโร่ บ้านเราขอยกให้นี่เลย "ฅนไฟบิน" ของผู้กำกับฯ เฉลิม วงศ์พิมพ์ เจ้าของฉายา "ผู้กำกับหนังจบอารมณ์ไม่จบ" ของจริงจากการที่แกทำตอนจบของ 7 ประจัญบาญ ภาคแรก ให้กลายเป็นตอนจบของหนังที่คนเดินหัวเราะออกมาจากโรงทั้งที่หนังจบไปแล้ว


แบบไม่กล้ามองหน้ากันเลย คือถ้าเผลอหลุดก๊ากหน้าโรงนี่คนแถวนั้นหาว่ากูบ้าแน่ เสียงน้าค่อมยังก้องอยู่ในหู " แม่!! " คือมึงต้องกลั้นขำจนกว่าจะขึ้นรถได้แล้วไประเบิดหัวเราะในรถต่อ "ฅนไฟบิน" เป็นงานต่อยอดสร้างแอ็คชั่นสตาร์คนใหม่ตามหลัง จา พนม ที่เปรี้ยงปร้างไปก่อนหน้านี้จาก องค์บาก และ ต้มยำกุ้ง เดี่ยว ชูพงษ์ ช่างปรุง คือศิษย์ร่วมสำนักเดียวกันกับ จา พนม เด็กในคาถาของ อ.พันนา ที่งานนี้ต้องได้มาซัดกับ อ.พันนา ในฐานะพระเอกกับตัวร้าย หนังมีกลิ่นอายหนังกำลังภายในจีนอยู่พอสมควร เพราะบทนายฮ้อยสิงห์ ของ สามารถ พยัคฆ์อรุณ มองเผินๆแอบคล้ายอาจารย์หวงเฟยหงเหมือนกัน เพราะมีเหล่าลูกศิษย์ขนาบข้างเป็นร่างทรงเสือ กับ ลิง อันนี้ดีไซน์ตัวละครไว้โคตรเท่ เท่ตรงที่มันอิงจากความเชื่อปรัมปราของคนไทยแล้วตีความออกมาเป็นฮีโร่แอ็คชั่นเท่ๆ แบบปลุกเสือ ปลุกลิง จากรอยสักของลูกศิษย์ที่ดูเหมือนไม่เอาไหน ก็กลายเป็นเดรัจฉานในร่างคนที่เหาะเหิรและมีพลังราวกับ ดูหนัง X-MEN ซึ่งหากใครสังเกตงานกำกับฯของ เฉลิม วงศ์พิมพ์ กันดีๆ จะเห็นได้ว่าการออกแบบตัวละครในหนังเขาแกจะจัดจ้านมาก เด็กๆที่ดูสามารถจับจองเป็นตัวนั้นตัวนี้ได้หมดตั้งแต่ 7 ประจัญบาญ มาแล้ว ไม่ได้เจาะจงว่าคนที่ดูหนังของแกจะอยากเป็นแค่พระเอกเสมอไป ส่วนตัวกูชอบผู้กององอาจของพี่ปั๋งสุดๆ ฟากฝั่งของตัวร้ายเองก็เท่ไม่ต่างกัน โดยเฉพาะการหยิบเอาตำนานก่องข้าวน้อยฆ่าแม่ มาตีความให้เป็นโจรปล้นควย(ภาษากลางคือควายนั่นแหละ) ซึ่งรับบทโดย สมเดช แก้วลือ นักแสดงร่างยักษ์ท่าทางน่ากลัว ที่ต่อมาแกก็โด่งดังถึงขนาดได้แสดงหนังจีน ฟงอวิ๋น ภาค 2 ตัวละครก่องข้าวน้อยนั่นตีความได้สนุกมือมาก เพราะก่อนออกปล้นมันจะรอให้คาราวานควายหุงหาอาหารให้เสร็จก่อน พอมันหิวมันก็จะมีพลัง อาละวาดได้แบบที่ยากจะรับมือด้วยแอกคู่ อาวุธประจำกายของมัน อีกคนคือ ปอบดำ ที่รับบทโดย อ.พันนา ตัวนี้แอบขัดใจบ้างในช่วงท้ายๆที่เข้าสวมร่างพระยาแหว่งไปแล้ว แต่ยังแยกร่างออกมากระทืบพระเอกได้กลางวันแสกๆ แต่ทว่าลีลาบู๊กับความเหี้ยมเกรียม(เกรียมจริงๆ)ของ อ.พันนา ถือว่ายังพริ้วเหมือนเดิม ตบท้ายด้วยบทพระยาแหว่ง ที่รับบทโดย ลีโอ พุฒ เรื่องนี้การจะพูดสำเนียงอีสานโคราชว่ายากแล้ว พี่พุฒแกยังต้องดัดเสียงให้ขึ้นจมูกเหมือนคนลิ้นไก่สั้น เพดานโหว่อีก ในฐานะที่ตั๋วร้อนเองก็เป็นโรคเดียวกันกับพระยาแหว่ง จึงโคตรจะชอบตัวละครตัวนี้ พี่พุฒแกตีบทได้ขาดกระจุย ทั้งสำเนียง และเสียงที่เปล่งออกมากูนึกว่าแกเป็นจริงๆ แล้วดีไซน์ตัวละครตัวนี้ดูเป็นพวกลูกคนรวยเอาแต่ใจจนสันดานเหี้ย มันคือผู้นำความเจริญเข้ามาในชุมชนแต่ก็มาพร้อมกับการทำลายรากเหง้าและความถูกต้องเช่นกัน นี่คือตัวละครที่เป็นตัวแทนนายทุนที่ยังใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ โจรบั้งไฟ ที่รับบทโดย เดี่ยว ชูพงษ์ การใช้บั้งไฟอันเป็นสิ่งที่คู่กับชาวอีสานมาช้านานเพื่อเป็นอาวุธนี่มันเกินขอบเขตเหนือจินตนาการไปแล้ว คือฉากแรกที่แกขี่บั้งไฟเข้าบุกขบวนคาราวานนี่กูก็รู้โดยอัตโนมัติว่ากูไม่น่าจะหาความสมเหตุสมผลกับหนังเรื่องนี้ได้อีกต่อไป หลังจากนี้ก็ปล่อยให้หนังมันโม้ให้สุดทางแล้วกัน กูยินดี เหมือนนั่งฟังเพื่อนคนอีสานสักคนโม้นั่นโม้นี่ให้ฟัง คือแม่งโม้ไปโม้มา ไอ้สัสกูสนุกเฉย มีซีนหนึ่งที่บักเซียงหรือโจรบั้งไฟมันเขินผู้สาวจนแค้นเข่า (ภาษากลางคือกินข้าวเหนียวเยอะและเร็วไปจนข้าวไปจุกที่ลิ้นปี่จนสะอึก) ผู้กำกับแกเข้าใจล้อเลียนคนอีสานได้น่ารักดี หนังมีทั้งกลิ่นอาย หนังกำลังภายในยุคแมนจูอันเป็นยุคที่ความเจริญเริ่มกลืนแผ่นดินจีน ,มีกลิ่นหนังคาวบอย การยืนหยัดต่อสู้กับอำนาจรัฐที่ฉ้อฉล , มีความเป็นโรบินฮู้ด ,มีความเป็น โปรแกรมหนัง ซูเปอร์ฮีโร่ ปลุกเสกของขลังแบบไทยๆ รวมไปจนถึงการคาราวะตำนานต่างๆทางภาคพื้นอีสาน ทั้งดนตรีประกอบที่ใช้เสียงแคนเสียงพิณ ใช้นักแสดงสมทบบางตัวที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่คนอีสานเคารพและรู้จักกันดี ตัวอย่างเช่น พ่อใหญ่หน้ายาน แห่งวงหมอลำเพชรพิณทอง จึงปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือหนังยำใหญ่ใส่ไม่ยั้งที่มีตัวละครที่ถูกดีไซน์ออกมาดีมากๆเรื่องหนึ่งของไทย และมันคือหนังซูเปอร์ฮีโร่อีสานที่จูงมือคนดูกลับไปสู่รากเหง้าอีสานดั้งเดิมในแบบที่บ้าระห่ำขึ้น ใครมันจะไปคิดว่า ไอ้ก่องข้าวน้อย จะถูกตีความมาให้เป็นตัวร้ายที่น่ากลัวและดูโง่บัดซบมาก ถ้าสามารถเลือกได้


อยากให้หนังเรื่องนี้ถูกต่อยอดเป็นภาคต่อ ไม่ก็เป็นละคร เป็นซีรี่ส์ไปเลย เพราะตำนานอีสาน หรือตำนานไทยยังมีอะไรให้ตีความได้อีกเยอะ น่าเสียดายที่มันจบในแค่ภาคเดียวจริงๆ เสียดายระดับความเมากาวนี้มาก