มิมี่ ลีเดอร์ ผู้กำำกับทรงป้า กับงานระห่ำ ของเธอ

หากเห็นอีป้า ทรงเหมือนเจ๊เก็บค่าเช่าแผงในตลาดคนนี้ เดินไปเดินมาอยู่ในงานเปิดตัวหนัง หรืองานกาล่าที่ไหนสักที่

อย่าได้ไปลองภูมิเรื่องเกี่ยวกับอะไรแมนๆ เพราะนี่คือ มิมี่ เลเดอร์ ผู้กำกับหญิงที่เคยเป็นที่ไว้วางใจจาก สตีเว่น สปีลเบิร์ก ให้กำกับหนังแมนๆอย่าง The Peacemaker (1997) หรือชื่อไทย หยุดนิวเคลียร์มหาภัยถล่มโลก มาแล้ว หนังสร้างจากหนังสื่อ One Point Safe ของ เลสลี่ย์ และ แอนดรูว์ ค็อกเบิร์น ซึ่งเป็นหนังสือที่ สตีเว่น สปีลเบิร์ก ชอบมาก

และตั้งใจจะทำให้มันเป็นหนัง ทว่าบทหนังมันดันมีความคล้ายคลึง James Bond 007 อยู่มาก พ่อมดแห่งฮอลลีวู้ดจึงมองหาใครสักคนที่จะมากำกับมันภายใต้ชายคาค่ายหนัง DreamWorks Pictures ที่เขาเพิ่งก่อตั้ง The Peacemaker คือหนังเปิดหัวชิ้นแรกของค่าย หนังใหม่เต็มเรื่อง และมันคือหนังแอ็คชั่นแมนๆ ที่จะกำกับโดยสาวทรงป้าอย่าง มิมี่ เลเดอร์ อดีตผู้ดูแลสคริปต์และผู้กำกับ (บางตอน)ข องซีรี่ส์ ER ซึ่งเป็นซีรี่ส์ที่สร้างสรรค์โดย ไมเคิล ไครช์ตัน มิตรสหายผู้ประพันธ์ Jurassic park อันลือลั่นของเขา " เธอคนนี้แหละที่จะมาทำอะไรให้พวกผู้ชายทึ่ง" สปีลเบิร์กไว้วางใจผู้กำกับที่เขายอมปล่อยให้ทำโปรเจ็คเปิดหัวค่ายด้วยทุน 50 ล้านเหรียญ จอร์จ คลูนี่ย์ ตาม มิมี่ เลเดอร์ มาจากซีรี่ส์ ER เพื่อรับบทพระเอกนักบู๊ ร่วมด้วย นิโคล คิดแมน ที่จะมาร่วมกันหยุดมหานิวเคลียร์ที่ผู้ก่อการร้ายแบกมันใส่เป้เดินพล่านไปทั่วเมือง หนังถือเป็นงานแอ็คชั่นอยู่ในระดับดูสนุกใช้ได้ จากฝีมือผู้กำกับหญิงทรงป้าที่ไม่เคยทำหนังใหญ่มาก่อน แถมเป็นหนังแอ็คชั่นแมนๆที่พูดถึงยุทธวิธีทางทหารอีก แต่ป้ามิมี่ก็แสดงให้เห็นว่าสปีลเบิร์กเลือกคนไม่ผิด เพราะเธอคือผู้ที่ศึกษาเรื่องแมนๆอะไรพวกนี้อยู่แล้ว มันจึงค่อนข้างง่ายสำหรับเธอ และเธอได้ดาราที่ทุ่มเทระดับ จอร์จ คลูนี่ย์ ที่ในตอนนั้นไม่ได้เป็นเบอรืใหญ่อะไร และเขาแสดงฉากเสี่ยงๆด้วยตัวเองทั้งหมด ทั้งโรยตัวลงจากเฮลิค็อปเตอร์ ทั้งตีต่อย ยิงปืน


หนังใหม่เต็มเรื่อง

หนังทำกำไรไปนิดหน่อยราว 110 ล้านเหรียญ อาจเพราะหน้าหนังมีแค่ นิโคล คิดแมน

เป็นตัวดึงดูดคนดู ซึ่งก็ไม่ใช่ทางแอ็คชั่นอะไร ผู้กำกับเองก็ไม่ได้มีชื่อในเรื่องหนังบู๊ แต่จากคำบอกเล่าปากต่อปากทำให้หนังสามารถทำกำรี้กำไรเปิดหัวให้ค่ายน้องใหม่ที่บริหารโดยผู้กำกับสุดเก๋าอย่างสปีลเบิร์ก หลังจากปิดกล้อง The Peacemaker มิมี่ เลเดอร์ ได้ไฟเขียวจากพ่อมดให้ปั้นโปรเจ็ค Deep Impact (1998) ต่อทันที เป็นหนังอุกาบาตถล่มโลก

ที่ต้องมาฉายปีเดียวกับ Armageddon ของ ไมเคิล เบย์ ซึ่งแน่นอนว่ามันจะถูกเอามาเทียบกัน ปี 1998 เป็นปีที่ฮอลลีวู้ดบ้าคลั่งมาก โปรเจ็คใหญ่ๆเดินหน้าชนกันระเนระนาด Saving Private Ryan , Godzilla , Lethal Weapon 4 , The Truman Show ฯลฯ และหนังใหญ่ๆอีกมากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่ฟันกำไรมหาศาลแทบทั้งสิ้น แต่หนึ่งในหนังทำกำไรคือ หนังออนไลน์ Deep Impact ของป้ามิมี่ ที่ฟาดไป 349 ล้านเหรียญ จากทุน 80 ล้านเหรียญ นั่นเพราะเธอได้อานิสงส์จากความมันส์ของ The Peacemaker ที่คอหนังรู้กันดีแล้วว่าสาวทรงป้าอย่าง มิมี่ โรเจอร์ นางไม่ได้มาเล่นๆ ทำหนังนิวเคลียร์ได้มันส์ขนาดนี้ ถ้าขยับไปทำหนังอุกาบาตถล่มโลกจะขนาดไหน แต่กลายเป็นว่า Deep Impact ไม่ได้มาเป็นหนังดาวหางถล่มโลกแนวเอะอะมะเทิ่งอย่างที่ Armageddon เป็น มันคือหนังโลกแตกที่เจาะลึกจิตใจของผู้คนได้ดีทีเดียว เรียกได้ว่าหากมีคนยกเอาหนังดาวหางถล่มโลกมาสักเรื่อง หลายคนย่อมยกเอาหนังดังของ ไมเคิล เบย์ เรื่องนั้นมาอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ก็จะมีคนอีกพวกรวมถึงนักวิจารณ์ตามมาเสียบตามมาแซะด้วยหนังที่เข้าฉายปีเดียวกันอย่าง Deep Impact นี่แหละ ว่าเป็นหนังที่มีความเป็นมนุษย์กว่า Armageddon หลายขุมเลยทีเดียว ปัจจุบันแม้ว่า มิมี่ เลเดอร์ จะไม่ได้จับโปรเจ็คหนังสเกลใหญ่บ้าระห่ำอย่างที่เคยสร้างชื่อแล้ว

แต่หากไล่ดูรายชื่อซีรี่ส์หรือหนังเล็กๆที่เธอทั้งโปรดิวซ์และกำกับ จะพบว่าป้ายิ่งแก่ยิ่งเก๋าเกมจริงๆ ซีรี่ส์ The Leftovers และหนังอย่าง On the Basis of Sex คือหนังที่ป้ายังโชว์ความเก๋าอยู่