สปอยล์แหลก Where we belong 2019

ขอเลือกเขียนอีกมุมมองของหนังละกัน เพราะประเด็นอื่นๆน่าจะมีคนเขียนกันไปหมดแล้ว

" เราอาจจะโตไปเป็นผู้ใหญ่แบบที่เราเกลียดก็ได้ " เป็นคำที่ เบล์ กับ ซู มันคุยกัน ซึ่ง ณ ตอนปัจจุบัน ทั้งคู่ไม่ได้เป็นแบบนั้น ทั้งคู่คือเด็กเจนเนอร์เรชั่นใหม่ที่มีความคิดเป็นของตนเอง โดยปฏิเสธความคร่ำครึทุกรูปแบบที่ผู้ใหญ่พยายามยัดเยียด โดยเฉพาะซูนั้นทะเยอทะยานอยากออก จากกรอบและที่ๆ ตนเองเป็นอยู่


ประเทศฟินแลนด์ คือที่ที่ซูอยากไปปักหลัก โดยที่ตัวซูเองก็แทบไม่รู้เหี้ยอะไรเลยเกี่ยวกับที่นั่น ซูแม่งบอกกับผู้สอบสัมภาษณ์ว่า อาจจะไปขายก๋วยเตี๋ยวที่นั่นก็ได้ เพราะชีวิตนี้เชี่ยวชาญเรื่องก๋วยเตี๋ยวที่สุดแล้ว ถึงซีนนี้เลยตบเข่าฉาดว่า ดูหนังฟรี นั่นไงอีสัส จริงๆมึงไม่ได้อยากจะหนีอะไรไปเลย รอยสักมึงก็สักคำว่า"บ้าน"เป็นภาษาจีนติดตัวไปที่โน่น และในเมื่อมึงเบื่อกิจวัตรที่ทำๆอยู่อย่างเช่นการทำก๋วยเตี๋ยว มึงไปที่โน่นมึงก็ยังจะไปขายก๋วยเตี๋ยวทำส้นตีนอะไร แล้วไหนจะเรื่องที่มึงยืนกรานว่าเป็นคนยุคใหม่ที่ไม่เชื่อในสิ่งลี้ลับ แต่เสือกคล้อยตามเรื่องร่างทรง แล้วอีกอย่างคือเรื่องที่มึงเชื่อในหนังสือว่า"ไม่มีอะไรเป็นของเราจริงๆ" แต่มึงกลับไปทวงหัวใจคืนจากอีร่านนั่นที่ได้หัวใจแม่มึงไป แบบนี้แล้วกูว่านี่ขนาดมึงยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ มึงยังแอบทำตัวเหมือนผู้ใหญ่ที่มึงเกลียดเลย คือมึงหนีไม่พ้นจะเป็นอย่างนั้นไงซู แล้วมึงกำลังหนีอะไรอยู่วะ? นั่นคือสิ่งที่แม้กระทั่งดูหนังจบแล้วกูยังไม่ได้คำตอบแน่ชัดว่ามึงกำลังพยายามหนีอะไร หนีการขายก๋วยเตี๋ยว หนีสังคมที่เป็น หนีผู้ชายที่มึงเสือกเผลอไปมีอะไรด้วยโดยที่มึงก็ไม่รู้ว่าชอบเขาจริงหรือเปล่า หรือหนีอะไร? กลายเป็นว่าคนที่ชัดเจนอยากจะหนีที่สุดอย่างอีซู กลับเป็นคนที่ดูคลุมเครือที่สุดจนเดาไม่ออกว่ามึงอยากหนีอะไรในเมื่อไปฟินแลนด์มึงก็บอกว่าจะไปขายก๋วยเตี๋ยวอีห่า แต่กลายเป็นว่า คนที่สมควรหนีที่สุดเสือกเป็น เบลล์ เด็กสาวผู้พยายาม จะเป็นกลางกับทุกๆสิ่งเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย เบลล์แม่งต้องดูแลย่าที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และย่ามักเพ้อฝันกับอดีตอันน่าอาย เบลล์ต้องทนกับสภาพพ่อแม่แยกทางกัน โดยที่บางครั้งบางทีแม่ก็นัดเจอเบลล์แล้วชอบยัดเยียดในสิ่งที่เบลล์ไม่ต้องการ ในส่วนนี้คุณคงเดชผู้กำกับ แอบแซะชาวกรุง ในเรื่องการยัดเยียดอะไรๆ ที่เป็นชาวกรุงให้คนต่างจังหวัดได้อย่างน่าถีบ เพราะดูจากยี่ห้อรถที่แม่เบลล์ขับแล้ว เอามาวัดกับอาหารที่แม่สั่งให้เบลล์และซูกิน มันไม่ได้บาลานซ์กันเลย อารมณ์ประมาณรายได้ต่ำ แต่รสนิยมสูงนั่นแหละ เบลล์จึงเป็นคนที่น่าจะมีคติประจำใจว่า "กูต้องไม่โตไปเป็นเหมือนผู้ใหญ่ ที่กูเกลียดให้ได้" มากกว่าซูเสียอีก และน่าจะหาทางหนีไปไกลๆมากกว่าซูด้วย เพราะเอาจริงๆคนหัวขบถมันก็เป็นคนๆเดียวกับคนที่เป็นกลางจริงๆอย่างเบลล์นั่นแหละ

ดูหนังฟรี

เชื่อไหมว่าในอนาคตอีกสิบปียี่สิบปี อีเบลล์ กับ อีซู มันจะต้องอยู่คนละขั้วการเมืองกันอย่างแน่นอน

อีเบลล์นี่เป็นควายแดง หรืออาจจะอยู่ในโซนเดียวกับลิเบอรัล(ที่ต้องทำตัวเหยียดควายแดงอีกที)แน่ๆ ในขณะที่ อีซู จะเป็นสลิ่มโดยสมบูรณ์ เพราะดูจากพฤติกรรมของพวกมันแล้วเชื่อเหลือเกินว่าในอนาคตสองคนนี้จะไม่สนิทกัน ไม่ได้แตกหักเรื่องการเมืองอะไร แต่เพราะในขณะที่อีซูออกตัวว่าเป็นคนหัวก้าวหน้า


คิดออกจากกรอบ คิดจะไปเมืองนอกเมืองนา แต่ยังเสือกทำตัวเหมือนเดิมๆ ยังเก่งเรื่องก๋วยเตี๋ยว ยังคงเชื่อในสิ่งลี้ลับ ยังคงทวงถามเอาคืนหัวใจของแม่จากคนที่ได้รับบริจาค มันก็เหมือนมึงยังก้าวไม่พ้นอะไรไทยๆ(ปนจีน) คือถ้ามึงไปอยู่ฟินแลนด์ได้ หนังออนไลน์ มันก็เหมือนคนไทยบางคนที่ไปอยู่ในประเทศที่เจริญแล้วแต่ยังมีความคิดล้าหลังอยู่นั่นแหละ ไม่ได้แหกกรอบเหี้ยไรเลย ในขณะที่อีเบลล์แม่งคือคนที่ความคิดอาจไม่ซับซ้อนอะไร บางพฤติกรรมออกจะโง่ๆและโง่เกินไปด้วยซ้ำ เช่นการออกรับแทนคนอื่น การยอมแบกหน้าไปคืนหนังสือแทนเพื่อน แต่เชื่อไหมว่าเอาจริงๆอีเบลล์แม่งฉลาดกว่าอีซูร้อยเท่าในเรื่องของการวางแผนชีวิตพาตัวเองไปอยู่ที่อื่น โดยไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศให้คนดูหรือทุกคนในเรื่องรู้เหมือนอีซูด้วยซ้ำ ในขณะที่อีซูต้องต่อสู้กับทิฐิของพ่อ ต่อสู้กับจิตใจตัวเอง ต้องยอมทิ้งหลายๆอย่าง ต้องจัดเตรียมทุกสิ่งอย่างเอง สอบสัมภาษณ์นั่นนี่กว่าจะได้ไปประเทศที่อยากไปอยู่ ซึ่งแม่งยุ่งยากวุ่นวายสำหรับหญิงไทยซักคนมากๆ แต่อีเบลล์คือแม่งเหมือนจะบอกอีซูและคนดูทางอ้อมว่า กูก็เอาผัวฝรั่งสิสัส อ่อยเข้าไป อุดมการณ์แรงกล้ากว่าอีซูที่เหมือนจะมีเป้าหมายอีก เป้าหมายของตัวละครที่ไม่พยายามดิ้นอย่างอีเบลล์นี่แหละหลักแหลมกว่าอีซู เพราะถ้ามันอ่อยฝรั่งสำเร็จ มันก็จะได้ทุกอย่างโดยไม่ต้องดิ้น อยู่ไทยก็ได้ วันดีคืนดีย่าที่ดูแลอยู่ตายไปก็สบายตัว อยากย้ายไปไหนก็ไปแค่บอกผัวฝรั่ง วันดีคืนดีเลิกกับผัวฝรั่งอย่างน้อยภาษาก็ได้ไม่ต้องจ่ายเงินเรียนเหี้ยไรเลย และหากอีเบลล์กับอีซู มันไปอยู่ต่างประเทศ ที่ๆมันอยู่นั้นไม่แน่ใจว่าระหว่างสองคนนี้ใครจะเป็นฟันเฟืองให้สังคมที่นั่นได้ดีกว่ากัน เบลล์ถือเป็นคนที่นิยมชมชอบประชาธิปไตย เห็นได้จากการจัดแจงให้เกิดความปรองดองในหมู่คณะเพื่อนฝูง(แถวบ้านเรียกเสือก) เบลล์มีความสามารถในด้านดนตรี เบลล์ปฏิเสธเอนอ่อนตามวัตถุที่ถูกยัดเยียดให้เป็น เบลล์มีความเข้าใจในเรื่องของการดูแลคนชรา ซึ่งหลายๆประเทศในยุโรปค่อนข้างให้ความสำคัญและมีการจ้างงานอย่างจริงจัง แต่ทว่า ซู นั้นแทบไม่มีสกิลใดๆเลยนอกจากเรื่องภาษาอังกฤษ กับ การทำก๋วยเตี๋ยว ไม่แน่ว่าการพยายามหนีไปจากที่ๆเป็นอยู่ของซู อาจจะแค่ต้องการอยากไปดูแสงเหนือในยุโรปตามที่ได้อ่านๆมา อยากไปเรียนในประเทศที่ไม่ต้องสอบวัดเกรด แม้แต่การสมัครไปเรียนฟินแลนด์ในครั้งนี้ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นการขอทุน หรือให้พ่อส่งเรียน พ่อมันถึงได้นั่งกลุ้มอยู่นั่นไงล่ะปั๊ดโธ่!! ก็มึงแทบไม่รู้อะไรเลย จริงๆมีอีกหลายอย่างยิบย่อยที่หนังวางไว้รายทางมากมาย แต่ Where we belong ในความหมายของตั๋วร้อนคือการนั่งมองอนาคตเด็กสาวสองคนที่เราเชื่อว่าในอนาคตพวกมึงจะชัดเจนในตัวตนจนมึงไม่อยากจะคบกันอีกต่อไปเลยแน่นอน เพราะมันมีซีนที่บอกว่าพวกมึงสองคนก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมากมายเท่ากับเพื่อนอีกคนที่อีซูมันพยายามจะง้อ และที่ที่พวกมึงอยู่กันนี่ในความหมายของชื่อหนังก็อาจไม่ใช่สถานที่ แต่มันเป็นสันดานแท้ๆของพวกมึงเองต่างหาก มึงจะหลุดพ้นจากตรงนี้ไปได้ไหม


หรือมึงจะยังคงสันดานนี้อยู่แม้จะไปอยู่ในที่เจริญแล้วก็ไม่ได้แปลว่าตัวมึงจะเปลี่ยนได้ ซึ่งเอาเข้าจริงๆส่วนตัวอยากเห็นชีวิตต่อไปของตัวละครอย่างเบลล์มากกว่า เพราะพฤติกรรมของเบลล์เนี่ยแหละแม่งมีความเป็นฝรั่งมากกว่าตัวซูเยอะ และอีซูนี่แหละที่จะโตไปแล้วกลายเป็นผู้ใหญ่ที่มึงเคยเกลียด